ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 141


ตอนที่ 141 จุน












"ข้าจะเข้าร่วมในการต่อสู้รอยต่อไป!" เสียงของ หลินเฟิง ไม่ได้ดังนัก แต่เก็ดังพอให้ทุกคนได้ยินเขา

 
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจแล้วมองไปที่ หลินเฟิง เขาต้องการต่อสู้กับกิ่งก่าระดับชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่!
 เขาเด็กเกินไปมั้ง!

 
บรรดาผู้กล้าเข้าไปในกรงทั้งหมดถือว่าตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่เก่งกาจ พวกเขาไม่ได้โง่พอจะ
เอาชีวิตมาทิ้ง... แต่กิ้งก่านั้นฆ่าคนไปยี่สิบแปดคนแล้วนั่นหมายความว่ามันมีพลังและมีความแข็ง
แกร่งในการต่อสู้อย่างมาก!

 
ผู้บ่มเพาะพลังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ที่ต้องการต่อสู้กับกิ้งก่ากำลังพูดคุยถึงความอันตรายของ
มัน เป็นเรื่องยากมากที่จะชนะมันแม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่ห้า

 
คนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่นั้นไม่มีทางเอาชนะได้แน่ นั่นคือเหตุผลที่รางวัลสำหรับพวก
เขาหากพวกเขาชนะจะได้รับรางวัลเป็นศิลาบริสุทธิ์ระดับกลางหนึ่งร้อยก้อน
 

ไป๋ซื่อ ยิ้มเมื่อเห็น หลินเฟิง ยืนขึ้น ดูเหมือนจะมีนักเรียนคนหนึ่งกำลังจะตายในลานประลองนักโทษ
 

"ช่างน่าเสียดายอะไรเช่นนี้! เขาจะตายก่อนที่เขาจะต่อสู้กับ เฮ๋ยหม่า ... ช่างน่าผิดหวังอย่างมาก "
ชายหนุ่มชุดเหลืองกล่าวขณะที่หัวเราะ หลินเฟิง กำลังท้าสู้กับกิ้งก่าอสูรเขารนหาที่ตายแท้ๆ
 

"เกิดเป็นคนจนก็ต้องตายเหมือนคนจนนั้นแหละนะ ... เพื่อศิลาบริสุทธิ์เพียงไม่กี่ก้อน เขาก็กล้าที่
จะเสี่ยงชีวิต  ไม่เพียงแต่เขาจะตาย แต่เขาก็จะสูญเสียศิลาบริสุทธิ์ไม่กี่หินที่เขามีอยู่ด้วย "
 

หลินเฟิง หันกลับไปและมองไปที่ชายหนุ่มชุดเหลืองด้วยท่าทางหยอกล้อ


"ลานประลองนักโทษมอบเวทีให้กับนักบ่มเพาะพลังสองคนที่ต้องการต่อสู้กันถึงตาย เป็นไปได้
ไหมที่เจ้าอยากลองสู้ทำกับข้า? "หลินเฟิง กล่าวด้วยเสียงที่ดังซึ่งสะท้อนไปทั่วเวที เขาพูด
ดังมากจนมีคนจำนวนมากได้ยินดังนั้น หลินเฟิง จึงพูดดังมากจนทุกคนในเวทีผู้ชมสามารถ
ได้ยินเขาเช่นกัน
 

ชายหนุ่มนั้นตะลึงถึงกับพูดไม่ออก

 
"เจ้าจะสู้หรือไม่? เจ้ามั่วแต่พูดพล่ามอยู่นั้นโดยที่ยังไม่ทำอะไรสักที ไอขยะเอ้ยดีแต่ใช้ปาก
ใหญ่ๆพูดพล่ามเหมือนคนปอดแหกอยู่ได้  "หลินเฟิง กล่าวอย่างดุเดือด ชายหนุ่มชุดเหลือง
ถึงกับโกรธมาก ความรู้สึกที่ทุกคนกำลังมองเขาด้วยด้วยสายตาเยาะเย้ย ทำให้เขาโกรธ
ยิ่งขึ้น เขาจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างชั่วร้าย

 
"แย่จังเขาช่างน่าสมเพชจริงๆ!"เวิ่นห่าวซื่อ กล่าวแล้วหัวเราะเสียงดัง
 

มันไร้ประโยชน์ที่จะพูดคุยกับเขาหน่ะ ดังนั้น หลินเฟิง จึงไม่สนใจเขาอีกต่อไปและเดินไป
ที่ริมสนามของกรงนั้นแล้วเข้าไปใกล้กับชายชรา

 
ชายชราได้เปิดประตูกรงและให้ หลินเฟิง เข้ามา หลินเฟิง เข้ามาและรู้สึกถึงแรงกดดัน มัน
เหมือนกับว่าพลังปราณของทุกคนและสิ่งมีชีวิตในกรงกำลังกดดันเขาอยู่ เป็นความรู้สึก
ที่อึดอัดอย่างมาก

 
เมื่อกิ้งก่าอสูรเห็น หลินเฟิง เข้ามามันก็คำรามดังขึ้น Lสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณนั้นฉลาด
มาก พวกมันรู้ว่าใครเป็นศัตรูของพวกมัน แล้วยังรู้ว่าถ้ามันไม่ได้ฆ่า หลินเฟิง มันก็จะตาย

 
การแสดงออกภายในดวงตาของมันดูเย็นยะเยือบ มันค่อยๆคลานไปอย่างช้า ๆ และระมัด
ระวังเมื่ออยู่ต่อหน้า หลินเฟิง
 

หลินเฟิง มองกิ้งก่าอสูรที่เคลื่อนที่มาทางเขา หลินเฟิง ดูนิ่งสงบไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลง เขา
ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

 
แต่จู่ๆร่างที่ใหญ่โตของกิ้งก่าอสูรได้กระโดดขึ้นไปในอากาศและบินไปหา หลินเฟิง ด้วยความ
เร็วเต็มพิกัด! มันเร็วกว่าคราวก่อนอย่างมากที่ได้รวบรวมข้อมูลของมันไว้

 
"แปดสังหารทลายสวรรค์!"


หลินเฟิง ใช้มือทั้งสองข้างเพื่อปลดปล่อยการโจมตี หลินเฟิง ได้ฝึกฝนทักษะนี้จนสมบูรณ์แบบ! 
ด้วยการโจมตีหนึ่งครั้ง เขาสามารถฆ่านักบ่มเพาะพลังทั่วไปของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ได้
 

น่าประหลาดใจที่กิ้งก่าอสูรไม่ได้หลบหลีกการโจมตีของ หลินเฟิง มันเปิดกรงเล็บของมันและป้อง
กันการโจมตีของ หลินเฟิง มันสามารถทำให้พลังโจมตี หลินเฟิง ลดลง แน่นอนแปดสังหารทลาย
สวรรค์เป็นการโจมตีที่มีประสิทธิภาพอย่างมากและมันเป็นไปไม่ได้สำหรับกิ้งก่าอสูรที่จะหยุดการ
โจมตี  การโจมตีสองสามกระบวนท่าได้ผ่านเข้าไปและชนเข้ากับร่างของมันซึ่งทำให้ลอยกลับ
หลังไป มันคำรามเสียงดังมากราวกับว่ามันกำลังโกรธเต็มที่ อย่างไรก็ตามที่น่าแปลกก็คือ หลินเฟิง
นั้นยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
 

"ตามที่คาดไว้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันสามารถฆ่าผู้บ่มเพาะพลังไปถึง
ยี่สิบแปดคนแล้ว "หลินเฟิง กล่าว
 

มันส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ตาของมันเริ่มดูเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ  มันเป็นภาพที่น่าสะพรึ่ง
กลัวอย่างเหลือเชื่อที่ได้เห็น ทันใดนั้นมันก็วิ่งไปหา หลินเฟิง อีกครั้ง!


หลินเฟิง ไม่ได้ใช้แปดสังหารทลายสวรรค์ แต่เขากลับปลดปล่อยปราณดาบที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ซึ่งสร้างพายุหมุนวนขึ้นในอากาศ ดูเหมือนร่างของกิ้งก่าอสูรนั้นจะถูกกดดันโดยพลังปราณ
 

"เสียงร้องของกิ้งก่า(จิตนาการกันเอาเองนะครับ) .... ." ปราณดาบที่แหลมคมได้ทำให้กิ้งก่า
อสูรกรีดร้อง กรงเล็บคมๆของมันได้เคลื่อนไปหา หลินเฟิง อย่างแม่นยำ
 

ถ้า หลินเฟิง ถูกกรงเล็บเหล่านี้เขาอาจถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ

 
ในขณะนั้น หลินเฟิง ได้กระโดดตรงไปที่กิ้งก่าอสูร เขาเคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ในระยะของการ
โจมตีของกิ้งก่าสูร เขาได้ยกมือขึ้นเล็กน้อยในอากาศ

 
"เขากำลังทำอะไรหน่ะ?!"
 

"เขาใช้มือของเขาเพื่อป้องกันกรงเล็บของกิ้งก่าอสูรงั้นรึ?"

 
"เขาบ้าไปแล้ว! เขากำลังรนหาที่ตาย "

 
ผู้คนในฝูงชนกำลังแสดงความคิดเห็นต่างๆ คนส่วนใหญ่ก็ประหลาดใจ มีหลายคนได้ถูกฉีก
ขาดเป็นชิ้นๆโดยกรงเล็บของกิ้งก่าอสูรหลังจากโดนการโจมตีเพียงครั้งเดียว กรงเล็บของ
มันนั้นคมกว่าดาบเสียอีก
 

มือของ หลินเฟิง ในที่สุดก็มาถึงกรงเล็บของกิ้งก่าอสูรและทันใดนั้นแสงสีขาวอันสดใสก็
เติมเต็มไปทั่วทั้งกรง
 

ฝูงชนประหลาดใจ หลินเฟิงดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กิ้งก่าอสูรกับกำลังกรีดร้องอย่าง
โหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน
 

"เป็นไปได้อย่างไรกัน? มือของเขาจะคมกว่ากรงเล็บของกิ้งก่าอสูรได้อย่างไร "ฝูงชน
ประหลาดใจ ทุกคนดูตื่นตระหนก
 

หลินเฟิง ยังคงเดินใกล้กิ้งก่าอสูร น่าแปลกใจที่เขาต้องการการต่อสู้ระยะประชิดกับกิ้งก่าอสูร! 

 
"ฉึกก!" ทันใดนั้นรอยเลือดสีน้ำตาลได้สาดกระเด็นขึ้นไปในอากาศ มีแผลขนาดใหญ่อยู่บน
ร่างของกิ้งก่าอสูร
 

"การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี่มันอะไรกัน ... และเขาทำอย่างนั้นด้วยมือเพียงอย่างเดียว ... เขานำ
ปราณดาบไว้ในมือและกลายเป็นว่ามันคมกว่าดาบ!" ผู้บ่มเพาะพลังในฝูงชนกล่าว ฝูงชน
ประหลาดใจ ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอัจฉริยที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ ผู้บ่มเพาะพลังระดับชั้นจิตวิญาณ
ขั้นที่สี่หลายคนที่หยิ่งทะนงตนก่อนหน้านี้เห็น หลินเฟิง ฟันอย่างง่ายดายด้วยมือเปล่าของเขา!

 
เมื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มสองคน ไป๋ซื่อและชายหนุ่มชุดเหลืองทั้งประหลาดใจและโกรธเคือง
พวกเขาไม่คิดว่า หลินเฟิงจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้
 

"เห็นได้ชัดว่าเขาได้ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ตั้งแต่วันที่เข้ามาที่สถาบัน "ไป๋ซื่อ รู้สึกไร้สาระและน่าขัน
เมื่อเขาตระหนักได้ว่า หลินเฟิง นั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ในวันนั้นเขาเรียก หลินเฟิง ว่าขอทานทุก
ครั้งที่เขาเปิดปากพูดไป ในขณะนั้นเขาตระหนักได้ว่า หลินเฟิง เป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่า
เขามาก เขาไม่มีทางเอาชนะ หลินเฟิง ได้ไม่ว่าจะมีข้อทั้งหมดของตระกูลของ หลินเฟิง
 

หลินเฟิง ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงต้องการชนะกิ้งก่าอสูร ในขณะนั้นเขาสามารถ
ใส่พลังงานดาบทั้งหมดลงไปในมือได้ มันไม่ได้เป็นน่ากลัวเท่าดาบของเขาเมื่อโจมตี แต่ก็ยังทรง
พลังเช่นกัน
 

ทุกครั้งที่มือของ หลินเฟิง สัมผัสกิ้งก่าอสูร เลือดได้ไหลกระเด็นไปทั่วเวที

 
"เคี๊ยกกก(เสียงร้องกิ้งก่าแอดมโนเอาเอง) ...... . !!!" หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ กิ้งก่าอสูรได้สูญเสีย
เลือดไปจำนวนมาก ทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองออกมา

 
"ข้าจะหยุดเล่นกับเจ้าเพียงเท่านี้"หลินเฟิง คิด เขาเดินเข้าไปใกล้กิ้งก่าอสูรทันใดนั้นปราณดาบ
จำนวนมหาศาลได้โผล่ออกมาจากมือของเขาและด้วยการโจมตีนั้น เขาได้ตัดหัวกิ้งก่าอสูรและ
ปลดปล่อยความเจ็บปวดของมัน ทั้งฝูงชนตื่นตระหนก
 

"หืมมมมมม.. .. " ฝูงชนถอนหายใจด้วยความประหลาดใจและคิดว่า "ความแข็งแกร่งนี้มันอะไรกัน!
 เขาใช้เพียงมือเปล่าเป็นเหมือนดาบ! "

 
"เจ้าชนะ. นี่คือศิลาบริสุทธิ์ระดับกลาง "ชายชราเดินเข้าไปในกรงขณะที่มอบศิลาบริสุทธิ์ให้กับ
หลินเฟิง  หลินเฟิงหยิบศิลาแล้วออกจากกรงโดยไม่ได้มองชายชรา

 
หลินเฟิงเหลือบไปทางด้านข้างที่พวกทาสกำลังต่อสู้อยู่ แล้วตอนนี้ทาสอีกคนก็ถูกสังหาร

 
ทั้งสองฝ่ายถูกคั่นด้วยประตูเหล็ก ถ้ามันถูกเปิดออกทาสและสัตว์อสูรจะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

 
เมื่อ หลินเฟิง ออกมาจากด้านในของกรงเขารู้สึกดีกว่าบรรยากาศภายในขที่บรรยากาศเต็มไป
ด้วยแรงกดดัน
 

หลินเฟิง เคลื่อนตัวไปทางที่นั่งของเขาแล้วเหลือบมองชายหนุ่มชุดเหลือท่าทางเยาะเย้ยแล้วนั่งลง
 

ทั้งสองฝ่ายของกรง ชายแก่สองคนกำลังนำสัตว์อสูรตัวใหม่เข้ามาและทาสคนใหม่ ผมของทาส
นั้นยุ่งเหยิงมากจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า เขาถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนที่เท้าซึ่งทำให้เกิด
เสียงดังขึ้นหลังจากที่เขาก้าวเข้ามา
 

ทันใดนั้นทาสก็เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน มีตัวหนังสืออยู่บนใบหน้าของเขา "จุน"!







Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook