ตอนที่ 171 กฏ
**(เนื่องจากเพื่อนๆในเพจหลายคนแนะนำให้เปลี่ยนจากดาบเป็นกระบี่ก็ตามนั้นครับ)**
หลินเฟิง ได้ฆ่า เค่อเฉิง อาจเป็นเพราะ เค่อเฉิง ได้ประเมิน หลินเฟิง ต่ำเกินไป และเขากำลังต่อสู้
กับ สูหนิง ในเวลาเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ตาม สูหนิง ได้เห็น เค่อเฉิง ตาย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่สูหนิง จะจัดการ
หลินเฟิง ได้อย่างง่ายดาย เขาต้องใช้พลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของตัวเองตั้งแต่เริ่ม สูหนิง
ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณนักอินทรีออกมาและต่อสู้ด้วยจนสุดความสามารถ อย่างไรก็ตาม
หลินเฟิง ยังคงฆ่า สูหนิง และ หลินเฟิง ได้อาศัยความแข็งแกร่งระดับจิตวิญญาณขั้นที่ห้าใน
การโจมตีร่างของ สูหนิง จนกระทั่ง สูหนิง ไม่สามารถหลบหนีได้ และฆ่าเขาด้วยกระบี่
อย่างง่ายดาย
ผู้ชายคนนั้นช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ!! เขาฆ่า สูหนิงไปแล้ว ทำไมข้าไม่เคยเห็นเค้ามาก่อน?
มีผู้คนจำนวนมากได้รวมตัวกันอยู่ที่ชั้นที่สี่ คนเหล่านั้นต่างกระซิบพูดคุยกัน พวกเขาได้เห็น
หลินเฟิง ฆ่า สูหนิง ด้วยการโจมตีด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียวอย่างง่ายดาย
"ฮ่าๆ เจ้าไม่รู้จักเขางั้นรึ? ที่น่าแปลกใจก็คือชื่อเสียงของเขาที่กำลังแพร่กระจายไปในสถาบัน
อยู่ในขณะนี้ "
"หลินเฟิง!"
หยูเจี้ยว มองอย่างมึนงง อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีกลับเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่ที่น่านับถือทั้งที่
ดูแล้วไม่น่าเชื่อซักเท่าไหร่แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ... เมื่อ หยูเจี้ยว ได้นึกถึงเรื่อง
ราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับ หลินเฟิง และเรื่องราวที่ได้ยินมาทำให้หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น
"ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้า และเขาสามารถฆ่า เค่อเฉิง และ สูหนิง ได้ ... และข้าไม่เคยเห็นเขา
มาก่อน ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็น หลินเฟิง "
หยูเจี้ยว รู้สึกตกใจเล็กน้อย นางก็เช่นเดียวกับ เค่อเฉิง และ สูหนิง ที่ได้ตัดผ่านไปยังชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่หก แต่เธอไม่ใช่คู่มือของทั้งสองคน ถ้าเธอต่อสู้กับ หลินเฟิง เขาก็จะฆ่า
เธอด้วย
หลินเฟิง ถือกระบี่ใช้ปลายกระบี่ชี้ไปที่ หยูเจี้ยว ซึ่งทำให้เธอสั่นสะเทือนด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาของเธอเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
"เราไม่ใช่ศัตรูกันถ้าเจ้าต้องการห้องฝึกบ่มเพาะพลังข้าจะมอบให้กับเจ้าก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง
ทำอันตรายกับสาวน้อยผู้อ่อนแอเช่นข้า "
หยูเจี้ยว ยิ้มและพยายามเกลี้ยกล่อม หลินเฟิง ด้วยเสน่ห์ของเธอ หลินเฟิงกลับ ยิ้มให้อย่าง
เย็นชา ผูหญิงคนนี้ยังยิ้มได้และยังหว่านเสน่ห์แม้จะอยู่ภายในสถานะการณ์เช่นนี้ เธอกลับ
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะหวาดกลัวก็ตาม
"เดิมทีเราต่างก็ไม่ได้มีความเกลียดชังซึ่งกันและกันระหว่างเจ้ากับข้า แต่เมื่อสักครู่นี้ถ้าข้า
อ่อนแอกว่าเพียงเล็กน้อยข้าเกรงว่าข้าอาจจะเป็นคนที่นอนตายอยู่บนพื้นในตอนนี้ เจ้าบอก
ว่าไม่จำเป็นต้องทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นเจ้างั้นรึ? เจ้าไม่คิดว่ามันเรื่องไร้สาระเกินไปหน่อยรึ"
หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชาขณะเดิน
"แล้วเจ้าต้องการอะไร?"หยูเจี้ยว ถาม
"ทำลายการบ่มเพาะพลังของเจ้าซะ" หลินเฟิง กล่าว แม้ว่าจะเป็นสาวงามก็ตาม แต่เธอก็
ต้องชดใช้สำหรับพฤติกรรมของเธอ
ทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเอง!
หยูเจี้ยว สั่นสะท้านด้วยความกลัว การฝึกฝนการบ่มเพาะพลังตลอดจนการได้ตัดผ่านไปยัง
ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่หก กว่าจะมาถึงวันนี้นั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างมาก แต่
หลินเฟิงกลับต้องการให้เธอทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเอง? แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็
เหมือนกับตายทั้งเป็น
"ไม่มีทางเลือกอื่นเลยงั้นรึ?"หยูเจี้ยว ถามด้วยท่าทางที่ยั่วยวน
"ไม่" หลินเฟิง ตอบอย่างหนักแน่น
การแสดงออกของ หยูเจี้ยว เปลี่ยนไปทันทีพร้อมทั้งกัดฟันแล้วเธอกล่าวว่า "ไอ้เวรเอ้ย"
ขณะพูดคุยเธอเดินผ่านฝูงชนและไปยังห้องฝึกฝนบ่มเพาะพลังห้องอื่น เธอได้ชกประตูทันที
ซึ่งทำให้เกิดเสียงดัง จากนั้นเธอก็ไปอีกห้องและก็อีกห้องหนึ่ง เสียงชกประตูสี่ครั้งซึ่งดังไป
ทั่วชั้น
ฝูงชนได้เปิดทางให้กลับ หลินเฟิง หลินเฟิง ยังคงเดินต่อไป ทันทีหลังจากเสียงชกประตูดัง
ลั่นของทั้งสี่ห้องจบลง มีร่างเงาได้ปรากฏออกมาจากห้องฝึกฝนทั้งสี่ ปรากฏเป็นเงาสี่ร่าง
บนชั้นที่สี่มีห้องฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่แปดห้อง มีสองห้องที่ว่างเปล่าแล้วเพราะทั้งสองห้อง
นั้นของ เค่อเฉิง และ สูหนิง ที่ถูกฆ่าไป เมื่อสี่คนนี้ออกมาทุกห้องบนชั้นที่สี่ก็ว่างเปล่าและ
ทุกคนก็ออกมายืนข้างนอกห้อง
แต่ในขณะนั้นไม่มีใครกล้าที่จะต่อสู้แย่งชิงมันไป สำหรับคนจำนวนมากที่อยู่ชั้นที่สี่นั้นพื้น
ที่มีจำกัด เฉพาะผู้ที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในห้องเหล่านั้นได้
"หยูเจี้ยว เจ้าต้องการอะไร?" ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ถามขณะที่ขมวดคิ้ว
"มีบางคนอยากจะสังหารข้า" หยูเจี้ยว กล่าว
"ฆ่าเจ้างั้นรึ?" เงาทั้งสี่ร่างที่เพิ่งออกมาจากห้องรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก น่าแปลกใจที่มี
คนที่ต้องการจะสังหารผู้หญิงที่มีเสน่ห์เช่นนี้
"ใครบางคนอยากจะฆ่าสังหารเจ้า แล้วจะให้พวกข้าทำเช่นไรดี?" หนึ่งในนั้นพูดติดตลกใน
ขณะที่ยิ้ม
"กง หลุน เจ้านี่ช่างจิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ" หยูเจี้ยว ยิ้มอย่างยั่วยวนกับชายหนุ่ม จากนั้นเธอ
ก็ยิ้มและพูดอีกว่า : "แล้วใครจะเล่นกับเจ้าคืนนี้ล่ะถ้าข้าตาย?"
"เล่นกับข้างั้นรึ?" กงหลุน กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า แล้วมีประกายแสงในดวงตา
ของเขาขณะที่มองไปที่ร่างของ หยูเจี้ยว และเขากล่าวว่า "แม้ว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่แล้วข้าจะมี
โอกาสได้เล่นกับเจ้ารึไง?"
หยูเจี้ยว มองไปที่ กงหลุน ด้วยท่าทางที่เย้ายวนในดวงตาของเธอและกล่าวว่า "ถ้าเจ้าอยาก
เล่นกับข้าเพียงแค่ทำเรื่องหนึ่งให้กับข้า"
"โอ้วว" กงหลุน กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายเช่นเดียวกันบนใบหน้าของเขาและกล่าวว่า "อย่า
หวังให้ข้าทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย"
"แน่นอนว่าไม่เกินมือเจ้าหรอก. ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าสังหารมัน ถ้าเจ้าทำได้ข้าจะปล่อย
ให้เจ้าเล่นกับข้าคืนนี้ "หยูเจี้ยว กล่าวขณะที่หัวเราะคิกคัก ด้วยท่าทางที่ยั่วยวน ความคิด
ของฝูงชนเต็มไปด้วยความปรารถนาเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูด หยูเจี้ยว เป็นเหมือนกับ
สมบัติล้ำค่าจริงๆ
"เช่นเดียวกันกับพวกเจ้าทั้งสามคนถ้าใครฆ่ามันได้ข้าจะนอนกับพวกเจ้าทั้งหมด" หยูเจี้ยว
กล่าว กับอีกสามคน ในขณะที่ชี้นิ้วไปที่ หลินเฟิง
กงหลุน และอีกสามคน มีความต้องอยากหลับนอนกับ แม่นางหยูเจี้ยว ในดวงตาของพวก
เขา ข้อเสนอนั้นน่าสนใจอย่างมาก
"ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เค่อเฉิง และ สูหนิง ต้องถูกฆ่าโดยเขาแน่นอน เจ้าต้องการให้พวกเราฆ่า
มันแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อพวกเรารึไง? ห้ามฆ่ากันในหอคอยบ่มเพาะพลังมิใช่รึ "หนึ่งใน
นั้นยิ้มอย่างบูดเบี้ยวขณะมอง หยูเจี้ยว
"อันที่จริงแล้วมันฆ่าไปแล้วสองคน ชายคนนั้นถึงจะแค่ตัดผ่านชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าแต่
สามารถควบคุมพลังอำนาจกระบี่ได้ เขาเป็นนักบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งจริงๆที่สามารถต่อ
สู้ผู้ที่อยู่ระดับเหนือกว่าการบ่มเพาะพลังของตัวเองได้ แล้วเขายังกล้าที่จะทำให้ข้าอับอาย
เขาขโมยห้องฝึกของข้าอีก แล้วข้าควรทำอย่างไรเมื่อได้เห็นสิ่งนั้น? นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอก
เค่อเฉิง และ สูหนิง เพื่อไปสู้กับชายผู้นั้น แต่ไอขยะสองคนนี้กลับสู้กันเองและ เค่อเฉิง ก็ถูก
สังหารทันที จากนั้นเหลือ สูหนิง อยู่คนเดียว เขาจึงถูกจบชีวิตลงด้วยกระบี่ของชายผู้นั้น "
"เขาตัดผ่านไปชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าและสามารถควบคุมพลังอำนาจกระบี่ได้ ?" กงหลุน
แทบไม่อยากเชื่อ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็น หลินเฟิง ต่อสู้กับคนอื่นขณะที่เขากำลังบ่ม
เพาะพลังภายในห้องที่ปิดสนิท
"ถ้าเขาแข็งแกร่งมากพอเขาก็ควรจะอยู่ที่ชั้นสาม" หยูเจี้ยว รู้ว่า กงหลุน หมายความว่า
หลินเฟิง นั้นไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะไปที่ชั้นสาม
ในขณะนี้ หลินเฟิง มองไปที่คนเหล่านี้และพูดด้วยเสียงที่เย็นชาและไม่แยแส: "จะพูดกันอีก
นานไหม?"
"หือ?" กงหลุน ขมวดคิ้วขณะจ้องมองไปที่ หลินเฟิง
"ถ้าเจ้าพูดจบแล้วก็หลบไปให้พ้น" พลังงานที่เย็นยะเยือบได้ไหลออกมาจากร่างของ หลินเฟิง
และเขาได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ที่รุนแรงออกมา กงหลุน รู้สึกประหลาดใจ แต่อย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ตามที่คาดไว้เขาได้ตัดผ่านชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้า
และพึ่งพาพลังอำนาจกระบี่ของตัวเอง นั่นแทบไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลัง
ทั่วไปที่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่หกได้ แต่ สูหนิง และ เค่อเฉิง ก็เป็นขยะจริงๆนั้นแหละพวก
เขาถูกฆ่าโดยคนที่อ่อนแอ
"เจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะหยิ่งเกินไปบ้างรึ?" กงหลุน กล่าวขณะยิ้มและพูดต่ออีกว่า : "เป็นเรื่องจริง
ที่เจ้าได้ตัดผ่านชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าซึ่งไม่ได้อ่อนแอ แต่ในสายตาของเราแค่นี้นั้นไม่พอมือ
ถ้าเจ้าคิดว่าเพราะเจ้าสามารถเอาชนะ เค่อเฉิง และ สูหนิง ได้แล้วเจ้าจะเอาชนะเรางั้นดี ข้า
จะบอกเจ้าตอนนี้เลยว่าเจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก สูหนิง นั้นห่างไกลจากความแข็งแกร่งของพวก
เราอย่างมาก "
"เจ้าพูดจบรึยัง?" หลินเฟิง กล่าวราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ กงหลุน พูดไปซึ่งทำให้ กงหลุน
ประหลาดใจ ดวงตาที่เย็นชาของ กงหลุน หลินเฟิง ไม่ได้เห็นแก่หน้าเขาแม้แต่น้อย
"ถ้าเจ้าพูดจบแล้วก็หลบไปก่อนที่ข้าจะทำให้เจ้าหลบ"
หลินเฟิง เดินและปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมามากขึ้น
"ช่างอวดดีอะไรเยี่ยงนี้" กงหลุน มองด้วยสายตาที่อยากฆ่าและกล่าวว่า "หยูเจี้ยว จำสิ่งที่
เจ้าพูดไว้ให้ดี"
"ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้าฆ่าเขาได้แน่นอนข้าจะนอนกับเจ้าคืนนี้และเจ้าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดใน
สถาบันเลย."
หยูเจี้ยว ยิ้มขณะที่พูดกับนักเรียนคนอื่น ๆ อีกสามคนว่า "เช่นเดียวกันกับพวกเจ้าถ้า
พวกเจ้าฆ่า หลินเฟิง ได้ข้าจะนอนกับพวกเจ้า"
นักเรียนทั้งสามคนมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคลั่งใคล้ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาขณะที่
พวกเขามองไปที่ หลินเฟิง อย่างชั่วร้าย พวกเขาเริ่มเดินอย่างช้าๆไปหา หลินเฟิง และมอง
เขาด้วยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน หลินเฟิง แค่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่
เขาจะต่อสู้กับทุกคนได้
"เจ้ายังไม่เข้าใจกฎงั้นสินะ ...การขโมยห้องของผู้อื่นและแม้แต่การฆ่าคนที่นี่ ... ตามกฎคนผู้
นั้นต้องถูกฆ่า ข้าจะฆ่าเจ้าเพราะละเมิดกฎ "กงหลุน กล่าวขณะจ้องมองที่ หลินเฟิง
"ข้าไม่เข้าใจกฎงั้นรึ? อาจเป็นเพราะข้าตัดสินใจใช้ห้องที่พวกเจ้าเขียนไว้ว่า "ห้ามเข้า" แม้
ว่าจะไม่มีใครใช้มัน ไม่ใช่กฎของพวกเจ้าเองงั้นหรอกรึ? เมื่อพวกมันพยายามที่จะสังหารข้า
สุดท้ายจบลงด้วยถูกฆ่าซะเอง แล้วข้าไม่เข้าใจกฎตรงไหนมิทราบ? เจ้าตัดสินใจได้อย่างไรว่า
ใครทำผิดกฎและไม่ได้ทำผิด "หลินเฟิง กล่าวอย่างหนาวเย็น
กงหลุน ยิ้มอย่างเย็นชา "เฉพาะคนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถสร้างกฎของตัวเองได้ ผู้บ่ม
เพาะพลังที่แข็งแกร่งสามารถเขียนคำว่า "ห้ามเข้า" เหนือห้องได้ดังนั้นเจ้าไม่ได้รับอนุญาต
ให้เข้า เจ้าสามารถฆ่าขยะสองคนนั้นไปก็ไม่ทำให้สถาบันเสื่อมเสียหรอก ตอนนี้เจ้ากำลังจะ
ตายด้วยเช่นกันและสถาบันจะไม่สนใจเรื่องการสูญเสียขยะไปอีกซักคนหรอกมั่ง นั่นคือกฎ
ที่สร้างขึ้นโดยผู้ที่แข็งแกร่งไงละ "
"ข้าเข้าใจแล้ว" หลินเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้มไม่แยแส เขาเริ่มเดินและเหมือนดั่งภาพลวงตา
กระบี่ได้ออกมาจากความว่างเปล่านั้น
กระบี่นั้นดูธรรมดาและไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีพลังอำนาจกระบี่ที่เฉียบคมออกมาจากมัน
แต่ในพริบตาก็มาถึงด้านหน้าของ กงหลุน
กงหลุน ยิ้มเมื่อเห็นกระบี่ของ หลินเฟิง ที่พุ่งเข้ามาหาเขา พลังงานทีอันตรายได้ปรากฏขึ้น
และกดทับร่างกายของเขา หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น เขาจ้องมองไปที่กระบี่ที่เคลื่อนมา
ทางเขา เขาพยายามที่จะหลบมัน แต่ก่อนที่เขาจะขยับตัวเขาก็มีความรู้สึกเจ็บในอก
รอยยิ้มได้หายตัวไปจากใบหน้าของเขาแล้ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแสดงความเจ็บปวด
และความทรมานออกมา
มีเพียงด้ามกระบี่ที่ยื่นออกมาจากทรวงอกของเขาแทงทะลุเข้าไปในร่างกาย
กงหลุน ถูกฆ่าตายโดยที่ไม่ทันได้ต่อสู้
"ข้าชอบกฎนี้นะ" หลินเฟิง กล่าวอย่างเฉยเมย คำพูดของเขาก้องไปทั่วชั้นที่สี่ หัวใจของ
ทุกคนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ต่อไปนี้จะเป็นกฎของคนที่แข็งแกร่ง....
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น