ตอนที่ 159 ที่นั่งของผู่บ่มเพาะพลังชนชั้นสูง
หลินเฟิง กำลังมองดูซากศพทั้งหมดบนพื้นด้วยการแสดงออกอย่างเงียบสงบ หลินเฟิง ได้ให้
โอกาสพวกเขาออกไปตอนที่พวกเขาพยายามข่มขู่และจะซื้ออสูรสิงโตเพลิง แต่แม้หลังจากที่
ได้แสดงความเมตตาพวกเขากลับยังกล้าที่จะข่มขู่ เนื่องจากพวกเขาได้ตัดสินใจที่จะให้
หลินเฟิง เป็นศัตรูของพวกเขาแล้วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการฆ่าหรือทำให้พวกเขาพบ
เจอกับมีปัญหาอันใหญ่หลวงในอนาคต
เขาไม่จำเป็นต้องขยับแม้แต่นิ้วเดียว ประโยคเดียวเพียงพอที่จะทำให้คนจำนวนมากเคลื่อนไป
ข้างหน้าเพื่อฆ่าพวกเขา
หลายคนได้ฟัง หลินเฟิง พวกเขากำลังคิดว่าหากพวกเขาอยากที่จะชนะการประมูล หลินเฟิง
จะลดราคาให้สำหรับพวกเขา ศิลาบริสุทธิ์หนึ่งร้อยก้อนระดับกลางนั้นก็ไม่น้อยเลย หลินเฟิง
เห็นได้ชัดว่านอกจากศิลาบริสุทธิ์ระดับกลางร้อยก้อนสำหรับพวกเขาที่ หลินเฟิงได้ตั้งราคา
เอาไว้แล้ว ไม่มีปัญหาไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการประมูล
"ในเมืองจักรพรรดิมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งหลายคน" หลินเฟิง คิดขณะมองไปที่ผู้คนที่อยู่
รอบตัว หลายคนได้ตัดผ่านไปถึงชั้นจิตวิญยาณขั้นที่เจ็ดหรือแปดแล้ว มีแม้แต่บางคนที่อยู่
ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่เก้า พวกเขาไม่ได้แต่งตัวให้ตัวเองดูดีแต่อย่างใด แต่พวกเขาก็สามารถ
ฆ่าผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นๆได้ ราวกับว่าพวกเขาเป็นสุนัขจรจัด
หลินเฟิง เดินตรงไปทางศาลาของลานประมูลด้วยอสูรสิงโตเพลิงของเขา
มีถนนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนกรวดที่ทอดยาวไปที่ศาลา ทุกคนสามารถเดินบนถนนก้อนกรวด
นี้ได้อย่างอิสระ
หลินเฟิง มาถึงทางเดินภายในศาลา ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดทั้งสองมีหญิงสาวโฉมงามคนหนึ่ง
คอยช่วยเหลือผู้มาเยือน เธอมีใบหน้าสีแดงและดูแล้วชื่นตาชื่นใจและยังมีเสน่ห์ เธอสวมชุดที่
น่าสนใจมาก ๆ ทำให้ หลินเฟิง รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นสาวงามคนนี้
"มีอะไรให้ข้าช่วยไหมค่ะนายท่าน?" สาวงามที่ยืนอยู่ตรงกลางถามขณะที่เธอเห็น หลินเฟิง
เข้ามาพร้อมกับอสูรสิงโตเพลิง เธอยิ้มให้เขาและต้อนรับเขาเหมือนกับลูกค้าทุกคน เธอดู
เป็นกันเองและเสียงของเธอก็ชวนฟังเสียด้วย
"ใช่ข้ามี. ข้าต้องการจะขายอสูรสิงโตเพลิง "หลินเฟิง กล่าวขณะยิ้มกลับไปที่เธออย่างเป็นมิตร
สาวงามมองไปที่อสูรสิงโตเพลิง เธอยิ้มและพูดว่า: "ได้โปรดตามข้ามา"
สาวงามนั้นให้ หลินเฟิง เดินตามเธอไป
ฝูงชนที่นั่งอยู่บนชานที่นั่งภายในศาลาก็ได้เห็นอสูรสิงโตเพลิงที่มากับ หลินเฟิง พวกเขา
มึนงง พวกเขาจ้องไปที่ หลินเฟิง อย่างไม่ละสายตา มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ชายคนนั้น
อยากจะขายอสูรสิงโตเพลิงของเขา?
หลินเฟิง ไม่ได้สนใจกับกลุ่มคนที่ตื่นเต้นภายในฝูงชนและแทนที่ด้วยการให้ความสนใจกับ
บรรยากาศภายในศาลาและคิดว่าสถานที่แห่งนี้ช่างดูอบอุ่นและสุขสบายยิ่งนัก ดูเหมือนว่า
มันทำมาเพื่อให้คนรู้สึกผ่อนคลายและสดวกสบาย
ที่สุดทางเดินมีเวทีที่จะมีการขายสินค้า มีชุดม่านขนาดใหญ่ที่ด้านข้างของเวที
"นายท่านได้โปรดมาทางนี้" สาวงามกล่าวเมื่อพวกเขามาใกล้กับเวที จากนั้นเธอก็เดิน
ไปหลังม่าน
แต่เมื่อพวกเขามาถึงหลังผ้าม่านเหล่านี้ก็มีผ้าม่านอื่น ๆ และเดินผ่านพวกมันไปยังสถาน
ที่ที่มอบให้แก่ประชาชนเพื่อวางสิ่งของเพื่อการประมูลเอาไว้
"ท่านหลง คุณชายท่านนี้อยากจะขายอสูรสิงโตเพลิง" สาวงามพูดกับชายชรา ชายชรา
ลุกขึ้นยืนเมื่อ หลินเฟิง เข้าไปในห้องหลังเวทีของศาลาการประมูล เขากำลังมองไปที่อสูร
สิงโตเพลิงและดูสนใจอย่างมาก
"อสูรสิงโตเพลิงของตระกูลไป๋ สุดท้ายก็อยู่ในมือของท่าน" ชายวัยกลางคนยิ้มให้กับ
หลินเฟิง รอยยิ้มนั้นลึกลับ แต่ชายชราดูมีความสุขอย่างมาก
"ตระกูลไป๋งั้นรึ?" หลินเฟิง กล่าว
"ใช่แล้ว ลานประลองนักโทษเป็นของตระกูลไป๋" ชายชรากล่าวขณะท่ยิ้ม รอยยิ้มของเขา
ดูแปลกมากทำให้ หลินเฟิง รู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็น
"ตอนนี้มันดูสมเหตุสมผล ตระกูลไป๋เป็นเจ้าของลานประลองนักโทษแต่เพียงผู้เดียว นี่คือ
เหตุผลที่พวกเขาเคยเรียก ไป๋ซื่อ ว่าเป็น "นายน้อย" และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาส่งคน
บางคนไปยังสถาบันสำนักสวรรค์ เพื่อจับตัวข้า ... แต่ไม่ว่าจะเป็นชายชุดเหลืองที่อยู่กับ
ไป๋ซื่อ หรือคนที่ทำงานที่ลานประลองนักโทษ ข้าเกลียดพวกเขาทั้งหมด "หลินเฟิง กล่าว
เขาสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนเหล่านี้กับนักเรียนชนชั้นสูงที่ต้องการมอบของขวัญ
ให้กับ มู่ฟาน เขารู้ว่าพวกนั้นเชื่อมโยงกันทั้งหมด แต่เขาไม่รู้ว่าเชื่อมโยงกันได้ยังไงบ้าง
ฮ่าๆ ข้าได้ยินมาว่าหลายคนของตระกูลไป๋ ได้ไปที่สถาบันสำนักสวรรค์และถูกสังหาร แม้
กระทั่ง ไป๋ซื่อ ก็ถูกสังหารเมื่อไปกับคนกลุ่มนั้น ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขา
ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรได้ทั้งหมด ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องไปหาเรื่องผิดคน "ชายชรากล่าว
แสงประกายผ่านดวงตาของเขา ตาของเขาดูเหมือนจะเผยให้เห็นว่าเขารู้บางอย่างแต่
ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลินเฟิงเกือบจะแน่ใจว่าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ในเมืองจักรพรรดิมีเจ้าของเพียงคนเดียว ...
และหลายหัวเมืองถูกแบ่งกันระหว่างหลายตระกูล เป็นคนรที่อยู่ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ทางอ้อม ตัวอย่างเช่น เจ้าของลานประมูลนี้และเจ้าของลานประลองนักโทษเป็นคู่แข่ง
กันทางอ้อม เจ้าของลานประลองนักโทษ อาจทำเงินได้มากกว่าลานประมูล
"เจ้ามีคำร้องขอพิเศษอะไรที่เกี่ยวข้องกับการประมูลนี้หรือไม่?" ชายชราถาม หลินเฟิง
และพูดต่อไปอีกว่า "ตัวอย่างเช่น ราคาต่ำสุดที่เจ้าต้องการจะได้รับคือเท่าไหร่? หรือ
เจ้าจะรับสิ่งของบางอย่างโดยเฉพาะสำหรับการแลกเปลี่ยนนี้? "
"ศิลาบริสุทธ์แล้วกัน" หลินเฟิง ตอบ
"เอาล่ะ ในเวลาที่มีการประมูลอาจเป็นไปได้ว่าบางคนอาจต้องการใช้สินค้าอื่นเพื่อเสนอ
ราคา เราจะยอมรับสินค้าเหล่านั้นและแปลงเป็นศิลาบริสุทธิ์เทียบเท่ากับมูลค่าของมีค่า
พวกเขา ... จากนั้นเราจะคิดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเล็กน้อยจากยอดรวม "
“เอาล่ะ ท่านต้องวางศิลาบริสุทธิ์ระดับกลางร้อยก้อนไว้ในการประมูลและมอบให้กับผู้คน
ภายในฝูงชนได้หรือไม่ ข้าสัญญากับคนเหล่านั้นในฝูงชนว่าข้าจะมอบให้กับคนที่ช่วยข้า
ให้กับพวกเขา "หลินเฟิง กล่าว
"ไม่มีปัญหา" ชายชรากล่าวขณะพยักหน้า จากนั้นเขาก็ส่งแผ่นทองคำซึ่งเขียนเป็นลาย
ลักษณ์อักษรไปให้ หลินเฟิง จากนั้นเขาก็กล่าวกับ หลินเฟิง ว่า "เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง
ให้กลับมาที่นี่และมอบแผ่นทองคำนี้เพื่อรับศิลาบริสุทธิ์ของเจ้า"
"ตกลง" หลินเฟิง กล่าวขณะพยักหน้าและออกไป
สาวงามยิ้มให้ หลินเฟิง และกล่าวว่า "คุณชายตลาดการประมูลของเรามีสินค้าที่ดีมากมาย
ท่านสามารถพักผ่อนและดูสิ่งที่เราเสนอได้ หากคุณชายสนใจ คุณชายสามารถเสนอ
ราคาสินค้าได้ด้วย "
"แน่นอน" หลินเฟิง ยิ้มแล้วกล่าว เขาไม่ต้องให้ผู้หญิงคนนี้บอกเขา เขาก็จะเสนอราคา
ถ้าเขาสนใจบางอย่าง
"คุณชายได้โปรดมาทางนี้" สาวงามกล่าวขณะที่แสดงที่นั่งให้ หลินเฟิง มีคนนั่งและ
เฝ้าดูการประมูลอยู่
นอกจากนี้ หลินเฟิง ยังพบว่ามีผู้คนจำนวนมากสวมหน้ากาก พวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวตน
ของพวกเขาเหมือน หลินเฟิง ไม่มีใครอยากให้ผู้อื่นจำได้และทำให้คนอื่นรู้ถึงสถานะทาง
สังคมของพวกเขา
"ทำไมเจ้าพาข้ามาที่นี่?" หลินเฟิง ถามด้วยความสับสน เพราะนี่เป็นสถานที่สำหรับ
แขกที่ร่ำรวย
"นายท่านนี่เป็นที่ที่แขกผู้มีเกียรติของเรานั่งอยู่และทุกคนเป็นผู้บ่มเพาะพลังชนชั้นสูงก็นั่ง
อยู่ในบริเวณนี้ เฉพาะผู้ที่นำสิ่งของที่มีค่ามาขายหรือผู้ที่มีสถานะสูงในสังคมเท่านั้นถึงได้รับ
อนุญาตให้นั่งอยู่ในบริเวณนี้ นี่จุดรับชมที่ดีที่สุดในการประมูลสำหรับลูกค้าที่ได้รับความ
นับถือจากพวกเรา "สาวงามผู้นี้ได้อธิบายให้ หลินเฟิง ฟัง เสียงของเธอหวานและอ่อนโยน
เธอพอใจที่ได้ยินว่ามีหลายคนคงอดทนฟังคำอธิบายของเธอ
"ผู้บ่มเพาะพลังชนชั้นสูง!" หลินเฟิง ยิ้มขณะที่หัวเราะ ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนกำลังสวม
หน้ากาก พวกเขาไม่ได้รู้สึกชอบที่ผู้คนจำเขาได้เมื่อซื้อของจากการประมูล มันจะการไม่
สะดวกเกินไป คนที่ไม่สวมหน้ากากนั้นก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา
เมื่อ หลินเฟิง เดินไปทางพวกเขา ทุกคนก็ได้เหลือบมองเขาและก็ละความสนใจในทันที
"คุณชาย, ได้โปรดนั่งที่นี่" สาวงามกล่าวขณะที่ชี้ไปที่ที่นั่งที่ว่างอยู่
หลินเฟิง พยักหน้าและนั่งลงตรงนั้น ที่นั่งที่สาวงามได้เลือกไว้สำหรับเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วจากที่นี่ เขาสามารถเห็นสินค้าทั้งหมดที่
ขายได้อย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจเสียจริง ความงามและเสน่ห์ของเธอนั้นแน่นอนว่าจะดึงดูดผู้คนได้
จำนวนมาก
หลินเฟิง เดินไปที่เก้าอี้หินที่หญิงสาวงามนั้นได้ชี้ให้เขาเห็นและนั่งลง
"หือ ?" ในตอนนั้น หลินเฟิง มีความรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขากำลังจ้องมองเขาและมี
เจตนาฆ่ามาทางเขา ช่วยไม่ได้ที่เขาต้องหันกลับไปมองอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าที่งดงามกำลังนั่งอยู่ข้างหลังเขา ชายหนุ่มคนนั้นพูดอย่างเย็นชา
: "ไปให้พ้นซะ เจ้าไม่เห็นรึไงว่าเจ้ากำลังบังไม่ให้ข้าเห็นเวที?"
หลินเฟิง มึนงง สาวงามนั้นกล่าวอย่างสุภาพกกับชายหนุ่มในชุดที่ดูสูงส่งว่า : "คุณชาย
นั่งบนที่นั่งเหล่านั้นได้ตามที่ท่านต้องการ ถ้าท่านไม่ชอบที่นั่งปัจจุบันของท่าน ข้ายินดี
ที่จะช่วยหาที่นั่งที่ดีกว่าให้ "
"เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นที่ที่พูดแบบนี้กับข้า?" ชายหนุ่มคนนั้นพูดอย่างช้าๆขณะหันหัวไปทาง
สาวงาม เขาดูโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ
จากนั้นเขาก็มองไปที่สาวงามด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขาและกล่าวว่า "เจ้าเป็น
แค่คนรับใช้ ไม่มีอะไรไปมากว่านี้หรอกมานั่งข้างข้าสิ ข้าจะพาเจ้ากลับบ้านและสอนเจ้าเอง "
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น