ตอนที่ 169 ใครฆ่ากันแน่?
“ห้ามเข้า”
หลินเฟิง กำลังอ่านคำที่เขียนอยู่บนหินซึ่งทำให้เขายิ้มอย่างไม่สนใจ
หอคอยบ่มเพาะพลังเป็นหนึ่งในทรัพยากรของสถาบันสำนักสวรรค์ เพื่อให้นักเรียนทุกคน
ได้รับประโยชน์จากมัน
นักเรียนที่แข็งแกร่งสามารถไปที่ห้องบ่มเพาะพลังที่ชั้นล่างและมีความสำคัญมากกว่า
คนอื่น ๆ ... แต่การป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาในห้องฝึกฝนนั้นไม่ได้ทำเกินจริงไปซะทีเดียว
พวกเขาสามารถป้องกันไม่ให้นักเรียนคนอื่นเข้าถึงแหล่งทรัพยากรของสถาบันเพื่อไม่
ให้พวกเขาได้ใช้มัน?
หลินเฟิง ยื่นมือของเขาและสะบัดข้อมือ พลังปราณของเขาลบชื่อบนหินออก เขาไม่ได้
มองชื่อที่เขียนถัดไปว่า "ห้ามเข้า" ใครก็ตามที่คิดว่าพวกเขาเป็นเจ้าของห้องนั้นไม่ได้
สำคัญอะไร ห้องนี้ไม่ได้ถูกใช้งานนี้สิเป็นเรื่องที่สำคัญ
หลินเฟิง หยิบศิลาบริสุทธิ์และวางไว้ภายในรูเพื่อเปิดใช้งานห้อง ในขณะนั้นมีแสงออก
มาจากภายในห้อง
ประตูห้องฝึกฝนได้เปิดออกในขณะที่เปล่งเสียงดังกึกก้อง ในขณะนั้นพลังปราณได้
ถูกปลดปล่อยออกมาซึ่งทำให้ หลินเฟิง รู้สึกถึงความสุขและความผ่อนคลาย ไป
พร้อมๆกัน เขาได้หายใจเข้าไปลึก ๆ
ในขณะที่ หลินเฟิง กำลังเดินเข้าไปในห้องฝึกฝน มีใครบางคนตะโกนว่า "หยุด!"
เมื่อ หลินเฟิง ได้ยินเสียงตะโกนนั้นเขาก็หยุดและหันกลับมาทันที เขาเห็นผู้หญิง
ที่สวยงามคนหนึ่งกำลังเดินไปหาเขา
น่าแปลกใจที่มันกลับเป็นเด็กผู้หญิง เธอสวมเสื้อผ้าที่ดูน่าสนใจ เธอทั้งหุ่นดี
สมส่วนและเอวของเธอแกว่งไปมาทุกๆย่างก้าวที่เดิน แต่ลก้าวของเธอทำให้
ร่างกายของเธอชวนน่าหลงใหล ลักษณะการเดินของเธอดูนุ่มนวลและไหล
ลื่น
มีประกายไฟในดวงตาของ หลินเฟิง เท่าที่เห็นก็คือผู้หญิงคนนั้นมีความสวย
ไม่เท่ากับ หลิวเฟย แม้ว่าร่างกายของเธอคล้ายกับ หลิวเฟย ก็ตาม แต่เสน่ห์
ของ หลิวเฟย นั้นมีมากกว่า ขณะที่เดินอยู่หลังเธอตรงและหน้าอกของเธอ
ก็ล้นมาข้างหน้า เธอดูร่าเริงและเอวของเธอเรียวยาว แขนของเธอนั้นพับอยู่ใต้
อกได้อย่างสบาย เธอสามารถทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกเล่าร้อนและหมายปอง
อยากได้เธอไว้ครอบครอง
จากด้านหน้า หลินเฟิง สามารถมองเห็นบางอย่างของเธอที่ยื่นออกมาจาก
เสื้อผ้าของเธอ หน้าอกที่ขาวเนียนไร้ที่ติที่มีขนาดใหญ่อย่างมากของเธอ
ดูน่าหลงใหล เธอช่างสมบูรณ์แบบ
"ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นนางแบบในโลกก่อนหน้านี้เธอก็จะมีชื่อเสียงในระดับ
นานาชาติได้เลย"
หลินเฟิง แอบคุยกับตัวเอง หลินเฟิง ควบคุมตัวเองและทำให้หัวใจเต้นช้าลงอีกครั้ง
ความมุ่งมั่นและจิตใจที่มั่นคงของเขาในฐานะนักบ่มเพาะพลังที่มีความแข็งแกร่ง
เขาสามารถควบคุมการทำงานของร่างกายของเขาได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป
"เจ้าไม่เห็นที่เขียนไว้บนประตูรึไง? ห้องนี้เป็นของข้า "
สาวน้อย ยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาของเธอเผยให้เห็นความเย็นชา อันที่จริง
แล้วเธอดูหยิ่งยโส
"ข้ามองไม่เห็นจริงๆ"
หลินเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หญิงสาวเดินไปได้สองก้าวและมองไปที่ก้อนหิน
ที่อยู่ระหว่างห้อง เห็นได้ชัดว่าชื่อของเธอและคำว่า "ห้ามเข้า" นั้นไม่มีอีกต่อไป
พวกมันหายไป มีคนลบมันไปแล้ว
"เจ้าเป็นคนทำมันงั้นรึ?"
เด็กผู้หญิงขมวดคิ้วขณะถามคำถาม ในขณะนั้น หลินเฟิง รู้สึกถึงพลังปราณที่
เย็นยะเยือบที่เธอปล่อยออกมา
"ถ้าเจ้าสามารถแกะสลักสิ่งต่างๆลงในหินได้แล้วทำไมจะไม่มีใครบางคนมาลบสิ่งที่เขียน
อยู่ที่หินออกไปได้ล่ะ?" หลินเฟิง ตอบอย่างไม่แยแสโดยไม่ต้องการเปิดเผยว่าเขาเป็นผู้ร้าย
เธอมองไปที่ หลินเฟิง แล้วทันใดนั้นการแสดงออกที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ปรากฏขึ้นใน
แววตาของเธอ ซึ่งทำให้ หลินเฟิง ประหลาดใจ
ทันทีหลังจากนั้นหญิงสาวได้เดินไปที่ห้องฝึกฝนห้องอื่นและทันใดนั้นก็ชกไปที่ประตูซึ่ง
ทำให้เกิดเสียงดัง
"ฮะ?"
หลินเฟิง มองด้วยความตกใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่? ทำไมเธอถึงชกประตูห้องฝึก
ฝนของคนอื่น
เป็นอะไรที่น่าแปลกใจที่สุดสำหรับ หลินเฟิง เธอไม่ได้หยุดชกประตูแม้แต่น้อย เธอเดินไป
ที่ประตูอื่นอีกแล้วเธอก็ชกประตูหินห้องอื่น ซึ่งทำให้มันสั่นเล็กน้อย
เสียงดังแผ่ซ่านไปทั่วอากาศ ประตูเปิดขึ้นมาเล็กน้อย เสียงที่เย็นชาได้กระจายออกไปทั่ว
บรรยากาศ พลังปราณที่เย็นยะเยือบและรุนแรงอย่างมากได้โผล่ออกมาจากในห้อง
"นั้นใครกัน?"
ทันทีหลังจากนั้นมีสองคนเดินออกมาจากห้องเพาะฝึกฝนของตน พวกเขามึนงงที่ได้เห็น
หญิงสาวที่มีเสน่ห์กำลังรอพวกเขาอยู่ ลึกลงไปในหัวใจของพวกเขา พวกเขารู้สึกหงุดหงิด
แต่การแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไป ซึ่งกลายเป็นรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง
บนใบหน้าพวกเขาแทน แล้วกล่าวว่า " เจี้ยวเจี้ยว มีปัญหาคืออะไรรึป่าว?"
"สูหนิง มีใครบางคนข่มขู่ข้า"
เด็กหญิงคนนั้นพยายามจะทำตัวให้ดูน่ารักเพื่อที่เธอจะสามารถจัดการกับชายหนุ่มสองคนนี้
ได้ เธอจับแขนชายหนุ่มคนหนึ่งขณะที่หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอค่อย ๆ กดลงไปที่ลำตัวของ
อีกคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ สูหนิง กลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นเขาก็เริ่มมองไปที่ร่างของเธอดูราวกับ
คนบ้าที่คลั่งไคล้ ใจจิตและความมุ่งมั่นของพวกเขาในเส้นทางการบ่มเพาะพลังนั้นสูงและ
พวกเขาสามารถหยุดตัวเองจากการสูญเสียจิตใจเพราะความงามของผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาทั้งสองจะไม่สูญเสียตัวของตัวเองให้กับความงามของเธอ อย่างไรก็ตามบางครั้งพวก
เขาชอบที่จะเพลิดเพลินไปกับความสุขของเรือนร่างที่เย้ายวน คนที่ปฏิเสธอย่างเปิดเผยนั้น
ก็หาได้ยากยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สถาบันสำนักสวรรค์ มีคนบอกว่าไม่มีใครไม่มีความสุขกับความน่าเสน่ห์หา
ที่ชวนหลงใหลเยี่ยงนี้ แม่นางหยูเจี้ยว เป็นผู้หญิงที่งดงาม
ชายหนุ่มคนอื่น ๆ เมื่อเขาเห็น แม่นางหยูเจี้ยว ที่กำลังกดหน้าอกของเธอกับ สูหนิง พวกเขาต่าง
มองด้วยความอิจฉาริษยาอย่างมาก แม่นางหยูเจี้ยว ทำให้เขาหลงไหลและมีความปรารถนาที่
หวังจะได้ลิ้มรส แม่นางหยูเจี้ยว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับเธอ ที่สถาบันสำนัก
สวรรค์ คนที่ใช้เวลาอยู่บนเตียงกับเธอทั้งคืนได้นั้นจะมีชื่อเสียงอย่างมาก
"เค่อเฉิง ชายคนนั้นพยายามใช้ห้องฝึกฝนของข้า แล้วเขายังลบชื่อของข้าออกจากหินหน้าห้อง
ด้วย เขากำลังข่มขู่เด็กน้อยที่อ่อนแอเช่นข้า "
หยูเจี้ยว เดินออกมาจาก สูหนิง แล้วเข้าใกล้ เค่อเฉิง มากขึ้น เธอคว้ามือของ เค่อเฉิง และกอด
มันไว้แน่น ปลายแขนของ เค่อเฉิง ติดกับร่างที่ยั่วยวนของเธอ เค่อเฉิง มีความรู้สึกว่าแรง
ปรารถนาของเขากำลัง
ทวีคูณมากขึ้น
หลินเฟิง ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมซึ่งกำลังดูฉากเบื้องหน้า ผู้หญิงคนนี้กำลังใช้ร่างของเธอเป็นอาวุธ
เธอได้กระตุ้น สูหนิง และ เค่อเฉิง ทั้งคู่ต่างก็จ้องมองที่ หลินเฟิง และพร้อมที่จะสู้เพื่อ หยูเจี้ยว
สูหนิง กล่าวว่า "การพยายามที่จะใช้ห้องฝึกฝนของ เจี้ยวๆ นั้นเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นไปรึป่าว"
ขณะเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ หลินเฟิง
"ฮ่าๆ ช่างเป็นเป็นสัตว์ที่ไร้การศึกษาเสียจริง เจ้าไม่เข้าใจกฎที่นี่เหรอ? " เค่อเฉิง กล่าวขณะที่ยิ้ม
อย่างเย็นชาไม่ยอมแพ้ สูหนิง
“บ้าบิ่น? สัตว์? "การแสดงออกของ หลินเฟิง เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือบเล็กน้อย เขามองไปที่ชายสอง
คนด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา พวกเขาต้องการใช้ หลินเฟิง เพื่อแสดงให้ แม่นางเจี้ยวเจี้ยว เห็น?
หยูเจี้ยว หัวเราะคิกคิกและปล่อยแขนของ เค่อเฉิง จากนั้นเธอก็กล่าวในขณะที่ยิ้มว่า "ข้าว่างในคืนนี้
ข้าไม่รู้ว่าหนึ่งในเจ้าสองคนจะสนใจมาที่ห้องของข้ารึไม่ ดังนั้นข้าอยากมีใครซักคนที่จะอยู่คุยด้วย
ในคืนนี้"
สูหนิง และ เค่อเฉิง มึนงงและสบตากัน รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา แม้ว่าเธอจะบอก
ว่าแค่เพียงพูดคุยกัน แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว พวกเขาก็อาจมีโอกาสเพลิดเพลินไปกับเรือน
ร่างของเธอก็เป็นได้
"เจ้าจะไปก่อนหรือว่าไม่?" สูหนิง ถามกับ เค่อเฉิง
"งั้นตกลงเราไปพร้อมกัน" เค่อเฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา ถ้าเขาบอกว่าเขาต้องการไปก่อน สูหนิง
จะยอมรับได้เยี่ยงไร?
"ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" สูหนิง กล่าวขณะที่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า "งั้นดี เรามาดูกันว่าใคร
สามารถฆ่าเขาได้ก่อนกัน? เจ้าคิดว่าดีไหม?"
“เอาล่ะ คนแรกที่ฆ่าเขาได้จะชนะ "เค่อเฉิง กล่าวขณะพยักหน้า ทันทีหลังจากนั้นสองนักเรียนมอง
ไปที่ หลินเฟิง โดยมีเจตนาฆ่าอย่างชัดเจนและรีบวิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
"ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่หก"
ทั้งสองคนนี้ได้ปลดปล่อยพลังปราณ และ พลังอำนาจ ไปในชั้นบรรยากาศเพื่อให้
หลินเฟิง รับรู้ความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ พวกเขาได้ตัดผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณ
ขั้นที่หกแล้ว แต่พวกเขายังคงอ่อนแอกว่า ต้าเถา หรือ เห๋ยหม่า พวกเขายังต้องเรียนรู้
เกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังมากกว่านี้
“ตู้มม!”
พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวบุกเข้าสู่บรรยากาศโดยรอบ สูหนิง และ เค่อเฉิง เคลื่อนไหว
ได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
"ออกไปให้พ้นทางของข้าซะ!"
ทันใดนั้นมีเสียงตะโกนซึ่งทำให้ หลินเฟิงมึนงง สูหนิง ที่เริ่มเคลื่อนไหวไปที่ หลินเฟิง
พร้อมกับ เค่อเฉิง ทันใดนั้นมีหมัดถูกปล่อยออกมาข้างหน้าไม่ใช่ หลินเฟิง แต่เป็น
เค่อเฉิง
"ฉันรู้ว่าเจ้าจะทำอะไรแบบนี้ไม่ช้าก็เร็ว" เค่อเฉิง กล่าวในขณะที่ยังโจมตี สูหนิง
ในขณะนั้นลมที่รุนแรงพัดออกมาแยกทั้งสองร่างออกจากกัน แต่ทันทีหลังจากนั้น
พวกเขาก็เริ่มหันไปทาง หลินเฟิง อย่างไรก็ตามทั้งสองคนยังระแวงกันเองอย่างที่สุด
กับอีกฝ่ายหนึ่ง
หลินเฟิง ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ มองไปที่นักเรียนทั้งสองคนที่กำลังโจมตีเขาในเวลาเดียวกัน
การแสดงออกในสายตาของ หลินเฟิง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาพบว่าฉากนี้ช่างน่าหัวเราะ
พวกเขาเป็นศัตรูและกำลังต่อสู้กันเองและในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ร่วมกันต่อสู้เพื่อโจมตี
หลินเฟิง
คลื่นพลังของสองแห่งกำลังสั่นสะเทือนในอากาศ สูหนิง และ เค่อเฉิง มองหน้ากันอีกครั้ง
และทันทีที่ทั้งสองได้ชกด้วยพลังอำนาจไปที่ หลินเฟิง ทันใดนั้นความรุนแรงนั้นได้พุ่งไป
ยัง หลินเฟิง ด้วยความเร็วเต็มพิกัด
สูหนิง ที่อยู่ด้านขวามีรอยยิ้มที่น่าเกลียดอยู่บนใบหน้าของเขา เขาได้ผลักมือซ้ายออกไปโจมตี
แล้วทั้งสองคนก็ยังใช้มือขวาโจมตีไปที่ หลินเฟิง ในขณะนั้น เค่อเฉิง ที่อยู่ด้านซ้ายของสูหนิง
หาก เค่อเฉิง ต้องการโจมตี หลินเฟิง เขาต้องหลบการโจมตีจาก สูหนิง
“อ่าาา.”
เค่อเฉิง อุทานเสียงดังแล้วเขาก็เพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้นเพื่อหลบการโจมตีของ สูหนิง และรีบ
ไปข้างหน้า
"ชีวิตของเขาเป็นของข้า" เค่อเฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าเกลียด ฝ่ามือของเขากำลังจะถึง
หลินเฟิง แต่ในขณะนั้นเองพลังอำนาจดาบอันมหาศาลได้ระเบิดออกมา มันทั้งรุนแรงอย่าง
มากและทำให้รู้สึกได้ถึงความตาย มันช่างน่าหวาดกลัว
พลังอำนาจดาบทำให้ร่างของ เค่อเฉิง แข็งทื่อด้วยความกลัว แสงที่เปร่งประกายได้โผล่ขึ้น
มาในอากาศ ในแสงที่สว่างจ้านั้น พลังปราณสีเทาที่หนาแน่นและอันตรายลอยเต็มอากาศ
"ท่าไม่ดีเสียล้ว!" เค่อเฉิง กล่าวขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนสี นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไร? เขารู้จักนัก
เรียนทหารที่แข็งแกร่งทุกคน... แต่เขาไม่เคยเห็น หลินเฟิง เลย หลินเฟิง มีความแข็งแกร่ง
มากแค่ไหนกัน? นอกจากนี้แล้วเขาสามารถควบคุมพลังอำนาจดาบเช่นไรได้อย่างไร?
สูหนิง ที่อยู่ข้างหลัง เค่อเฉิง ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหยุดการเคลื่อนไหวและตัว
แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่ง เขาเองรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลังในแสงนั่นที่กำลัง
เปร่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ
"หนี!"
เค่อเฉิง คิดได้เพียงแต่ว่าต้องหนีเท่านั้นในตอนนี้
เขาไม่อยากการโจมตี หลินเฟิง อีกต่อไปเขามองลงไปที่ หลินเฟิง เขาได้โจมตีไปที่ หลินเฟิง
เพียงลำพังเพราะเขาต้องการหลบการโจมตีของ สูหนิง เขาไม่ได้มีความคิดอื่นในเวลานี้ เมื่อ
เขาหยุดและต้องการที่จะหนี แสงจากดาบได้ส่องมาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว
เค่อเฉิง กำลังกระวนกระวายอย่างมาก เขาเสียใจที่เขาได้โจมตี หลินเฟิง เพียงลำพัง
เขาจ้องมองไปที่ดาบที่มีแสงสว่างจ้าซึ่งในที่สุดก็มาถึงเขา ทันทีหลังจากนั้น ไม่นานหัวของ
เขาก็ไม่ได้อยู่ติดกับร่างกายตัวเองอีกต่อไป
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !.
หัวใจของ สูหนิง และ แม่นางหยูเจี้ยว เต้นจนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงดังก้องอยู่ในอากาศ
พวกเขาจ้องมองที่ซากศพของ เค่อเฉิง บนพื้นดินและสั่นด้วยความกลัว
หัวของ เค่อเฉิง ถูกตัดออก เป็นการสอนบทเรียนที่ดี บทเรียนที่ต้องจ่ายมันด้วยเลือด
"นี่เจ้า ... ฆ่า เค่อเฉิง ... ภายในหอคอยบ่มเพาะพลังเลยรึ? "สูหนิง กล่าวขณะที่มองไปที่
หลินเฟิง
หลินเฟิง มอง สูหนิง ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
เมื่อพวกเขาต้องการที่จะฆ่า พวกเขาไม่ได้สนใจว่าพวกเขานั้นอยู่ในหอคอยบ่มเพาะพลัง
หรือไม่ แต่เมื่อพวกเขาพบว่าเจอคนที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็จำกฎได้ง่ายราวกับว่าพวก
เขาเลือกใช้ความจำนั้นเมื่อความตายจะมาถึงพวกเขา
"ข้าไม่เพียง แต่ฆ่ามัน แต่ข้าก็จะฆ่าเจ้าด้วย"
คำพูดของ หลินเฟิง ไหลออกจากปากของเขาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เริ่มเดินอย่างช้าๆ
ไปทาง สูหนิง ที่หัวใจกำลังเต้นรัวอย่างรุนแรง......
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น