ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 173


ตอนที่ 173 อำนาจอันมหาศาล








 ยามรุ่งสางที่ไม่มีก้อนเมฆปกคลุมท้องฟ้ากว่าสามพันลี้ ณ สถาบันสำนักสวรรค์ที่กำลังอาบแสงแดดยามเช้า ความอบอุ่นได้ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดของสถาบัน


 ในตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่จัตุรัสราวกับว่ากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง


 มีเวทีต่อสู้ขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางจัตุรัสแห่งนี้ ด้านล่างเป็นที่นั่งของบรรดาคนดูทั้งหลาย


 แท่นที่นั่งทำมาจากหินสีฟ้า มีความสูงถึงห้าเมตรและกว้างหนึ่งร้อยเมตร ด้านบนมีเก้าอี้มากกว่ากว่าหนึ่งร้อยตัว สามารถทำให้คนดูรับชมการต่อสู้ได้เห็นอย่างชัดเจน


 “เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น” คนที่เพิ่งมาถึงจัตุรัสกล่าวด้วยความประหลาดใจ


 “นี่เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นรึว่าวันนี้เป็นวันอะไร? วันนี้ก็คือวันที่จะมีการต่อสู้ระหว่าง หลินเฟิง และ เฮยหม่า แต่ข้าไม่คิดเลยว่าสถาบันสำนักสวรรค์จะสร้างเวทีการต่อสู้ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้” ชายอีกคนกล่าว


 ทุกคนล้วนแต่ประหลาดใจกับฉากเบื้องหน้า ในสถาบันสำนักสวรรค์การท้าประลองนั้นเป็นเรื่องปกติ  เหล่าคนที่มีสถานะสูงส่งนั้นไม่ค่อยสนใจเว้นแต่ว่าจะมีนักเรียนที่มีศักยภาพมาพัวพัน พวกเขานั้นชอบดูการต่อสู้ของนักเรียนที่มีศักยภาพ อย่างไรก็ตามการจัดเวทีประลองที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้นั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างที่เจ้ายังไม่รู้” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นและยิ้ม “ก่อนอื่นเลย หลินเฟิง นั้นบ้าบิ่นอย่างมาก เขาไปที่ลานประลองนักโทษของตระกูลไป๋และสังหารคนหนึ่งของพวกเขาซึ่งตัดผ่านไปถึงระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 7 จากนั้น หลินเฟิง ก็ปล่อยทาสในกรงออกมา แล้วยังไม่พอ เขายังสังหารทุกคนจากตระกูลไป๋ที่มาตามล่าเขาที่สถาบันสำนักสวรรค์แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของ หลินเฟิง แพร่กระจายมากขึ้นในทันที ตอนนี้ไม่มีใครในสถาบันสำนักสวรรค์ที่ไม่รู้จักชื่อของเขาอีกแล้ว”


 “แล้วยังมีข่าวลืออีกว่า หลินเฟิง คือชายผู้สวมหน้ากากสีเงินและกลับไปยังลานประลองนักโทษ จากนั้นก็เกิดปัญหาขึ้น เขาได้ฆ่า มู่ฟาน ที่มาจากลานศักดิ์สิทธิ์และได้ครอบครองอสูรสิงโตเพลิงจากนั้นก็นำมันไปขายที่โรงประมูล”


 “ห่ะ ? เจ้ากำลังจะบอกว่าชายลึกลับภายใต้หน้ากากสีเงินนั้นคือ หลินเฟิง งั้นรึ?”นักเรียนอีกสองคนกล่าวอย่างมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน เป็น หลินเฟิง งั้นรึ มันเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน? 


 “ฮ่าๆ มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้ หากเจ้าลองเปรียบเทียบทัศนคติของชายในหน้ากากสีเงินและความบ้าบิ่นของ หลินเฟิง  พวกเจ้าจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อย่างมาก พวกเขาจะต้องเป็นคนๆเดียวกันอย่างแน่นอน” ชายคนเดิมกล่าวต่อในขณะที่กำลังภูมิใจในตัวเองอยู่ ว่า


 “เมื่อ หลินเฟิง กลับมา เขาไปยังหอคอยบ่มเพาะพลังชั้นที่ 4 เขาได้สังหาร สูหนิง, เคอเฉิง และ กงหลุน หลินเฟิง ได้ทำให้นักเรียนอีกสามคนที่อยู่ระดับจิตวิญญาณขั้นที่หกหวาดกลัว จนต้องหนีหัวสุกหัวสุนออกมา จากนั้นเขาก็ครองห้องบ่มเพาะพลังทั้ง 8 ห้องของชั้นที่ 4 และไม่ยอมให้ใครได้ใช้อีกต่อไป หลินเฟิง นั้นแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง ในตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครไม่รู้จักชื่อของเขา มีบางคนกล่าวว่ามีน้อยคนนักในระดับชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ ยังมีคนบอกอีกว่าแม้แต่ เฮยหม่า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเขา”


 “น่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้!” นักเรียนทั้งสองต่างตื่นตระหนกยิ่งขึ้น


 หลินเฟิง สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 7 และยังสังหาร สูหนิง รวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่ในระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของเขาทำให้สามารถครอบครองห้องบ่มเพาะพลังในชั้นที่ 4 ได้ทั้งหมด หลินเฟิง ยังได้ท้าทาย เฮยหม่า ที่เป็นถึึง 1 ใน 10 ของนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก!


 “แต่ทำไมพวกเขาถึงสร้างที่นั่งได้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ขึ้นมา? มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับ หลินเฟิง ?”


 “นั่นเป็นคำถามที่ซับซ้อนอย่างมาก แม้ว่าในตอนนี้ หลินเฟิง จะมีชื่อเสียงมากกว่า เฮยหม่า  แถมยังมีบางคนยังบอกอีกว่าเขาแข็งแกร่งกว่า เฮยหม่า ซึ่งเป็นนักเรียนแนวหน้าของสำนัก อาจจะเป็นเพราะความหยิ่งยโสของหลินเฟิง เขาอาจจะต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาให้ทุกคนเห็น ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่จะให้การต่อสู้ในครั้งนี้เกิดขึ้นในที่สาธารณะพร้อมกับสักขีพยานจำนวนมาก ครั้งนี้ตระกูลของเขาคงจะมาดูด้วย เขาคงอยากที่จะใช้การต่อสู้นี้ในการได้รับชื่อเสียงและอำนาจ”


 “นอกจากนี้ ในครั้งแรกที่ หลินเฟิง ไปยังลานประลองนักโทษ ไม่เพียงแต่เขาจะสร้างความอับอายให้กับตระกูลไป๋ แต่เขายังเผชิญหน้ากับชายคนหนึ่งที่มาจากตระกูลหยูอีกด้วย ในครั้งที่สอง ที่เขาไปยังลานประลองนักโทษ เขาไม่พอใจนักเรียนบางคนที่มาจากลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว ในบรรดาคนเหล่านั้นมีอีกคนหนึ่งที่มาจากตระกูลหยู ชายหนุ่มสองคน ของตระกูลหยู จะมาที่นี่เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกตระกูลไป๋และบางคนจากลานศักดิ์สิทธิ์”


 เมื่อนักเรียนคนนั้นพูดจบ ศิษย์ที่เหลืออีกสองคนประหลาดใจ หัวใจของพวกเขาเต้นรัว


 ตระกูลไป๋, ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว, ตระกูลของ เฮยหม่า, คนจากตระกูลหยู… พวกเขาทั้งหมดจะมาดูการต่อสู้ในครั้งนี้!


 นี่ถือเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่สำนักสวรรค์จะสร้างเวทีประลองและที่นั่งคนดูได้ยิ่งใหญ่เช่นนี้


 หลายคนไม่สามารถที่จะอดใจรอที่จะรับชมการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก


 เวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์ค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เหล่าสมาชิกของตระกูลชนชั้นสูงได้มาถึงสถาบันสำนักสวรรค์แล้ว ตอนนี้จัตุรัสต่างเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากพวกเขามีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือต้องการรับชมการต่อสู้ระหว่างสองอัจฉริยะ หลินเฟิง และ เฮยหม่า


 ในตอนนี้เองมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของจัตุรัส ชายคนนั้นเดินตรงไปที่เวทีประลองอย่างช้าๆ


 ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยพลังปราณที่เยือกเย็นและดูชั่วร้าย ใบหน้าของเขาดูมืดมน แต่ละย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่ง


 “เฮยหม่า!”


ชายคนแรกที่มาถึงก็คือ เฮยหม่า 1 ใน 10 นักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันสำนักสวรรค์!


ตอนนี้ ผู้คนต่างเห็นเพียงแต่ เฮยหม่า ที่ก้าวเข้าสู่เวทีประลอง จากนั้นเขาก็นั่งสมาธิและหลับตาลงและไม่ได้ให้ความสนใจผู้คนรอบข้าง


 เฮยหม่า คือนักเรียนหนึ่งในสิบของสถาบันสำนักสวรรค์ที่ดีที่สุดและได้ตัดผ่านไปถึงจุดสูงสุดของระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 6 แล้ว จิตวิญญาณของเขาก็คือเพลิงทมิฬที่หาได้ยาก แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาโดยตรง


มีเพียงผู้ที่เคยต่อสู้กับ เฮยหม่าแล้วเท่านั้นที่จะสามารถบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ลำดับที่ 10 แต่บางคนที่มีลำดับเหนือกว่าก็ยังไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา เฮยหม่า ถือว่าเป็นตัวอันตรายอย่างแท้จริง


 ในตอนนี้เอง จากที่ห่างไกลมีเงาคนมากมายกำลังเคลื่อนตัวมายังเวทีประลอง พวกเขาเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ในบรรดาพวกเขามีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีม่วงด้านหลังของเขามีชายหนุ่มอีก 2 คน หาก หลินเฟิง อยู่ที่นี่เขาจะจำคนเหล่านี้ได้ในทันที หนึ่งในนั้นคือคนที่ หลินเฟิง จับทุ่มใส่เก้าอี้หินที่ลานประลองนักโทษและอีกคนก็เป็นศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องการจะมอบอสูรสิงโตเพลิงให้กับ มู่ฟาน


 นอกจากนี้ยังมีสมาชิกของตระกูลไป๋ ชายวันกลางคนในเสื้อคลุมสีฟ้าซึ่งมาพร้อมกับกลิ่นอายที่รุนแรง


 “ตระกูลหยู”


 บางคนในฝูงชนประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นชายผู้นี้มาก่อน แต่พวกเขารู้ว่าชายทั้งสอง คือสมาชิกตระกูลหยู อย่างแน่นอน


 ตระกูลหยูและตระกูลจักรพรรดิ ตระกูลทั้งสองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลานประลองนักโทษหรือลานประมูลต่างก็ต้องขอสิทธิ์ในการดำเนินกิจการจากตระกูลหยูทุกครั้ง


 ในเมืองจักรพรรดิ นอกจากตระกูลจักพรรดิ, ตระกูลเย่ว และนิกายหวันโช่วเหมิน ก็ไม่มีใครที่จะสามารถต่อกรกับตระกูลหยูได้ ตระกูลเย่วอยู่อย่างสงบราวกับว่าพวกเขาไม่สนใจเรื่องภายนอกซึ่งทำให้ตระกูลหยู สามารถสร้างชื่อเสียงได้มากยิ่งขึ้น


 ถัดออกไปทางด้านซ้าย ได้มีกลุ่มคนที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันและมีตัวอักษรตัวใหญ่ถูกสลักไว้ว่า “ลานศักดิ์สิทธิ์”


 พวกเขาคือคนจากลานศักดิ์สิทธิ์ซูวเย่ว


 ทางด้านขวาเป็นกลุ่มของชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีดำ พวกเขาแต่ละคนดูเย็นชาอย่างมากและมีพลังปราณที่หนาวเย็นออกมาจากร่างกาย


 คนเหล่านี้มาจากตระกูลเนี้ย พวกเขาเป็นตระกูลที่พิเศษอย่างมากแม้ว่าจะไม่เหมือนกับตระกูลหยู ในเรื่องของอิทธิพลแต่ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา ไม่มีผู้อ่อนแอแม้แต่คนเดียวในตระกูลเนี้ย


 เมื่อคนกลุ่มใหญ่เหล่านี้มาถึงก็ได้สร้างความกดดันให้กับฝูงชนอย่างมากซึ่งทำให้พวกเขาค่อยๆสงบลง จากนั้นบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบกริบ


 “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านโปรดรับการขอโทษจากข้าที่ไม่สามารถออกไปต้อนรับพวกท่านได้”


 เกิดเสียงดังขึ้นและทำลายความเงียบ ทันใดนั้นก็ได้มีร่างเงาลอยลงมาจากท้องฟ้าและไปยืนอยู่ด้านหน้าของเหล่าสมาชิกตระกูลหยู


 ชายวัยกลางคนจ้องมองไปที่รองอาจารย์ใหญ่หลง เขาดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก


 “รองอาจารย์ใหญ่หลง ทำไมท่านถึงดูหยิ่งยโสและไม่ค่อยให้เกียรติพวกเราเช่นนี้” ชายในเสื้อคลุมสีม่วงกล่าวอย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าการที่รองอาจารย์ใหญ่หลง ลอยลงมาจากท้องฟ้าและมายืนอยู่หน้าพวกเขาถือเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพอย่างมาก


 “ฮ่าๆๆ ชื่อเสียงของท่านหยู นั้นโด่งดังและกว้างขวางยิ่งนัก ท่านเองก็สามารถที่จะหยิ่งยโสเหมือนกับข้าได้”


 รองอาจารย์ใหญ่หลง ตอบโต้ไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังที่นั่งและกล่าว “เชิญพวกท่านไปยังที่นั่งและรอชมการต่อสู้เถิด”


ชายในเสื้อคลุมสีม่วงจ้องมองอย่างไม่พอใจและเดินตรงไปยังที่นั่ง...






Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook