ตอนที่ 140 การเข้าร่วมการต่อสู้ของหลินเฟิง
ที่สถาบันสำนักสวรรค์ ผู้ที่ศึกษายุทธวิธีทางทหารและนักเรียนการปกครองนั้นไม่ได้อยู่ใน
เกณฑ์ที่ดีนัก มีความตึงเครียดระหว่างนักเรียนทั้งสองประเภท
ไม่ใช่เพียงนักเรียนประเภทแรกชอบมาที่ลานประลองนักโทษ นักเรียนการปกครองก็ชอบไป
ดูการต่อสู้ด้วยเช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้วพวกเขาต้องการที่จะใช้เวลาในเขตตลาดเพื่อรับ
สินค้าที่มีค่าซึ่งขายได้
ผู้คนจำนวนมากชอบมาที่ลานประลองนักโทษ เนื่องจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ อย่างไร
ก็ตามมันจำเป็นต้องมีความกล้าด้วย
เมื่อนักเรียนเข้าร่วมการต่อสู้ในลานประลองนักโทษ พวกเขาสามารถปรับปรุงความสามารถ
ของตนเองในฐานะนักสู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีแห่งการต่อสู้ พวกเขาต้องมีความกล้า
เพราะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่โดยใช้ความกล้า อย่างไรก็ตามผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเมือง
ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะเหล่านี้พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่บ้าเลือดและส่วนใหญ่มักทำงานภายใต้
เงามืดเสียมากกว่า
สำหรับนักเรียนที่ศึกษาเรื่องการเมืองที่เข้าร่วมการต่อสู้ในลานประลองนักโทษนั้นเป็นคน
ที่โง่เง่ายิ่งนัก ที่เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อศิลาบริสุทธิ์ไม่กี่ก้อนเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา
พวกนั้นอาจมาจากครอบครัวยากจนและไม่มีค่าพอ
นักเรียนการเมืองสนุกกับการไปที่ลานประลองนักโทษ เพื่อดูการต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ
มีนักเรียนทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง นักเรียนการเมืองรู้สึกตื่นเต้นมากทุกครั้งที่เห็นนักเรียนทหาร
ถูกกินโดยสัตว์อสูรหรือถูกฆ่าโดยผู้บ่มเพาะพลังที่เป็นทาส
"เจ้าคือ หลินเฟิง ใช่มั้ย? เหตุผลที่เจ้ามาที่นี่ก็เพราะเจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นจากการที่
เจ้าท้าทาย เฮ๋ยหม่า ถูกต้องหรือไม่ ?"ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีเหลืองนั่งอยู่ข้างๆ ไป๋ซื่อ
พูด และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:" เจ้าอย่าเพิ่งถูกฆ่าตายโดนสัตว์อสูรไปก่อนที่เจ้าจะสู้กับ
เฮ๋ยหม่า ล่ะ! เราทุกคนใจร้อนและรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าเจ้านั้นเป็นคนโง่เง่าเพียงใด! "
หลินเฟิง เหลือบมองไปที่ ไป๋ซื่อ คนเหล่านี้รู้ว่า หลินเฟิง เป็นใคร อย่างไรก็ตาม หลินเฟิง
นั้นไม่รู้จักพวกเขาเลย
ดังนั้น หลินเฟิง ได้ชำเลืองมองชายหนุ่มชุดเหลืองและหันกลับมามองที่กรง การแสดงออก
ที่ดีที่สุดคือไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขาและทำเหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่มีตัวตน
ผู้มีฐานะร่ำรวยและขุนนางที่หยิ่งยโสคิดว่าพวกเขาอยู่สูงเหนือผู้อื่น เมื่อพวกเขากล่าวบาง
อย่าง ผู้คนมักจะฟังพวกเขาหรืออย่างน้อยพวกนั้นจะไม่ละเลยพวกเขา
เป็นความจริงที่ว่า หลินเฟิงไม่สนใจพวกเขาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธเคือง เขาไม่เข้าใจ
รอยยิ้มที่เขามีบนใบหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาและดัง
พอสมควรเพื่อให้ทุกคนได้ยินเขาว่า "เจ้าหูหนวกหรือเปล่า? เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าบอก
เจ้าเลยงั้นรึ?"... เป็นก่อนหน้านี้ที่ หลินเฟิง ไม่ได้สนใจเขา
"ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ!" หลินเฟิง ก็ยังไม่สนใจเขาเช่นเดิม ชายหนุ่มชุดเหลืองกำลัง
เต็มไปด้วยความโกรธจากความอับอาย ตอนนี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนแล้วปราณที่
น้ำแข็งได้ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา
"เอะอะโวยวายเสียงดังไปทำไม!" เวิ่นห่าวซื่อ กล่าวขณะที่เกาหัวของเขา จากนั้นเขาก็หัน
กลับมาและตะโกนใส่ชายหนุ่ม : "เจ้ารู้ไหมว่าเจ้านั้นเหมือนสุนัขที่กำลังเห่าเสียงดังอยู่?"
ชายหนุ่มชุดเหลือง มึนงง หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรงในอก โดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่
ดูถูกคนอื่นโดยเรียกพวกเขาว่าเป็นสุนัขไม่ใช่ถูกเรียกโดยผู้อื่น!
"หรือที่เจ้าทำเช่นนี้เพราะอันที่จริงแล้วเจ้านั้นเป็นลูกสุนัข?" "เวิ่นห่าวซื่อ กล่าวเพิ่มด้วยเสียง
ที่หนักแน่นกว่าเดิม
"เขากล้าท้าทาย เฮ๋ยหม่า เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่า เฮ๋ยหม่า รึไง? เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? "
ชายหนุ่มชุดเหลืองถามด้วยสายตาที่ชั่วร้าย เขากำลังจ้องมองไปที่ เวิ่นห่าวซื่อ ด้วยเจตนา
ในการฆ่า และพูดอีกว่า : "สุนัขงั้นรึ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้พูดจายั่วยุเช่นนี้?
เวิ่นห่าวซื่อ เงียบและหันกลับไปโดยไม่ได้มองชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็นั่งสบายๆบนเก้าอี้และพูด
ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "อย่าคิดว่าเพราะชื่อตระกูลของเจ้าชื่อ หยู๋ เจ้าถึงได้หยิ่งยโสเช่นนี้ได้นะ
แม้ว่าตระกูลของเจ้าจะเป็น หยู๋ เจ้าก็ยังคงเป็นสุนัขอยู่ดี ... และพยายามแสดงอำนาจของเจ้าที่นี่
น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสมเพชและไร้สาระสิ้นดี "
เวิ่นห่าวซื่อ ดูสงบเมื่อพูดคำเหล่านี้ ชายหนุ่มชุดเหลือง ตะลึง เขารู้ได้ไงว่าครอบครัวของข้าชื่
ตระกูล หยู๋? นอกจากนี้เขายังรู้ว่าข้าเป็นคนตระกูลหยู๋ และยังคงไม่ลังเลที่จะทำให้ข้าขายหน้า
ในที่สาธารณะ!
เมื่อ หลิวเฟย ได้ยินว่าครอบครัวของเขาชื่ อยู๋ เธอหันกลับมามองเขา จากนั้นเธอก็มองไปที่
เวิ่นห่าวซื่อ อีกครั้ง
ตระกูลหยู๋ มีอำนาจมหาศาลภายในเมืองจักรพรรดิ และได้รับการเคารพนับถือจากหลายๆคน
แม้ว่า เวิ่นห่าวซื่อ จะรู้จักชื่อของเขา แต่เขาก็ยังไม่สนใจ! ดูเหมือนว่า เวิ่นห่าวซื่อ นั้นไม่ใช่คน
ที่จะจัดการง่ายๆเสียแล้ว!
"ตระกูลหยู๋!" หลินเฟิง กำลังคิด หลินเฟิง เคยได้ยินชื่อตระกูลนี้และไม่ใช่เพียงครั้งแรก!
ในแคว้นซู่วเย่ว ตระกูลและนิกายที่แข็งแกร่งนั้น ได้แก่ ตระกูลจักรพรรดิ, ตระกูลเย่,ตระกูลหยู๋,
นิกายหวันซื่อ,นิกายเฮ่าเย่,นิกายหยุนไห่, หมู่บ้านหุบเขาหิมะน้ำแข็ง และนิกายลู่เซีย .
กลุ่มทั้งแปดกลุ่มนี้มีอิทธิพลทั่วทั้งแคว้นและเป็นที่รู้จักว่าแข็งแกร่งอย่างมาก ตั้งแต่นิกาย
หยุนไห่ถูกทำลายไปตอนนี้เหลือเพียงเจ็ด ... ในหมู่ที่มีอำนาจอิทธิพลทั้งสี่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ
ชายหนุ่มชุดเหลืองน่าจะเป็นสมาชิกของตระกูลหยู
แต่ในขณะนั้นเสียงของสัตว์อสูรดังขึ้นมาทำให้ หลินเฟิง ตื่นขึ้นมาจากความคิดของเขา
จากนั้นชายชราคนหนึ่งได้เข้าไปในกรง
"สัตว์อสูรกิ้งก่า!" ฝูงชนตื่นเต้นอย่างมาก กิ้งก่ามีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก แต่ถ้าเป็นเรื่อง
ของความว่องไวต้องยกให้อสูรเสือ มันมีความแข็งแกร่งกว่ามาก
"ข้าไม่รู้ว่าใครจะกล้าเข้าไปในกรงตอนนี้ มันดูเป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น!" ฝูงชนคิด
ฝูงชนกำลังสงสัยว่าจะมีกี่คนที่กิ้งก่าได้ฆ่าตายไปในการต่อสู้ครั้งก่อนนั้น อาจเป็นจำนวนมาก
จนนับไม่ถ้วน!
"บรรดาผู้ที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้มีทั้งทาสและสัตว์อสูร พวกเขาไม่กลัวเสียเงินหลังจาก
พวกนั้นถูกฆ่า? "นอกจากนี้พวกเขายังต้องให้ศิลาบริสุทธิ์แก่ผู้ชนะอีก!" หลินเฟิง ถามด้วย
ความมึนงง ในความคิดของเขานั้นลานประลองนักโทษช่างน่าแปลกใจที่เจ้าของลานประลอง
ให้ทาสและสัตว์อสูรอยู่ภายในกรงถ้าพวกนั้นตายทุกวันแล้วกิจการจะเป็นยังไงต่อไปละ?
"เมื่อพวกทาสเหล่านี้และสัตว์อสูรอยู่ในนั้น พวกมันไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งมาก ถึงแม้จะถูก
สังหารไปแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาพึ่งพาประสบการณ์ของทาสและสัตว์อสูรที่ได้รับจาก
การต่อสู้ในแต่ละครั้ง สัตว์อสูรจะแข็งแกร่งขึ้นและกระหายเลือดมากขึ้นจากการต่อสู้ในแต่ละ
ครั้ง พวกทาสเองก็แข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อพวกเขาสู้กับความตาย เพราะพวกเขาเติบโตขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับมามันเป็นบทเรียนราคาแพง ... แล้วเจ้าของพาพวกเขา
ออกและขายพวกเขาในราคาที่สูง นี่เป็นเป้าหมายของพวกเขา เรามาที่นี่เพื่อที่จะแข็งแกร่ง
ขึ้นและเพิ่มความสามารถในการบ่มเพาะพลังพวกเรา ... ดีเราจะทำแบบเดียวกีบเจ้าของ เรา
จะใช้พวกเขาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกเขายังใช้เราเพื่อทำให้สัตว์อสูรและทาสของ
พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้เลย "
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ เขาห่างไกลจากความคิดเช่นนั้น เหล่าสัตว์อสูรและทาสเหล่านี้
หากพวกเขาได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ที่อันตราย พวกมันก็จะกลายเป็นผู้มีพลังมากขึ้น
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อพวก
เขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมา
"ถึงจะกังวลเกียวกับศิลาบริสุทธิ์ที่เราต้องจ่ายภาษีเวลาเข้าไปทุกครั้งเพื่อต่อสู้หรือรับชม
แม้ว่าจะไม่แพง แต่ก็ควรคำนึงถึงจำนวนผู้ที่มาที่นี่ทุกวัน นอกจากนี้ผู้ที่นั่งอยู่ในแถวแรก
ของเวทีคนดูจะต้องจ่ายมากขึ้นไปด้วย ลองนึกภาพจำนวนเงินที่พวกเขาทำได้ทุกวันจาก
การรับเข้าชมที่นั่งคนดู "เวิ่นห่าวซื่อ อธิบายกับ หลินเฟิง หลินเฟิง ยิ้มและส่ายหน้า หลินเฟิง
ด่วนสรุปเกินไป เขาละเลยความจริงที่ว่าทุกคนต้องจ่ายเงินเมื่อพวกเขาเข้ามาในเวที
ในขณะนั้นชายชราได้ประกาศว่า "กิ้งก่าสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่สี่ ชนะยี่สิบแปดครั้ง! "
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเมื่อได้ยินชายชรากล่าว กิ้งก่านั้นน่ากลัวเกินไป! มันฆ่าคนไปมากมาย!
"นั่นหมายความว่าศิลาบริสุทธิ์ถึงยี่สิบก้อนที่มีคุณภาพปานกลางสำหรับใครที่อยู่สูงกว่าระดับ
จิตวิญญาณขั้นที่สี่ และศิลาบริสุทธิ์ร้อยก้อนที่มีคุณภาพปานกลางสำหรับใครบางคนที่อยู่
ต่ำกว่าใชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่" ชายแก่กล่าว
"ศิลาบริสุทธิ์ยี่สิบก้อนที่มีคุณภาพปานกลาง ... นั่นเป็นจำนวนมากเลยนะ!" หลินเฟิง คิด ศิลา
บริสุทธิ์ยี่สิบก้อนคุณภาพปานกลางเท่ากับศิลาสองพันก้อนระดับต่ำ นั่นก็เพียงพอที่จะฝึกฝน
บนชั้นสี่ของหอคอยฝึกฝนเป็นเวลาสองปีได้เลย สองปีในหอคอยฝึกฝนนั้นเป็นพลังที่น่ากลัว
สำหรับใครถ้าอยู่ในนั้นถึงสองปี!
"แต่การเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อสิ่งนั้นก็น่ากลัวเช่นกัน" หลินเฟิง กล่าว หลินเฟิง ตระหนักว่า
นิกายหยุนไห่ค่อนข้างจากจนนัก เมื่อเทียบกับเจ้าของลานประลองนักโทษที่เป็นเจ้าของ
ศิลาบริสุทธิ์จำนวนมากมายช่างเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว!
ศิลาบริสุทธิ์่ยี่สิบก้อนคุณภาพปราณกลางนั้นเพียงพอที่จะซื้อทาสที่แข็งแกร่ง ทักษะการ
ต่อสู้ที่ดีมากๆหรือเทคนิคการเคลื่อนไหวดีๆ
เมื่อ หลินเฟิง รู้อย่างนั้นเขาก็ยืนขึ้นโดยไม่ลังเลและพูดอย่างเฉยเมยว่า :
"ข้าจะเข้าร่วมในการต่อสู้รอบต่อไป!"
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น