ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 133


ตอนที่ 133 การฝ่าฝืนกฏ












หลินเฟิง เดินเข้าไปในห้องฝึกฝนและทันใดนั้นเสียงดังก้องก็ได้เกิดขึ้น มันเป็นเสียงของประตูหิน
ที่กำลังปิดตัวเอง


พลังปราณบริสุทธิ์ที่หนาแน่นพุ่งพล่านไปทั่วทั้งห้อง หลินเฟิง รู้สึกดีอย่างมากกับพลังปราณที่หนา
แน่นรอบตัวเขา


เมื่อกำลังบ่มเพาะพลัง การสัมผัสกับความบริสุทของปราณบริสุทธิ์จากฟ้าและดินนั้นเป็นประโยชน์
อย่างยิ่ง เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับฝนที่กำลังตกลงมาอย่างฉับพลันหลังจากผ่านฤดูแล้งมานาน
มันช่วยให้ผู้บ่มเพาะพลังมีรากฐานที่สำคัญในการบ่มเพาะพลังและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ
พวกเขาขณะที่พวกเขากำลังก้าวหน้า


หลินเฟิง ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณสวรรค์และทำสมาธิเพื่อบ่มเพาะพลัง


จิตวิญญาณสวรรค์ของเขาจะช่วยให้เขาได้รับการพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วในอัตราที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
เขาสามารถควบคุมทุกเซลล์ภายในร่างกายได้อย่างถูกต้องมากขึ้นและอาจจะสามารถตัดผ่านไป
ชั้นจิตวิญญาณถัดไปได้เร็วยิ่งขึ้น


ทันใดนั้นปราณที่บริสุทธิ์เริ่มเข้าสู่ร่างกายของ หลินเฟิง ราวกับว่า หลินเฟิง เป็นหลุมที่ลึกไม่มีที่สิ้น
สุดที่กลืนกินพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ไป


ความแข็งแกร่งของ หลินเฟิง อยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สามดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหาที่จะดูดซับพลัง
ปราณบริสุทธิ์ไปทั้งหมดที่มีอยู่ในห้องฝึกฝน ดูเหมือนว่าปริมาณปราณที่เขาดูดซับได้นั้นแทบ
จะไม่มีที่สิ้นสุด


พลังปราณบริสุทธิ์ที่ หลินเฟิง ได้ดูดซับไปนั้นอยู่ภายในร่างกายของเขาและกลายเป็นความบริสุทธิ์


ปราณที่บริสุทธิ์ภายในร่างกายของเขาได้เริ่มเจาะลึกเข้าไปในเลือดเนื้อของ หลินเฟิงแล้วทำให้
พวกมันบริสุทธิ์


เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้ภายในร่างกายเขารู้ว่าจะสามารถ
ฝึกได้ด้วยความเร็วที่มากขึ้นได้


นอกจากนี้ปราณที่บริสุทธิ์ในกล้ามเนื้อของเขายังกลายเป็นปราณบริสุทธิ์ซึ่งจะช่วยเพิ่มความ
คล่องตัวและการเคลื่อนไหวให้เร็วยิ่งขึ้นในอนาคต


แม้ว่า หลินเฟิง ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็รู้ว่าการก้าวหน้าของเขาอย่างรวดเร็วนั้นจะก่อ
ให้เกิดอันตรายอันใหญ่หลวงมากกว่าเรื่องดีๆ บนเส้นทางของการบ่มเพาะพลังผู้คนจำเป็นต้องค้น
หนทางความรู้และความเข้าใจรวมทั้งวิถีแห่งการต่อสู้  การบ่มเพาะพลังเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ของเส้น
ทางและประสบการณ์คือสิ่งที่ทำให้ก้าวหน้า


สิ่งที่ หลินเฟิง ไม่รู้ขณะที่เขากำลังบ่มเพาะพลังก็คือ คนชั่วบางคนกำลังเดินเข้ามาในหอคอย
จากภายนอก


พวกเขาเดินตรงไปยังบันไดและเริ่มเดินขึ้นไป  ในที่สุดพวกเขาก็หยุดชะงักลงที่ชั้นที่สิบ


"ที่นี้แหละ"ชายหนุ่มในชุดดำกล่าว  หลินเฟิง ยังอยู่ที่นั่นเขาจำได้เพราะชายหนุ่มชุดดำเพิ่งจะ
พ่ายแพ้ให้กับ หลินเฟิง บนชั้นที่สิบ


ชายหนุ่มชุดดำได้ขู่ หลินเฟิง ก่อนที่เขาจะออกไปจากหอคอย แต่หลินเฟิงไม่ได้กังวัลอะไร มีผู้คน
มากมายโกรธเขาหลังจากที่ถูกทำให้ขายหน้า


ในที่สุดก็เป็น หลิวเฟย ที่กำลังฝึกอยู่ในห้องนั้น


"นี่." ชายหนุ่มชุดดำ พูดขณะที่ชี้ไปที่ห้องฝึกฝน คนที่มากับชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี
เขาดูเย็นชาและชั่วร้ายมาก


"ซุ่ยถิ๋ง, เปิดประตู!" ชายหนุ่มที่ชั่วร้ายกล่าว  คนอื่นๆเดินไปข้างหน้า แม้จะมีกฎข้อห้ามของสถาบัน
สำนักสวรรค์อยู่ เขาไม่ลังเลและเริ่มวิ่งไปที่ประตูด้วยความเร็วสูงสุดและปล่อยกำปั้นตรงไปที่ประตู
จากนั้นเขาก็กระแทกเข้ากับประตูหินอย่างแรง


ประตูยังคงปิดอยู่ แต่ก็สั่นสะเทือนอย่างมากจากผลกระทบ


หลิวเฟย กำลังบ่มเพาะพลังอยู่ในสมาธิที่ลึกล้ำสุดห้องของด้านหลังประตู เธอคงไม่คิดว่าเธอจะถูก
รบกวนในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่โจมตีประตูของเธอ  เสียงนั้นปลุกให้เธอตื่นขึ้นทันที
มีรอยเลือดเล็กน้อยอยู่ที่มุมปากของเธอเพราะความตกใจที่เธอได้รับในระหว่างการทำสมาธิ


"ออกมาสิวะ!" เสียงดังตะโกนจากข้างนอก หลิวเฟย โกรธอย่างมาก เธอเช็ดเลือดออกจากมุมปาก
ของเธอ


"โอหังยิ่งนัก" หลิวเฟย ลุกขึ้นยืน เธออยากจะวิ่งออกไปข้างนอกและบดขยี้พวกเขา หนึ่งในสิ่งที่แย่
ที่สุดที่ต้องทำในโลกของผู้บ่มเพาะพลังคือการรบกวนใครบางคนในขณะที่พวกเขากำลังนั่งสมาธิ
นอกจากนี้พวกเขาตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงในขณะที่บ่มเพาะพลัง การตื่นขึ้นมา
ในระหว่างการทำสมาธิเป็นเรื่องน่าที่ตกใจที่อาจทำให้ผู้บ่มเพาะพลังได้รับบาดเจ็บหากไม่ได้ทำ
อย่างถูกวิธี การรบกวนการทำสมาธิคือความผิดที่สถาบันห้ามไม่ให้ต่อสู้ระหว่างฝึกฝน รวมทั้งห้าม
ไม่ให้พวกเขารบกวนผู้อื่นขณะที่พวกเขากำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องบ่มเพาะพลัง


แต่ฝ่ายตรงข้ามได้ละเลยกฎของสถาบันอย่างชัดเจน


"แย่จริง ข้าไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ข้าไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้ "ความคิดของ หลิวเฟย ที่จะ
ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกและทุบตีพวกเขาได้หยุดลง บางทีคงไม่ได้มาเอาห้องนี้แต่มาเพื่อ
ต่อสู้กับ หลินเฟิง


"มันต้องเป็นเขาแน่ ๆ " หลิวเฟย จำได้ว่าเป็นชายหนุ่มชุดดำ ตอนที่เขาออกไป เขาได้ขู่ หลินเฟิง
เขาไม่ได้โกหก เขากลับมาจริงๆ


"ถ้าข้าออกไปตอนนี้อาจจะสร้างปัญหาให้กับ หลินเฟิง " หลิวเฟย คิด นอกจากนี้เธอไม่รู้ว่าใคร
จะเป็นฝ่ายชนะถ้าต่อสู้กับพวกเขา ในโลกนี้ มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นเรื่องที่สำคัญ


เมื่อเธอนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เธอนั่งลงอีกครั้งและพยายามนั่งสมาธิ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็น
เรื่องยากสำหรับเธอที่จะดำเนินการบ่มเพาะพลังอีกครั้ง


"ตู้ม" เสียงดังก้องอยู่ในห้องฝึกฝนของ หลิวเฟย แก้วหูของเธอได้รับบาดเจ็บจากเสียงดัง
อย่างต่อเนื่อง


"คนที่อยู่ข้างในออกมาเดี๋ยวนี้!" เสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างนอก หลิวเฟย โกรธ แต่ไม่ได้สนใจ
เธอนั่งลง อย่างแย่ที่สุดคือให้เขาตะโกนจนเขาเหนื่อยหรือจนกว่าจะมีคนเข้ามาแทรกแซง


ประตูห้องฝึกฝนนั้นไม่มีทางพัง เป็นไปไม่ได้ที่คนภายนอกจะทำเช่นนั้นได้ พวกเขาห่างไกล
จากความแข็งแกร่งที่จะทำให้ประตูพังทะลาย


เมื่อศัตรูเห็นว่าไม่มีใครตอบสนองจากภายในห้องฝึกฝน พวกเขาก็เงียบ


ชายหนุ่มชุดดำเดินไปที่ประตูและโกรธตะโกนว่า "ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้อวดเก่งงั้นรึ? หรือว่า
เจ้ากลัวที่จะออกมาข้างนอกในตอนนี้? ช่างขี้ขลาดเสียจริง ! ก็แค่ไอพวกอ่อนหัด!”


"ขี้ขลาด อ่อนหัด?" เมื่อ หลิวเฟย ได้ยิน ชายหนุ่มคนนี้เรียก หลินเฟิง แบบนั้นเธอรู้สึก
ประหลาดใจและพบว่าเขานั้นช่างไร้สาระ คนที่พ่ายแแพ้ให้กับ หลินเฟิง อย่างง่ายดายได้พา
คนมาช่วย ... และเขากล้าเรียกคนอื่นว่าขี้ขลาดและอ่อนหัด เฉพาะคนที่อ่อนแอเท่านั้นที่
ทำแบบนี้ได้ ทำไมมันไร้สาระเช่นนี้


หลินเฟิง จะทำยังไงถ้าเขาอยู่ที่นี้?


ประตูสั่นอย่างไม่หยุดหย่อน หลินเฟย ไม่ได้ตอบโต้ แต่เธออารมณ์เสียมาก


ในห้องทั้งเล็กและแคบ คนอื่นอาจจะคลั่งได้หากพวกเขาถูกคุกคามโดยคนอื่นเช่นนี้


หลังจากนั้นไม่นาน เสียงดังก็หยุดลง


ชายหนุ่มชุดดำได้สงบลงอีกครั้ง เขาจะไม่คิดว่าจะไม่มีอะไรทำอะไร หลินเฟิง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการดูถูก เขารู้สึกหมดหนทาง


"ดูเหมือนว่าเขารู้ดีว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเขาและกับการที่อยู่ในห้อง" ชายหนุ่มชุดดำ
พูดอย่างเย็นชา


คนที่ดูชั่วร้ายมองแล้วถามว่า "เขาใส่ศิลาบริสุทธิ์มากแค่ไหน?"


ชายหนุ่มชุดดำตอบว่า "ศิลาบริสุทธิ์สามก้อนคุณภาพปานกลาง นั่นเพียงพอที่จะ
ฝึกฝนได้เป็นเวลาสามเดือน"


"เอาล่ะข้าจะกลับมาอีกในหนึ่งร้อยวัน แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าจะอยู่ที่นี้หรือว่ามากับข้า? "


ชายหนุ่มชุดดำไม่ตอบและมองด้วยความลังเล


"เขาอาจหนีออกไปได้หากเจ้าออกไป ... แต่ถ้าข้าเกรงว่าเขาจะออกมาทำร้ายเจ้าอีกครั้ง ... "
ชายหนุ่มที่ดูชั่วร้าย กล่าวราวกับว่าเขาเดาได้ว่าชายหนุ่มชุดดำหวาดกลัวที่ต้องเผชิญหน้า
กับ หลินเฟิง เพียงลำพัง


ชายหนุ่มชุดดำรู้สึกประหลาดใจ นี่คือสิ่งที่เขากังวล


"ซุ่ยถิ๋ง อยู่ที่จุดสูงสุดของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ ไม่มีใครในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สามสามารถ
เอาชนะเขาได้แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ตาม เมื่อมากับเขาแล้วมันามากเกินพอที่
จะเอาชนะคนๆนั้นได้ ถ้าเจ้ายืนยันแบบนั้น  ข้าตัดสินใจที่จะทำตาม แต่ตอนนี้ข้าต้องไป
ที่ชั้นแรกเพื่อฝึกฝนเป็นเวลาสามเดือน เจ้ามีอะไรก็บอก  ซุ่ยถิง ได้ว่าเขาต้องการที่จะอยู่กับรอเจ้า
อยู่หรือไม่ "ชายหนุ่มที่กำลังมองอย่างชั่วร้ายกล่าวอย่างสงบ


ชายหนุ่มชุดดำไม่กล้าถามคำถามชายหนุ่มที่ชั่วร้าย  ชายหนุ่มที่ดูชั่วร้ายเป็นสมาชิกในครอบครัว
เดียวกับเขา  พวกเขามีพ่อคนเดียวกัน แต่คนละแม่และชายหนุ่มชุดดำนั้นเป็นเพียงลูกชายของ
นางสนม ชายหนุ่มที่ชั่วร้ายกำลังมองมาที่เขา ใบหน้าได้เปลี่ยนไปอย่างมาก


ชายหนุ่มชุดดำมองไปที่ ซุ่ยถิง การแสดงออกในสายตาของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาขอต้องการให้
ซุ่ยถิง อยู่กับเขา


"ถ้า เฮ๋ยหม่า ต้องการให้ข้าอยู่ต่อ ข้าก็จะอยู่" ซุ่ยถิง กล่าวอย่างไม่แยแส


"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อยู่ที่นี้สักพักนึงแล้วกัน" เฮ๋ยหม่า กล่าวแล้วหันกลับไปแล้วจากไป


เมื่อชายหนุ่มชุดดำเห็น เฮ๋ยหม่า จากไป อาการเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็
หันกลับไปและมองไปที่ประตูหิน เขาก้าวไปข้างหน้าและชกต่อยอีกครั้ง มันสร้างเสียงดังก้องอย่างมาก
ไปทั่วห้อง หลิวเฟย รู้สึกหงุดหงิดอย่างมากขณะที่ยังอยู่ในห้องฝึกฝน  พวกเขาไม่คิดจะหยุดรบกวน
เธอบ้างรึไง?


ในขณะนั้นใบหน้าของ หลิวเฟย เปลี่ยนเป็นสีซีดเผือก ถ้าชายหนุ่มชุดดำทำแบบนี้ทุกวันเป็นเวลา
หนึ่งร้อยวันเธอนั้นคงต้องเป็นบ้าแน่ๆ


นอกจากนี้ หลินเฟิง ยังใช้ศิลาบริสุทธิ์ถึงสามก้อนในห้องนี้ ถ้าเธอถูกคุกคามทุกวันเป็นเวลา
หนึ่งร้อยวันก็คงจะเหมือนกับการถูกคุมขังและถูกทรมานเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน นี่เป็นฝันร้าย
ที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้


ในขณะนั้นพลังปราณที่บริสุทธิ์อยู่ที่ชั้นที่หกแปลกไป บางคนอยากรู้อยากเห็นได้ไปที่นั่นแล้วสงสัย
ว่าเกิดอะไรขึ้น มีภาพเงาคนหนึ่งได้ออกมาจากห้อง เป็นชายหนุ่มเขาดูสงบและใจเย้น ... แต่การ
แสดงออกทางสีหน้าที่ดูราบเรียบและสงบนั้นทำให้ฝูงชนที่เฝ้าดูตัวสั่น


ท่าทางของชายหนุ่มคนนั้นดูคมดุจคมดาบและเขาก็ดูน่าเกรงขามอย่างมาก !





Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook