ตอนที่ 204 มือสังหาร
หลินเฟิงควบม้าตรงไปหาจิวฉีซี่ และพูดด้วยความเคารพว่า: “ท่านผู้บัญชาการ!”
“หลินเฟิงกระโจมของเจ้ายังอยู่ที่เดิม ตอนนี้เจ้าเป็นนายกองแล้วทำให้ข้ารู้สึกสบายใจกับทหารโลหิต เจ้าสามารถทำตามที่เจ้าต้องการได้ด้วยทหารเหล่านี้ หากมีอันตรายใดๆเกิดขึ้น เจ้าสามารถจัดการได้เลยตามที่เจ้าต้องการ แต่ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้ง 2 กลับมาหาข้าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ถ้าพวกเขาออกไป ข้างคงสูญเสียนายกองไป 2 คน” จิวฉีซี่ กล่าวขณะที่ชี้ไปที่หานหมานและพั่วจวินที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิง
“ท่านผู้บัญชาการ นี่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเราสามารถเข้าร่วมหน่วยดาบศักดิ์สิทธิ์ได้หรือขอรับ?” หานหมานกล่าวในขณะที่เขากำลังตื่นเต้น ถ้าเขาสามารถทำงานร่วมกับหลินเฟิงได้ เขาก็จะไม่สนใจตำแหน่งผู้กองของเขาและจะปฏิบัติตามคำสั่งของหลินเฟิง
“ไม่ กลับไปยังหน่วยของเจ้าเสีย” จิวฉีซี่กล่าว หานหมานและพั่วจวินยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและกล่าวว่า: “ขอรับ ท่านผู้บัญชาการ”
หลังจากพูดจบ พวกเขาก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวขณะหันไปมองหลินเฟิงและก็รีบกลับไปยังหน่วยของเขาทันที
“หลินเฟิง พวกเขาทั้ง 2 คน ข้ายังต้องการพวกเขา ในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะอยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้า” จิวฉีซี่กล่าว หลังจากนั้นเขาก็กล่าวเพิ่มว่า: “ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”
“ขอรับ” หลินเฟิงกล่าวขณะพยักหน้าและเดินออกไป
“หลินเฟิง” ในขณะนั้นมีเสียงดังชัดเจนและหนักแน่นเรียกหลินเฟิง หลินเฟิงหันไปมองและเห็นต้วนซินเย่โบกมือให้เขา
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน” หลินเฟิงกล่าวกับป้าเตาและคนอื่นๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาองค์หญิงทันทีและถามว่า “องค์หญิง ท่านมีปัญหาอะไรหรือเปล่าขอรับ?”
“จะต้องมีปัญหาด้วยหรือ หากข้าจะคุยกับเจ้า? เจ้าเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า” ต้วนซินเย่กล่าวขณะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หลินเฟิงทำให้หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง
“หลินเฟิงไปที่กระโจมของข้า ชิวเฉ่าจะได้เสิร์ฟชาให้พวกเราและพวกเราก็จะสามารถพูดคุยกันได้สักระยะหนึ่ง” ต้วนซินเย่กล่าว หลินเฟิงยังคงเงียบ
“เจ้าไม่อยากไปหรือ? ก็ได้ ถ้างั้นก็ลืมมันไปเถอะ เจ้าไปได้แล้ว” ต้วนซินเย่กล่าว เมื่อนางเห็นหลินเฟิงยังคงนิ่งเงียบ นางดูผิดหวังแต่ก็พยายามยิ้มออกมา
หลินเฟิงหันม้าของเขา ต้วนซินเย่กัดริมฝีปากของนางและความรู้สึกขมขื่นได้ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของนาง โดยปกติแล้วชายหนุ่มมักจะเป็นผู้ไล่ตามนาง แต่นางก็ปฏิเสธพวกเขาเสมอ นางไม่เคยแม้แต่ชายมองชายหนุ่มที่หล่อเหลาในเมือง อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกสนใจหลินเฟิง นางเริ่มมีความรู้สึกให้เขา ในที่สุดนางก็รวมรวบความกล้าเพื่อเชื่อเชิญเขา แต่เขาก็ปฏิเสธนางเหมือนกับที่นางปฏิเสธชายหนุ่มคนอื่นๆ
“พวกเจ้าจะกลับไปที่กระโจมก่อนก็ได้” หลินเฟิงกล่าวกับสหายของเขา จากนั้นนางก็เห็นเขาหันหลังกลับมา ทำให้ปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนหวานและอ่อนโยนบนใบหน้าของนาง ความเศร้าโศกของนางกลายเป็นความสุข
ตอนแรกหลินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของนาง เขาเพียงแค่สั่งให้หน่วยของเขากลับไป
“องค์หญิง” หลินเฟิงกล่าวขณะกลับไปหาต้วนซินเย่
“ไปกันเถอะ”
เส้นผมของต้วนซินเย่พริ้วไหวอยู่ในสายลมขณะที่นางควบม้า ในขณะนั้นมีหลายคนกำลังติดตามนาง หลินเฟิงติดตามนางอย่างใกล้ชิดและไม่ได้สังเกตว่าบางคนกำลังมองอย่างชั่วร้ายมาที่เขา
“หึ” ใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆหลิ่วช่างหลานพูดพึมพัม ทำให้หลิ่วช่างหลานประหลาดใจ จากนั้นเขาก็มองไปที่คนคนหนึ่งที่กำลังโกรธและกล่าวว่า “เฟยเฟย เจ้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม”
“จัดการอะไรให้เหมาะสม?” หลิ่วเฟยกล่าวขณะกัดฟัน ทันใดนั้นนางก็จากไปทันที นางแอบแช่งหลินเฟิงอยู่ในใจ ไอคนเลวทราม!
“ท่านแม่ทัพดูเหมือนองค์หญิงต้วนซินเย่จะสนใจหลินเฟิง นางจะต้องกลายเป็นคู่แข่งของเฟยเฟยในอนาคต” จิวฉีซี่พูดเสียงเบาๆ ชายชราเหล่านี้โกรธองค์หญิงเล็กน้อย พวกเขาสังเกตเห็นว่าองค์หญิงต้วนซินเย่ไม่ได้มองหลินเฟิงแบบเดียวกับที่นางมองคนอื่นๆ
ต้วนซินเย่มักจะยิ้มให้กับคนอื่นๆทุกคนที่เป็นมิตร แต่เมื่อนางยิ้มให้หลินเฟิง มันนุ่มนวลและอ่อนหวานกว่ามาก
รักครั้งแรก ความรู้สึกมันก็อ่อนโยนเหมือนกับน้ำ…หญิงสาวไม่สามารถซ่อนความรู้สึกเช่นนี้ได้ ทุกๆคนสามารถเห็นการแสดงออกของพวกเขาได้ เช่นเดียวกับหลิ่วเฟย
หลิ่วช่างหลานหัวเราะเบาๆและส่ายหัว จากนั้นเขาก็มองไปที่ร่างเงาที่กำลังจากไป ร่างเงากำลังสวมชุดเกราะ แต่เขายังคงไม่ลืมว่าพวกเขายังศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ก่อนหน้านี้ เขาประหลาดใจ
…………
กระโจมของต้วนซินเย่ได้รับการตกแต่งอย่างมีรสนิยม มันไม่ได้หรูหรามากนัก แต่มันสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งทำให้รู้สึกสบายใจและรู้สึกผ่อนคลาย
ในขณะนั้นหลินเฟิงและต้วนซินเย่กำลังนั่งอยู่บนพืื้น และมีโต๊ะไม้เนื้อแข็ง
“องค์หญิง ท่านหลิน ชาพร้อมแล้ว”
ชิวเฉ่ามาถึงด้านหน้าต้วนซินเย่และหลินเฟิงและจัดชาให้พวกเขา
หลินเฟิงรีบหยิบถ้วยชาของเขาขณะยิ้มและกล่าวว่า: “แม่นาง เจ้าไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”
หลินเฟิงไม่เคยถูกคนอื่นบริการแบบนี้มาก่อน
“ท่านหลิน ท่านเป็นแขกขององค์หญิง ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของข้า” คนรับใช้กล่าวขณะยิ้ม นางมีลักยิ้ม 2 ข้างปรากฏบนแก้มของนาง เมื่อนางยิ้ม ทำให้นางดูน่ารักอย่างมาก นางยังอายุน้อยมาก ประมาณ 15 ปี
หลินเฟิงทำได้เพียงแค่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จริงๆแล้วชิวเฉ่านั้นเป็นทาส แต่นางโชคดีมากที่ได้ทำงานให้กับองค์หญิง นอกจากนี้ต้วนซินเย่ดูเหมือนจะปฏิบัติต่อนางอย่างดี ชิวเฉ่าเคารพต้วนซินเย่ และไม่ได้หวาดกลัวนาง
“องค์หญิง สนามรบมันเป็นสถานที่ที่อันตราย ทำไมท่านถึงต้องการมาที่นี่หรือขอรับ?” หลินเฟิงถาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้วนซินเย่ถึงมาอยู่ที่นี่ อะไรถึงทำให้องค์หญิงต้องมาสนามรบ?
“ข้าอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิมานาน ข้ารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ที่นั่นในทุกๆวัน ดังนั้นข้าจึงต้องการเห็นอะไรบางอย่าง และตัดสินใจมาที่นี่ และดูความหาญกล้าของเหล่าทหารในสนามรบ” ต้วนซินเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลขณะยิ้ม ผู้คนมากมายฝันถึงการใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิ แต่คนที่อาศัยอยู่ที่นั้นกลับรู้สึกราวกับว่ามันเหมือนกับคุกและต้องการเห็นโลกภายนอก
“หลินเฟิง เจ้าชอบพิณไหม?” จู่ๆต้วนซินเย่ก็ถามออกมา หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าชอบ”
“ถ้างั้นข้าจะบรรเลงพิณให้เจ้า” เมื่อต้วนซินเย่เห็นหลินเฟิงพยักหน้า นางยิ้มออกมาและดูตื่นเต้น ในขณะนั้นชิวเฉ่าไปนำพิณอันเก่าแก่ออกมา นางทำความสะอาดโต๊ะและวางพิณไว้บนโต๊ะ
ต้วนซินเย่กำลังยิ้ม นางวางมือทั้งสองข้างของนางไว้บนพิณและเริ่มบรรเลงอย่างช้าๆ
หลินเฟิงมองไปที่ต้วนซินเย่ นางดูอ่อนงดงามและสง่าอย่างมาก นางเงยหน้าขึ้นและยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นมันน่าหลงใหลอย่างมากหากไม่คำนึงถึงสถานะทางสังคม ความงดงามและความสง่างามของนางเพียงพอที่จะทำให้คนทั่วๆไปเป็นบ้า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมขุนนางหนุ่มหวังที่จะแต่งงานกับองค์หญิงหญิงสาวที่งดงามเช่นนาง ผู้ที่มีสถานะเป็นองค์หญิงและมีจิตวิญญาณทางสายเลือดสามารถล่อลวงชายหนุ่มส่วนใหญ่ได้
ต้วนซินเย้เริ่มบรรเลงพิณ ซึ่งทำให้หลินเฟิงจินตนาการถึงกระแสพลังอันเงียบสงบที่กำลังไหลผ่านป่าไผ่
ผู้บรรเลงพิณสามารถบอกลักษณะนิสัยของบุคคลได้อย่างง่ายดายและอารมณ์ของบุคคลผู้นั้นได้ เมื่อพวกเขาฟังเสียงพิณ นางเย็นชาเหมือนลำธารบนภูเขา เช่นเดียวกับกล้วยไม้ที่อยู่ใจกลางภูเขาอันเงียบสงบ
หลินเฟิงค่อยๆหลับตาลงและฟังเสียงพิณอันสุดวิเศษ เขารู้สึกมีความสุข การได้อยู่กับต้วนซินเย่เขาไม่ต้องคอยระวังตัว เขาสามารถพักผ่อนได้ เขารู้สึกเพลิดเพลินอยู่ในใจของเขา
ต้วนซินเย่ เงยหน้าขึ้นเพื่อดูหลินเฟิง เมื่อนางเห็นว่าหลินเฟิงกำลังหลับตาอยู่ และดูเหมือนเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเริ่มอ่อนหวานมากขึ้นและมากขึ้น
ภายในกระโจม บรรยากาศเงียบสงบอย่างมาก มีแค่เสียงพิณเท่านั้นที่เต็มไปทั่วอากาศ
แต่ในขณะนั้น หลินเฟิงกำลังหลับตาลงขณะฟังเสียงพิณ จู่ๆเขาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น
จู่ๆเขาก็ลืมตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมิดและไร้อารมณ์ โลกรอบๆตัวของเขากลายเป็นช้าลงและตอนนี้เขาก็ได้อยู่ในโลกแห่งความมืด ปราศจากความลังเล เขารีบคว้ากริชและตัดอากาศ
“พั่บ!”
กริชของเขาตัดผ่านลูกศรกลางอากาศ ซึ่งเกือบเข้ามาถึงแก้มของหลินเฟิง
สายลมอันรุนแรงพัดผ่านมาที่กระโจมและยกม่านขึ้น ทันทีหลังจากนั้นได้มีร่างเงากระพริบอยู่ในอากาศราวกับภาพลวงตา หลินเฟิงสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลินเฟิงยกกริชของเขาขึ้นอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่ามีดาบกำลังฟาดฟันมาที่เขา หลินเฟิงแทงกริชไปข้างหน้า แต่มันก็ไม่มีอะไร
“ฟิ้ว….ฟื้ว……” กริชของหลินเฟิงอยู่บนหน้าอกของศัตรู แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือฝ่ายตรงข้ามใช้มือขวาของมันป้องกันกริชของหลินเฟิงและใช้มือซ้ายเพื่อปาลูกศรที่แหลมคมอย่างมากไปที่องค์หญิงที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันรวดเร็วอย่างมากราวกับความเร็วแสง แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่สนใจชีวิตของตัวเอง แต่พวกมันก็ตั้งใจที่จะสังหารองค์หญิงให้ได้ก่อนที่พวกมันจะตาย
“มือสังหาร”
หัวใจของหลินเฟิงกำลังเต้นรั่ว ลูกศรที่มันปาออกไปมันรวดเร็วเกินไป มันใกล้จะถึงตัวองค์หญิงและหลินเฟิงไม่สามารถที่จะหยุดมันได้
….และถ้าเขาไม่ขัดขวางมัน องค์หญิงต้วนซินเย่จะต้องตกตายไปอย่างแน่นอน
มือสังหารอยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ลูกศรของพวกมันแหลมคมและทรงพลังอย่างมาก และมือสังหารมันต้องการแลกชีวิตตัวเองกับชีวิตขององค์หญิง...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น