ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 193

ตอนที่ 193 สุนัขขี้ขลาด






He moved again. Luo Yu didn’t dare approach Lin Feng’s sword. The sword has both battle and deadly energy fusing together. Each time, Lin Feng’s attacks were filled with what seemed like endless power.
 เขาขยับอีกครั้ง ลั่วหยู ไม่กล้าเข้าไปหาดาบของ หลินเฟิง ดาบที่มีทั้งพลังการต่อสู้และการหลอมรวมกับพลังงานแห่งความตายเข้าด้วยกัน ทุกครั้งการโจมตีของ หลินเฟิง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด

Luo Yu would get pierced right through if he approached too near to Lin Feng’s sword. His heart was filled with remorse. He hadn’t thought that Lin Feng would be so strong. Luo Yu had broken through to the seventh Ling Qi layer, if he wanted to attack someone, he did it without thinking much about their retaliation.
ลั่วหยู ที่เห็นดาบของ หลินเฟิง เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใจของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลินเฟิง จะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ลั่วหยูที่ได้ตัดผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ถ้าเขาต้องการจะโจมตีใครสักคนเขาทำมันได้โดยไม่ต้องคิดมากถึงเรื่องการถูกแก้แค้นกลับ

“Boom!”
 ตู้มมม!!

Lin Feng pierced the atmosphere at incredible speed. An extremely sharp and violent wind emerged. A horse in the distance neighed and was surprisingly caught by the wind and was cut into pieces while the person who was thrown backwards. He was breathing heavily but he didn’t dare say a word, he feared that Lin Feng would attack him if he did.
หลินเฟิง แหวกอากาศด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ เกิดลมที่รุนแรงและเฉียบคมอย่างมาก ม้าที่อยู่ในรัศมีนั้นถูกตัดเป็นชิ้นๆในขณะที่คนก็กระเด็นไปข้างหลัง เขาหายใจหนัก ๆ แต่เขาไม่กล้าพูดคำใด เขากลัวว่า หลินเฟิง จะโจมตีเขาถ้าเขาทำเช่นนั้น

That person had seen what happened with Luo Yu and Lin Feng with his own eyes. Luo Yu had attacked Lin Feng while being very aggressive towards him but Lin Feng hadn’t bothered to waste any words on him. He had immediately started talking with his sword and at that moment, Luo Yu was in a critical situation. Lin Feng was really going to kill him.
 คนที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ลั่วหยู และ หลินเฟิง ด้วยสายตาของตัวเอง ลั่วหยู นั้นโจมตี หลินเฟิง ขณะที่เขากำลังถูกต่อว่า แต่ หลินเฟิง ไม่เคยสนใจคำพูดใดของเขา เขาใช้ดาบแทนคำพูดในทันทีและในขณะนั้นเอง ลั่วหยู ที่อยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติ หลินเฟิง กำลังจะฆ่าเขาจริงๆ

When seeing that, how could a person willingly provoke Lin Feng? They did not have death wishes.
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จะมีผู้ใดกล้าไปยั่วยุ หลินเฟิง อีกเล่า? พวกนั้นคงอยากตายกระมัง

Lin Feng’s deadly sword was quickly piercing through the air. The battle energy emerging from his body was becoming stronger with each passing moment. He looked cold and expressionless as he was carrying out his sword strikes. Luo Yu didn’t have a single chance to strike back against him.
ดาบสังหารของ หลินเฟิง นั้นแหวกอากาศได้อย่างรวดเร็ว พลังงานการต่อสู้ที่โผล่ออกมาจากร่างของเขาเองก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ผ่านไป เขาดูเยือกเย็นและไร้อารมณ์ในขณะที่เขากำลังสยบคำพูดด้วยดาบ ลั่วหยูไม่ได้มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะสู้กับเขา

At that moment, Luo Yu looked extremely pale. He was surprisingly struggling to keep his life and on top of that, in front of so many people.
 ในขณะนั้น ลั่วหยู หน้าซีดเหมือนไก่ต้ม เขากำลังพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาชีวิตของเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

“Ahhhhh.” shouted Luo Yu furiously. His clothes were still fluttering through the air. He looked furious and ice-cold.
 "อ๊าาาา ." ลั่วหยู ตะโกนด้วยความโกรธ เสื้อผ้าของเขาพริ้วไหวลอยในอากาศ เขาดูโกรธอย่างมาก

“What the hell are you doing?” coldly asked Lin Feng when he heard Luo Yu shout. He then continued striking with his sword.
 "เจ้ากำลังจะทำบ้าอะไร?" หลินเฟิง ถามอย่างเย็นชา เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของ ลั่วหยู จากนั้นเขาก็โจมตีด้วยดาบอย่างต่อเนื่อง

All of the energy within the atmosphere suddenly disappeared. Luo Yu was surprised , but suddenly looked extremely happy. He then released an extremely powerful energy along with his spirit which appeared behind him.
 พลังงานทั้งหมดในชั้นบรรยากาศก็หายไป ลั่วหยู รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ดูมีความสุขมาก ขึ้นจากนั้นเขาก็ปล่อยพลังที่ทรงพลังอย่างมากพร้อมด้วยจิตวิญญาณของเขาซึ่งปรากฏอยู่ข้างหลังเขา

However at that moment, Luo Yu had a bad premonition which made his heart beat faster. There wasn’t any sword force anymore but that sword seemed even more dangerous than before.
 อย่างไรก็ตามในขณะนั้น ลั่วหยู มีรางสังหรณ์ที่ไม่ดีซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ไม่มีพลังอำนาจดาบใด ๆ อีกต่อไป แต่ดาบนั้นดูเหมือนจะอันตรายกว่าก่อนหน้านี้

The battle energy from moments before had also disappeared. Luo Yu quickly retreated at full speed.
 พลังงานการต่อสู้จากช่วงเวลาก่อนหน้าก็ได้หายไป ลั่วหยู รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว

“Crrrrrsssh…”
 ครืดดดดด

Luo Yu had barely avoided the sword but the energy had struck him. Luo Yu’s clothes were torn and there was blood pouring from his chest and a wound on his throat. It was a shocking sight.
ลั่วหยู ไม่รอดจากดาบ เสื้อผ้าของ ลั่วหยู ฉีกขาดและมีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกและมีแผลที่คอ มันเป็นภาพที่น่าตกใจ

The crowd was astonished. What a sharp sword, what a terrifying and strong strength.
 ฝูงชนประหลาดใจ ดาบอะไรช่างคมเยี่ยงนี้ เป็นอะไรที่น่ากลัวและแข็งแกร่งอย่างมาก

Luo Yu lowered his head and looked at his own chest. Immediately after, a hideous expression appeared on his face.
ลั่วหยู ก้มหัวลงและมองหน้าอกของตัวเอง ทันทีหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็หน้าเกลียดมากยิ่งขึ้น

He raised his head and looked at Lin Feng again. Flames of rage were burning in his eyes.
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ หลินเฟิง อีกครั้ง เปลวไฟของความโกรธกำลังลุกไหม้อยู่ในดวงตาของเขา

However, Lin Feng looked as cold as before. He raised his sword again as he spoke.
 อย่างไรก็ตาม หลินเฟิง ดูเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ เขายกดาบขึ้นอีกครั้งในขณะที่เขาพูดว่า

“I am going to personally kill you.”
 "ฉันจะไปฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง"

Luo Yu was shocked, he turned around and started retreating at full speed. He didn’t feeling like fighting against Lin Feng any longer anymore.
ลั่วหยู อยู่ในอาการตกใจ เขาหันกลับไปและเริ่มหนีด้วยความเร็วเต็มพิกัด เขาไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังต่อสู้กับ หลินเฟิง อีกต่อไป

Lin Feng laughed coldly. He moved forward and used his sword to strike towards Luo Yu again.
หลินเฟิง หัวเราะอย่างเย็นชา เขาเดินไปข้างหน้าและใช้ดาบของเขาเพื่อโจมตีไปที่ ลั่วหยู อีกครั้ง

When Luo Yu felt the deadly energy approaching from behind, he gnashed his teeth. In spite of the fact that he was insanely shaking, he continued running away like mad.
 เมื่อ ลั่วหยู รู้สึกว่าพลังงานสังหารกำลังพุ่งมาจากข้างหลังเขาก็กัดฟัน แม้ว่าเขาจะรู้สึกสั่นอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็วิ่งหนีไปได้เหมือนดั่งคนบ้า

“What a shameless and cowardly dog, to run after talking arrogantly.” Lin Feng didn’t continue chasing him. While holding his sword towards Luo Yu, he shouted: “I don’t think that you can be compared with Hei Mo, in my eyes, you cannot even come close to Hei Mo. Pray that we never cross paths again.”
 "ช่างไร้ยางอายและเป็นสุนัขขี้ขลาดเสียจริง วิ่งหนีหลังจากพูดจาอย่างหยิ่งผยอง" หลินเฟิง ไม่ไล่ตามเขาต่อไป ขณะที่ถือดาบของเขาที่ชี้ไปทาง ลั่วหยู แล้วเขาตะโกนว่า "ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเทียบได้กับ เฮยหม่า หรอกนะในสายตาของข้าเจ้าไม่แม้แต่จะใกล้เคียง เฮยหม่า ได้ จงภาวนาไว้ให้ดีแล้วกันว่าอย่ามาเจอข้าอีก"

When Luo Yu heard Lin Feng’s words, his injuries started to bleed heavily as his heart pounded with fury and fear at the same time. It seemed like the state of his wounds were quite serious but he didn’t dare to stop running. He continued running away like mad into the distance.
 เมื่อ ลั่วหยู ได้ยินคำพูดของ หลินเฟิง อาการบาดเจ็บของเขาเริ่มมีเลือดออกมากขึ้นเมื่อหัวใจของเขาสั่นอย่างรุนแรงและกลัวในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าสภาพบาดแผลของเขาค่อนข้างรุนแรง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดวิ่ง เขายังคงวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่งไปไกล

When Luo Yu’s silhouette disappeared, the crowd’s eyes fell upon Lin Feng. They were astonished and amazed.
 เมื่อภาพเงาของ ลั่วหยู ได้หายไปดวงตาของผู้คนทอดไปที่ หลินเฟิง พวกเขาสับสนและตื่นเต้นอย่างมาก

On that day, when Lin Feng had fought against Hei Mo, the crowd did not see that Lin Feng had almost killed Hei Mo.
 ในวันนั้นตอนที่ หลินเฟิง ได้ต่อสู้กับ เฮยหม่า ฝูงชนไม่ได้เห็นว่า หลินเฟิง นั้นเกือบจะฆ่า เฮยหม่า

However, at that moment, they had clearly seen that Luo Yu, who was even more powerful and arrogant, decided to offend Lin Feng and immediately after injured him.
 อย่างไรก็ตามในขณะนั้นพวกเขาเห็นได้ชัดว่า ลั่วหยู ซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจและหยิ่งยิ่งนักตัดสินใจที่จะยั่วยุ หลินเฟิง และทันทีหลังจากนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ

Lin Feng did not continue with his words and instead used his sword and the result was that Luo Yu, who considered himself above Lin Feng, had run away like a coward.
 หลินเฟิง ไม่ได้ใช้คำพูดของเขากลับกันเขาใช้ดาบของเขาแทนคำพูดและผลก็คือ ลั่วหยู ซึ่งคิดว่าตัวเองอยู่เหนือ หลินเฟิง วิ่งหนีหางจุกตูดไปเหมือนคนขี้ขลาด

Two months after defeating Hei Mo, Lin Feng had defeated a military student of the seventh Ling Qi layer.
 สองเดือนหลังจากเอาชนะ เฮยหม่า, หลินเฟิง ได้ชนะนักเรียนการทหารของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 7

Lin Feng’s natural talent was monstrous.
 พรสวรรค์ตามธรรมชาติของ หลินเฟิง นั้นมีมากล้นยิ่งนัก

Lin Feng sheathed his sword and immediately returned to his colt dragon horse. He then said indifferently: “Let’s go.”
 หลินเฟิง เก็บดาบของเขาใส่ฝักและทันทีหลังจากนั้นก็กลับไปที่ม้านิลมังกรของเขา จากนั้นเขาก็พูดอย่างไม่แยแสว่า : "ไปกันเถอะ"

These army troops nodded to the order and immediately after, everybody started galloping at full speed and disappeared from the crowd’s vision.
 เหล่าทัพทหารพยักหน้าต่อคำสั่งและหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มควบม้าด้วยความเร็วเต็มพิกัดและหายไปจากสายตาของฝูงชน

But that insane battle from a moment ago was still in their minds.
 แต่การต่อสู้ที่บ้าคลั่งกช่วงเวลาที่ผ่านมายังตราตรึงอยู่ในจิตใจของพวกเขา

The area outside of the northern gate of the Imperial City was desolate. The ground was filled with yellowish mud without any grass.
 บริเวณด้านนอกประตูทางด้านเหนือของเมืองจักรพรรดิเป็นที่รกร้าง พื้นดินเต็มไปด้วยโคลนสีเหลืองโดยไม่มีหญ้า

The northern gate of the city wasn’t a normal gate. People couldn’t go through it as they pleased. In times of peace, only those who had received a military order could go through that gate.
ประตูด้านเหนือของเมืองไม่ใช่ประตูปกติ ผู้คนไม่สามารถผ่านไปได้ตามใจชอบ ในช่วงเวลาแห่งความสงบสุข เฉพาะผู้ที่ได้รับคำสั่งทหารเท่านั้นที่สามารถผ่านประตูนั้นได้

In that depopulated and desolate place, there were many tents. They had been set up by the military troops. The area was incredibly vast.
 ในที่ที่มีผู้คนลดน้อยลงและเป็นที่รกร้าง มีเต็นท์จำนวนมากมาย พวกมันถูกกางขึ้นโดยกองกำลังทหาร เป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

There was a crowd of people that had gathered outside of the tents, about a hundred meters away. Amongst them were the noble cultivators, military troops and certain military troops wearing silver armor.
 มีกลุ่มคนที่มาชุมนุมกันอยู่นอกเต็นท์ประมาณหนึ่งร้อยเมตร ในหมู่พวกเขาเป็นขุนนางผู้บ่มเพาะพลังชนชั้นสูง ทหารและกองทัพทหารม้าสวมชุดเกราะเงิน

All of these noble cultivators belonged to the Holy Courtyard of Xue Yue. They were heading to war so they could acquire knowledge and battle experience. Their future would be even better if they achieved military merits.
 เหล่านักบ่มเพาะพลังชั้นสูงเหล่านี้อยู่ในลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่สงครามเพื่อที่พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ความรู้และการต่อสู้ อนาคตของพวกเขาจะดียิ่งขึ้นหากพวกเขาได้รับประโยชน์ทางทหาร

Of course, many people were going to there to acquire battle experience and to become stronger through life and death situations. Those types of people were both hot-blooded and courageous.
 แน่นอนว่าหลายคนกำลังเดินทางไปที่นั่นเพื่อรับประสบการณ์การรบและจะเข้มแข็งขึ้นในจุดชี้เป็นชี้ตาย คนประเภทนั้นมีทั้งความร้อนแรงและความกล้าหาญ

“Thrrom Thrrrom Thrrom.”
 กรอบ กรอบ กรอบ

From a distance they could already hear the galloping of horses. The ground was shaking. The people in the crowd outside of the tents could already distinctly feel the ground shake.
จากระยะไกลพวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงวิ่งของเกือกม้า พื้นดินสั่นสะเทือน คนในฝูงชนที่อยู่นอกเต็นท์ได้รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนนั่น

A short time after, they could already see a large group people heading towards them.
 หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าไปหาพวกเขา

“They have arrived.”
 "พวกเขามาถึงแล้ว"
The crowd outside of the tents was looking at the newcomers with a sharp expression in their eyes.
 ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกเต็นท์กำลังมองหาผู้ที่มาใหม่ด้วยการแสดงออกที่ชัดเจนในสายตาของพวกเขา

At the same time, amongst the crowd outside of the tents, a young man who was sitting on the seat of the general stood up and went to welcome the newcomers. He had a warm smile on his face.
 ในเวลาเดียวกันท่ามกลางฝูงชนนอกเต็นท์ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนที่นั่งของนายพลได้ยืนขึ้นและไปต้อนรับผู้มาใหม่ เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขา

The newcomers got down off their horses when they saw the young man who was coming towards them to welcome them. They all kneeled down and shouted: “Your Highness.”
 คนที่มาใหม่ลงจากม้าเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นซึ่งกำลังจะมาต้อนรับพวกเขา พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงและตะโกนว่า: "ฝ่าบาท."

“You have gone through many hardships to be here.” said the young man to these people while smiling and nodding. He waved his hands as a gesture that they could stand up. They were all scared. Their hearts were racing.
 "พวกเจ้าคงลำบากมากที่มาที่นี่" ชายหนุ่มคนนี้พูดกับคนเหล่านี้ขณะที่ยิ้มและพยักหน้า เขาโบกมือให้พวกเขาสามารถยืนได้ พวกเขาต่างกลัวกันทั้งสิ้น หัวใจของพวกเขากำลังเต้นรัว

Even though His Highness was a prince, he wasn’t arrogant at all and was very easy to get along with. He was also very polite to these ordinary military troops.
แม้ว่าฝ่าบาทจะเป็นถึงองค์ชาย แต่ก็ไม่หยิ่งแม้แต่น้อยและเข้าถึงง่ายมาก เขายังเป็นคนสุภาพต่อทหารเหล่านี้อีกด้วย

“Your Highness.” said one of the members of the Celestial Academy very loudly.
"ฝ่าบาท" หนึ่งในสมาชิกของสถาบันสำนักสวรรค์ กล่าวด้วยเสียงที่ดังลั่น

Duan Wu Ya smiled at the crowd and said: “Everybody, I am lucky that you have come to fight with me. This is truly a stroke of luck.”
ต้วนหวูหยา ยิ้มให้กับฝูงชนและกล่าวว่า "ทุกคนข้าโชคดีจริงๆที่ได้พวกเจ้ามาสู้กับข้า นี่เป็นความโชคดีอย่างแท้จริง "

“Don’t mention it, Your Highness.”
"มิได้ขอรับ ฝ่าบาท"

“Come, let’s sit. I’ll give the instructions to the troops and then we can go.” Duan Wu Ya politely while he showed everyone where they could sit. Everybody had an attributed seating area. The people of the Celestial Academy could sit on the right. There was a great number of seats laid out for them.
"มาเถอะมานั่งเถอะ ข้าจะให้คำแนะนำแก่พวกเจ้าและจากนั้นพวกเราก็ไปกัน "ต้วนหวูหยา กล่าวอย่างสุภาพขณะที่เขาบอกให้ทุกคนนั่งลง ทุกคนมีพื้นที่พอนั่ง คนของสถาบันสำนักสวรรค์ นั่งอยู่ทางด้านขวาได้ มีจำนวนที่นั่งจำนวนมากสำหรับพวกเขา

The people of the Celestial Academy sat down. At that moment, many people were sharply glaring at them which surprised them.
คนของสถาบันสำนักสวรรค์ได้นั่งลง ในขณะนั้นหลาย ๆ คนกำลังจ้องมองพวกเขาอย่างฉับพลันซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจ

Opposite them were the people from the Holy Courtyard of Xue Yue.
ตรงข้ามกับพวกเขาเป็นคนจากลานศักดิ์สิทธิ์ของซุ่วเย่

At that moment, Lin Feng was also looking at the people from the Holy Courtyard of Xue Yue. When he noticed that many people were looking at him, he narrowed his eyes.
ในขณะนั้น หลินเฟิง ก็มองไปที่ผู้คนจากลานศักดิ์สิทธิ์ซูวเย่ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีหลาย คนมองมาที่เขา

Duan Han, Yue Tian Chen, Lin Qian… he could recognize many people amongst them.
ต้วนหาน,เย่เทียนเฉิน,หลินเซียน... เขารู้จักคนจำนวนมากในหมู่คนเหล่านั้น

The military apprentices of the Celestial Academy were not the only people who wanted to go to war. There were also some noble cultivators, as well as some ordinary cultivators who wanted to go to war to enhance their path of cultivation. It would enable them to have an official career and to rapidly rise up in the world. Relying on their strength and efforts, they would be able to return home as triumphant heroes.
ผู้ฝึกทางการทหารของสถาบันสำนักสวรรค์ นั้นไม่ใช่เพียงคนกลุ่มเดียวที่อยากจะไปร่วมสงคราม นอกจากนี้ยังมีนักบ่มเพาะพลังขุนนางบางคนเช่นเดียวกับนักบ่มเพาะพลังสามัญชน บางคนที่ต้องการจะไปร่วมสงคราม เพื่อเพิ่มเส้นทางการบ่มเพาะพลัง มันจะช่วยให้พวกเขามีความก้าวหน้าในตำแหน่งอาชีพอย่างอย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและความพยายามของแต่ละคน พวกเขาอาจจะสามารถกลับบ้านได้เยี่ยงวีรบุรุษสงคราม

But Lin Feng clearly felt that someone was staring at him with an even sharper glare. It wasn’t an ordinary person from the crowd, it was their leader. He was sitting next to Duan Wu Ya.
แต่หลินเฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คนธรรมดาจากฝูงชนมันเป็นหัวหน้าของพวกเขา เขานั่งถัดไปจาก ต้วนหวูหยา

“Duan Tian Lang.”
"ต้วนเทียนหลาง"
When Lin Feng saw that their leader Duan Tian Lang, was the one who was staring dagger at him, he was astonished.
เมื่อ หลินเฟิง เห็นว่าผู้นำของพวกเขาเป็น ต้วนเทียนหลาง เป็นคนที่จ้องมองอย่างทิ่มแทงมาที่เขา เขาก็ประหลาดใจ

Duan Tian Lang, apart from being a member of the Duan Clan, he was also now the commander in chief of the country.
ต้วนเทียนหลาง นอกเหนือจากการเป็นสมาชิกของตระกูลต้วนแล้ว เขายังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแคว้นอีกด้วย....






Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook