ตอนที่ 96 ท่านแม่ทัพ
เมื่อ หลินเฟิง ได้ยินที่ เฉินชิ่ง พูด เขาเริ่มโกรธมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่และได้รับความเคารพจากทุกคน วันนี้เขาดูถูก
เหยียดหยามนิกายหยุนไห่
เพราะเขาสนใจแค่ปกป้องหัวของตัวเองไว้ก็เท่านั้น เขาจึงเลือกทรยศต่อนิกายหยุนไห่ดังนั้น
เขาจึงได้ไปขออยู่กับ ต้วนเทียนหลาง และทำให้ทุกอย่างแย่ลงเขาปล่อยให้ทุกคนลื้อค้นร่าง
ของอดีตเพื่อนร่วมนิกายเขา
เฉินชิ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานสัตว์ เขาไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่
"ด้วนเทียนหลาง ไม่ได้สนใจถึงได้ปล่อยขยะเช่นเจ้าไว้จัดการกับนิกายหยุนไห่?"
เมื่อ เฉินชิ่ง ได้ยินเสียงชั่วร้ายและเย็นชาที่มาจากด้านหลังหน้ากากเขาก็มึนงง เขาจ้องมองไปที่
หลินเฟิง และถามว่า: "เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเรียกข้าว่าขยะ?"
"เฉินชิ่ง เจ้าเคยเป็นที่ดีที่สุดของศิษย์สามัญทั้งหมด อย่างไรก็ตามเจ้าได้ทรยศต่อนิกายหยุนไห่
และปล่อยให้คนอื่นทำมากระผิดและล่วงเกินร่างของอดีตศิษย์ร่วมนิกายเจ้า อะไรทำให้เจ้ามีสิทธิ์
ที่จะจองหองและอวดดีเช่นนี้? "
หลินเฟิง เคยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นซึ่งทำให้ เฉินชิ่ง หลี่ตาลง เขาจ้องมองไปที่ หลินเฟิง
"เจ้าคือใคร?"
ด้วยหน้ากากทองแดงเสียงของ หลินเฟิง จึงแตกต่างออกไปเล็กน้อย ท่าทางร่างกายของ หลินเฟิง
ก็แตกต่างไปเล็กน้อยดังนั้น เฉินชิ่ง จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็น หลินเฟิง แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าก็ตาม
"เจ้าทรยศนิกายหยุนไห่ และตอนนี้เจ้ากำลังพยายามทำตัวเหมือนนายน้อยที่นี่ เจ้ารู้สึกอายบ้างไหม? "
หลินเฟิง ถามเขาอีกครั้ง ดาบของเขาเริ่มเรืองแสงขณะปลดปล่อยปราณที่แข็งแกร่งซึ่งได้สร้างพายุหมุน
เมื่อปราณนั้นมายังร่างของ เฉินชิ่ง เขาก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ตาของเขาสั่นรัวหายใจลำบากและเร็วมาก
"หลินเฟิง นั่นคือ หลินเฟิง และเขาทำให้ประหลาดใจที่กล้ากลับมาที่นิกายหยุนไห่ "
เฉินชิ่ง รู้สึกมึนงง ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดและ หนานกงหลิง ได้เสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อช่วยชีวิต หลินเฟิง
เฉินชิ่ง ไม่เคยคิดเลยว่า หลินเฟิง จะกล้ากลับมา ต้วนเทียนหลาง กำลังตามหา หลินเฟิง ทุกหนทุกแห่ง
ถ้าเขาพบ เขาจะมอบความตายอย่างน่าสยดสยองที่สุดให้กับ หลินเฟิง
แต่เนื่องจากทุกคนคิดว่า หลินเฟิง ไม่กล้าที่จะกลับมาที่นิกายหยุนไห่ ต้วนเทียนหลาง จึงไม่ได้สนใจที่จะ
มาที่นั่น เขาเพิ่งจะบอกให้ เฉินชิ่ง และสองนักบ่มเพาะพลังคนอื่น ในชั้นจิตวิญญาณขั้นแรกที่อยู่ที่นั่น
และให้เฝ้าดินแดนของนิกายหยุนไห่ไว้
ทุกวันนี้ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดได้ไปที่เมืองจักรพรรดิ เพื่อเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว
ต้วนเทียนหลาง รู้สึกตื่นเต้นกับงานใหญ่นั้นมาก
หลินเฟิง แข็งแกร่งพอที่จะเดินได้อย่างอิสระภายในอาณาเขตของนิกายหยุนไห่
ปราณที่แข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวได้พุ่งชนเข้ากับร่างของ เฉินชิ่ง หลังของเขาเปียกเต็มไปด้วย
เหงื่อไหลชุ่ม
"ดูเหมือนว่าเจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร"
เมื่อ หลินเฟิง เห็นปฏิกิริยาของ เฉินชิ่ง เขาก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนว่าเขากำลังชั่วร้ายมากขึ้น
คนสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เฉินชิ่ง ถูกกดดันด้วยปราณดาบของ หลินเฟิง เช่นกัน แต่ก็ไม่กล้า
พอที่จะตอบโต้แต่อย่างใด
"ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่มีพลังพอที่จะทำอะไรได้ "
เฉินชิ่ง กำลังขอร้อง หลินเฟิง เขากลัวว่าเขาจะตายที่นี่หลังจากหนีจากการสังหารหมู่มา
"เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้? แต่เจ้าก็จัดทำลายกับนิกายหยุนไห่ นอกจากนี้เจ้ายังปล่อยให้นิกายเล็ก ๆ
มาดูหมิ่นนิกายและดูหมิ่นศพของอดีตเพื่อนร่วมนิกายของเจ้า เจ้ามีพลังพอที่จะหยุดพวกเขา แต่เจ้า
ไม่ได้ทำ ข้าจะทนอับอายขายหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? "
หลินเฟิง ก้าวไปข้างหน้าขณะที่ดาบของเขาเริ่มส่องแสงด้วยพลังอำนาจดาบที่สวยงาม
"ข้าไม่ต้องการ ... "
เสียงที่อ่อนแอของ เฉินชิ่ง ดังไปทั่วนิกาย ทันใดนั้นดาบของ หลินเฟิง ได้หายไปจากสายตาและมี
เลือดที่พุ่งไปคนละทิศละทางออกไปสามสายพุ่งขึ้นมาในอากาศ
ไม่มีใครสามารถต้านทานดาบของ หลินเฟิง ได้
“เฮ้อ ...... ..”
เมื่อ หลินเฟิง มองไปที่สามศพนั้น เขาหายใจลึก ๆ
ทุกคนที่ขโมยของและสมบัติจากซากศพของนิกายออกไปหรือที่อยู่ในท่ามกลางศพเหล่านั้น
เฉพาะ หลินเฟิง เท่านั้นที่เหลืออยู่ในขณะที่ล้อมรอบไปด้วยซากศพที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หลินเฟิง มองไปรอบ ๆ ซากศพของสมาชิกนิกายในอดีตของเขา เขากำลังมองไปที่ซากศพเหล่านี้
นอนอยู่บนพื้นดินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก บางคนหัวของพวกเขาแยกออกเป็นสอง
ส่วนบางคนถูกโจมตีหลายครั้งที่ด้านหลังขณะที่พวกเขาถอยกลับ... ยิ่งกว่านั้น หลินเฟิง
ตัดสินใจมองพวกเขามากขึ้น
หลินเฟิง ได้ตัดสินใจเสี่ยงกลับมานิกายหยุนไห่เพื่อดูซากศพเหล่านี้เป็นครั้งสุดท้าย ... และเพื่อดู
ดวงอาทิตย์ที่หักเหในแม่น้ำสายเลือดนั้น
เขาไม่เคยต้องการลืมว่าเลือดที่ไหลนองเนื่องจากความเกลียดชัง ความอิจฉา และเจตนาที่ชั่วร้าย
เขาอยากจะจำไว้ว่าคนอ่อนแอถูกรังแกและถูกสังหารและผู้ที่มีพลังถึงได้ครองโลก หลินเฟิงโกรธ
และความโกรธเหล่านั้นกัดกินอยู่ภายในใจ
หลินเฟิง ต้องการล้างแค้นการตายทั้งหมดของสมาชิกนิกายในอดีตของเขา เขาจะไม่มีวันลืมว่า
คนเหล่านี้ได้เสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขา เขาแบกรับความหวังของคนจำนวนมากไว้บนบ่า
ของเขา คนตายเหล่านี้ได้มอบความศรัทธาสุดท้ายให้กับ หลินเฟิง
"เสียงกระหึ่ม สนั่นหวั่นไหว... ."
ในขณะนั้นพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน มันยิ่งสั่นขึ้นเรื่อย ๆ เสียงของพื้นสั่นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
"กองทหารม้าหุ่มเกราะฉีซู่ว!"
ดวงตาคู่นั้นของ หลินเฟิง หลี่ลงโดยไม่ลังเลเขารีบเดินไปที่หน้าผาของหุบเขา เขาได้ยินเสียง
ทหารม้ากำลังมา
"ทักษะเคลื่อนที่ดังเงาจันทร์"
หลินเฟิง แทงดาบของเขาไปข้างหน้าเพื่อทำให้การเคลื่อนตัวของเขาเร็วขึ้น ในระหว่างนั้นเขา
ได้หายใจลึก ๆ สองสามครั้งเขาก็ได้มาถึงหน้าผา
"ไปเลยเร็วเข้า"
เมื่อหลินเฟิง รู้สึกว่าพื้นที่กำลังสั่นมากยิ่งขึ้นเขาก็ตะลึงกับ ม้าหุ้มเกราะฉีซู่วนี้เร็วมากๆ ดูเหมือนว่า
พวกมันหายใจเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะวิ่งเหยาะ ๆได้ไกลเป็นสิบๆเมตร
หลินเฟิง ไม่อยากคิดมากเกินไปกว่านี้ เขาคว้ามือเล็กๆของ เมิ้งชิง ไว้และออกไปด้วยความเร็วเต็มกำลัง
เมื่อเธอรู้สึกว่ามือของ หลินเฟิง ที่กำลังจับมือเธออยู่เธอรู้สึกแปลกๆแต่เมื่อนึกถึง หลินเฟิง ที่กำลังกังวล
และรีบร้อนเธอก็ปล่อยให้เขาจับมือนั้น
หลินเฟิง มีการตอบสนองที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้ ในขณะนั้นม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว
ก็มาด้วยความเร็วเต็มพิกัด หลินเฟิง หยุดวิ่ง
ทหารม้าที่หุ้มเกราะซีซู่ว สวมเกราะที่ดูสง่างาม
เมื่อ หลินเฟิง เห็นม้าหุ้มเกราะนั้น ขยับเข้าไปใกล้เขา เขาถือมือเล็กๆของ เมิ้งชิง ไว้แน่น เธอก็จับมือของ
หลินเฟิง ไว้แน่นขึ้น แต่หลินเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นมัน สิ่งที่ทำให้เขาลำบากมากที่สุดก็
คือเขาไม่ได้คาดหวังให้ม้าหุ้มเกราะมาที่นิกายหยุนไห่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วสูงสุดเช่นนี้
"มันเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขารู้ว่าข้าได้กลับมา"หลินเฟิง กล่าว
ม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว กำลังขยับเข้ามาใกล้ พวกเขาไม่ได้หยุดวิ่งเร็วด้วยความเร็วสูงสุดนั่น
"ช่างดูสง่างามยิ่ง"
เมื่อ หลินเฟิง มองไปที่คนหนึ่งที่ขี่ม้านั้น ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตกตะลึง
มันเป็นชายวัยกลางคน เขาดูหล่อเหลาและมีขนคิ้วที่ดูดีอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาดู
กำลังเศร้าและทุกใจ
เขาสวมแผ่นเกราะที่สวยงามซึ่งดูงดงามมาก ผมสีเทาของเขาลอยอยู่ในสายลม
เขาดูแปลกๆเล็กน้อย
ม้าหุ้มเกราะ ได้วิ่งผ่าน หลินเฟิง และไม่ได้มองเขา ช่วยไม่ได้ที่ หลินเฟิง จะกลัว
บางทีเขาอาจคิดผิดหลังจากพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนั้นอาจไม่รู้ว่าเขาคือ หลินเฟิง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลินเฟิง ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อเขาหันไปรอบ ๆ และเห็นทหารม้าหุ้มเกราะ
อยู่ใกล้ ๆ แล้วรีบโดดขึ้นไปบนสุดของหุบเขา แล้วเห็นฉากนั้นจากเบื้องล่าง
“สุดยอดจริงๆ ...”
หลินเฟิง รู้สึกประทับใจกับพลังของม้าฉีซู่ว จากนั้นเขาก็หันกลับและเดินกลับไปที่หน้าผาของ
หุบเขาและมองลงมาที่เกิดเหตุ
ในขณะนั้น หลินเฟิง เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมสีเทายืนอยู่บนลานประลองแห่งชีวิต เขาดูคล้าย
รูปปั้นเพราะยืนแข็งทื่อ เขากำลังมองไปที่ซากศพทั้งหมดเหล่านั้น
ผมสีเทาของเขายังคงลอยอยู่ในสายลม เขาดูโดดเดี่ยวและโศกเศร้า
“ตึ่ง”.(เสียงเข่ากระแทกกับพื้น)
หลินเฟิงมึนงง ชายผมสีเทาได้คุกเข่าลงบนลานประลองแห่งชีวิต และขณะที่คุกเข่าลง
เข่าของเขาได้ทำเสียงดังขึ้นเมื่อกระแทกเข้ากับพื้นเวที
"ท่านแม่ทัพ!"
มีเสียงดังขึ้นมารบกวนเขา เสียงได้แผ่ซ่านไปทั่วทำให้บรรยากาศสั่นไหว
ทันทีหลังจากนั้นกองทหารม้าทั้งหมดได้ลงจากม้าหุ้มเกราะของพวกเขาและมองไปที่แม่ทัพ
ของพวกเขา บางคนคุกเข่าลง เขาดูราวกับว่ากำลังเจ็บใจและดวงตาของเขาเผยให้เห็น
ความเศร้าที่ไม่สามารถบรรยาออกมาได้
หัวใจของ หลินเฟิง เต้นเร็วขึ้น
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจที่เหล่าทหารม้าเหล่านั้นดูเหมือนจะห่วงใยแม่ทัพของพวกเขาเป็นอย่างมาก
หลินเฟิง ก็ได้นึกถึงชื่อหนึ่ง ถ้าข่าวลือเป็นจริงเขาก็ดูเป็นคนๆนั้น
"ลูกศรศักดิ์าสิทธิ์ หลิวชางหลาน!"
หลินเฟิง มั่นใจว่าเป็น หลิวชางหลาน ยกเว้นว่าเขาจะไม่คุกเข่าลงต่อหน้าเหล่าศิษย์นิกายหยุนไห่
ที่ตายไปแล้ว นั้นไม่น่าใช่หนึ่งในแม่ทัพของกองทัพนั้นแน่นอน?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้พิทักษ์เป่ย รู้สึกภาคภูมิใจในแต่ละครั้งที่เขากล่าวถึงชื่อของ หลิวชางหลาน
ที่เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดที่สมควรได้รับการยอมรับ
"นี่เป็นธุระของข้า พวกเจ้ายืนขึ้นทุกคน "
เสียงของ หลิวชางหลาน ดังขึ้นและก้องไปภายในหุบเขา เสียงของเขาไม่ได้เหมือนกับเจ้านาย
สั่งลูกน้อง มันตรงกันข้ามกัน มันฟังดูเป็นกันเองอย่างมากและเรียบง่ายเพื่อให้ทุกคนได้ยินอย่างถูกต้อง
"ท่านแม่ทัพ ได้โปรดดูแลตัวเองดีๆด้วย"
เมื่อ หลิวชางหลาน ได้เรียนรู้ว่ากองทัพของเขาถูกสั่งให้ทำลายล้างนิกายหยุนไห่ เขาละทิ้งทุกสิ่งทุก
อย่างและมุ่งหน้าไปยังนิกายหยุนไห่ เขาได้วางบังเหียนไว้บนม้าของเขาทันทีและได้ขี่ม้าเป็นเวลาสามวัน
สามคืนโดยไม่ได้หลับได้นอนเพื่อไปยังนิกายหยุนไห่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทหารม้าคนอื่น ๆ ทุกคนอยากจะทำตามใจตัวเอง
"ข้าสั่งให้พวกเจ้ายืนขึ้น"
เสียงของ หลิวชางหลาน ยังคงสงบอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยิน ทหารม้าก็ลุกขึ้นยืน
พวกเขาจะไม่ขัดคำสั่งของ หลิวชางหลาน
เมื่อข้าอายุได้เจ็ดขวบข้าได้เข้าร่วมนิกายหยุนไห่ ข้ามีอาจารย์ที่ดีและได้รับความนับถือ
แต่แล้วข้าก็ทิ้งพวกเขาเพื่อประโยชน์ของแคว้นซู่วเย่ว ข้าจะไม่เคยลืมความรู้สึกดีๆที่
นิกายหยุนไห่มอบให้ข้าและศิษย์ร่วมสำนักเหล่านั้น ข้าจะไม่มีวันลืมอาจารย์ที่รักของข้า
ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้นิกายหยุนไห่ได้ถูกทำลายแล้วและกองทัพของข้ามีหน้าที่สำคัญใน
การสังหารหมู่ครั้งนั้น ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองสำหรับสิ่งนั้น. "
เมื่อ หลิวชางหลาน พูดเสร็จเขาเริ่มต้นโค้งคำนับศพที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดและโขกหัว
ลงกับพื้นเวที ทันใดนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้น
"ท่านแม่ทัพ ต้วนเทียนหลาง ได้วางแผนไว้ล่วงหน้ากับการทำเช่นนี้เป็นเวลานานแล้ว
เราทุกคนถูกหลอก! "
ทหารม้าคนหนึ่งกล่าวกับ หลิวชางหลาน
"ข้ารู้ว่า ต้วนเทียนหลางเป็นดั่งสัตว์ประหลาด เขาสั่งให้ เฟยเฟย ไปโน้มน้าวให้ศิษย์
ที่ดีที่สุดของนิกายหยุนไห่ ไปที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามหา
ข้อแก้ตัว ข้ามีส่วนในเรื่องนี้เช่นกัน ข้าไม่ใสนใจนิกายหยุนไห่ และเป็นสาเหตุสำคัญ
ที่ทำให้นิกายหยุนได้ถูกทำลาย... "
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
อ่อน
ตอบลบ