ตอนที่ 152 ออกเดินทาง
"การทำสมาธิ!" หลินเฟิง อุทาน
สิ่งที่อาจารย์คิดไว้ก็คือ หลินเฟิง ดูเหมือนผู้ใหญ่เพราะเขามีความสามารถโดยธรรมชาติสูง แต่
ก็เป็นไปได้ที่เขาจะสามารถปลดพันธนาการความสามารถโดยธรรมชาติทั้งหมดนี้ได้
คนที่มีจิตใจดีจะมีความสามารถโดยธรรมชาติสูง
"ใช่แล้ว ข้าไม่ได้ทำมันจากใจจริงของข้าเลย" หลินเฟิง กล่าว หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
กับเขาความกดดันจากสังคมและบรรดาคนโง่ที่เข้ามายั่วยุเขาต่างๆนาๆ มันเป็นเรื่องยากสำหรับ
หลินเฟิง ที่จะหาเวลาที่จะนั่งสมาธิเพื่อที่เขาจะได้คิดทบทวนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
หลินเฟิง ไม่รู้วิธีการตอบสนองในบางสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อ ต้วนเทียนหลาง ที่ทำ
ลายนิกายหยุนไห่ เขาได้จับ หานหมาน และ ปู้จุน แล้วขายพวกเขาให้แก่ตระกูลไป๋ ซึ่งทำให้
พวกเขากลายเป็นทาส หลินเฟิง จะไม่สามารถฆ่าสมาชิกทั้งหมดของตระกูลไป๋ได้อย่างไร?
เขาเกลียดพวกนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจและเกลียดการที่พวกนั้นได้กระทำกับผู้อื่นอีกนับล้าน
เขารู้ว่ามันผิด แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องฆ่าพวกนั้น ... เพราะคนเหล่านั้นจะทำเหมือนเดิม
โดยทำกับคนอื่นต่อไปถ้าพวกน้นยังคงมีชีวิตอยู่
ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์
ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมักทำตามอุดมการณ์ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่
"ท่านอาจารย์ ข้าขอให้ท่านสอนข้าว่าเล่นกู้จินได้หรือไม่?" หลินเฟิง ถามอย่างสุภาพ
"นั่งสมาธิซะ!"อาจารย์พูดอย่างไม่แยแสแล้วก็พูดต่ออีกว่า: "ความคิดและการกระทำของเจ้า
ยังไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ เจ้าต้องนั่งสมาธิให้บ่อยขึ้น เจ้าต้องลืมเกี่ยวกับ
ความวุ่นวายที่ปกคลุมทั้งหมดในโลกใบนี้ เจ้าฉะล้างเรื่องราวที่ขุนมัวที่สะสมไว้ในใจตลอด
หลายปีที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ความสับสนวุ่นวายของโลกนั้นควบคุมหัวใจที่บริสุทธิ์ของเจ้า
และขัดขวางไม่ให้เจ้ากลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง
"นั่งสมาธิ ฉะล้างหัวใจตัว ... " หลินเฟิงพูดด้วยเสียงต่ำ ก่อนหน้านี้ท่วงทำนองของกู้จินได้
เจาะลึกเข้าไปในหัวใจของ หลินเฟิง หลินเฟิง นั่งลงท่ามกลางต้นพีชและเริ่มนั่งสมาธิ
เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
อาจารย์ไม่ได้ยกหัวขึ้นและยังคงเล่นกู้จินต่อไป
เมื่อ เมิ้งชิง เห็นว่า หลินเฟิง กำลังนั่งสมาธิเธอเดินไปอยู่ข้างหลังเขาและยังคงเพลิดเพลินไป
กับทิวทัศ เธอมองไปที่ดอกไม้ในต้นพีชที่มีความบริสุทธิ์อย่างมีความสุข เธอไม่เคยเห็นดอก
ของต้นพีชเบ่งบานเลยในชีวิตของเธอเพราะมันไม่มีในภูเขาวายุทมิฬ
บทเพลงที่มีความนุ่มลึกและถือเป็นเรื่องที่ดีที่ ทำให้ผู้คนลืมทุกสิ่งทุกอย่างและปล่อยให้เพลง
แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของพวกเขา
ในความคิดของ หลินเฟิง ภาพต่าง ๆ ปรากฏขึ้นตอนที่เขามาถึงทวีปเก้าเมฆาจนถึงช่วงที่
เขาถูกไล่ออกจากตระกูลหลินและตอนที่เขาต้องออกจากเมืองหยางโจว ตอนที่เขากลับไป
ยังนิกายหยุนไห่, ตอนที่ ต้วนเทียนหลาง ทำลายล้างนิกายหยุนไห่ จากนั้นเขาก็นึกถึงช่วง
เวลาที่เขาเดินทางไปเมืองต้วนเหลิน ภาพเหล่านี้ทั้งหมดยังคงชัดเจนอยู่ในใจ
แต่ในใจของ หลินเฟิง ไม่ได้มีความเกลียดและไม่ได้เจ็บปวด ราวกับว่าเขาเป็นคนอื่นที่คอย
สังเกตสิ่งเหล่านี้จากภายนอก เขากำลังมองทุกช่วงเวลาเหล่านี้อย่างเงียบสงบในใจ หัวใจ
ของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความไพเราะของท่วงทำนองกู่จินและสงบลงอย่างมาก
บทเพลงน่าจะเหมาะสมสำหรับการทำสมาธิ แม้จิตวิญญาณของเขาไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจะ
ได้รับประโยชน์จากความรู้สึกที่ได้ฟังบทเพลงแต่เพราะมันไม่เป็นอันตรายต่อเขา มันช่วยให้
เขาชำระล้างทิฐิและความเกลียดชังทั้งหมดที่อยู่ในใจของเขา
หลินเฟิง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจนเขาอยากหลับ
ใบของต้นพีชยังคงพริ้วไหวอยู่ในสายลม หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิง ได้ลืมตาขึ้น เมื่อ
เขาลืมตาขึ้นเขาก็เห็นอาจารย์ที่ยังคงสงบนิ่งและเล่นกู่จิน
เมิ้งชิง ยังคงดูใสซื่อและไร้เดียงสาเหมือนเคยเธอยังดูไร้อารมณ์เช่นเคย เธอเกือบจะดูเหมือน
รูปปั้นด้วยซ้ำไป
หลินเฟิง เริ่มลุกขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะนั้นเขาดูแปลกใจและมีสีหน้าแปลกไป
“ระดับชั้นจิตวิญญาณ ...ขั้นที่ห้า? หลินเฟิง ตรวจสอบระดับการบ่มเพาะพลังของตัวเอง
ถูกต้องแล้วเขาได้ตัดผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้า
"การทำสมาธิได้ผลลัพธ์อย่างน่าอัศจรรย์" หลินเฟิง กล่าว เขายิ้มกว้าง การตัดผ่านชั้นจิต
วิญญาณ ที่ต่างกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ... แต่ หลินเฟิง ได้ผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ใน
ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้และอยู่ในจุดคอขวดที่ทะลุผ่านไปถึงชั้นที่ห้า แต่ยังไม่สามารถทำได้
น่าแปลกใจที่เขาได้ตัดผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณขั้นต่อไปในระหว่างการทำสมาธิ
"ขอบคุณครับท่านอาจารย์" หลินเฟิง สามารถตัดผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้า ได้ด้วย
ความช่วยเหลือจากอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
อาจารย์ได้หยุดเล่น เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ หลินเฟิง อย่างอ่อนโยน
"ไม่ต้องขอบคุณข้า เจ้าที่ตัดผ่านไปในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าเพราะพลังของเจ้าเอง ปราณที่
บริสุทธิ์ในร่างกายของเจ้าก็เพียงพอแล้ว เจ้าถึงจุดสูงสุดของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ซึ่งเป็นเหตุ
ผลที่ทำให้เจ้าสามารถตัดผ่านไปชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้าได้อย่างรวดเร็ว ข้าเพียงช่วยเจ้าชำระ
ล้างข้อบกพร่องที่แล้วนำเจ้ากลับมาก็เท่านั้น "อาจารย์กล่าวขณะที่ยิ้ม โทนของเขาแสดงให้เห็น
ว่าเขานั้นชื่นชม หลินเฟิง เพียงใดเขาจึงปฏิบัติต่อ หลินเฟิง เหมือนกับลูกชายของตัวเอง แม้ว่า
อาจารย์จะแข็งแกร่งและมีอำนาจใหญ่โต แต่เขาก็ไม่เคยหยิ่งยโสเหมือนอาจารย์คนอื่นที่
หลินเฟิง เคยเจอในอดีต
"ถ้าท่านไม่ได้เล่นดนตรีข้าก็คงไม่มาที่นี่ ถ้าท่านไม่ได้เล่นบทเพลงเพื่อช่วยข้าแล้วข้านั้นไม่อาจ
ตัดผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณขั้นต่อไปได้ ท่านอาจารย์ข้าน้อยขอขอบคุณท่านด้วยความเคารพ"
หลินเฟิง กล่าวอย่างจริงใจและยิ้ม
อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มและพูดว่า : "เอาล่ะข้ามีความสุขที่ได้ช่วย"
หลินเฟิง ยังคงมีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขาและกล่าวว่า "อาจารย์ ครั้งสุดท้ายที่ท่านบอก
ข้า ท่านจะสอนข้าถึงวิธีเล่นกู่จิน ท่านสามารถสอนข้าได้หรือไม่?"
อาจารย์มอง หลินเฟิง และกล่าวว่า "เจ้าไม่กลัวที่จะเสียเวลาการบ่มเพาะพลังของเจ้าเลยงั้นรึ?
เจ้าไม่อยากจะพัฒนาระดับการบ่มเพาะพลังในตอนนี้หรือไง? "
"การปรับปรุงสภาพจิตใจของข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนการบ่มเพาะพลัง" หลินเฟิง
กล่าวขณะที่ยิ้ม อาจารย์ประหลาดใจอย่างมากและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้วิธีการเล่นกู้จิน ข้าจะสอนเจ้าเอง" อาจารย์ตอบ "เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้า
มีเวลาแล้วรู้สึกสบายใจก็มาที่นี่และข้าจะสอนเจ้า วันนี้ข้าแค่อยากให้เจ้าฟัง เจ้าต้องหัดฟัง
คนอื่น ก่อนที่เจ้าจะเรียนรู้วิธีการเล่นด้วยตัวเอง "
"เอาล่ะ" หลินเฟิง กล่าว การฟังบทเพลงของกู่จิน ช่วยให้เขาปรับปรุงการบ่มเพาะพลังและ
รู้สึกดีที่ได้ฟัง ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธ
อาจารย์ได้กลับมาเล่นกู่จินอีกครั้ง หลินเฟิง และ เมิ้งชิง นั่งลงข้างใต้ต้นพีชและฟังเขาเล่น
..................
ตัดกลับมาในห้องของ หลินเฟิง มีคนเพียงไม่กี่คนมาชุมนุมกัน หลินเฟิง, หลิวเฟย,
หานหมาน และ ปู้จุน
หลินเฟิง มอง หานหมาน และ ปู้จุน และกล่าวว่า "พวกเจ้าแน่ใจงั้นรึ?"
"ใช่ หลินเฟิง ข้ามั่นใจ" หานหมาน กล่าวขณะพยักหน้า เขาสวมหน้ากากทองคำเพื่อปก
ปิดเครื่องหมายทาสบนใบหน้าของเขา
เครื่องหมายทาสเหล่านี้ที่ถูกแกะสลักไว้บนใบหน้าของพวกเขาจะอยู่ตลอดไป ... แต่ถ้าพวก
เขาสามารถเข้าถึงระดับการบ่มเพาะพลังที่สูงขึ้นได้แล้ว พวกเขาอาจจะกำจัดมันได้ นี่เป็น
เหตุผลที่ หานหมาน และ ปู้จุน กระตือรือร้นที่จะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด ใครจะสามารถอยู่
ด้วยความอัปยศของการมีเครื่องหมายดังกล่าวบนใบหน้าของพวกเขาตลอดไปได้เล่า?
"พี่ใหญ่ หลินเฟิง ข้ามั่นใจด้วยเช่นกัน" ปู้จุน กล่าวทั้งคู่อายุมากกว่า หลินเฟิง แต่พวกเขา
ยังคงเรียกเขาว่า "พี่ใหญ่" เป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพ หลินเฟิง ไม่ได้โต้แย้งพวกเขา
ทั้งสองอายุมากกว่าเขาถึงสองปี มันไม่ใช่ช่องว่างขนาดใหญ่ของอายุ มันจะแตกต่างกัน
มากถ้าพวกเขาอายุมากกว่าเขามากกว่านี้
"เอาล่ะข้าจะไม่ขัดขวางไม่ให้คุณทำมัน" หลินเฟิง กล่าวในขณะที่ดูจริงจังและพยักหน้า จาก
นั้นเขาก็มองไปที่ หลิวเฟย และกล่าวว่า "เฟยเฟย ข้าขอโทษที่ต้องรบกวนเจ้า เจ้าสามารถ
เขียนจดหมายและส่งให้พวกเขาได้ไหม?"
หลิวเฟย พยักหน้าแล้วหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มเขียน
"หานหมาน, ปู้จุน, เจ้าใช้อาวุธอะไร" หลินเฟิง ถาม
"ข้าไม่ต้องการอาวุธ ผืนดินเป็นอาวุธของข้า "หานหมาน กล่าวขณะที่ส่ายหน้า
ปู้จุน ไม่ได้ตอบไปชั่วครู่แล้วเขาก็กล่าวว่า "ข้าใช้หอก"
"เอาล่ะ" หลินเฟิง กล่าวขณะพยักหน้า หลินเฟิง เหยียดมือของเขาแล้วแสงไฟได้กระพริบ
และจู่ ๆ มีหอกสีดำได้ปรากฏในมือของ หลินเฟิง
"หือ?" ปู้จุน และ หานหมาน ถึงกับมึนงง มันเป็นหอกจริงๆแค่มันปรากฏตัวออกมาจากที่ไหน?
"ไม่ต้องแปลกใจข้ามีหินที่มีค่าซึ่งช่วยให้ข้าสามารถพกสิ่งของติดตัวไปกับข้าได้ตลอดเวลา"
หลินเฟิง กล่าว ปู้จุน คิด ไม่เพียงแต่ หลินเฟิง ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขาเป็นคนดีและใจดีต่อเขา
"ปู้จุน หอกตัวนี้เป็นของเจ้า" หลินเฟิง กล่าวขณะส่งหอกให้ ปู้จุน ขณะที่เขาคว้าหอกทันใดนั้น
พลังปราณไหลออกมาจากหอกได้พุ่งพล่านเข้าไปในเนื้อและเลือดของเขา
ราวกับว่าหอกดำทมิฬนั้นยังมีชีวิตอยู่
"นี่เป็นอาวุธจิตวิญญาณ จงใช้หอกนี้ในระหว่างการต่อสู้ "หลินเฟิง กล่าว
หานหมาน และ ปู้จุน ต้องการไปและปกป้องเมืองต้วนเหลิน
"อาวุธจิตวิญญาณงั้นรึ?" ดวงตาของปู้จุน หลี่ลง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับอาวุธจิตวิญญาณ
มาก่อนแล้ว
อาวุธจิตวิญญาณมีพลังงานที่รุนแรงและมีพลังปราณที่บริสุทธิ์ พวกมันมีค่ามาก ผู้บ่มเพาะพลัง
ของชั้นจิตวิญญาณนั้นจะไม่ค่อยได้รับโอกาสในการใช้อาวุธจิตวิญญาณ แต่น่าแปลกใจที่
หลินเฟิง กำลังมอบหนึ่งในนั้นให้กับ ปู้จุน
ปู้จุน รู้สึกเหมือนมือของเขาหนักขึ้นอย่างมาก
ในขณะนั้น หลิวเฟย กลับมาหาพวกเขาและส่งจดหมายให้ หานหมาน "เมื่อเจ้ามาถึงเมือง
ต้วนเหลิน ให้ส่งจดหมายนั้นไปให้พ่อของข้าและเขาก็จะเข้าใจ"
"ข้าเข้าใจจแล้ว" หานหมาน พูดขณะพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "พี่ใหญ่ หลินเฟิง
พวกเราขอตัวก่อน"
"รักษาตัวด้วย." หลินเฟิง พูดขณะพยักหน้า หานหมาน หันกลับไปและเริ่มออกเดิน เขาได้
ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่การฝึกฝยของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ปู้จุน ก้มคำนับ หลินเฟิง และเดินตาม หานหมาน ไป
หลินเฟิง ไม่อาจไปกับพวกเขาข้างนอกได้มันจะเป็นการดึงดูดความสนใจมากเกินไป เขา
มองไปที่ด้านหลังของเพื่อนขณะที่พวกเขาจากไปและหวังว่าพวกเขาจะดูแลตัวเองดีๆ....
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น