ตอนที่ 139 ผู้บ่มเพาะพลังที่เป็นทาส
ในใจกลางของกรงเหล็ก ผู้ชนะจะมีชีวิตอยู่และผู้แพ้จะต้องตาย
มันเหมือนกับสนามรบ
ในทวีปเก้าเมฆาผู้บ่มเพาะพลังได้รับความนับถือและชื่นชม ผู้บ่มเพาะพลังนั้นจริงจังอย่างมากในวิถี
การใช้ชีวิต นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไม่ลังเลที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการบ่มเพาะพลัง
ของพวกเขา เส้นทางการบ่มเพาะพลังนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและความมุ่งมั่นคือกุญแจสู่
ความสำเร็จ
"แล้วกฎของลานประลองนักโทษคืออะไรละ?" หลินเฟิง ถาม
"คนที่รับผิดชอบกรงเหล็กจะเป็นผู้ประกาศว่าใครจะสู้กับใคร แน่นอนว่าเขามักจะจับคู่ผู้คนกับผู้บ่ม
เพาะพลังคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งสัตว์อสูรในระดับที่ใกล้เคียงกัน มิฉะนั้นการต่อสู้นั้นก็ไม่มีความ
หมาย "เวิ่นห่าวซื่อ อธิบาย
หลินเฟิง พยักหน้าเล็กน้อย ถ้าไม่มีใครถูกกำหนดให้ต่อสู้กับระดับเดียวกันหลายๆคน ไม่มีใครกล้า
เข้าไปในกรงเพื่อเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับใครบางคนที่แข็งแกร่งมากกว่า "
"โดยวิธีนี้ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ในการต่อสู้ในกรงแล้ว ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าชนะเจ้า
จะได้รับศิลาบริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก นั่นเป็นเหตุผลที่นักเรียนของเราถึงมาที่นี่เพื่อต่อสู้ แล้วกลับไป
ที่หอคอยฝึกฝนในสถาบัน เพื่อช้ศิลาบริสุทธิ์และกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อทำเช่นเดิม มันจะช่วยให้
พวกเขาเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้มากยิ่งขึ้น ... แน่นอนว่ามันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง "
"การต่อสู้เสี่ยงตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ในสถานการณ์อันตรายนั้นมี
ความเป็นและความตายรออยู่ "เวิ่นห่าวซื่อ พูดอย่างสุภาพ
หลินเฟิง มึนงง น้ำเสียงของ เวิ่นห่าวซื่อ ฟังดูเหมือนว่าเขามักจะแวะไปที่นี่ มันเป็นเรื่องยากที่จะ
จินตนาการได้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะมาที่นี้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามเหมือนหญิงสาว
พวกเขายังคงเดินอยู่และในขณะเดียวกันนั้น หลินเฟิง เห็นภายในกรงได้อย่างชัดเจนจากที่ที่เขาอยู่
ด้านในของกรงมีขนาดใหญ่มากอย่างไม่น่าเชื่อและกรงนั้นดูเหมือนราวกับล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
และขังคนไว้ข้างใน
ภายในกรงถูกแบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับผู้บ่มเพาะพลังต่อสู้กันเองในขณะที่ด้านอื่น ๆ
จะเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะพลังกับสัตว์อสูร
ทั้งสองด้านแยกจากกันโดยที่นั่งคนดู คนมีอิสระที่จะเลือกชนิดของการต่อสู้ที่พวกเขาต้องการรับชม
ในขณะนั้นมีเงาสองร่างอยู่ด้านหน้า หลินเฟิง เขาหันกลับไปมองพวกนั้น
ราวกับว่า เวิ่นห่าวซื่อ คาดการณ์ไว้นานแล้วเขาจึงหยิบศิลาคุณบริสุทธิ์ภาพปราณกลางออกมา
จากกระเป๋าของเขาหกก้อนและส่งมอบให้กับผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าและปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป
"ราคาสำหรับสิบแถวแรกมีราคาแพง แต่ก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการรับชมการต่อสู้" เวิ่นห่าวซื่อ
กล่าว หลินเฟิง ถึงกับตะลึง : "ศิลาบริสุทธิ์คุณภาพปราณกลางหนึ่งก้อนต่อหนึ่งคนเชียวรึ!?
มันแพงจนน่ากลัว! นี่มันแพงเกินไปแล้ว! "
ศิลาบริสุทธิ์เพียงหนึ่งก้อนที่มีคุณภาพปานกลางนั้นเพียงพอที่จะฝึกฝนได้หนึ่งเดือนในหอฝึกฝนของ
สถาบันสำนักสวรรค์ จากชั้นที่สี่ถึงชั้นที่สิบ นั่นไม่ใช่ราคาที่น้อยเลย
"ไม่มันไม่แพงเกินไปหรอก มันถูกเสียด้วยซ้ำ ลองคิดดูดีๆแล้วกันคนประเภทไหนจะมาที่นี่และนั่งบน
แถวที่นั่งที่ดีที่สุดเพื่อรับชมละ? "เวิ่นห่าวซื่อ กล่าวขณะที่ส่ายหน้า
"บรรดาผู้ที่ต้องการเข้าไปในกรงเพื่อต่อสู้และคนที่ร่ำรวยที่มีศิลาบริสุทธิ์มากมายจะเริ่มต้นที่นี้"
หลินเฟิง กล่าว
"เจ้ากล่าวถูกต้อง. นอกจากนี้หากพวกเขาชนะการต่อสู้ภายในกรง พวกเขาก็จะได้รับอย่างน้อย
สิบศิลาบริสุทธิ์คุณภาพปานกลาง หากพวกเขาแพ้ พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องใช้ศิลาบริสุทธิ์อีก
ต่อไปเพราะพวกเขาตายไปแล้ว "เวิ่นห่าวซื่อ กล่าว จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่แถวที่สามของที่นั่งคนดู
และกล่าวว่า "ไปนั่งตรงนั้นแล้วกัน"
"เอาล่ะ" หลินเฟิง กล่าวขณะพยักหน้า มีคนไม่มากนักที่นั่งอยู่ในสิบแถวแรก หลังจากนี้ทุกคนที่
ต้องการจะเข้าสู่กรงเหล็กส่วนคนที่เอาศิลาบริสุทธิ์มาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์นั้นก็หาได้ยากยิ่ง
เมื่อ หลินเฟิง นั่งลงการต่อสู้ก็เพิ่งจบลงไปพอดี
ด้านในของกรง มีทาสหนึ่งคนใส่มือของเขาเข้าไปในอกของฝ่ายตรงข้ามและฉีกควักหัวใจออก
มา ฉากนั้นดูโหดร้ายและเหี้ยมโหดจริงๆ เลือดหยดลงไปทุกหนทุกแห่งทาสคนนั้นได้ถือหัวใจ
ชูสูงขึ้น
แต่เมื่อฝูงชนได้เห็นเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็เริ่มตะโกนด้วยความตื่นเต้นเมื่อพวกเขาเห็นฉาก
นั้นที่อยู่เบื้องหน้า
หลิวเฟย และ จิ้งหยุน ขมวดคิ้วพวกเขารู้สึกคลื่นไส้ ส่วน หลินเฟิง มองอย่างสงบ แต่ข้างในของ
เขานั้นรู้สึกเศร้าเล็กน้อยขณะเห็นฉากนั้น ในโลกนั้นไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่อ่อนแอ คนอ่อนแอ
นั้นไร้ค่าและก็จะถูกกำจัด นี่เป็นสิ่งที่ หลินเฟิง กำลังพยายามปรับตัว
"ถ้าไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองแล้วละก็มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะเข้าไปในกรง" หลินเฟิง
คิดขณะที่ส่ายหน้า
"หลินเฟิง เจ้าพิจารณาฝ่ายตรงข้ามของเจ้าที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว เจ้าต้องการต่อสู้กับ
สัตว์อสูรหรือผู้บ่มเพาะพลังดีละ?" เวิ่นห่าวซื่อ ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
"สัตว์อสูร" หลินเฟิง ตอบโดยไม่ลังเล
เวิ่นห่าวซื่อ รู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของ หลินเฟิง ได้แต่ยิ้มและตอบว่า "เจ้าเลือกถูกล่ะ หลาย
คนคิดว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระดับเดียวกันสัตว์อสูรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่มันก็ไม่เสมอไป
ในกรงนั่น ทาสที่เป็นผู้บ่มเพาะนั้นไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่ทาสที่เป็นผู้บ่ม
เพาะพลังนั้นโหดร้ายและโหดเหี้ยมกว่าสัตว์อสูร พวกมันน่ากลัวมากกว่าสัตว์ประหลาดในฝันร้าย
เสียอีก "
"บางครั้งเจ้าอาจคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ แต่ในกรงนั้นต่างออกไปเมื่อเจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่ง
กว่า แต่เจ้าอาจจะไม่ได้เป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในตอนจบ"
การดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่นั้น สำหรับบางคนพร้อมที่จะทำได้ทุกสิ่ง
หลินเฟิง ส่ายหัวและกล่าวว่า "เจ้าพูดถูก แต่ทางเลือกของข้าที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรนั้นไม่เกี่ยว
ข้องกับเรื่องนี้"
"อะไรนะ? จริงเหรอ? "เวิ่นห่าวซื่อ ถามด้วยความประหลาดใจ
"ใช่แล้ว" หลินเฟิงตอบ "การบ่มเพาะพลังของทาสยังไงก็เป็นแค่ทาส ... แต่หลังจากนั้นแล้วยังไงซะ
พวกเขาก็เป็นคนที่สมควรได้รับสิทธิในความเป็นคนขั้นพื้นฐานและสำหรับข้าแล้วพวกเขาก็ยังคง
เป็นคนบริสุทธิ์ที่ไม่เคยยั่วยุอะไรข้า"
เวิ่นห่าวซื่อ รู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของ หลินเฟิง และพร้อมทำสีหน้าแปลกๆ
"เจ้าคิดว่าผู้บ่มเพาะพลังที่เป็นทาสนั้นโหดร้ายและไร้ความปรานี แต่ถ้าพวกเขาฆ่าคนที่เข้ามาใน
กรงมันเป็นเพราะชีวิตของพวกเขาได้รับอันตราย ... และที่แย่ที่สุดคือคนที่เข้ามาในกรงและต่อสู้กับ
ทาสเหล่านี้ต้องการให้พวกเขาตาย เพื่อศิลาบริสุทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านี้เท่านั้น ... เท่าที่ข้ากังวล
ก็คือข้าไม่สามารถฆ่าใครได้ถ้าข้าไม่ได้เกลียดชังพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับข้าหรือ
เพื่อนของข้า ถ้าข้าทำลงไปข้าคงรู้สึกผิดมากๆ "หลินเฟิง ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดีหรือว่าเขา
สามารถปกป้องโลกนี้คนเดียวได้ แต่ก็มีคุณธรรมมากพอและเที่ยงตรงอยู่ในใจของเขา บนเส้นทาง
ของการบ่มเพาะพลัง หลินเฟิง คิดว่าคุณธรรมมีความสำคัญพอ ๆ กับความมุ่งมั่น
หลังจากได้ยินคำพูดของ หลินเฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่ เวิ่นห่าวซื่อ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ
สถานที่แห่งนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่เป็นทาส... แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นคน ...
พวกเขาเป็นคน แต่ในโลกนี้ไม่กี่คนที่รู้สึกเมตตาเหมือน หลินเฟิง หลังจากที่เกิดมาในสภาพ
แวดล้อมเช่นนี้ มีหลายคนที่จะเป็นเช่นเดียวกับพวกที่โหดร้ายและกระหายเลือดเหมือนโลกที่
อยู่รอบตัวพวกเขา
คนส่วนใหญ่นั้นมีเป้าหมายเพียงเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นไม่ว่าจะต้องจ่ายใดก็ตาม ด้วย
เหตุนี้พวกเขาจึงฆ่าคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม การฆ่าคนนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา
"เจ้าอาจจะพูดถูกก็ได้ ... ในอนาคตข้าจะต่อสู้กับสัตว์อสูรเพียงอย่างเดียว" เวิ่นห่าวซื่อ กล่าว
ขณะยิ้ม ในขณะมีนั้นเสียงดังมาจากข้างหลังพวกเขา
"นักเรียนการทหาร ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเริ่มไม่ชอบสถานะของโลกและพูดด้วยน้ำเสียงที่มี
เมตตาเช่นนั้นละ ? ไร้สาระจริงๆ "เวิ่นห่าวซื่อ และ หลินเฟิง หันกลับไปและเห็นกลุ่มคนสวม
เสื้อผ้าที่สวยงาม พวกเขาดูหยิ่งยโสอย่างมาก
"นักเรียนการปกครอง!" หลินเฟิง ขมวดคิ้ว ในหมู่พวกเขานั้น หลินเฟิง จำได้สองสามคน ...
เขาเคยตบคนเหล่านั้นไว้ครั้งหนึ่ง ... ไป๋ซื่อ!
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น