ตอนที่ 155 การต่อสู้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อฝูงชนได้ยิน หลินเฟิง พูดพวกเขาทั้งหมดเริ่มซุบซิบกัน มีหลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่อง
อื้อฉาวที่เกิดขึ้นที่นี่และบางคนได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยดวงตาของตัวเอง
ในขณะนั้นใบหน้าของชายหนุ่มและชายผู้ดูแลกรงได้เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาดูเย็นชามากขึ้น
เมื่อชายผู้ดูแลกรงเห็นว่า หลินเฟิง กลับไปที่นั่งและไม่ได้พยายามเข้ามาในกรงเขาหันไปหา มู่ฟาน
และกล่าวว่า "เอาล่ะ เนื่องปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วและเจ้าเข้าไปเป็นคนแรก แสดงให้ทุกคนเห็น
ถึงความสูงส่งและความกล้าหาญของนักเรียนของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว แล้วแสดงให้ทุกคนเห็นว่า
เจ้านั้นสามารถทำให้อสูรสิงโตเพลิงเชื่องได้อย่างง่ายดาย "
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ชายคนนั้นไม่สนใจอะไรที่ หลินเฟิง ได้กล่าวไว้
หลินเฟิง เป็นคนแรกที่ไปถึงกรงดังนั้นทำไมผู้ชายถึงบอกว่า มู่ฟาน เป็นคนแรกที่มาถึง? หลินเฟิง
รู้สึกรังเกียจ นอกจากนี้ชายคนนี้ยังโฆษณาต่อสาธารณะว่าลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วนั้นเป็นอย่างไร
หลินเฟิง คิดว่าวิธีการที่พวกเขาทำอยู่นั้นช่างน่าสมเพชสิ้นดี
แต่ถูกต้องคำพูดของ หลินเฟิง ทำให้ทุกคนโกรธ เขาทำให้ทุกคนต้องอับอายขายหน้าและ
นักเรียนทุกคนก็ไม่สนใจเขา
"ข้าไม่ต้องการได้ยินเรื่องอื่นใดจากปากที่สกปรกของเจ้า" ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่บนเวทีผู้ชม
กล่าวอย่างเย็นชา
หลินเฟิง มองเผ่านหน้ากากของตนแล้วหัวเราะ ขณะที่พูดว่า: "นั่นคือวิธีที่ผู้บ่มเพราะพลังชน
ชั้นสูงทำงั้นสินะ ด้วยการโกง ถ้าเจ้าต้องการให้อสูรสิงโตเพลิงเป็นของขวัญให้เขา เจ้าถึงได้
ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนกฎของลานประลองนักโทษและใช้อิทธิพลของเจ้าเพื่อต่อสู้ ... มันไม่ใช่
เรื่องที่ดี ที่ทำเช่นนี้บนเวทีขนาดใหญ่เพื่อมอบให้เพื่อนของเจ้า "
"โอ้ข้าลืมบอกเจ้าไป การมอบอสูรสิงโตเพลิงให้โดยตรงเป็นของขวัญไม่ได้ช่วยให้ลานศักดิ์
สิทธิ์ซู่วมีหน้ามีตาแต่อย่างใด เรื่องเหลวไหลแบบนี้เพื่อตบตาผู้คนมันเป็นการแสดงที่ล้มเหลว.”
หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชาและ คำพูดของเขาเริ่มเฉียบคมมากขึ้น
คนส่วนใหญ่ในฝูงชนเห็นด้วยกับ หลินเฟิง แม้ว่า หลินเฟิง จะก้าวร้าวอย่างมากก็ตาม ไม่มีใคร
สามารถปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดได้ ผู้ดูแลกรงได้ให้คนที่ให้สิทธิ์ มู่ฟาน เข้ากรงก่อน หลินเฟิง
เพียงเพราะชายหนุ่มบนที่นั่งผู้ชมที่มีสถานะสูงส่งนั้นไม่ใช่เรื่องยุติธรรม นี่เป็นสิ่งที่คาดเอาไว้แล้ว
ชายหนุ่มผู้บ่มเพราะพลังที่เป็นชนชั้นสูงกำลังโกรธ ในขณะนั้น มู่ฟาน มองไปที่ หลินเฟิง และ
กล่าวว่า "ถ้าเจ้าไม่พอใจ แล้วทำไมเราไม่สู้กันและผู้ชนะสามารถเข้าไปข้างในได้ล่ะ"
"ด้วยเหตุผลอะไร ทำไมข้าถึงต้องสู้กับเจ้าด้วย?" หลินเฟิง กล่าวในขณะที่มองไปที่ มู่ฟาน เขา
กล่าวอย่างเฉยเมยว่า "เจ้าไม่ได้พูดว่าเจ้าต้องการที่จะต่อสู้กับอสูรสิงโตเพลิงตั้งแรกแรกและข้า
ได้มาถึงก่อนเจ้า แต่เจ้าก็ยังอยากจะเข้าไปก่อนด้วยการใช้การจัดลำดับที่ไม่เป็นธรรม"
หลินเฟิง กล่าว
มู่ฟาน แน่นอนจะชนะการต่อสู้กับ อสูรสิงโตเพลิง แต่นั่นไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริงเพราะมันจะไม่ช่วย
ให้ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว ได้รับชื่อเสียงที่ดีขึ้น มันจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม มันน่าอับอายสำหรับ
ลานศักดิ์สิทธิ์ มู่ฟาน ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้
มู่ฟาน ยิ้มและกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าดีแต่พูดจาใหญ่โตและชอบพูดมาก แต่ในความ
เป็นจริงนั้นเจ้าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก "
“แน่นอน! นอกเหนือจากปากใหญ่ๆของเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรอื่นที่จะแสดงให้เห็นเลยรึยังไง! รึเจ้า
ไม่กล้า"
"ฮ่า ฮ่า โกหกน่าจะไปเป็นคู่ต่อสู้กับ มู่ฟาน ได้ยังไงล่ะ?มู่ฟาน นั้นถือเป็นอัจฉริยะของลาน
ศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว การเอาชนะอสูสิงโตเพลิงนั้นก็เหมือนกับเขาแค่ตัดเค้กเท่านั้นเอง "
นักเรียนทุกคนของลานศักดิ์สิทธิ์ กำลังโม้เกี่ยวกับสถาบันของพวกเขาที่มีขนาดใหญ่ราวกับ
ว่าพวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่งอย่างมากราวกับพวกเขาเป็นนักบ่มเพาะพลังที่ดีที่สุดในโลกเพียง
เพราะพวกเขาได้รับการบ่มเพาะพลังที่นั้น
หลินเฟิง กล่าวว่า "ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน
โลกเลยแหะ ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นคนโง่เขลาจริงๆ! "
"ใช่เขาช่างสามหาว เขาคงตกใจที่กล้ายั่วยุ มู่ฟาน "ผู้คนจำนวนมากเชื่อมั่นว่า หลินเฟิง
กลัวที่จะสู้กับ มู่ฟาน
แต่ในขณะนั้น หลินเฟิง ก็ยิ้มและกล่าวว่า "แต่ข้าอยากรู้จริงๆว่าอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรของ
ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วที่แข็งแกร่งนั้นเป็นอย่างไร"
นักเรียนทุกคนของลานศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจอย่างมาก หลินเฟิง ยอมรับเรื่องการต่อสู้ซึ่งหมาย
ความว่าเขากำลังจะตายและเขาไม่อยากเสียหน้า
ทุกคนมองไปที่ หลินเฟิง ที่ค่อยๆหันกลับไปอย่างช้าๆและกล่าวว่า "เจ้าและข้าเดินเข้าไปในกรง
ถ้าเจ้าชนะเจ้าจะมีชีวิตรอด แต่ถ้าเจ้าแพ้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ คิดว่าไง? "เมื่อ หลินเฟิง พูดจบ
บรรยากาศทั้งมวลในลานประลองนักโทษก็เงียบกริบ ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนของลาน
ศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วต่างประหลาดใจ
ถ้าเจ้าชนะเจ้าจะมีชีวิตรอด แต่ถ้าเจ้าแพ้ข้าจะฆ่าเจ้า ...
หลินเฟิง รู้ว่ากำลังพูดเรื่องใหญ่!
มีหลายคนอ้าปากค้าง และจ้องมองไปที่ หลินเฟิง ช่างป่าเถื่อนอะไรเยี่ยงนี่! ใจคอนี่ช่างโหดเหี่ยม!
ไม่เพียงแต่เขายอมรับการต่อสู้ แต่เขากำลังเสนอการต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เขาคงแน่ใจ
ว่าเขาจะชนะ มิฉะนั้นเขาจะไม่โง่กล้าเดิมพันชีวิตของตัวเองเช่นนี้
มู่ฟานจ้องมองไปที่ หลินเฟิง ทำไมชายผู้นี้ถึงได้พูดจาหยิ่งยโสเช่นนี้ ที่จะเสนอต่อสู้
เอาชีวิตเป็นเดิมพัน?
เมื่อ หลินเฟิง เห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรเขาก็ยิ้มและพูดอย่างเฉยเมยว่า "อย่ากังวลไป ข้ารู้ว่าคงจะ
พูดเรื่องใหญ่และประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป อย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงอัจฉริยะของลานศักดิ์สิทธิ์
ที่ยิ่งใหญ่ ข้าเพียงแต่เสนอการต่อสู้เพื่อช่วยตัวเองจากการเสียใบหน้าก็เท่านั้น ข้าแค่จะแสดงให้
เห็น แต่นักเรียนของลานศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างเกรียงไกรยิ่งใหญ่ คงจะสามารถชนะข้าได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น เขาคงมีพลังที่จะเอาชนะอสูรสิงโตเพลิงด้ง่ายมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธข้า "
น้ำเสียงของ หลินเฟิง ฟังดูกวนประสาทอย่างมากและเห็นได้ชัดว่ามันทำให้เขาสนุกขึ้นมาบ้าง
นักเรียนของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว กำลังกัดฟันและจ้องมองไปที่ หลินเฟิง โดยไม่ระสายตา
ทันทีหลังจากนั้นพวกเขามองไปที่ มู่ฟาน ศักดิ์ศรีของลานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ในมือของเขา
แล้วในขณะนี้
เมื่อเขารู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ มู่ฟาน รู้สึกกดดัน เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาชั่ง
หนักอึ้งเหมือนโดนน้ำหนักหนึ่งพันตันกดทับ หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่มีทางที่
จะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้ การเอาชนะ หลินเฟิง เป็นความเป็นไปได้เดียวในขณะที่เขา
ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นแข็งแกร่งและปกป้องชื่อเสียงของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วให้ได้
ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้ ก็ไม่สามารถสบตาใครได้อีก ผู้คนก็จะเริ่มสงสัยเกี่ยวกับลานศักดิ์สิทธิ์
ซู่วเย่วเช่นกัน
มู่ฟาน ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากนี้เขายังได้เห็นดวงตาของ หลินเฟิง ผ่านหน้ากาก ดวงตาของเขาดูสงบตลอดการพูด
คุย การได้เห็นดวงตาซึ่งไร้อารมณ์ที่จ้องมองเขาเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว
หลินเฟิง ได้ท้าทายให้เขาต่อสู้ถึงตายมันอาจเป็นไปได้ว่าเขาแน่ใจว่ามีพลังพอที่จะชนะ?
มู่ฟาน นั้นไม่ได้อ่อนแอ เขาแข็งแกร่งและมั่นใจในพลังของตัวเอง แต่ในขณะนั้นความเชื่อมั่นของ
หลินเฟิง ก็ได้สั่นคลอนความเชื่อของเขาในพลังของตัวเอง เขารู้สึกเหมือนแรงดันนั้นมากเกินไป
แสงไฟกระพริบผ่านสายตาของ มู่ฟาน และเขาพูดขณะที่กัดฟันว่า "ข้ายอมรับการท้าสู้ของเจ้า
ในการต่อสู้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน"
"ตอนนี้เข้าไปในในกรงได้แล้ว" มู่ฟาน กล่าวอย่างเย็นชาขณะเดินเข้าไปข้างใน
"ช้าก่อน ช้าก่อน" หลินเฟิง กล่าวในขณะนั้น มู่ฟาน ได้หยุดเดิน แล้วหันหน้ากลับไปและพูดว่า
: "มีอะไรผิดพลาดอีกงั้นรึ?"
"เจ้าและคนที่ดูแลกรงได้จัดการเรียบร้อยแล้วตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ข้าไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับทั้ง
สองคนในกรงในเวลาเดียวกัน. "
"เจ้าหมายความว่าไง? เจ้าคิดว่าที่ข้าเข้าไปนั้นจะแทรกแซงและทำร้ายเจ้างั้นรึ? "ผู้ดูแลกรงถาม
หลินเฟิง
"สิ่งเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ในที่นี่ ข้าได้ยินเรื่องนี้มา ถ้ามันได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว
มันก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก ข้าได้ยินมาว่านี่เป็นเรื่องปกติของที่นี่ซะด้วย "
ชายผู้ดูแลกรงไม่สามารถพูดได้ เขามองไปที่ หลินเฟิง และถามว่า "แล้วคุณต้องการอะไร?"
"ฉันต้องการให้ใครบางคน ตัดสินการต่อสู้นี้ แน่นอนว่ามันไม่สามารถเป็นนักศึกษาของลาน
ศักดิ์สิทธิ์ได้ และมันก็ต้องไม่ใช่คนที่ทำงานที่นี่ในลานประลองนักโทษ "
"หืออ, แล้วเราจะหาใครเพื่อมาตัดสินการต่อสู้ล่ะ? เจ้านี่ช่างไร้สาระ เจ้าจะสู้หรือไม่? "
มู่ฟาน กล่าวอย่างไม่สนใจ
แต่ในขณะนั้นมีคนในฝูงชนกล่าวว่า "ข้าจะตัดสินการต่อสู้ของพวกเจ้าเอง"
ในขณะนั้นทุกคนมองไปที่คนนั้น เขาประหลาดใจที่ไม่ได้นั่งอยู่ในแถวแรกของที่นั่งผู้ชม เขา
เป็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่ด้านหลังของที่นั่งผู้ชม
เขาดูเป็นมิตรและสุภาพมาก ๆ เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้า ซึ่งทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นมิตร
และเป็นกันเองอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขานั้นด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบ
ชายหนุ่มชนชั้นสูงเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้ เขากระวนกระวายด้วยความประหลาดใจ
นั้นมันเป็นเขา! ชายหนุ่มประหลาดใจที่ชายผู้นี้อยู่ที่นี้!
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น