ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 95


ตอนที่ 95 ย่างก้าวที่นำไปสู่ความตาย










ลานประลองแห่งชีวิต, หุบเขาแห่งความป่าเถื่อน, นิกายหยุนไห่


แม่น้ำเลือดสีแดงฉานที่ไหลผ่านหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว 7 วัน
แต่แม่น้ำที่เต็มไปด้วยเลือดก็ยังไหลรินอยู่


มีซากศพอยู่บนพื้น ซากศพยังไม่เริ่มสลายตัว เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็น


สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือคนจำนวนมากกำลังเดินอยู่รอบ ๆ ซากศพและดูไม่ได้รังเกียจเลือดเหล่านั้น
ไปหมดทุกคน พวกเขาไม่สนใจเรื่องราวก่อนหน้านี้ของคนเหล่านั้น และในทางตรงกันข้ามกลับ
มีถึงพอใจอย่างมาก แต่ละคนมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ


"นิกายหยุนไห่ เป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่สมชื่อ ถึงแม้ว่าศพเหล่านี้จะเป็นเพียงศพของศิษย์นิกายเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ยังคงมีของมีค่าอยู่มากมาย "


ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังได้คุกเข่าลงข้างๆซากศพและใช้ทักษะระดับเหลืองที่มีประสิทธิภาพ
ขั้นสูง จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆตัวเขาอย่างระมัดระวังราวกับว่าเขากลัวที่จะได้เห็นใครบางคนก่อน
ที่เขาจะหยิบมันขึ้นมา


เขาไม่ใช่เพียงคนเดียว ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ทำเช่นเดียวกับเขา ที่ขโมยของจากซากศพภายใน
หุบเขา พวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายเล็ก ๆ เมื่อพวกเขาได้ยินว่านิกายหยุนไห่ถูกทำลายล้างไปจน
หมดสิ้น พวกเขาก็รีบมาที่นี่เพื่อดูว่าพวกเขาจะโชคดีหรือไม่และหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในซากศพ


ในขณะนั้นมีเงาสองคนได้ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน และกำลังกระโจนตัว
ลงไปในหุบเขา


หนึ่งในนั้นดูสวยงามและน่าสนใจอย่างมาก คนอีกคนสวมหน้ากากทองแดง หน้ากากนี้มีความ
สามารถในการเพิ่มพลังปราณ


คนสองคนนี้เห็นได้ชัดคือ หลินเฟิง และ เมิ้งชิง


หลินเฟิง มีชื่อเสียงอย่างมาก บรรดานิกายที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นต่างต้องการจะฆ่าเขา เห็นได้ชัด
ว่าเขาต้องระวังตัว ดังนั้นเขาจึงใช้หน้ากากที่นำมาจากภายในวิหาร


เมื่อเธอเห็นเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าที่หลั่งออกจากซากศพ เมิ้งชิง เริ่มรู้สึกเวียนหัว
เธอรู้สึกเหมือนจะอาเจียนเมื่อเธอเห็นภาพเหล่านั้น


"ทำไมเราถึงมาที่นี่กัน?" เมิ้งชิง มองไปที่ หลินเฟิง แต่เธอสังเกตเห็นว่า หลินเฟิง หยุดนิ่ง
 มีรังสีที่เย็นชาอยู่รอบตัวของเขา


"สัตว์นรกพวกนี้ ... ไม่ปล่อยให้เหล่าคนตายได้ตายอย่างสงบ."


หลินเฟิง เห็นคนที่กำลังค้นร่างศพคนตายและเมื่อเขาค้นเสร็จแล้วก็เตะมันทำให้ร่างกาย
กลิ้งออกไป หลินเฟิง รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของคนเหล่านี้


เมื่อเธอเห็นรังสีของ หลินเฟิง เปลี่ยนไป เมิ้งชิง ก็หยุดแล้วไม่พูดอะไร เธอไม่ต้องการรบกวน
หลินเฟิง


หลินเฟิง กางแขนขึ้นมองเหมือนนกที่กำลังกางปีกและกระโดดลงไปในหุบเขา



ในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน ผู้บ่มเพาะพลังที่หยิบของมีค่าจากศพของนิกายหยุนไห่
รู้สึกว่ามีรางสังหรไม่ดี มีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาทุกคนเริ่มมองไปรอบ ๆ แล้วมองไปที่
หลินเฟิง ผู้ที่กระโดดลงมาในหุบเขา


"มีคนมาที่นี่อีกแล้ว ... "


ทุกคนหยุดมอง หลินเฟิง แล้วกลับมาพูดคุยอีกครั้งพวกเขากำลังทำบางอย่างอยู่


"ช่วยตัวเองแล้วกัน เราไม่ต้องสนใจคนอื่น"


ผู้บ่มเพาะพลังที่เพิ่งเตะศพคนหนึ่งออกไปกล่าวกับ หลินเฟิง ที่เพิ่งเข้ามาใกล้เขา
ท่าทางของเขาพูดโดยไม่ใส่ใจ


ไม่มีใครตอบ ปราณดาบที่มีพลังมหาศาล ได้เล็ดลอดออกมาจากร่างของ หลินเฟิง ซึ่งทำให้
ผู้บ่มเพาะพลังเหล่านั้นมึนงง ขณะพูดกับ หลินเฟิง เขาเริ่มสั่นจากหัวจรดเท้าด้วยความกลัว


"นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร? มีหลายคนที่นี่ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าปฏิเสธที่จะแบ่งสิ่งของกับผู้อื่น? "


เมื่อคนนั้นรู้สึกถึง ปราณที่ หลินเฟิง ได้ปลดปล่อยออกมาเขาตะโกนอย่างเสียงดังพยายาม
ดึงความสนใจจากทุกคนในพื้นที่


เมื่อฝูงชนได้ยินว่ามีคนมาที่นี้และต้องการเก็บของทั้งหมดให้ตัวเอง พวกเขาก็หันกลับไปและ
จ้องมองไปที่ หลินฌฟิง ด้วยความโกรธ


แต่พวกเขาเห็นแสงสว่างจากดาบเพียงเท่านั้น มันเป็นแสงที่เจิดจ้าและสว่างไสว แต่มันดูอันตราย
มันปรากฏขึ้นและหายไปในชั่วพริบตา


จากนั้นผู้บ่มเพาะพลังที่พูดเสียงดังได้ถูกตัดหัวทันทีโดย หลินเฟิง หลินเฟิงไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว
เมื่อทุกคนเห็นการกระทำนั้น ตาของพวกเขาเริ่มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


เพราะเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง ชายคนนั้นต้องการเก็บสมบัติทั้งหมดไว้เพียงคนเดียว!


"ท่านจอมยุทธ์ ทุกคนมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องกระทำอย่างโหดร้ายและ
ไร้ความเมตตามิฉะนั้นก็จะทำให้ผู้ชายที่มีพลังเช่นท่านดูหยาบคายเกินไปไม่สมกับท่านเลย"


ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ไม่ไกลจาก หลินเฟิง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา


หลินเฟิง หันไปรอบๆสายตาของ หลินเฟิง ที่ซ่อนอยู่ภายในหน้ากากนั้นดูชั่วร้ายอย่างมาก เขา
ไม่ได้แสดงความรู้สึกที่เมตตาให้กับทุกคนอีกต่อไป


ร่างเงาของ หลินเฟิง ได้หายไปในชั่วพริบตาและปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนตรงหน้าผู้ชายที่
พูดกับเขา จากนั้นเขาก็ใช้ดาบที่ดูน่าอันตรายนั้น


โหดร้าย? ไร้ความปรานี? หยาบคาย?


ผู้บ่มเพาะพลังที่น่ารังเกียจเหล่านี้กำลังขโมยสมบัติต่างๆจากศพและจู่ๆก็พูดถึงความโหดร้าย
ความเมตตาและความหยาบคาย


ดาบของ หลินเฟิง เริ่มเรืองแสงอีกครั้ง หน้าของผู้ชายเหล่านั้นได้ซีดเผือกเหมือนคนตาย เขารู้สึก
สยดสยองเมื่อเห็นพลังนั่น


"น่าแปลกใจที่เจ้าเป็นคนประเภทที่จะสนุกกับการใช้เวลากับซากศพที่นี่ ดังนั้นข้าจะช่วยให้เจ้า
กลายเป็นหนึ่งในพวกเขาแล้วกัน"


นี่เป็นครั้งแรกที่ หลินเฟิง ได้พูดในระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
และความตั้งใจที่จะฆ่า หน้ากากของเขาซ่อนใบหน้าของเขาซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวเขามากยิ่งขึ้น


หลินเฟิง ทำเพียงครั้งเดียวการโจมตีนั้นได้ส่งหัวผู้ชายคนนั้นไปอีกคนกระเด็นลงไปบนพื้น


เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงไม่ได้มาเล่นๆ แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังฆ่าเหล่าเพื่อนๆของคนเหล่านั้นโดย
ไม่มีเหตุผล


"เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่? เป็นไปได้ไหมที่เขาต้องการที่จะฆ่าทุกคนในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน? "


เมื่อฝูงชนเห็นว่ามีอีกคนเสียชีวิตพวกเขาทุกคนต่างหวาดกลัว


"หยุดนะ!! เจ้าเป็นจะทำอะไร? "ผู้บ่มเพาะพลังที่เห็น หลินเฟิง เดินผ่านเขาไป


"ข้าเป็นคนๆหนึงที่จะเอาวิญญาณของพวกเจ้าไป"


ดาบของ หลินเฟิง เริ่มเรืองแสงอีกครั้งและเมื่อคำสุดท้ายได้จบลง หลังจากเขาได้ยินแสงที่
สว่างได้เติมเต็มไปในอากาศ ผู้บ่มเพาะพลังที่จ้องเขม็งในขณะนั้นเป็นอีกร่างที่ไม่มีหัวล้มลงกับพื้น


ทุกคนที่อยู่ในหุบเขาที่ขโมยของมาจากซากศพก็ได้หยุดลงและเริ่มมองไปที่ผู้บ่มเพาะพลังแปลกๆ
คนนั้นที่สวมหน้ากากทองแดง ทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน หัวขอผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นจะถูกตัดออกไป
จากร่างกาย


ในขณะนั้น หลินเฟิง ได้ฆ่าคนไปไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว พวกเขาไม่ได้รู้ว่าไปทำอะไรให้
หลินเฟิง โกรธเคือง


"นี่ท่าไม่ดีแล้ว เราต้องหาทางที่จะหยุดเขา มิฉะนั้นเขาจะจบลงด้วยการฆ่าเราเช่นกัน "



ผู้บ่มเพาะพลังบางคนเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังอันตรายมากขึ้น เมื่อคุยกันเสร็จแล้ว
คนรอบข้างก็ได้พยักหน้าตกลงกัน


"เราจะต่อสู้กับเขาด้วยกันเป็นกลุ่ม เราไม่ควรให้เขาได้มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะโจมตี "


ฝูงชนทั้งกลุ่มเริ่มเคลื่อนไหวไปที่ หลินเฟิง และพร้อมที่จะโจมตีเขา ดาบของเขามันน่ากลัว
เกินไป ดูเหมือนว่า หลินเฟิง จะตัดหัวทุกคนที่เขาเจอตลอดทาง


หลินเฟิง เคลื่อนตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งและตัดหัวคนเหล่านั้นเมื่อเขาสังเกตเห็นผู้คน
ที่เคลื่อนที่มาทางเขา คนเหล่านี้รู้สึกถึงพลังปราณ ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของ
หลินเฟิง ที่กำลังเพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


อย่ากลัวมันสิ  เขาไม่สามารถจัดการกับพวกเราหลายคนได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ก็ตาม ก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะคนจำนวนมากได้เวลาเดียวกันหรอก "


พวกเขากำลังใจดียิ่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้พร้อมที่จะจัดการ หลินเฟิง  ผู้บ่มเพาะพลังเหล่านั้น
พยายามสร้างความมั่นใจให้กับคนอื่น ๆ แม้ว่าจะดูเหมือนว่าคำพูดเหล่านี้พูดเพื่อสร้างความ
มั่นใจให้กับตัวเองก่อนคนอื่น


หลินเฟิง เดินตรงไปยังกลุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขาอย่างช้าๆ ปราณดาบกำลังเพิ่มมากขึ้นและค่อยๆ
ทำลายความมั่นใจของผู้บ่มเพาะพลังเหล่านั้น


"ข้าไม่ต้องการสมบัติ ที่นี่แล้ว"


ในที่สุดหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ตรงกลางของฝูงชนก็ยอมแพ้เพราะเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่ง
ขอปราณ หลินเฟิง ที่กำลังปล่อยออกมา จากนั้นเขาก็หันกลับและพยายามหนี เขารู้สึกว่า
ถึงจะมีคนจำนวนมากก็ไม่สามารถเอาชนะ หลินเฟิง ได้


"ดาบสังหาร"


หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวและฟาดดาบยาวของเขา ในขณะนั้นปราณดาบสังหารได้
ละลวงไปทั่วบรรยากาศโดยรอบและสร้างคลื่นพายุที่รุนแรงพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า


"เสียงหายใจติดขัด, เสียงหายใจติดขัด,  เสียงหายใจติดขัด... .. "



คนเหล่านั้นกำลังหายใจลำบากขึ้น เมื่อเข้ามาใกล้พวกเขา หลินเฟิง ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นพวกเขา
ได้ตกอยู่ในวังวลแห่งความหวาดกลัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาแทบหยุดเคลื่อนไหวและมองไปที่
หลินเฟิง ด้วยความหวาดกลัว



ในขณะนี้ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนมองลงมาที่หน้าอกของพวกเขาและเห็นหลุมเล็ก ๆ
ที่ถูกเจาะทะลุหน้าอกของพวกเขาไป


"ทำไมกัน?"


แต่ละคนทุกคนเริ่มลบฟุบลงบนพื้นดินหลังจากนั้น แม้ในขณะที่กำลังจะตายพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจ
กับสิ่งที่เกิดขึ้น หลินเฟิง แข็งแกร่งอย่างมากแล้วทำไมเขาถึงได้โจมตีพวกเราละ?


"เพราะพวกเจ้าทุกคนสมควรได้รับความตาย"


หลินเฟิง จับดาบของเขาและหันกลับไปมองที่ขอบฟ้า ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว
 สุดท้ายโจรที่เหลือก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไป


หลินเฟิง กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นผู่บ่มเพาะพลังสิบคน
หรือร้อยคนก็ไม่มีใครสามารถหลบหนีดาบของ หลินเฟิง ได้ มีทางเดียวเท่านั้น
คืออต้องรีบวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


"นี่มันเป็นการกระทำที่โหดร้ายอะไรเช่นนี้"


ทันใดนั้นเมื่ออยู่บนยอดหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน มีเสียงดังจนได้ยินชัดเจน ผู้บ่มเพาะพลัง
สามคนกำลังกระโดดลงไปในหุบเขา


"เจ้าเป็นใครกัน?" หนึ่งในนั้นที่เหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มได้ถาม เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลา


เฉินชิง เป็นภายใน แต่ชื่อของเขาไม่ได้ถูกแกะสลักไว้ที่ถ้ำบนชื่อจัดอันดับ เขาหวาดกลัวที่จะ
ถูกฆ่าตายโดย ต้วนเทียนหลาง


โชคดีที่ เวิ่นเหลินหยาน อยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเขา หลังจากได้รับการทดสอบโดย ต้วนเทียนหลาง
เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่มีพรสวรรค์และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนิกายหยุนไห่


เวิ่นเหลินหยาน นั้นแข็งแกร่งมากและต้วนเทียนหลาง ให้ความสำคัญกับเขามากเช่นกัน ต้วนเทียนหลาง
ได้ส่ง เวิ่นเหลินหยาน ไปยังเมืองจักรพรรดิ เพื่อเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว ในขณะที่ เวิ่นเหลินหยาน
อยู่ในเมืองจักรพรรดิและทุกคนก็ให้ความเคารพเขา และมีหลายคนที่เริ่มให้ความนับถือ


เมื่อ เวิ่นเหลินหยาน ออกจากลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว เขาจะกลายเป็นคนสำคัญในแคว้น เฉินซิง ไม่กล้า
ที่จะทำให้ เวิ่นเหลินหยาน ไม่พอใจและอยากให้ เวิ่นเหลินหยาน พอใจในตัวเขา


เวิ่นเหลินหยาน มีความแข็งแกร่งมาก เขานั้นเป็นอัจฉริยะ ตั้งแต่ ต้วนเทียนหลาง ได้เริ่มดูแลของเขาแล้ว
ช่างเป็นโชคชะตาที่ดีจริงๆสำหรับ เวิ่นเหลินหยาน


"พลังของ หลินเฟิง นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เวิ่นเหลินหยาน ถ้าเขาตกลงที่จะเดินทางไปกับ ต้วนเทียนหลาง
ข้าอาจจะไม่ได้มีชีวิตรอดในตอนนี้ "


เมื่อคิดถึง เวิ่นเหลินหยาน, เฉินชิ่ง จำ หลินเฟิง ได้ว่าเขาน่ากลัวมากแค่ไหน แม้กระทั่งเมื่อ
หลินเฟิง พูดก็ช่างน่ากลัว


เมื่อหลินเฟิง เห็น เฉินชิ่ง มีประกายแสงภายใตหน้ากากนั่น ดวงตาของเขาดูโหดเหี้ยมและชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม


ช่างไร้ยางอายเสียจริง เฉินชิ่ง ได้ทรยศต่อนิกายยุนไห่และแสดงออกอย่างหยิ่งยะโสอีกครั้ง เขาได้รับปก
ป้องเช่นเดียวกับคนอื่นที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาและเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เรียนรู้บทเรียนที่ได้รับมาซะเลย
เร็วจริงๆที่เขาได้กลับมาเดินบนเส้นทางนี้



"เนื่องจากลานศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้น ต้วนเทียนหลาง นั้นยุ่งมากและไม่มีเวลามาที่นี่และดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง
ข้าอยู่ที่นี่เพื่อจัดการกับสิ่งต่างๆในนามของเขา ทุกอย่างที่นี่เป็นของข้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะเอาของจาก
ซากศพเหล่านี้ไปทำตามที่เจ้าพอใจ แต่อย่าสร้างปัญหา ... มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเหมือนสุนัขไร้ค่า "


เฉินชิ่ง กำลังตะโกนเสียงดังไปที่ หลินเฟิง เสียงของเขาดังก้องอยู่ทั่วทั้งหุบเขา เขายังคงใช้น้ำเสียงที่หยิ่ง
เหมือนกับก่อนหน้านี้ เมื่อเขาพูดกับ หลินเฟิง เสียงของเขามีเจตนาฆ่าที่ชัดเจน เฉินชิ่ง คิดว่าเขาแข็งแกร่ง
กว่าใครจากนิกายเล็ก ๆ ที่จะมาปล้น เขาคิดว่าทุกคนอยู่แทบเท้าเขาและกล้าพอที่จะมองลงไปที่ หลินเฟิง..







Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook