ตอนที่ 131 ไกลให้สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
บนชั้นที่หกปราณที่บริสุทธิ์จากภายในห้องฝึกฝนมีความหนาและเข้มข้นอย่างมาก
บางคนที่ได้เห็น หลินเฟิง เพาะปลูกนอกห้องที่ชั้นหก ตอนแรกคนเหล่านี้บางคนเดินผ่าน
ไปที่ชั้นที่สูงกว่า แต่ก็เพราะพวกเขาได้พบฉากที่น่าสนใจพวกเขาถึงได้หยุดลงที่ชั้นหก และ
ลืมแผนการก่อนหน้านี้ไป นอกจากนี้บางห้องยังถูกดึงดูดโดยห้องที่เปิดไว้อยู่ แม้ว่าพวกเขา
จะไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะจองห้องเหล่านั้นได้ตามปกติ
ถ้าพวกเขาพยายามที่จะได้ห้องฝึกฝน พวกเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้
แสงที่ปล่อยออกมาจากปราณที่บริสุทธิ์ในที่สุดก็ทำให้ภายในห้องเต็มไปด้วยแสงนั้น ประตูหิน
ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องขณะที่มันเริ่มเปิดตัวเอง ทุกคนเริ่มก้าวไปที่ประตูและจ้องมองไปที่ประตู
ขณะที่มันเปิดออก
ประตูทุกบานก็เปิดออกและทุกคนจ้องไปที่เงาที่ออกมาจากห้อง เป็นชายหนุ่มที่มีดาบอยู่ที่หลัง
เมื่อเขาเห็นฝูงชน รอยยิ้มแปลก ๆ และลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
"พวกเจ้าทุกคนต้องการห้องนี้งั้นรึ?" ชายหนุ่มคนนั้นที่มีดาบยาวอยู่เบื้องหลังกล่าว เขามีใบหน้า
ที่ชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อบนใบหน้าของเขา ไม่มีใครตอบในฝูงชน แต่การแสดงออกบนใบหน้าของ
พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการมัน
"ดีถ้ามีใครต้องการข้าจะให้มันกับพวกเจ้า." ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขากล่าว
เขาเดินออกจากทางเข้าและยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้พวกเขาเข้าไปในห้อง
ในขณะนั้นไม่มีใครอยู่ในห้องและประตูก็เปิดกว้าง ฝูงชนกำลังมองไปที่ห้องเช่นเดียวกับว่าพวก
เขาเป็นกลุ่มของคนที่หิวโหยกำลังมองไปที่อาหารที่กองท่วมเท่าภูเขา
อย่างไรก็ตามแทนที่จะรีบวิ่งไปที่ห้องกลับไม่มีใครเคลื่อนไหวเลย พวกเขาทั้งหมดมองไปที่คนอื่นๆ
และไม่ได้เดินไปที่ห้อง
ไม่มีใครขยับเพราะรู้ว่าคนแรกที่เดินไปที่ห้องจะถูกโจมตีโดยทุกคน แม้ว่าจะเป็นพี่ชายของพวกเขา
พวกเขาก็จะโจมตี ความโลภของพวกเขาค่อนข้างรุนแรงมาก
ไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นคนแรกที่เดินไปที่ห้อง
แน่นอนว่ามีข้อยกเว้นอยู่เสมอ! ... และ หลินเฟิง ก็เริ่มเดินตรงไปยังห้อง
หลินเฟิง เดินไปที่ห้องแล้วมองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ยืนอยู่หน้าประตูเขาหันกลับไป
และมองไปที่ฝูงชน
"ข้าจะเป็นคนแรกที่รออยู่ที่นี่ ห้องนี้เป็นของข้า พวกเจ้าควรจะไปหาห้องอื่น "
คนในฝูงชนกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าของพวกเขา คนแรกงั้นรึ? พูดแบบนี้
หมายความว่าไงกันแล้วพวกเราละ? นั่นหมายความว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้คนเหล่านี้ทำได้ ในโลก
ของการบ่มเพาะพลัง มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือต้องใช้ความแข็งแกร่ง เพื่อทำให้คนอื่นไม่มี
ข้อโต้แย้ง
นอกจากนี้เขากำลังบอกให้ฝูงชนเหล่านั้นไปหาห้องอื่น ต่ำกว่าชั้นที่สิบมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่จะหาห้องที่ว่างเปล่า เขาต้องการให้พวกเราาทำยังไง? ไปที่ด้านบนสุดของหอคอยเลยรึไง?
"เจ้าไม่สามารถใช้ห้องนั้นได้ ไสหัวไปซะ "หนึ่งในนั้นพูดอย่างเย็นชาจ้องมองที่ หลินเฟิง
"ฮิฮิ. ถ้าเจ้าต้องการห้องนั้นก่อนอื่นเจ้าควรใส่ศิลาบริสุทธิ์ซักก้อน "คนผู้หนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ที่ชั่วร้ายบนใบหน้า พวกเขาคิดว่าช่วงเวลาที่ หลินเฟิง ใส่ศิลาบริสุทธิ์ของเขาลงในรูนั่นเป็นช่วง
เวลาที่ดีที่สุดที่จะโจมตีเขา
หลินเฟิง เหลือบไปมองฝูงชน ยังไม่มีใครโจมตีเขาเลย
ปราณที่หนาวเย็นได้โผล่ออกมาจากร่างกายของ หลินเฟิง และจิตวิญญาณน้ำแข็งของเขา
ได้ปรากฏขึ้นข้างหลัง
จิตวิญญาณน้ำแข็งของเขานั้นยังคงไม่หยุดเพียงแค่นั้นแล้วยังแพร่กระจายความเย็นไปในชั้น
บรรยากาศ ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นสีขาวกับน้ำแข็ง
น้ำแข็งนั่นเย็นเกินไปและแข็งแกร่งมากเกินไป!
แต่มันไม่ได้ทำให้ฝูงชนออกไป นอกเหนือจากนักเรียนที่อ่อนแอบางคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมี
ผู้ที่แข็งแกร่งมากนัก
"ใครก็ตามที่ต้องการห้องนี้ พวกเจ้ามีโอกาสที่จะมาและลองพยายามเอามันไปจากข้าดู"
หลินเฟิง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา บรรยากาศอุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ!
ปราณน้ำบางอย่างได้โผล่ออกมาจากร่างของเขาและกระจ่ายไปในบรรยากาศพร้อมกับปราณ
น้ำแข็ง มีเสียงดังขึ้นแล้วพลังปราณก็ได้หมุนวนไปในอากาศ
ปราณน้ำแข็งของเขานั้นคมเหมือนกับปราณดาบ มันเกือบเจาะผ่านผิวหนังของฝูงชน
ผมยาวของ หลินเฟิง กำลังปลิวไสวจากสายลมที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังปราณของเขา เขาดู
คล้ายกับนักบ่มเพาะพลังที่มีประสบการณ์โชกโชนพร้อมทั้งมีความมั่นใจบนใบหน้าของเขา
"พลังอำนาจดาบ!" ฝูงชนตกใจและหวาดกลัว ความแข็งแกร่งและความรุนแรงของพลังอำนาจ
ดาบและปราณเย็นที่บาดลึกเข้าไปในผิวหนังพวกเขาชายผู้นี่ได้ซ่อนพลังเหล่านี้ไว้! ไม่น่า
แปลกใจเลยที่ชายหนุ่มคนนี้ถึงได้มั่นใจนัก
ถึงแม้ว่าพลังอำนาจดาบที่โผล่ขึ้นมาจากร่างของเขาจะมีเพียงความแข็งแกร่งระดับชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่สาม แต่ก็มีความรุนแรงและเฉียบคมมาก มันอาจจะแข็งแกร่งพอที่จะเอา
ชนะนักบ่มเพาะพลังบางส่วนของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ได้เลย
นอกจากนี้พลังอำนาจดาบของเขาพร้อมกับจิตวิญญาณน้ำแข็ง ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่
จะเอาชนะได้แม้กระทั่งนักบ่มเพาะพลังที่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่
แต่ในฝูงชนมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่และพวกเขายังคง
มองจ้องไปที่ หลินเฟิง
ทุกคนที่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สามได้แยกย้ายออกจากกลุ่มไป พวกเขารู้สึกท้อแท้
จากพลังที่ หลินเฟิง ได้ปลดปล่อยออกมา
"ข้าบอกให้พวกเจ้าโจมตีข้าแต่ข้าไม่ได้บอกให้พวกเจ้าออกไปไหน นี่มันอะไรกัน! ทั้งที่พวกเจ้า
มีกันอยู่หลายคนกลับลังเล! แน่นอนว่าพวกเจ้าไม่มีความกล้าและความมุ่งมั่นพอที่จะเดินไปบน
เส้นทางการบ่มเพาะพลัง "หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชา
เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวและปราณดาบรวมถึงปราณน้ำแข็งได้โผล่ออกมาจากร่างกาย
ของเขาแล้วเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
"แปดสังหารทะลายสวรรค์!"หลินเฟิง กล่าวขณะโจมตีด้วยมือทั้งสองข้างของเขา การผสานกัน
ของปราณดาบและปราณน้ำแข็งได้โผล่ขึ้นมาและแผ่ซ่านไปทั่วบรรยากาศ หลินเฟิง เป็นคนที่
คิดริเริ่มโจมตีก่อน
ฝูงชนต่างเคลื่อนไหวไปพร้อมกันและสกัดกั้นการโจมตี แปดสังหารทะลายสวรรค์ของ หลินเฟิง
แต่ในขณะเดียวกัน หลินเฟิง ก็เริ่มวิ่งไปข้างหน้าและมีประกายแสงที่งดงามปรากฏขึ้นบนดาบของเขา
ทันใดนั้นมีแสงจ้าได้ทะลุผ่านอากาศที่ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงแสงที่งดงาม
มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในฝูงชนไม่ได้มีกำลังเพียงพอที่จะสกัดกั้นการโจมตีและถูกซัดกระเด็นไปข้างหลัง
ขณะที่เลือดไหลพุ่งออกมารอบฝูงชน
ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนที่อยู่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ได้โจมตีในเวลาเดียวกันและมันได้กลายเป็นฉาก
การต่อสู้ที่วุ่นวายอย่างมาก
"ทักษะดาบสวรรค์!"
ปราณดาบได้สร้างลมพายุในอากาศได้ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ดาบยาวของ หลินเฟิง ปราณน้ำแข็ง, พลัง
อำนาจดาบ และทักษะดาบสวรรค์ของเขา เริ่มแพร่กระจายไปในอากาศราวกับว่าพวกมันได้หลอม
รวมกันโดยสมบูรณ์ พลังนี้ได้เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วแสง
อย่างไรก็ตามการโจมตีของศัตรูมีอยู่ทุกหนแห่ง มีคนจำนวนมากเกินไปและการโจมตีของพวกเขา
บางครั้งก็ยกเลิกการโจมตีของผู้อื่นถึงแม้เป้าหมายแรกของพวกเขาคือการโจมตี หลินเฟิง พร้อมกัน
มันกลายเป็นความวุ่นวายโดยสมบูรณ์แบบ
เสียงดังกึกก้องเสียงพึมพำอย่างไม่หยุดหย่อนได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งชั้นบรรยากาศและเริ่มค่อยๆลดลง
เรื่อยๆจนกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง พวกเขาทุกคนประหลาดใจ มีคนจำนวนมากและพวกเขาทั้ง
หมดโจมตี หลินเฟิง ในเวลาเดียวกัน แต่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ไม่มีการโจมตีไหนทำอันตราย
เขาได้ การโจมตีของพวกเขาไม่มีรูปแบบทำให้สื่อสารกันไม่เข้าใจ
"ข้าจะให้โอกาสครั้งที่สองแก่พวกเจ้า มีใครที่ยังคงต้องการที่จะลองมาเอาห้องฝึกนี้ไปอีกหรือไม่? "
หลินเฟิง กล่าวขณะที่มองฝูงชนอย่างเย็นชา
ฝูงชนทั้งหมดได้จ้องมองไปที่ หลินเฟิง ไม่มีใครกล้าขยับ มันชัดเจนว่าไม่มีใครต้องการต่อสู้
แบบตัวต่อตัวกับ หลินเฟิง
"พวกเจ้าไม่มีใครกล้าสู้กับข้าแล้วงั้นรึ งั้นก็อย่าพยายามที่จะขโมยมันไปจากข้าอีกครั้งหรือครั้งต่อ
ไป ไม่งั้นพวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย" หลินเฟิง ที่ยังคงปล่อยปราณน้ำแข็งที่รุนแรงกล่าว ไม่มีใคร
ในฝูงชนกังขาต่อคำพูดของ หลินเฟิง ถ้าพวกเขาพยายามจะขโมยห้องของเขาไป เขาก็จะฆ่า
มันผู้นั้นจริงๆ
หลินเฟิง หันกลับไปและไม่ได้มองฝูงชนอีก เขาหยิบศิลาบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพปานกลางออกมา
สามก้อนและใส่เข้าไปในรูผนังห้อง
ในขณะนั้นแสงและพลังปราณที่บริสุทธิ์ได้ปรากฏออกมา มันมีปริมาณปราณที่น่าเหลือเชื่ออยู่
ในห้อง ฝูงชนทั้งกลุ่มมองไปด้วยความอิจฉาริษยา
คนเหล่านี้ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะโจมตี หลินเฟิง อีกครั้งจากความโลภที่อยากครอบ
ครองปราณบริสุทธิ์เหล่านั้น แต่เมื่อพวกเขานึกถึงฉากก่อนหน้านี้พวกเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเป็นนักบ่มเพาะพลังปลูกที่แข็งแกร่งอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดได้ตัดผ่านไปยังชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่สี่และ หลินเฟิง อยู่เพียงชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม ได้ทำให้พวกเขาตกใจ
จนทำให้ไม่มีใครกล้าโจมตีเขาอีกต่อไป
หากข่าวดังกล่าวแพร่กระจายไปพวกเขาทั้งหมดจะต้องเสียหน้า ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าพวกเขาแพ้
เพราะว่า หลินเฟิง มีพลังมากเกินไปพวกเขาคิดได้เพียงว่านักเรียนชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่สองสาม
คนนั้นอ่อนแอเกินไป
หลินเฟิง กำลังจะเข้าไปในห้องฝึกฝน มีเสียงที่เย็นชาและพูดบางอย่างมาทางเขา : "ช้าก่อน ช้าก่อน!"
หลินเฟิง ค่อยๆหันกลับไปมองคนที่กำลังพูดอยู่ เป็นชายหนุ่มที่มีดาบยาวซึ่งได้ออกจากห้องในตอนแรก
"เจ้าดูเหมือนจะลืมใครบางคนไปนะ" ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มแปลกๆและชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา
ซึ่งทำให้ หลินเฟิง มีรอยยิ้มเช่นเดียวกัน เขารู้สึกเบื่อเรื่องเช่นนี้แล้ว
"ถ้าเจ้ามีอะไรที่จะพูดก็พูดโดยไวมันเป็นการทำให้ข้าเสียเวลาในการบ่มเพาะพลัง!" หลินเฟิง กล่าวอย่าง
ไม่พอใจ
ชายหนุ่มที่มีดาบยาวมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและกล่าวว่า "ในตอนแรกข้าตั้งใจจะบอกเจ้าว่าข้าจะให้ห้องเฉพาะ
ในกรณีที่เจ้ามอบศิลาบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพปานกลางสามก้อน แต่ตอนนี้ข้าคงต้องบอกว่าหกก้อน
แล้วก็มอบห้องนั้นกลับมาให้ข้าซะโดยดี!
ตาของ หลินเฟิง หลี่ลง คืนห้องกลับไปให้เขางั้นรึ?
เขาต้องการศิลาบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพปานกลางหกก้อนด้วย? ทำไมพูดจาไร้สาระเยี่ยงนี้
ด้านบนเมื่อตอนที่ หลินเฟิง วางศิลาบริสุทธิ์สามก้อนเข้าไปในหลุมนั้น คนนั้นไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว
เขารอคอยตอนที่ หลินเฟิง ใส่มันเสร็จแล้วเพื่อที่เขาจะได้โจมตีและขโมยห้องไป
ผู้ชายคนนี้ได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขายืนอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เป็นวิธี
ที่ไร้อย่างอายอย่างแท้จริง
ฝูงชนก็เต็มไปด้วยความโกรธ ผู้ชายคนนั้นช่างไร้ยางอายจริงๆ พวกเขากำลังคิดถึงสิ่งที่น่า
สะพึงกลัวที่จะเกิดขึ้นถ้าพวกเขาได้เป็น หลินเฟิง
"อะไรกัน? มีปัญหางั้นรึ "ชายหนุ่มคนนั้นเมื่อเขาเห็นว่า หลินเฟิง ไม่ได้ตอบกลับ ชายหนุ่มนั้น
มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา
หลินเฟิง มองไปที่เขาเพียงเสี่ยววินาทีแล้วกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าแนะนำให้เจ้าวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้จากสายตาของข้า"
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น