ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 172


ตอนที่ 172 ความแข็งแกร่งนั้นคือกฏ







เพียงแค่การโจมตีด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียวนั้น กงหลุนก็ถูก หลินเฟิง ฆ่าเขาไม่สามารถ
ต่อสู้ได้อีกต่อไป เพราะกระบี่นั้นฝังลึกเข้าไปในทรวงอกของเขา


ฝูงชนไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ กระบี่ของ หลินเฟิง มันเร็วเกินไป นอกจากนี้มันไม่ใช่พลังอำนาจกระบี่หรือพลังปราณที่ปลดปล่อยออกมาจากกระบี่ เพียงแค่ใช้เพลงกระบี่ดาบธรรมดาๆทั่วไปก็เพียงพอแล้วที่จะปลิดชีพของ กงหลุน

“แข็งแกร่งอะไรเยี่ยงนี้!”

ฝูงชนกำลังจ้องมองไปที่กระบี่ของ หลินเฟิง ที่ยังคงอยู่ในซากศพของ กงหลุน ขณะที่มันกระทบกับพื้นเขานั้นได้ตัดผ่านระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 6 และน่าจะเอาชนะ เค่อเฉิง และ ซูหนิง ได้อย่างง่ายดาย แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงได้นอนตายกองอยู่กับพื้นข้างพวกเขากัน?


ฝูงชนเห็นได้ชัดว่าการโจมตีด้วยกระบี่ของ หลินเฟิง มันไม่ใช่การโจมตีธรรมดาๆทั่วไป นี่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสองผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง และพวกเขารู้ว่าไม่สามารถทำความเข้าใจพลังลึกลับเบื้องหลังของการโจมตีนี้ได้เลย


นักเรียนอีก 3 คนที่อยู่ข้างๆ กงหลุน เริ่มสั่นไหวพวกเขาได้ก้าวถอยหลังขณะที่จ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างตกตะลึง ก่อนหน้านี้ตอนที่ กงหลุนยังไม่ตาย พวกเขาต้องการสู้กับ หลินเฟิง แต่เขากลับสามารถสังหาร กงหลุน ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้ากระบี่เล่มนั้นมันไม่ได้โจมตีไปที่ กงหลุน แต่เป็นพวกเขาล่ะ แล้วพวกเขาจะสามารถหลบการโจมตีนั้นได้งั้นรึ?


คำตอบนั้นก็คือพวกเขาจะนอนตายกองอยู่บนพื้น กงหลุน เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขา ดังนั้นถ้าเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นได้ พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน


แต่ในขณะนั้นเอง หลินเฟิง ค่อยๆหันหลังกลับมาอย่างช้าๆและจ้องมองไปที่นักเรียกทั้ง 3 คน ทำให้หัวใจของพวกเขาทั้ง 3 คนเต้นเร็วขึ้น


“กฎของพวกเจ้าเหมือนกับกฎของชายผู้นั้นงั้นรึ?”


น้ำเสียงของ หลินเฟิง นั้นเย็นชาอย่างมาก พวกเขาจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างเงียบงัน


หนึ่งในนั้นยิ้มและกล่าวว่า “สหาย ได้โปรดอย่าโกรธไปเลย ข้าหมายถึงเจ้านั้นไม่ได้ผิดอะไรหรอก ถ้าเจ้าต้องการห้องฝึกบ่มเพาะพลัง ก็แค่เลือกสักห้องได้ตามสบายเลย”


“สหายงั้นรึ?” หลินเฟิง ถาม จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “อย่าคิดว่าข้านั้นตาบอดและมองไม่เห็นว่าพวกเจ้านั้นยืนอยู่เคียงข้างชายผู้นั้นก่อนหน้านี้และพร้อมที่จะโจมตีข้าด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวขี้ขลาดและทำให้ตัวเองอับอายหรอก”


นักเรียนทั้งสามมึนงง แท้จริงแล้ว วิธีที่พวกเขาแสดงออกเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่างจาก กงหลุน เลยพวกเขาตอบรับข้อเสนอของ แม่นางหยูเจี้ยว ด้วยเจตนาที่จะสังหารหลินเฟิง หลินเฟิง ไม่ได้ตาบอดดังนั้นเขาจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด การที่พวกเขาหนีนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดี มิฉะนั้นแล้วอาจตกหลุมพลางได้


“สหาย ถ้าเจ้าต้องการศิลาบริสุทธิ์ เพียงแค่บอกข้า…และเจ้าสามารถใช้ห้องใดก็ได้บนชั้นสี่” หนึ่งในนักเรียนทั้งสามคนกล่าว เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถวิ่งหนีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามต่อรอง


“หนึ่ง ข้ามีศิลาบริสุทธิ์เพียงพอแล้ว สอง ข้าสามารถใช้ห้องบนชั้นสี่ห้องใดก็ได้ตามที่ข้าต้องการ ทำไมข้าต้องฟังเรื่องไร้สาระของพวกเจ้าด้วย?” หลินเฟิง กล่าวอย่างไม่แยแสซึ่งทำให้ทั้ง 3 คนหวาดกลัวยิ่งขึ้น คนสุดท้ายที่ยังไม่ได้พูดกล่าวว่า : “งั้นเจ้าต้องการอะไรจากพวกข้า?”


“จงทำลายการบ่มเพาะของตัวเองซะ” หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชา นักเรียนทั้ง 3 รู้สึกประหลาดใจ มีเหงื่อไหลลงไปที่แผ่นหลังของพวกเขา หากพวกเขาทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเอง พวกเขาก็จะกลายเป็นคนไร้ค่าและพวกเขาก็จะอ่อนแอกว่าคนปกติหลายเท่า พวกเขาจะได้รับความอับอายจากทุกๆคน และถ้าพวกเขาทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเอง นั่นอาจจะเป็นจุดจบของพวกเขา


ฝูงชนตกใจเช่นกัน หากโดนทำลายการบ่มเพาะพลังของตนเองมันจะเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก แต่ถ้าพวกเขาเป็น หลินเฟิง พวกเขาก็จะทำเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องการสังหาร หลินเฟิง และ หลินเฟิง ต้องการสอนบทเรียนให้กับพวกเขา


“ข้าจะโอกาสให้พวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าทำลายการบ่มเพาะพลังของนาง พวกเจ้าก็ไม่ต้องทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเอง” หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชาขณะชี้ไปที่ หยูเจี้ยว


หยูเจี้ยว ตกใจ เมื่อสักครู่นางต้องการให้พวกเขาสังหาร หลินเฟิง และเสนอร่างของตัวเองให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ หลินเฟิง กำลังบอกให้พวกเขาทำลายการบ่มเพาะพลังของนาง


เมื่อ หลินเฟิง พูดจบ นักเรียนทั้ง 3 จ้องมองไปที่ หยูเจี้ยว ด้วยเจตนาฆ่า


“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าเพียงการหายใจ 10 ครั้ง ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะทำลายการบ่มเพาะพลังของพวกเจ้าทิ้งซะ”


หลินเฟิง พูดเพียงแค่ประโยคเดียว ในขณะนั้นนักเรียนทั้งสามได้ปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน พวกเขาทั้งสามพุ่งตรงไปหา หยูเจี้ยว อย่างรวดเร็ว


ด้านหน้าของพวกเขาคือลูกแกะที่กำลังรอพวกเขาเชือด หยูเจี้ยว


หยูเจี้ยว กลัวตาย การถูกโจมตีโดยทั้งสามคนที่แข็งแกร่งกว่านางทำให้นางหวาดกลัว เมื่อ หลินเฟิง พูด ชะตากรรมของนางก็ถูกตัดสินแล้ว … หรือบางทีชะตากรรมของนางอาจจะจบไปแล้วตั้งแต่ตอนที่นางพยายามทำให้ หลินเฟิง ขายหน้าและจะสังหาร หลินเฟิง 


เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองดังไปทั่วชั้นสี่ หลินเฟิงไม่ได้มองไปทีทิศทางของเสียงที่ดังขึ้นและพูดอย่างใจเย็นว่า “พานางและเก็บซากศพพวกนี้ออกไปซะ หลังจากนี้ ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเจ้าคนใดอยู่ที่ชั้นสี่”


นักเรียนทั้งสามตกใจ พวกเขารีบเก็บซากศพทันทีตามด้วย หยูเจี้้ยว ในตอนนี้นางไม่มีพละกำลังแม้แต่จะยืนด้วยตัวเองอีกต่อไป และแล้วพวกเขาก็ออกไป ขณะที่กำลังเดิน พวกเขายังคงจ้องมองไปที่ หยูเจี้ยว อย่างเย็นชา  ผู้หญิงคนนี้เกือบทำให้พวกเขาต้องจ่ายด้วยการบ่มเพาะพลัง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้พุ่งเข้าไปหา หลินเฟิง แบบกงหลุน มิฉะนั้นพวกเขาคงจะตายไปแล้ว


การบ่มเพาะพลังของนางถูกทำลายไปแล้ว…ตอนนี้นางก็เหมือนกับตายทั้งเป็น นางไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้อีกต่อไป นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ


หลินเฟิงไม่สนใจพวกนั้นขณะที่เดินจากไป เขาเดินตรงไปยังห้องที่มีคำว่า “ห้ามเข้า” เขียนไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา


“หากนี่เป็นกฎ ข้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎ” หลินเฟิง กล่าวขณะที่มือของเขาอยู่บนข้อความและลบข้อความพวกนั้นทิ้ง


หลังจากนั้น หลินเฟิง ก็ชี้นิ้วออกไปหนึ่งนิ้วและปรากฏเป็นแสงบนปลายนิ้วมือของเขา ในชั่วพริบตาคำว่า “หลิน” ก็ปรากฏขึ้น


จากนั้นหลินเฟิงก็ไปที่ห้องอีกเจ็ดห้องที่เหลือและทำแบบเดียวกัน ทั้งชั้นสี่ถูกจับจองโดย หลินเฟิง


ฝูงชนกำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างอ้างว้างและยังคงเงียบอยู่


ชายคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ และยังกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อ


แม้ว่า หลินเฟิง จะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ก็จะไม่มีห้องใดเลยที่พวกเขาจะสามาถใช้ได้เพราะมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถใช้ห้องพวกนี้ได้ นั่นคือกฎ


ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอไม่สามารถพูดอะไรได้


หลินเฟิง อาศัยพลังของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ของเขา เขาก็สามารถสังหารผู้คนที่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้เขาได้ทำให้คนอื่นๆที่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ 6 เชื่อฟังเขาด้วยความหวาดกลัว ช่างน่าเกรงขามอะไรเยี่ยงนี้!


“จนกว่าข้าจะลบชื่อของข้าออก พวกเจ้าไม่สามารถเข้าไปในห้องพวกนี้ได้ ทุกห้องเป็นของข้า และหากมีคนใดเข้าไป ให้คิดถึงผลที่จะตามมาซะ” หลินเฟิง กล่าวน้ำเสียงที่ทรงพลังอย่างมาก


จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องของ กงหลุน ทันที มีเสียงดังก้องขึ้นขณะที่ประตูปิดตัวมันเอง พลังปราณที่บริสุทธิ์กำลังเปล่งแสงสดใสเมื่อประตูปิดลงอย่างช้าๆ


เมื่อพวกเขาเห็นแสงสดใสนั้นที่อยู่ภายใน ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไม กงหลุน ถึงใส่ศิลาบริสุทธิ์เข้าไปให้เพียงพอ ก็เพื่อที่จะบ่มเพาะพลังได้เป็นเวลานานนั้นเองทำให้ หลินเฟิง ไม่จำเป็นต้องใช้หินบริสุทธิ์ใดๆเลย


อย่างน้อยนี่ก็เพียงพอใช้งานจนกว่าการต่อสู้ของเขากับ เฮยหม่า จะเกิดขึ้น


พลังปราณบริสุทธิ์บนชั้นสี่มีความหนาแน่นและบริสุทธิ์อย่างมาก หลินเฟิง มีความรู้สึกว่ารูขุมขนทั้งหมดของเขาเปิดกว้างและกำลังดูดซับพลังปราณ เขาเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและปราศจากความกังวลใดๆ เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังโหยหาพลังปราณ เขาต้องการที่จะกลืนกินพลังปราณบริสุทธิ์ทั้งหมดเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา


หลินเฟิง กำลังนั่งสมาธิอยู่ และเขากำลังใช้จิตวิญญาณสวรรค์ของเขาและกำลังเข้าสู่สถานะเข้าณาน


พลังปราณที่บริสุทธิ์หมุนเวียนอยู่รอบๆ ขา กระดูก เส้นเลือด และกล้ามเนื้อของเขา เริ่มแข็งแกร่งขึ้นขณะที่ดูดซับพลังปราณบริสุทธิ์ นอกจากนี้ หลินเฟิงไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่พลังปราณบริสุทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเขาเริ่มบริสุทธิ์มากขึ้นและมากขึ้น


ในขณะที่กำลังบ่มเพาะพลัง  หลินเฟิงไม่รู้ว่าเขากำลังมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆในสถาบันสำนักสวรรค์ และการต่อสู้ระหว่างเขากับ เฮยหม่า กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...



Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook