ตอนที่ 195 เพลง
Everybody was looking at Tu Fu. Even though he was pushed back by the last war drum attempt, nobody was going to look down on him. Being able to emit a cracking noise from the sixth drum was already a great performance.
ทุกคนมองไปที่ ถูฟู่ แม้ว่าเขาจะถูกดีดกลับด้วยกลองสงครามใบสุดท้ายที่พยายามชก ไม่มีใครจะมองลงไปที่เขา ความสามารถในการทำให้กลองใบที่หกดังขึ้นมาได้นั้นเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว
The people of the Holy Courtyard of Xue Yue were looking at Ba Dao with cold smiles on their faces. They wanted to see how the man, who was wearing a bronze mask, was supposed to compete with Tu Fu.
คนของลานศักดิ์สิทธิ์กำลังมองไปที่ ต้าเถา ด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาต้องการเห็นผลงานของชายผู้สวมหน้ากากทองแดง ที่เป็นคู่แข่งกับ ถูฟู่
ในขณะนั้น ต้าเถา เดินเบื้องหน้ากลองสงคราม เขาดูสงบและดูลึกลับ พลังใบมีดที่น่าทึ่งเพิ่มขึ้นจากร่างกายของเขา
The crowd was stupefied. Immediately after, they only saw Ba Dao’s fist move towards the first war drum.
ฝูงชนก็ตกใจ ทันทีหลังจากนั้นพวกเขาได้เห็นเพียงหมัดของ ต้าเถา เท่านั้นที่เคลื่อนไปหากลองสงครามใบแรก
ตู้มม!!
A clear sound spread in the air. However, it didn’t sound brutal and explosive at all. The war drum looked like a bean curd that had been split open by a blade.
เสียงดังขึ้นอย่างชัดเจนขึ้นในอากาศ อย่างไรก็ตามเสียงมันไม่ได้รุนแรงหรือระเบิดแม้แต่น้อย กลองสงครามดูคล้ายกับนมถั่วเหลืองที่ถูกเปิดออกโดยใบมีด
Immediately after, he struck the second, then the third and the fourth one. He had easily made them beat. From the beginning, Ba Dao had done this in a single breath.
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ตีใบที่สองแล้วก็ใบที่สามและที่สี่ เขาทำให้หัวใจของฝูงชนสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ต้าเถา ได้ทำมันอย่างง่ายดาย ด้วยลมหายใจครั้งเดียว
เขาเดินตรงไปทางใบที่ห้าแล้วยกมือขึ้นเล็กน้อยและทันทีหลังจากนั้นก็ตัดมันออกเป็นสองส่วนซึ่งกระเด็นออกไป ก่อนหน้านี้เขาดูผ่อนคลายมากกว่านี้
The scariest part was that Ba Dao looked like a blade that would cut through anything, even before arriving at the sixth drum.
ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ต้าเถา ที่ดูเหมือนจะเป็นใบมีดที่สามารถตัดผ่านอะไรก็ได้ ก่อนที่จะมาถึงกลองใบที่หก
“Ka cha.”
ฮัจฉ่าาา
ดูราวกับใบมีดอันน่าหวาดกลัว ต้าเถา ได้ตัดกลองสงครามใบที่หก ก่อนหน้านี้มันดูง่ายสำหรับเขาที่จะปล่อยจังหวะให้ไหลลื่นและดูเหมือนว่าเขาได้ทำลายกลองใบที่หกแล้วในการเคลือนไหวเพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องสูดลมหายใจที่สอง
At that moment, Ba Dao stopped. He didn’t move towards the seventh war drum and no longer looked interested. He calmly turned around and walked back towards the people of the Celestial Academy.
แล้วในตอนนี้ ต้าเถา ก็หยุดลง เขาไม่ได้ก้าวไปข้างหน้ากลองสงครามใบที่เจ็ดและไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาหันกลับมาอย่างเงียบ ๆ และเดินกลับไปหาผู้คนจากสถาบันสำนักสวรรค์
"ไอ้เศษสวะกล้าดียังไงที่มาทำหน้าหยิ่งผยองเช่นนี้" ต้าเถา กล่าวอย่างไม่แยแส ทุกคนประหลาดใจ ชายผู้นี้สร้างความแปลกใจด้วยการกล้าที่จะเรียก ถูฟู่ ว่าเศษวสะ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ ต้าเถาแล้ว ถูฟู่ นั้นยังอ่อนแอมากกว่าเยอะ
Tu Fu pulled a long face and the color drained from his cheeks. In the past, he used to be considered as a genius within the Yun Hai Sect. He used to consider himself as an amazing cultivator. At the Holy Courtyard of Xue Yue, he was considered as an important student but at that moment, he was being humiliated and had no way to refute Ba Dao.
ถูฟู่ ชักสีหน้าและสีหน้านั้นก็แสดงออกทางแก้มของเขา ในสมัยก่อนเขาเคยเป็นอัจฉริยะในนิกายหยุนไห่ เขาเคยคิดว่าตัวเองนั้นเป็นนักบ่มเพาะพลังที่มหัศจรรย์ที่สุด ที่ลานศักดิ์สิทธิ์เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเรียนคนสำคัญ แต่ในขณะนี้ เขารู้สึกอับอายและไม่มีทางที่จะลบล้าง ต้าเถา ได้
He had needed his maximal strength to make a crack appear in the sixth war drum but Ba Dao had easily been able to make it beat as he split it in two. The difference between the two of them was gigantic.
เขาต้องใข้แรงทั้งหมดที่จะทำให้เกิดรอยร้าวกับกลองสงครามใบที่หก แต่ ต้าเถา ทำให้มันดังขึ้นได้อย่างง่ายดายแล้วยังสามารถที่จะทำให้มันแยกออกเป็นสองส่วน ความแตกต่างระหว่างคนสองคนนั้นช่างใหญ่โต
“Not bad.” said Duan Wu Ya while smiling. He then continued: “Are there any stronger ones out there?”
"ไม่เลว" ต้วนหวูหยา กล่าวขณะยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ : "มีคนที่แข็งแกร่งกว่าอีกไหม?"
คนที่อยู่ในฝูงชนกำลังมองหาซึ่งกันและกันด้วยความตกใจ หลังจากนั้นหลายคนก็ยืนขึ้นเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดพยายาม แต่ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ล้มเหลวไม่สามารถไปถึงกลองสงครามใบที่หกได้
“Ling Hu, you are one the strongest here, why don’t you go and destroy their honor?”
"หลิงหู เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ทำไมเจ้าถึงไม่ไปทำลายชื่อเสียงของพวกเขาล่ะ?"
At that moment, on the side of the Holy Courtyard of Xue Yue, Tu Fu said while looking at Ling Hu He Shan. Ling Hu He Shan used to be a disciple of the Yun Hai Sect so he and Tu Fu had a good relationship.
ในขณะนั้นที่ด้านข้างลานศักดิ์สิทธิ์ ถูฟู่ กล่าวขณะที่มองไปที่ หลิงหูเฮอชาน หลิงหูเฮอชาน นั้นเคยเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ดังนั้นเขาและ ถูฟู่ นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
Ling Hu He Shan slightly shook his head and looked at the crowd on the other side: “That guy in white clothes, his name is Wen Ao Xue. He is ranked third at the Celestial Academy. He’s discreet and his strength is unfathomable. I hadn’t thought that he would come as well so now I am not entirely sure that I can win.”
หลิงหูเฮอชาน ส่ายหน้าเล็กน้อยและมองไปที่ฝูงชนในอีกด้านหนึ่ง "ชายคนนั้นในชุดขาวชื่อของเขาคือ เวิ่นห่าวซื่อ เขาอยู่ในอันดับ 3 ของสถาบันสำนักสวรรค์ เขามีความสุขุมรอบคอบความแข็งแกร่งของเขานั้นยากที่จะหยั่งถึงได้ ข้าไม่คิดว่าเขาจะมาดีดังนั้นตอนนี้ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะชนะได้ "
Ling Hu He Shan’s words stupefied Tu Fu. Immediately after, he walked towards Wen Ao Xue, who was as beautiful as woman and saw that these two enigmatic eyes were also looking towards him. They looked like dazzling diamonds. Tu Fu didn’t dare look at them anymore.
คำพูดของ หลิงหูเฮอชาน ทำให้ ถูฟู่ สับสน ทันทีหลังจากนั้นเขาเดินไปทาง เวิ่นห่าวซื่อ ซึ่งสวยเหมือนผู้หญิงและเห็นว่าทั้งสองดวงนั้นลึกลับ แล้วกำลังมองไปทางเขาด้วย มันดูเหมือนกับเพชรที่แพรวพราว ถูฟู่ ไม่กล้ามองมันอีกต่อไป
Amongst those who came to the battlefield, the strongest student of the Holy Courtyard of Xue Yue was Ling Hu He Shan. If Ling Hu He Shan took action, Wen Ao Xue would inevitably get involved and if Lin Hu He Shan was defeated, the Holy Courtyard of Xue Yue would lose face. Therefore, Ling Hu He Shan wasn’t absolutely certain about the result of a potential confrontation and preferred not to get involved.
ในบรรดาผู้ที่เข้ามาในสนามรบ นักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดในลานศักดิ์สิทธิ์ก็คือ หลิงหูเฮอชาน หาก หลิงหูเฮอชาน แสดงตัว เวิ่นห่าวซื่อ ย่อมต้องเข้ามาพัวพันและถ้า หลิงหูเฮอชาน พ่ายแพ้ลานศักดิ์สิทธิ์ จะสูญเสียหน้า ดังนั้น หลิงหูเฮอชาน จึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลของการเผชิญหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้และไม่ต้องการมีส่วนร่วม
"ฉันจะเอาศักดิ์ศรีของพวกเรากลับมาเอง" ใครบางคนที่ด้านข้างของลานศักดิ์สิทธิ์กล่าว ชายหนุ่มคนนั้นคือ เย่เทียนเฉิน
Yue Tian Chen stood up, looked at Duan Wu Ya and Duan Xin Ye and said: “Your Highness, I am obviously the one who should protect the princess. Nobody else can even pretend to be better suited than Me.” said Yue Tian Chen in an extremely arrogant tone. Everybody could see that Yue Tian Chen believed the logic of his words.
เย่เทียนเฉิน ยืนขึ้นมองไปที่ ต้วนหวูหยา และ ต้วนซินเย่ และกล่าวว่า: "ฝ่าบาทข้าเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ควรปกป้องเจ้าหญิง ไม่มีใครสามารถทำได้ดีไปกว่าข้าแล้วฝ่าบาท "เย่เทียนเฉิน กล่าวด้วยความเย่อหยิ่งอย่างมาก ทุกคนสามารถมองเห็นได้ว่า เย่เทียนเฉิน นั้นเชื่อมั่นในคำพูดของตน
Yue Tian Chen was a member of the Yue Clan and he had an extremely high social status. Besides, he was also extremely strong, already reaching the seventh Ling Qi layer and possessed a terrifying spirit to match. Many people, who were stronger than him, didn’t dare to provoke him while those who were weaker than him were only there to be bullied.
เย่เทียนเฉิน เป็นสมาชิกของตระกูลเย่ และเขามีสถานะทางสังคมที่สูงมาก นอกจากนี้เขายังแข็งแกร่งอย่างมาก ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 7 และมีจิตวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก หลายคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา ไม่กล้าไปยั่วยุเขา ในขณะที่คนที่อ่อนแอกว่าเขาก็ได้แต่ถูกรังแกเพียงอย่างเดียว
Duan Xin Ye lowered her head without saying anything whereas Duan Wu Ya faintly smiled and said: “Well, let’s see how many war drums you can handle, brother.”
ต้วนซินเย่ ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรขณะที่ ต้วนหวูหยา ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า "เรามาดูกันว่าเจ้าสามารถจัดการกับกลองสงครามได้เท่าไหร่พี่ชาย"
เย่เทียนเฉิน พยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้เดินไปหากลอง แต่เขามองไปที่นักเรียนของสถาบันสำนักสวรรค์ โดยเฉพาะไปทาง หลินเฟิง และกล่าวว่า "เพื่อที่จะมีสายสัมพันธ์กับองค์หญิงไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะพลังหรือหากเจ้าเกิดมาจากตระกูลขุนนาง ครอบครัวเจ้าต้องยืนอยู่ที่สูงสุด ในบรรดาผู้ที่มีสถานะทางสังคมต่ำต้อยและถึงจะบอกว่าตัวเองแข็งแกร่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ประเมินตนเองนั้นสูงไป เมื่อพวกเขาคิดว่าพวกเขามีโอกาสชนะหัวใจขององค์หญิงได้ มันเป็นความจริงที่น่าขันที่สุดในโลกจริงๆ คนประเภทนี้ทำได้แค้เพ้อฝันเพียงเท่านั้น "
When he finished, he walked towards the drums.
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เดินไปทางกลอง
The crowd was looking at Lin Feng with a strange look. Even though Yue Tian Chen hadn’t mentioned any names, he was clearly talking about Lin Feng.
ฝูงชนมองหลินเฟิง ด้วยท่าทีแปลก ๆ แม้ว่า เย่เทียนเฉิน จะไม่ได้กล่าวถึงชื่อแต่เขาก็พูดถึง หลินเฟิง ไม่ผิดแน่
Lin Feng was trying to gain relations with the princess?
หลินเฟิง พยายามที่จะไสานความสัมพันธ์กับองค์หญิงงั้นรึ?
At that moment, Lin Feng was dumbstruck. His facial expression looked slightly cold.
ในขณะนี้ หลินเฟิง รู้สึกเหมือนคนโง่ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาดูเย็นชาเล็กน้อย
Lin Feng had an exaggerated strength and was interested in the princess?
หลินเฟิง นั้นมีพลังมากเกินจริงและยังสนใจองค์หญิงอีกงั้นรึ?
At that moment, Yue Tian Chen said: “Today, I would like to sing a song for the princess.”
ในขณะนี้ เย่เทียนเฉิน กล่าวว่า "วันนี้ข้าอยากร้องเพลงให้องค์หญิง"
When he finished talking, Tian Yue Chen’s deep and low voice spread through the air.
เมื่อพูดจบ เสียงที่ลึกและต่ำของ เย่เทียนเฉิน ดังขึ้น
"ชายคนนี้และที่เป็นปรมจารย์ของแคว้นที่กว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด, ได้ตีกลองและเสียงที่เหมือนฆ้อง!"
“BOOM!”
ตู้มมม!
An explosion followed Yue Tian Chen’s song as the first war drum beat.
เกิดการระเบิดตามเพลงของ เย่เทียนเฉิน เป็นกลองสงครามใบแรกที่ดังขึ้น
“BOOOOOOM!”
ตู้มมม!!
With a single explosive beat he destroyed two war drums.
ด้วยการระเบิดเดียวเขาได้ทำลายกลองสงครามถึง สองใบ
"เป็นคนเลือดร้อนที่ถูกลายล้อมโดยทะเลสาบและภูเขา ... "
Yue Tian Chen’s voice was deep. The energy he was releasing matched the feeling of hot-blooded behavior. He continued to punch the next drums. The fourth and the fifth war drums exploded into pieces.
เสียงของเย่เทียนเฉิน นั้นลึกล้ำมาก พลังงานที่เขาปล่อยออกมาตรงกับความรู้สึกที่ร้อนแรง เขายังคงตีกลองต่อไป กลองสงครามใบที่สี่และห้าได้ระเบิดแหลกเป็นชิ้น ๆ
Not only was it Yue Tian Chen’s first breath but he still had plenty of air in his lungs.
ไม่ใช่แค่เสียงลมหายใจอย่างเดียวของ เย่เทียนเฉิน เท่านั้น แต่เขายังมีอากาศอยู่ในปอดของเขา
“Achieving a thousand heroic merits.”
"ประสบความสำเร็จเป็นพัน ๆ "
เย่เทียนเฉิน เดินต่อไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากำลังท้าทายกฎ อวกาศและห่วงเวลาและพลังของเขาจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของเขา เสียงระเบิดดังออกมาเต็มไปหมดทั้งบรรยากาศและกลองสงครามที่หกก็ระเบิดขึ้น
At that moment, Yue Tian Chen stamped on the ground like a mad man. The yellow muddy ground seemed to create a terrible wave of earth as it rippled away from his foot.
ในขณะนั้น เย่เทียนเฉิน กระทืบพื้นเหมือนกับคนบ้า พื้นดินโคลนสีเหลืองดูเหมือนจะสร้างคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวของแผ่นดินขณะที่มันเกิดละลอกคลื่นจากเท้าของเขา
กำปั้นของ เย่เทียนเฉิน ชกเข้ากับกลองสงครามใบที่เจ็ด
“Just to be welcomed back as a hero by a beautiful woman.” continued Yue Tian Chen in his deep singing voice. Finally, he had run out of air from his first breath. A cracking sound emerged in the atmosphere as the seventh war drum was smashed into five pieces.
"เพียงเพื่อจะได้มาเป็นวีรบุรุษของสาวงาม" เย่เทียนเฉิน ยังคงร้องเพลงด้วยเสียงร้องของเขา ในที่สุดเขาก็หมดแรงจากลมหายใจแรกของเขา เสียงแตกเกิดขึ้นในบรรยากาศเมื่อกลองสงครามใบที่เจ็ดถูกทุบแตกเป็นห้าชิ้น
“Lords and nobles wearing armor and inspiring ambitions.”
"ขุนพลและขุนนางสวมเกราะและความทะเยอทะยานที่สร้างแรงบันดาลใจไว้"
“A hot-blooded man surrounded by lakes and mountains…..”
"คนเลือดร้อนล้อมรอบด้วยทะเลสาบและภูเขา ... "
The people in the crowd were listening to these words while looking at that handsome young man. Their hearts were pounding and it seemed like the blood in their veins had been ignited with the passion for battle.
คนที่อยู่ในฝูงชนกำลังฟังคำพูดเหล่านี้ขณะมองชายหนุ่มที่หล่อเหลา หัวใจของพวกเขาสั่นไหวและมันดูเหมือนเลือดในเส้นเลือดของพวกเขาได้รับการจุดประกายด้วยความหลงใหลในการต่อสู้
The officers and soldiers were especially enthusiastic and excited. Each and every single one of them had excitement in their eyes as if they were seeing themselves as the man from the song.
เจ้าหน้าที่และทหารมีความกระตือรือร้นและตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่ละคนมีความตื่นเต้นในสายตาของพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเห็นตัวเองว่าเป็นผู้ชายจากเพลง
“Alright!”
“เอาล่ะ!”
All the people of the Holy Courtyard were supporting Yue Tian Chen. On his seat, Duan Tian Lang was slightly smiling as well and said: “Yue Tian Chen deserves to be a member of the Yue Clan. His heart is filled with great aspirations. Relying on a single breathe, he was able to chant and at the same time make seven drums beat. Such people are a rarity. He would be a perfect match for the princess.”
ทุกคนในลานศักดิ์สิทธิ์กำลังสนับสนุน เย่เทียนเฉิน บนเก้าอี้ของเขา ต้วนเทียนหลาง ยิ้มเล็กน้อยเช่นกันและกล่าวว่า "เย่เทียนเฉิน สมแล้วที่เป็นสมาชิกของตระกูล เย่ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ อาศัยการหายใจเพียงครั้งเดียวเขาสามารถร้องเพลงได้และในเวลาเดียวกันให้ตีกลองได้เจ็ดใบ คนเช่นนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง เขาจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับองค์หญิง "
He had required only one breath to sing his song and make seven war drums beat. Yue Tian Chen hadn’t paused for even a moment, he had been singing heartily as he attacked the war drums. It required much more energy than just attacking. After all, he only had a single breath.
เขาต้องการเพียงหนึ่งลมหายใจเพื่อร้องเพลงของเขาและทำให้ตีกลองสงครามได้เจ็ดใบ เย่เทียนเฉิน ไม่ได้หยุดในขณะนั้น เขาได้ร้องเพลงอย่างเต็มที่ในขณะที่เขาโจมตีกลองสงคราม มันต้องใช้พลังงานมากกว่าการโจมตี เพราะเขาใช้เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น
Yue Tian Chen turned around and slightly nodded towards Duan Tian Lang. Immediately after, he walked towards Duan Xin Ye and warmly smiled at her. Duan Xin Ye also smiled in response while remaining as silent as before.
เย่เทียนเฉิน หันกลับมาและพยักหน้าไปทาง ต้วนเทียนหลาง เล็กน้อย ทันทีหลังจากนั้นเขาเดินไปทาง ต้วนซินเย่ และยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับเธอ ต้วนซินเย่ ได้ยิ้มตอบในขณะที่ยังคงเงียบเหมือนเดิม
“Not bad.” said Duan Wu Ya while smiling and nodding. “I wouldn’t have thought that Brother Yue was as talented as he was creative. That is indeed, very rare.”
ไม่เลว ต้วนหวูหยา กล่าวขณะยิ้มและพยักหน้า "ข้าไม่คิดเลยว่าพี่เย่ มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ด้วย ที่อันจริงแล้วนั้นหาได้ยากมาก "
“I am just some nobody. Your Highness, you’re flattering Me.” said Yue Tian Chen with a proud smile on his face. He then immediately glanced towards Lin Feng. In his eyes, perhaps Lin Feng had already become a potential rival.
"ข้าอาจเป็นหนึ่งในนั้น ฝ่ายาทท่านยกยอข้าเกินไป "เย่เทียนเฉิน ยิ้มขณะที่กล่าวด้วยความภูมิใจบนใบหน้า จากนั้นเขาก็เหลือบไปหา หลินเฟิง ทันที ในสายตาของเขาบางที หลินเฟิง อาจได้กลายเป็นคู่แข่งของเขา
“To be more accurate, you are not even some nobody, you are even lower, you are a piece of shit.” said a loud voice with a cold and indifferent tone. The crowd was astonished, a piece of shit?
"ถ้าจะให้ถูกกว่านี้ละก็ เจ้ามันไม่ใช่ใครคนนั้นหรอก เจ้ามันไม่มีอะไรเลยเจ้ามันก็แค่เศษสวะ" เสียงกล่าวที่ดังอย่างเย็นชาและไร้อารมณ์ ฝูงชนได้ประหลาด เศษสวะ?
Then everybody turned towards the person who was speaking, it was precisely Lin Feng.
แล้วทุกคนก็หันไปหาคนที่พูด
"ชายคนนั้น กล้ามากไปแล้ว" ฝูงชนคิด
When he heard those words, Yue Tian Chen narrowed his eyes and coldly looked at Lin Feng. He smiled coldly and said: “Alright, if I’m a piece of shit, would you want to try?”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เย่เทียนเฉิน ก็ขมวดคิ้วลงและมองไปที่ หลินเฟิง อย่างเย็นชา เขายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า "เอาล่ะถ้าข้าเป็เศษสวะ แล้วเจ้าอยากลองดูไหมละ?"
“That’s exactly what I was planning.” said Lin Feng while smiling indifferently. In the Continent of the Nine Clouds, many people were much stronger than him but Lin Feng was probably one of the most creative people.
"นั่นคือสิ่งที่ข้าวางแผนไว้แล้ว" หลินเฟิง ยิ้มอย่างไม่แยแส ในทวีปเก้าเมฆา มีหลายคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่ หลินเฟิง อาจเป็นหนึ่งในคนที่มีศักยภาพมากที่สุด
Lin Feng stood up and started walking slowly towards the drums. He arrived in front of the war drums. The crowd was stupefied. Lin Feng was serious about trying to beat seven drums.
หลินเฟิง ยืนขึ้นและเริ่มค่อยๆเดินไปทางกลองอย่างช้าๆ เขามาถึงหน้ากลองสงคราม ฝูงชนมึนงง หลินเฟิง กำลังลองตีกลองทั้งเจ็ดใบอย่างจริงจัง
The crowd was already growing impatient. They wanted to see how strong and talented Lin Feng was. However being stronger than Yue Tian Chen wasn’t very likely.
ฝูงชนร้อนรน พวกเขาอยากเห็นว่า หลินเฟิง มีความแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์มากแค่ไหน อย่างไรก็ตามการที่แข็งแกร่งกว่า เย่เทียนเฉิน นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
Duan Wu Ya and Duan Xin Ye were impatiently looking at Lin Feng wondering what his plan was.
ต้วนหวูหยา และ ต้วนซินเย่ ต่างก็อดทนมอง หลินเฟิง อย่างสงสัยว่าแผนการของเขาคืออะไร
"ข้าอยากเห็นว่าเจ้าสามารถตีกลองได้ทั้งเจ็ดใบในขณะที่ร้องเพลงด้วย" เย่เทียนเฉิน กล่าวอย่างเย็นชา เขาจ้องมองที่ หลินเฟิง อย่างไม่ละสายตา มันเป็นไปไม่ได้ที่ หลินเฟิง จะเอาชนะเขา เขาก็จะจบลงด้วยความอับอายขายหน้า
Lin Feng closed his eyes and took a deep breath. A beautiful melody suddenly came from his mouth. The crowd was shocked as their hearts started to race with excitement.
หลินเฟิง หลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เกิดทำนองที่สวยงามขึ้นมาออกจากปากของเขา ฝูงชนก็ตกใจเมื่อหัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะเต้นรัวไปด้วยความตื่นเต้น...
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น