ตอนที่ 98 ต้วนเฟิง
หยุนหยางเป็นเมืองเล็ก ๆเมืองเดียวที่อยู่ห่างไกลจากนิกายหยุนไห่ มีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น
มีการกล่าวกันว่าในเมืองเล็กๆนั้นมีตระกูลที่มีชื่อว่าตระกูลต้วน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นสมาชิก
ของตระกูลจักรพรรดิ แต่ถูกขับไล่ออกมาเนื่องจากความขัดแย้งภายใน หลังจากถูกขับไล่
ออกมาพวกเขาย้ายไปอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ
แน่นอนคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ไม่เชื่อข่าวลือนั่น สมาชิกในตระกูลต้วนจะอยู่ในเมือง
เล็ก ๆแห่งนี้ได้อย่างไร?
มีขุนนางอยู่ที่ลานกว้างหน้าบ้านของเขาตนในเมืองเล็ก ๆ ที่ด้านหน้ามีรถขนาดใหญ่สองคัน
ดูเหมือนว่าพวกเขาพร้อมที่จะเดินทางไกล
"พี่สาวไปกันเถอะ"
เด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุสิบสี่ปีพูดกับสาวสวยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
สาวงามที่ดูราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ เธอมองไปที่ขอบฟ้า เธอจ้องมองไปในทิศทางของ
นิกายหยุนไห่ และดวงตาของเธอได้เปิดเผยความเศร้าโศกอย่างมาก
เธอจะไม่เคยคิดว่าเมื่อเธอออกมาจากนิกายหยุนไห่ นิกายกลับถูกทำลาย ทุกคน
ตาย ... หมดทุกคน
“เอาล่ะ.”
เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้ยินเด็กคนนี้เธอพยายามยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเธอก็
กล่าวว่า "ตอนนี้ข้ากำลังขึ้นรถม้าแล้ว ไปกันเถอะ"
"พี่สาวไม่ต้องกังวล รอจนกว่าเราจะมาถึงเมืองจักรพรรดิ เราจะแนะนำท่านกับผู้ชายบางคนที่
หล่อเหลาและมีพรสวรรค์ "
สาวน้อยคนนี้ส่ายหัวและเกือบจะหัวเราะเยาะกับความคิดนั้น
"ทุกคนรอก่อน เราควรจะทำในแบบของเรา"
"ตกลง" เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขณะที่พยักหน้าและเดินไปที่ประตู
"จิ้งหยุน เจ้าและนายน้อยควรจะขึ้นรถนี้" ทหารยามหนุ่มคนหนึ่งได้กล่าวขณะที่กำลังมองไปที่
จิ้งหยุน เขาคิดว่า จิ้งหยุน นั้นยิ่งเติบโตขึ้นยิ่งสวยงาม เขาอยากให้เธอเป็นภรรยาของเขา
แต่รู้ว่าเขาทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น
"อันที่จริง จิ้งหยุน คุณต้องพักผ่อนบ้าง ลุงหวัง และข้าอยู่ข้างนอก "ชายอีกคนหนึ่งพูดและยิ้ม
"น้องสาวพวกเขาพูดถูก ไปนั่งกันเถอะ "นายน้อยผู้ซึ่งชื่อครอบครัวของเขาคือตระกูลต้วนกล่าว
ขณะที่ผลัก จิ้งหยุน เข้าไปในรถม้า แม้ว่า จิ้งหยุน เคยเป็นคนรับใช้ในครอบครัวตั้งแต่ยังเยาว์วัย
แต่นายน้อยก็เหมือนกับพี่น้องของเธอ
จิ้งหยุน ไม่ได้ปฏิเสธและเดินเข้าไปในรถม้าที่กว้างขวาง
ในเวลาเดียวกัน หลินเฟิง และ เมิ้งชิง เดินทางมาถึงเมืองหยุนหยาง
"ข้าหวังว่าเราจะหาม้าหรือรถม้าที่เราสามารถใช้ได้"หลินเฟิง กล่าว
เขารู้สึกหมดหวังเพราะมันจะไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะหาม้าหรือรถม้าในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ ช่วยไม่ได้
ที่เขาได้แต่ยิ้ม เป้าหมายของเขาคือการเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิซึ่งห่างไกลจากเมืองเล็ก ๆนี้
การเดินทางด้วยเท้าไม่ใช่ทางเลือกเหมาะสมนัก หลินเฟิง เลิกคิดมุมมองนี้อย่างสิ้นเชิงเมื่อออก
จากนิกายหยุนไห่ เขาไม่ได้วางแผนล่วงหน้าไว้แบบนี้และแทนที่จะเริ่มเดินทางไปสู่เมืองหลวง
ด้วยการเดินเท้ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
"นั่นมันรถม้าอยู่ทางนั่น?"
เมิ้งชิง ชี้ไปยังสถานที่ที่ไกลออกไปสุดลูกตาและบอก หลินเฟิง ด้วยเสียงธรรมดาตามปกติ
หลินเฟิง ยกมือขึ้นและมองไปทางที่เธอชี้ เขาเห็นรถสองสามคันกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
"ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรเช่นนี้."
หลินเฟิง ยิ้มและเดินไปที่รถ เมื่อพวกเขาเห็นเด็กน้อยที่เดินเข้ามายังรถม้า ม้าก็หยุดลง
"เจ้าเป็นใคร? หลบให้พวกเราผ่านไป "ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนใส่ หลินเฟิง ซึ่งกำลังขวางทาง
สหาย เจ้าใช้รถเพียงคันเดียวและเจ้ายังมีรถม้าคันอื่นอยู่อีก เราขอยืมหนึ่งในนั้นได้หรือไม่?
ข้ายินดีที่จะให้เงินก้อนโตในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ "
หลินเฟิง ยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างสุภาพ
ในรถม้า จิ้งหยุน ได้เปิดผ้าม่านเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย เมื่อเธอได้เห็น หลินเฟิง ช่วยไม่ได้ที่เธอ
จะดีใจอย่างมาก
"ข้าขอโทษเราต้องใช้มันหลังจากนี้ เราไม่สามารถให้เจ้ายืมได้." ตาแก่หวัง ตอบในขณะที่ดึงบังเหียน
“ใช่แล้ว ออกไปให้พ้นทางของเราเดี๋ยวนี้ เราไม่ต้องการเงินของเจ้า "ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดำ
ตะโกน ซึ่งทำให้ หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกรธอะไรเช่นนี้เลย
หลังจากนั้น หลินเฟิง ยังสุภาพอยู่ ไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าพวกเขาไม่สามารถให้คำตอบที่ดีได้
แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดจาหยาบคายเช่นนี้
"หลินเฟิง"
มีเสียงมาจากภายในรถม้า จิ้งหยุน วิ่งออกจากรถม้าของเธอเพื่อพูดคุยกับ หลินเฟิง เธอมีรอยยิ้ม
อันอบอุ่นขนาดใหญ่บนใบหน้าของเธอ เขายังไม่ตาย นิกายหยุนไห่ ถูกทำลายล้าง แต่หลินเฟิง
กลับรอดชีวิตได้อย่างเหลือเชื่อ
"จิ้งหยุน!"
หลินเฟิง รู้สึกมึนงง เมื่อเห็น จิ้งหยุน เธอดูสง่างามและสวยงามเหมือนเคยเหมือนก่อนหน้านี้
เธอดูสดใสเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
"จิ้งหยุน เขาเป็นใคร?"
ในขณะนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีดำขยับตัวลงจากม้าของเขาและยืนอยู่ข้างหน้า หลินเฟิง
จากนั้นเขาก็มอง หลินเฟิง ด้วยความหยิ่ง
"หลินเฟิง เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย! เกิดอะไรขึ้นกับนิกายหยุนไห่? "จิ้งหยุน กล่าวราวกับว่า
เธอไม่เชื่อสายตาของเธอเอง เธอรีบเดินไปข้าง ๆ หลินเฟิง ซึ่งทำให้ชายหนุ่มในชุดสีดำโกรธมาก
การแสดงออกของเขาเริ่มเย็นชามากขึ้น
หลินเฟิง กำลังมองเธออย่างแปลก ๆ และพูดว่า "จิ้งหยุน เจ้าไม่รู้จริงๆเหรอ?"
"ข้าไม่รู้จริงๆ เมื่อรอบที่สองของการสอบศิษย์ภายในเริ่มขึ้น ข้าต้องออกไปเนื่องจากนายน้อย
ต้องการให้ข้ากลับมาที่เมืองจักรพรรดิ ข้าต้องไปกับมันเป็นหน้าที่ของข้า ข้าคิดว่าข้าจะกลับไป
ที่นิกายอีกสองสามวันต่อมา แต่แล้ว ... แต่แล้ว ... "จิ้งหยุน ไม่สามารถพูดต่อได้ เธอกังวลเกี่ยว
กับเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่มีคนตายจำนวนมาก มันเหมือนกับฝันร้ายของเธอ
"ข้ารู้" หลินเฟิง มีความสุขที่ จิ้งหยุน ไม่ได้อยู่ที่นั่นในวันนั้นมิฉะนั้นแล้ว.......
"จิ้งหยุน เขาเป็นใคร?"
ในขณะนั้นคนขับรถม้า ตาแก่หวัง ได้ถาม จิ้งหยุน อีกครั้ง
"ลุงหวัง นี่เป็นเพื่อนของข้า หลินเฟิง เขายังเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ "
จิ้งหยุน ดึง หลินเฟง และแนะนำเขากับลุงหวัง
"ข้าเห็นแล้ว." ลุงหวังตอบขณะที่พยักหน้าเล็กน้อย
"นิกายหยุนไห่ถูกทำลาย เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง? "ชายหนุ่มที่หยิ่งยโสในชุดสีดำกล่าว
เมื่อเขาสังเกตเห็นการแสดงออกของ จิ้งหยุน ที่แสดงต่อ หลินเฟิง เป็นไปได้อย่างไร
จิ้งหยุน รู้สึกประหลาดใจกับคำตอบของเขา
"หวันชิงชาน มีปัญหาอะไร?"
จิ้งหยุน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอโกรธมากที่เขาได้แสดงอาการเช่นนี้
"เจ้าควรจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร" หวันชิงชาน กล่าวด้วยความโกรธ และจ้องมอง
ไปที่ หลินเฟิง
จิ้งหยุน เป็นเพียงศิษย์สามัญของหยุนไห่ ตั้งแต่ หลินเฟิง เป็นคนรู้จักของ จิ้งหยุน
เขาอาจเป็นศิษย์ธรรมดาเช่นกัน เขาคงอยู่ชั้นพลังปราณขั้นที่แปดหรือเก้า แน่นอนว่า
หวันชิงชาน ไม่ให้ความสนใจกับใครบางคนที่อ่อนแอเช่น หลินเฟิง
นอกจากนี้นิกายหยุนไห่ ถูกทำลายไปแล้ว หลินเฟิง อาจจะไปอยู่ที่ไหนซักแห่งและ
มีชีวิตอยู่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำตัวดังเช่นขอทานแต่อย่างใด
หลินเฟิง ส่ายหัวและตัดสินใจที่จะไม่สนใจ หวั่นชิงชาน
"จิ้งหยุน, เจ้าจะไปที่เมืองจักรพรรดิงั้นรึ?"
"ใช่แล้ว" จิ้งหยุน กล่าวขณะพยักหน้า
"ดีมากเลย. ข้าก็กำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน เจ้าช่วยยืมรถม้าให้ข้าได้ไหม?
เราสามารถเดินทางไปด้วยกันได้ "
"จริงๆรึ? ให้ข้าถามนายน้อยก่อน ไม่น่ามีปัญหาอะไรกับเจ้าที่มาร่วมงานกับเรา "เมื่อ
จิ้งหยุน ได้ยินว่า หลินเฟิง กำลังไปที่เมืองจักรพรรดิด้วยเช่นกันเธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
"จิ้งหยุน มันดูไม่ดีเท่าไหร่นะ"
ลุงหวังบอกกับ จิ้งหยุน ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างราบเรียบ
"ลุงหวัง หลินเฟิง ก็เป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ เขาค่อนข้างแข็งแกร่ง
เขายังสามารถช่วยปกป้องข้าได้ "
"ใช่แล้วข้าสามารถช่วยปกป้องเจ้าได้" หลินเฟิง กล่าวพร้อมพยักหน้า
"นิกายหยุนไห่ได้ถูกทำลายหมดแล้วและถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งเราก็ไม่จำเป็นต้องมียาม
มากไปกว่านี้แล้ว" หวันชิงชาน กล่าวอย่างเย็นชา
"จิ้งหยุน, เจ้าก็รู้ว่าจุดประสงค์ของพวกเราคืออะไร ไม่เหมาะสมอย่างมากที่จะมีเขาอยู่กับเรา
แต่การที่ปล่อยให้เขาเดินทางไปกับเราในระหว่างการเดินทางก็ไม่มีปัญหา "ลุงหวังกล่าวหลัง
จากพิจารณาสถานการณ์ รถคันอื่นก็พร้อมที่จะใช้งาน นอกจากนี้ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้น
อาจใช้ประโยชน์จาก หลินเฟิง ได้
ในที่สุดเขาก็ยอมรับ หลินเฟิง ไปเป็นเพื่อนร่วมทาง
"ลุงหวัง ไม่ต้องห่วง รปล่อยให้เขามากับข้าได้"
ในขณะนั้นนายน้อยออกมาจากรถม้าและกล่าวว่าขณะที่ยิ้มให้กับ หลินเฟิง :
"ชื่อของข้าคือต้วนเฟิง"
"ข้า หลินเฟิง"หลินเฟิง ตอบกลับไปขณะที่พยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย ชื่อของเขาคล้ายกับ
หลินเฟิง แต่มันมีความหมายที่แตกต่างกัน
"นายน้อย ... " ลุงหวังกล่าวขณะกำลังมองไปที่ ต้วนเฟิง ที่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่
ต้วนเฟิง ขัดจังหวะเขาและกล่าวว่า "ลุงหวังข้าอยู่กับ จิ้งหยุนในรถม้าคงจะไม่มีปัญหาอะไร
แน่นอนว่าเพื่อนร่วมทางของเราคนใหม่ หลินเฟิง สามารถนั่งกับเราเพื่อให้ทุกคนพูดด้วยกันได้ "
"นายน้อยท่านยอมรับเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?" หวันชิงชาน รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าต้วนเฟิง
อนุญาตให้ หลินเฟิง นั่งอยู่กับพวกเขา ตอนนั้นเขาดูไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
ยามอื่น ๆ ก็ชักสีหน้าเช่นกัน
"นายน้อย ... สถานะของท่าน ... ท่านจะนั่งกับคนเหล่านั่นได้อย่างไร?" ชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
"ความสัมพันธ์ทำไมรึระหว่างสถานะของข้าและ ... ? อ่า, ไม่เป็นไร หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ถ้าข้าบอกว่า
เขาอยู่ได้แล้วนั่นยังไม่ชัดเจนอีกรึ "ต้วนเฟิง กล่าวอย่างจริงจังและกล่าวเสิมว่า :" หลินเฟิง,
พี่ใหญ่ โปรดเข้ามาในรถม้าด้วย
"ช้าก่อนช้าก่อน ข้ายังมีเพื่อนอีกคน"
หลินเฟิง หันกลับไปและเห็นว่า เมิ้งชิง ยังคงยืนอยู่ข้างหลัง จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียกเธอ "เมิ้งชิง!"
เมื่อเธอได้ยินเขาเรียก เมิ้งชิง ก็ค่อยๆเดินไปหา หลินเฟิง แล้วก็อยู่หลบข้างหลังเขา
เมื่อยามเหล่านี้เห็น เมิ้งชิง ที่สวยงามเป็นพิเศษแล้วพวกเขาก็โกรธ พวกเขาพบว่าเธอช่าง
งดงามอย่างมาก พวกเขาคิดว่าความงามของเธอนี้ช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
"เด็กอะไรทำไมยังช่างงามเยี่ยงนี้!"
ช่วงก่อนหน้านี้ไม่มีใครสนใจ เมิ้งชิง เลย ชายชราคนนั้นเห็นก็ประหลาดใจทันที
จิ้งหยุน ก็เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ถัดไปแต่ทาง เมิ้งชิง เธอกลับมองไม่เห็น เมิ้งชิง อาจทำให้คนส่วน
ใหญ่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เพื่อความงามของเธอ เธอสวยอย่างไร้ที่ติจริงๆ
ในขณะนั้น จิ้งหยุน สังเกตเห็น เมิ้งชิง เมื่อเธอเห็น เมิ้งชิง ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หลินเฟิง
ช่วยไม่ได้ที่เธอจะเมินหน้าหนี
"ผู้หญิงคนนั้นงดงามมากๆ หลินเฟิง พี่ใหญ่เพราะเธอเป็นเพื่อนของท่าน เธอสามารถ
เข้าร่วมกับพวกเราได้เช่นกัน "
ต้วนเฟิง เป็นคนที่อบอุ่นและกระตือรือร้น
"ใช่แล้ว หลินเฟิง นั่งลงภายในรถ"จิ้งหยุน ยิ้มและพยักหน้ากล่าว
"เข้าไปข้างในสิ" หลินเฟิง กล่าวกับ เมิ้งชิง จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในรถม้า
หวันชิงชาน อิจฉาอย่างมากเมื่อได้เห็นสาวสวยคนนั้น
"เด็กน้อยคนนั้น ... ข้าต้องแสดงให้นางเห็นบ้างแล้ว... ศิษย์ของนิกายหยุนไห่เหรอ...
นี่มันเป็นเรื่องตลกอะไรกัน?"
หวันชิงชาน อิจฉา หลินเฟิง ที่นั่งอยู่ในรถพร้อมกับสาวสวยมั้งสองคนที่น่าอัศจรรย์ใจ...
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น