ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 134


ตอนที่ 134 เขาต้องตาย!











ชายหนุ่มที่เดินออกมาคือ หลินเฟิง


"มันรวดเร็วขึ้นอย่างมากเมื่อบ่มเพาะพลังในห้องฝึกฝนบนชั้นที่หก!" หลินเฟิง คิด หนึ่งร้อยวัน
ก่อนหน้านี้ ปราณน้ำแข็งของ เมิ้งชิง ที่อยู่ในห้องพักทำให้เขาตกใจ แต่มันก็ช่วยให้เขาไปถึง
จุดสูงสุดของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม หลังจากนี้อีกไม่นานถ้าเขาบ่มเพาะพลังก็สามารถตัด
ผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ การบ่มเพาะพลังในปัจจุบันของเขาอยู่ใกล้ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่
สี่เพียงแค่เอื้อม


แน่นอนว่า หลินเฟิง เข้าใจว่าการนั่งอยู่ในห้องบ่มเพาะพลังเป็นเวลาหนึ่งร้อยวันไม่ใช่สิ่งที่นัก
บ่มเพาะพลังต้องทำเพื่อความก้าวหน้า มีอีกหลายสิ่งที่นักบ่มเพาะพลังจำเป็นต้องเรียนรู้และ
ปฏิบัติเพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการบ่มเพาะพลังและการฝึกซ้อมมีการควบคุมอารมณ์
ความรู้สึก ประสบการณ์การต่อสู้และประสบการณ์ชีวิต สิ่งเหล่านี้จำเป็นในการตัดผ่านไปถึงระดับ
พลังที่สูงขึ้น ตรงกันข้ามก็เป็นความจริง ถ้าหากผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนภายนอกและต่อสู้
แต่ไม่เคยบ่มเพาะพลัง เขาก็จะไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ทุกอย่างมันต้องสมดุลกัน


หลินเฟิง เงยหน้าจ้องมองท่ามกลางฝูงชนที่อยู่นอกห้องและจากไป เขาสงสัยว่าการฝึกฝนของ
หลิวเฟย ไปถึงไหนแล้วตั้งแต่เขาทิ้งเธอไว้


เมื่อฝูงชนเห็นว่า หลินเฟิง กำลังจะจากไปพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดมอง
ไปทางขวาของพวกเขาแล้วหันไปทางซ้ายอย่างระมัดระวังพร้อมมองคนอื่นที่พร้อมจะต่อสู้แย่งชิงห้อง
ฝึกฝน... แต่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับ หลินเฟิง อีกต่อไป


ขณะที่ หลินเฟิง กำลังเดินไปที่ชั้นที่สิบ ชายหนุ่มชุดดำยังคงรออยู่ เขารู้สึกว่าพลังปราณบริสุทธิ์ที่
ออกมาจากห้องนั้นเบาบางลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มชุดดำมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและกำลังเตรียมพร้อมที่จะ
โจมตีคนที่เขาคิดไว้ที่อยู่ในห้อง เขาชกประตูอีกครั้งและทำให้มันสั่น


ชายหนุ่มชุดดำไม่กังวลอะไรเลยเพราะ หลินเฟิง ไม่ทีทางแข็งแกร่งขึ้น เขาได้ชกประตูห้องฝึกฝน
ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนได้อย่างราบรื่น


"สุดท้ายแล้ว เจ้าก็ต้องออกมา" ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดดำกล่าวว่าขณะรอให้ หลินเฟิง ออกมา


ประตูห้องฝึกฝนได้เปิดออกเองโดยอัตโนมัติเมื่อปราณบริสุทธิ์ในห้องถูกดูดซับไปจนหมดแล้ว
มิฉะนั้นคนจะติดอยู่ภายในห้องตลอดไป


ประตูได้เปิดตัวเองออกมามีเสียงดังสนั่น  ซุ่ยถิง และชายหนุ่มในชุดดำเห็นเพียงแค่สาวสวยที่
เดินออกมาจากห้อง


"เจ้านั่นเอง"ชายหนุ่มชุดดำในขณะที่เขาดูมึนงงอย่างสิ้นเชิง เขาจ้องมองไปที่ หลิวเฟย เขารอ
คอยอยู่เป็นเวลากว่าร้อยวันและคนที่ออกมาก็เป็นเพื่อนของ หลินเฟิง ... สาวสวยคนนี้


ใบหน้าของ หลิวเฟย ซีดเผือก เธอดูน่าสงสารและเหนื่อยล้าอย่างมาก... แต่การแสดงออกทาง
สีหน้าของเธอยังแสดงให้เห็นถึงความโกรธ เธอจ้องมองชายหนุ่มชุดดำและพูดว่า: "กล้าดียังไง"


“กล้าดียังไงงั้นรึ?”


ชายหนุ่มชุดดำมองเธอด้วยท่าทางชั่วร้าย เขาไม่คิดเลยว่าคนที่เขารอมาถึงสามเดือนเป็นอีกคน
หนึ่ง... ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่อยู่ข้างในไม่ด้แสดงท่าทางดูหมิ่นเขา ถ้าเป็น หลินเฟิง แล้วละก็
เขาอาจจะออกมาทันที


"เป็นเจ้านี้เองข้าจะพาเจ้าไปกับข้า เจ้าทนทรมานจากการอยู่ในนั้น "ชายหนุ่มชุดดำพูดด้วย
ความรู้สึกผิด เขาจ้องมองไปที่ร่างของ หลิวเฟย และพบว่าเธอมีเสน่ห์น่าหลงไหล เขายังคิดว่า
การแสดงออกที่โกรธของเธอทำให้เธอดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เขารู้สึกตื่นเต้นในขณะที่มองไปที่เธอ


"เฮ้ ถ้าเขาให้ห้องนี้กับเจ้านั่นหมายความว่าเจ้าต้องสนิทสนมกันมากสินะ ถ้าข้าได้ลิ้มรสเจ้าแน่
นอนว่าเขาคงจะโกรธแทบบ้าเป็นแน่ "ชายหนุ่มชุดดำกล่าวอย่างชั่วร้ายเช่นเดียวใบหน้าของเขา


ซุ่ยถิง เหลือบไปมองเขาด้วยสายตาที่ดูถูกชายหนุ่มชุดดำอย่างแท้จริง เขาเป็นลูกของนางสนม
ซึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อหันหน้าไปทางผู้หญิงที่สวยงาม เป็นความอับอายของ
 เฮ๋ยหม่า ที่ถูกสายเลือดเดียวกันทำให้อับอาย


แต่ ซุ่ยถิ๋ง ไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้น  เฮ๋ยหมา และเขายังคงเป็นสายเลือดเดียวกัน เขาไม่
สามารถโจมตีชายหนุ่มชุดดำได้แม้ว่าเขาจะต้องการทำขนาดไหนก็ตาม


เมื่อ หลิวเฟย ได้ยินว่าชายหนุ่มดำพูด เธอมองด้วยความรังเกียจ


"กล้าดียังไง ... น่ารังเกียจยิ่งนัก"


"เจ้าเคยพูดมาแล้ว แต่เพราะเจ้าชอบใช้คำเหล่านี้มากสินะข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่ามันเป็นอะไร
ที่ไม่สุภาพ ห้องฝึกฝนนั้นค่อนข้างใหญ่ใช่มั้ย? มันเหมาะสำหรับเราสองคน เมื่อเพื่อนของเจ้า
กลับมาเขาจะเห็นเราทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดกันมันจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม "ชายหนุ่มชุดดำ
กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างบนใบหน้าของเขา  ซุ่ยถิ๋ง ถึงกับตะลึง


ในขณะนั้นชายหนุ่มชุดดำรู้สึกหนาวสั่นจนวิ่งลงกระดูกสันหลังของเขา ปราณน้ำแข็งได้ล้อม
รอบร่างของเขาและกำลังกดดันอย่างหนัก


เขาหันหัวกลับไปแล้วเห็น หลินเฟิง ที่กำลังปลดปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่ง


ชายหนุ่มชุดดำมองไปเบื้องหน้าก็เห็น หลินเฟิง แต่ในขณะนั้นเมื่อตอนที่เขากำลังยืนอยู่ต่อ
หน้าเขาชายหนุ่มชุดดำถึงกับพูดไม่ออก


หลินเฟิงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆไปที่ หลิวเฟย เมื่อเขาผ่านชายหนุ่มชุดดำไปดูเหมือนว่า
เขาไม่ได้ตั้งใจมองไปที่ชายหนุ่มชุดดำแม้แต่น้อย


อย่างไรก็ตาม หลินเฟิง เดินผ่านเขาไปและหันหลังให้ชายหนุ่มชุดดำแล้วกล่าวว่า "ไอชั่ว"


ชายหนุ่มชุดดำรู้สึกถึงความเกลียดชังที่เดือดดานอยู่ในใจ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความ
โกรธและความเกลียดชัง หลินเฟิง ได้ทำให้เขาอับอายอย่างมาก แม้กระทั้งไม่ยอมมองเขา
และดูถูกเขาอย่างนั้น เขาต้องการที่จะฆ่า หลินเฟิง แต่เขาไม่กล้าโจมตี ... เขารู้ว่าเขา
ไม่แข็งแกร่งพอ เขาหวังว่า ซุ่ยถิ๋ง จะจัดการ หลินเฟิงได้


“ไอ้เวร ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้สำหรับหนึ่งร้อยวันที่ผ่านมา "หลิวเฟย กล่าวกับ หลินเฟิง
 หลินเฟิง ไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความทุกข์
ทรมาน


หลินเฟิง มองไปที่ หลิวเฟย ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มชุดดำจะ
กระทำโดยไร้ยางอายเยี่ยงนี้



หลินเฟิง เหยียดมือออกไปและลูบไล้ใบหน้า หลิวเฟย อย่างอ่อนโยน เขาต้องการให้เธอ
รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย



เมื่อ หลิวเฟย รู้สึกถึงมือของ หลินเฟิง บนใบหน้าของเธอ เธอรู้สึกขาของเธออ่อนแรงลงและ
เธอเสียหลักเล็กน้อย หลินเฟิง ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาอ่อนโยน


ความเศร้าและความโกรธที่เธอรู้สึกก็ถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนนั้น


แม่ของ หลิวเฟย เสียชีวิตเมื่อเธอยังเยาว์วัย พ่อของเธอก็ไปต่อสู้อยู่ในทุกมุมของแคว้นและ
ไม่ได้มีเวลาดูแลเธอ ในขณะนั้นเธอคิดว่า หลินเฟิง รู้สึกถึงอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อและความ
เป็นสุภาพบุรุษต่อเธอ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตตลอดไป


"ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง" หลิวเฟิง บอกกับ หลิวเฟย ที่รู้สึกกังวลในสถานการณ์ปัจจุบัน เธอ
รีบจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ เมื่อเธอตระหนักได้ว่าทรงผมของเธอนั้นไม่เป็นทรงเอาซะเลย


หลินเฟิงยิ้มและหันกลับมาทันที


รอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขาได้หายไปอย่างกะทันหันและถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา


"ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่ง" ซุ่ยถิ๋ง คิดขณะกำลังมองไปที่ หลินเฟิง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้
ชายหนุ่มชุดดำ เขาต้องการป้องกันไม่ให้เขาต่อสู้กับ หลินเฟิง ที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยเจตนา
ในการฆ่า


"ข้าไม่อยากทำให้ดาบของข้านั้นแปดเปื้อนเลือดของคนอย่างเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเรียกร้องเอง
เจ้าจะเป็นคนแรกที่ข้าจะฆ่าในสถาบันสำนักสวรรค์" ในขณะนั้น หลินเฟิง ค่อยๆชักดาบอ่อน
ออกมาอย่างช้าๆ มันเต็มไปด้วยความเฉียบคม


เมื่อชายหนุ่มชุดดำได้ยิน หลินเฟิง พูดเขาก็กลัวและเริ่มถอยหลัง จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวอยู่
เบื้องหลังของ ซุ่ยถิ๋ง


"ทำตัวเป็นเด็กน้อยที่น่าสมเพศไปได้ เจ้ามันก็แค่ขยะ! "หลิวเฟย กล่าวกับชายหนุ่มชุดดำ
เมื่อเห็นว่าเค้าซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ซุ่ยถิ๋ง


สถานการณ์กลายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? เขาสร้างความลำคานให้กับ หลิวเฟย เพราะคิดว่า
เป็น หลินเฟิง เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วและเขาก็พยายามจะทำให้ หลิวเฟย อับอาย เพื่อ
ทำให้ หลินเฟิง โกรธ ... แต่ตอนนี้ หลินเฟิง มาที่นี้แล้วเขากลับกลัวความตายขึ้นมา


เมื่อเขาได้ยินคำพูดของ หลิวเฟย เขารู้สึกอับอายขายหน้า แต่ไม่ได้ตอบกลับไป เขาเกลียด
การกระทำของตัวเองเช่นกัน ทำไมถึงได้หวาดกลัวเมื่ออยู่เบื้องหน้าของ หลินเฟิง ด้วย?


"เจ้าไม่มีทางฆ่าเขาได้" ซุ่ยถิ๋ง ที่ยืนอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มชุดสีดำกล่าว


"เขาจะต้องตาย" หลินเฟิง ก้าวไปข้างหน้า เขาปลดปล่อยพลังอำนาจดาบจำนวนมหาศาล
ซึ่งก่อให้เกิดลมพายุขึ้นไปในอากาศพร้อมด้วยเสียงลมขณะหมุนวนอยู่ในอากาศ พลังอำนาจ
ดาบนั้นเต็มไปด้วยความหนาวเย็นอย่างมาก


"พลังอำนาจดาบ" ตาของ ซุ่ยถิ๋ง หลี่ลง ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนั้นที่ใช้กำลังใช้พลังอำนาจดาบ
แต่ชายหนุ่มชุดดำนั้นบอกไว้ผิดหมด เขาบอกว่า หลินเฟิง อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม
แต่ดูเหมือนว่าเขาอย่างน้อยก็อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่


"ไอ้ขยะเอ้ยนี่มันอะไรกัน!" ซุ่ยถิ๋ง คิดเกี่ยวกับชายหนุ่มชุดดำ เขายังคงมั่นใจในความสามารถ
ของตัวเองแต่ว่าการเอาชนะ หลินเฟิง ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ได้หมายความว่า
หลินเฟิง จะไม่มีวันตาย

ซุ่ยถิ๋ง ไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับนักบ่มเพาะพลังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ ที่ใช้พลังอำนาจ
ดาบได้ เขาแน่ใจว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ออกไปอย่างมีชีวิตถ้าเขาต่อสู้กับ หลินเฟิง


ความแตกต่างในพลังระหว่างผู้บ่มเพาะพลังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่  คนที่สามารถใช้พลังอำนาจ
ดาบได้นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


"ไปให้พ้น" หลินเฟิง ลากปลายดาบอ่อนของเขาลงบนพื้นของหอคอย ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังขึ้น
จากดาบที่ลากกับพื้น ตอนนี้เขาดูน่ากลัวอย่างมาก


ซุ่ยถิ๋ง รู้สึกว่าพลังอำนาจดาบกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เขาถูกกดดันให้เขาไม่สามารถต่อ
สู้กับ หลินเฟิง ได้ หลินเฟิง ได้ปล่อยพลังอำนาจดาบได้อย่างไม่น่าเชื่อไ  เขารู้สึกหวาดกลัวและ
สงสัยว่าผู้ที่บ่มเพาะพลังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่คนนี้สามารถควบคุมพลังอำนาจจำนวนมากได้
จนสมบูรณ์แบบได้อย่างไรกัน


"ข้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเจ้าและข้าไม่สามารถปกป้องเขาได้ แต่เจ้าก็ฆ่าเขาไม่ได้เช่นกัน "ซุ่ยถิ๋ง
กล่าวทิ้งท้าย เขาหงุดหงิดขณะจ้องมองไปที่ หลินเฟิง


ชายหนุ่มชุดดำมึนงง  ซุ่ยถิ๋ง ไม่สามารถปกป้องเขาได้? เขาไม่แข็งแกร่งเท่า หลินเฟิง?


ชายหนุ่มชุดดำเต็มไปด้วยความโกรธ


"วันนี้ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตมันได้" หลินเฟิง กล่าวขณะที่ ปลดปล่อยปราณออกมาจากร่างกาย
 เขาก้าวไปข้างหน้าและฟันดาบไปในอากาศ


ซุ่ยถิ๋ง เมื่อเขารู้สึกถึงพลังของการโจมตี ช่วยไม่ได้ที่เขาได้แต่ถอนหายใจ


ซุ่ยถิ๋ง รีบหลบไปข้างๆ เขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานพลังของการโจมตีนี้ได้ ดังนั้นสิ่งเดียว
ที่เขาจะทำได้ก็คือหลบ


แม้ว่า เฮ๋ยหม่า จะไม่เห็นด้วย แต่ ซุ่ยถิ๋ง ก็รู้ว่า เฮ๋ยหม่า ไม่ต้องการให้ทั้งสองคนตายไปด้วยกันโดย
เฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขารู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ เขาอาจจะไม่ตำหนิ ซุ่ยถิ๋ง สำหรับการหลบ
การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้


ซุ่ยถิ๋ง ได้หลบไปข้างๆและชายหนุ่มชุดดำกำลังจะถูกดาบของ หลินเฟิง โจมตี ชายหนุ่มชุดดำมี
ความรู้สึกว่าความตายของเขากำลังใกล้เข้ามา.....





Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ


ความคิดเห็น

Facebook