ตอนที่ 93 หญิงสาวในภาพลวงตา
มีเตียงที่ทำจากหินซึ่งเหมาะสมกับการฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลัง หลินเฟิง นั่งไขว้บนเตียง
และเข้าสู่สมาธิ เขาดูดซับพลังปราณที่บริสุทธิ์จากหินบริสุทธิ์เหล่านั้น อย่างไรก็ตามเขาได้ลืมตา
อย่างรวดเร็วด้วยความมึนงง
บนเส้นทางของการบ่มเพาะพลังการนั่งและทำสมาธิไม่เพียงพอที่จะก้าวไปสู่ระดับต่อไป ความรู้
ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกับการรับรู้บนเส้นทางของการบ่มเพาะพลัง
หลินเฟิง มีความรู้สึกว่าเขาได้ดูดซับพลังปราณที่บริสุทธิ์อย่างเพียงพอ เพื่อที่จะตัดผ่านชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่สาม พลังปราณนั้นมันเพียงพอที่จะควบแน่นเพื่อไปยังระดับพลังขั้นต่อไป
แต่เขาก็ยังไม่ได้ตัดผ่านมันไป เขาจะผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณขั้นต่อไปในเวลาที่เหมาะสม
"รู้สึกเหมือนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ข้าได้เดินเข้ามาในวิหาร"
หลินเฟิง พยายามกะเวลาที่เขาใช้เวลาอยู่ในวิหาร จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังทางออก
เมื่อพิจารณาความแข็งแกร่งของ หลินเฟิง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกไปแบบเดียวกับที่เขามา
ถึงเขาไม่สามารถบินได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินผ่านช่องแคบที่ยาวและแคบไปทาง
หุบเขาวายุทะมิฬ
หลินเฟิง เชื่อว่าทางเดินนี้ถูกสร้างโดยรุ่นก่อน ๆ ของนิกายหยุนไห่ เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้
บ่มเพาะพลังโบราณที่เป็นเจ้าของวิหาร ใช้เวลาอย่างมากในการขุดหินเพื่อสร้างทางเดินยาว
ให้ไปที่หุบเขาวายุมทิฬ ทำไมพวกเขาต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆ
บรรพบุรุษของนิกายหยุนไห่ สร้างสถานที่แห่งนี้เพื่อให้สมาชิกของนิกายหลบภัย พวกเขาไม่เคยคิด
ว่านิกายหยุนไห่จะไม่ได้มีโอกาสหนีจากการถูกโจมตีและพวกเขาจะถูกฆ่าทิ้งไว้เบื้องหลังจนเป็น
ทะเลเลือด
หลินเฟิง เดินมาระยะหนึ่งแล้วเมื่อเขามาถึงสุดทางเดิน เมื่อถึงจุดนั้นเนื้อที่ก็แคบจนเขาต้อง
หมอบลงเพื่อออกไป
จริงๆแล้วมันมืดมากและ หลินเฟิง ได้เห็นท้องฟ้าเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง
สว่างไสวบนท้องฟ้า อากาศที่หนาวเย็นทำให้ หลินเฟิง ก็รู้สึกเย็นในปอดและลำคอ
สถานที่แห่งนี้เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขา
"น่าแปลกใจที่นี่เป็นจุดเชื่อมต่อทางเดิน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยมาก "หลินเฟิง กล่าวด้วยความ
ชื่นชมสำหรับผู้ที่สร้างทางเดินนี้ขึ้นมา สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของหุบเขาวายุทมิฬ และดูเหมือน
ว่าไม่มีมนุษย์เคยไปที่นั่นมาก่อน สถานที่แห่งนี้ถูกครอบครองโดยสัตว์อสูร สัตว์อสูรบางส่วนของ
หุบเขาวายุทมิฬ มีขนาดใหญ่กว่าปกติดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพบทางเข้าทางเดินพวกเขา
ไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากทางเดินมีขนาดเล็กและแคบมาก
นอกเหนือจากสัตว์อสูร แม้ว่ามนุษย์จะพบทางเข้าของทางเดินใครจะเต็มใจที่จะคลานผ่านทางเดิน
ที่มืดเป็นเวลานานโดยไม่ทราบว่าจะนำไปสู่ที่ใด?
หินก้อนเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือทางเข้าของทางเดิน ตกลงมาและกลิ้งไปบนพื้น
หลินเฟิง นั่งอยู่บนก้อนหินและจ้องดวงจันทร์เต็มดวง ตาของเขาเผยให้เห็นความผิดหวัง ...
หลินเฟิง รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก
ย้อนกลับไปในสมัยนั้น เขาได้ขี่ม้าจากเมืองหยางโจวไปยังเขตนิกายหยุนไห่ ซึ่งมีทิวทัศน์อันหลาก
หลาย ได้แก่ ทะเลสาบและแม่น้ำ ย้อนกลับไปแล้วเขาไม่คิดว่านิกายหยุนไห่จะเป็นจุบเริ่มต้นทะเลสาบ
และแม่น้ำที่เต็มไปด้วย....เลือด หลินเฟิง กำลังคิดถึงเรื่องการนองเลือดและวนซ้ำไปมา
การสังหารหมู่ครั้งแล้วครั้งเล่าในหัวของเขา
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น
มันเป็นช่วงกลางคืนและมีลมแรง เสื้อคลุมของ หลินเฟิง กำลังลอยไปในสายลม แต่ หลินเฟิง
ก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนกับรูปปั้น
ในขณะนั้น ปราณของสวรรค์และโลกเริ่มมีความผันผวนอย่างแปลกประหลาด มันก็เริ่มวิ่งไปหา
หลินเฟิง อย่างรวดเร็วราวกับว่ามันกำลังเจาะเข้าไปในกระดูกและเนื้อของเขา มันเป็นเรื่อง
มหัศจรรย์และน่าสนใจในเวลาเดียวกัน
หลินเฟิง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่มองไปที่ดวงจันทร์
ด้วยความเศร้าโศกบนใบหน้าของเขา ในขณะนั้น หลินเฟิง ต้องการจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
เขาสูญเสียมากเกินไปจริงๆ
"หือ?"
หลินเฟิง เพิ่งได้นั่งบนก้อนหินเพียงครู่เดียวและเกิดอะไรขึ้นแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ
พลังงานจางๆที่บริสุทธิ์ขก็ได้ลอยอยู่ในมือของเขา มันเข้มข้นขึ้นกว่าที่ หลินเฟิง เคยเห็น
"ข้าตัดผ่านเข้าไปในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม?!"
หลินเฟิง รู้สึกงง เขาไม่คิดว่าการนั่งอยู่บนก้อนหินเพียงชั่วครู่จะทำให้เขาตัดผ่านไปจิตวิญญาณ
ขั้นที่สาม เขาเชื่อว่าน่าจะมาจากการทำสมาธิก่อนหน้านี้ แต่อาจเป็นเพราะความโชคดีก็ได้
"ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม ... รวมทั้งไพ่ทั้งหมดที่ข้าถือไว้ตอนนี้ถ้าเจอ ต้วนหาน ตอนนี้ข้า
ะสามารถเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน"
เมื่อ หลินเฟิง นึกถึง หานหมาน ในดวงตาของเขาส่งรังสีไอเย็นออกมา ต้วนหาน และพ่อของเขา
ทุกคนจะต้องตาย ... สำหรับการทำลายล้างนิกายหยุนไห่ พวกมันได้ฆ่าเพื่อนสนิทของเขา ...
"ใครจะไปกลัวพวกเจ้ากัน??" หลินเฟิง ตะโกนเสียงดังมากๆ เขาหันไปรอบ ๆ
และดวงตาคู่นั้นของเขาก็หลี่ลง
ในขณะนั้นภาพเงาได้ปรากฏตัวตรงหน้าเขา แต่ หลินเฟิง มีความรู้สึกว่ามันเป็นภาพลวงตา
มันเป็นภาพเงาที่สวยงามมาก ดวงจันทร์กำลังส่องประกายอยู่บนเงาที่ประณีตซึ่งทำให้ หลินเฟิง
เห็นรูปร่างของเธอได้ชัดเจน
ความสวยนี่มันอะไรกัน. หลินเฟิง มีความรู้สึกว่าเขากำลังฝันอยู่ เธอสวมเสื้อคลุมสีขาวบางๆ
ทุกคนที่เห็นเธอจะรู้สึกเหมือนอยากปกป้องและอยากกอดเธอ แต่มั่นใจได้ว่านี่ไม่ใช่เวทมนต์
"ช่างสมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้!"
หลินเฟิง มึนงง แม้ว่าเขาจะรู้สึกมีความมุ่งมั่นและมีจิตใจที่เข็มแข็งก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นสาวน้อย
คนนี้เขาเท่านั้นแหละ เขาประหลาดใจในความงามของผู้หญิงในโลกนี้ พวกเธอดูสวยงาม
และอ่อนโยน มากกว่าในโลกก่อนหน้านี้ของเขา หลายคนดูราวกับเทพธิดา
หลิวเฟย เป็นคนที่สวยมากและเธอแข็งแกร่งมากเช่นกัน หลินเฟิง ได้ตระหนักว่า
ความงามของโลกนี้อยู่ในระดับที่ต่างออกไป
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า หลินเฟิง ดูเหมือนภาพลวงตา เธอดูราวกับเป็นภาพวาด!
"เจ้าคือใคร? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"
หญิงสาวที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อคนนั้นกำลังเปิดปากของเธอและเสียงของเธอที่พูดออกมา
ได้ทำลายภาพลวงตานั่น เธอไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เธอดูสวยงามมากจนดูไม่ใช่เรื่องจริง
"ข้าชื่อ หลินเฟิง เจ้าหาทางมายังที่แห่งนี้ได้อย่างไร? "
หลินเฟิง มึนหนักกว่าเดิมและประหลาดใจเมื่อมองไปที่เด็กสาวคนนี้ ตอนกลางคืนในมุมที่
หุบเขาวิยุทมิฬหายไป และเด็กผู้หญิงที่งดงามคนนั้นก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนซักแห่ง
หลินเฟิง สับสนอย่างสิ้นเชิงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลินเฟิง เดินไปยัง หญิงสาวเพื่อเห็นเธอได้ชัดขึ้นและตามที่คาดไว้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
อ่อนแอ เธอดูแข็งแกร่งอย่างมาก
"หลินเฟิง ... "
หญิงสาวคนนี้เอ่ยชื่อ หลินเฟิง อีกครั้งกับตัวเองและจากนั้นก็กล่าวทันทีว่า "ข้าอยู่ที่นี่มา
ตลอด ทันใดนั้นเจ้าก็มาที่นี่และถามข้าว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ที่นี่? "
"ข้ายังไม่รู้ว่าข้าพบสถานที่นี้อย่างไร" หลินเฟิง ยักไหล่และตอบกลับ แต่ไม่น่าเชื่อว่า
เธอจะเชื่อเขา
"ถ้ามันเป็นเช่นนั้น ได้โปรดออกไป" หญิงสาวที่ให้จ้องมองด้วยความเย็นชา กล่าว
"แต่ข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหนหรือจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร" หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้ม เขารู้
เฉพาะทางเข้าของทางเดิน แต่เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนในขณะนั้นและที่ที่จะไปจากตรงนั้น
เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
"พวกเราอยู่ในหุบเขาวายุทมิฬหรือไม่" หลินเฟิง ถาม
หญิงสาวจ้องมองไปที่ หลินเฟิง เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่ามันจะเป็นหุบเขาวายุทมิฬหรือไม่
"แท้จริงแล้วนี่คือผืนแผ่นดินของหุบเขาวายุทมิฬ"
"............ " หลินเฟิง รู้สึกมึนงงอีกครั้ง นี่คือผืนแผ่นดินของหุบเขาวายุทมิฬ?
"ผู้พิทักษ์เป่ย อาจไม่เคยเดินมาที่นี่มาก่อน"
หลินเฟิง ยิ้ม ที่ด้านนอกของหุบเขาวายุทมิฬ มีสัตว์อสูร แต่ในภูเขาวายุทมิฬ มีสัตว์อสูร
ดุร้ายกว่าและพวกมันก็วิ่งอยู่ในป่าเต็มไปหมด ถ้า หลินเฟิง ต้องการออกไปจากที่นี่ก็
คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้า ผู้พิทักษ์เป่ย รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วเขาไม่มีทางทิ้ง หลินเฟิง ให้อยู่ตามลำพังในวิหารอย่าง
แน่นอนและไม่มีทางให้เขาเห็นทางเดินนี้
"เจ้าบอกว่าเจ้ายู่ที่นี่มาตลอด?"
หลินเฟิง ตระหนักถึงสิ่งที่หญิงสาวได้กล่าวมา เขามึนงง มีคนอาศัยอยู่ในภูเขาวายุทมิฬงั้นรึ?
“แท้จริง ข้าอยู่ที่นี่กับแม่ตั้งแต่ข้ายังเด็ก "
ผู้หญิงคนนี้พยักหน้าอย่างมั่นใจ
"เจ้าไม่เคยออกไปจากที่นี่รึ?" หลินเฟิง ถาม
“ไม่เคย”.
"............ ." หลินเฟิง ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี แต่เขาคิดว่าดีแล้วสำหรับผู้หญิงที่สวยงามหยด
ย้อยที่ไม่เคยออกไปข้างนอก เธอสวยมากจนทำให้เธอลำบากในทุกที่ที่เธอไป ความน่ารัก
ของเธอพอที่จะทำให้แคว้นล้มสลายได้เลย
"บางทีแม่ของเธออาจจะสวยเหมือนเธอและนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมีความสุขกับ
การอยู่อย่างโดดเดี่ยว" หลินเฟิง กล่าว
จากนั้นเขาก็ถามเธอว่า "ไม่มีสัตว์อสูรอยู่ในบริเวณนี้รึ?"
"ไม่มีไม่มีอะไรเลย" หญิงสาวคนนั้นสั่นหัวเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย
หลินเฟิง พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ต้องแปลกใจว่านางจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต ถ้าไม่มีสัตว์อสูร
ในพื้นที่แห่งนี้จะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
"เจ้าต้องการออกจากที่นี่งั้นรึ?"
หญิงสาวถาม หลินเฟิง ในขณะที่จ้องมองเขา ดวงตาของเธอเป็นประกาย
"แน่นอนข้าต้องการออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า" หลินเฟิง กล่าว
"ข้าจะช่วยให้เจ้าออกจากที่นี่และข้าจะไปกับเจ้า"
หญิงสาวกล่าว แต่คราวนี้หลินเฟิงรู้สึกแปลกใจ เธอจะพา หลินเฟิง ออกจากสถานที่นี้
ด้วยตัวเธอเอง?
ในหุบเขาวายุทมิฬ มีสัตว์อสูรที่ดุร้ายอยู่จำนวนมาก เด็กหญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็น
คนที่อ่อนแอ เธอน่าจะอายุพอๆกับ หลินเฟิง ซึ่งหมายความว่าเธออาจจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก
เธอจะเดินผ่านภูเขาวายุทมิฬได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
จิตวิญญาณของ หลินเฟิง หลอมเหลวเหมือนของปีศาจหมอกเพื่อให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น
สำหรับเขาในภูเขาวายุทมิฬ เขาสามารถปลอมตัวเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ดุร้ายและเดิน
อย่างอิสระไปรอบ ๆ ภูเขา
“เจ้าไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของข้ารึ?” หญิงสาวถามราวกับว่าเธอสามารถอ่าน
ความคิดของ หลินเฟิง ออก?
"แน่นอนข้าไม่มั่นใจ ภูเขาวายุทมิฬเต็มไปด้วยความอันตรายอย่างมาก เจ้าคิดว่ามันเป็น
เรื่องง่าย? นอกจากนี้เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยออกจากที่นี่มาก่อนเลย "
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยออกไปจากที่นี่ ข้ารู้จักภูเขาวายุทมิฬดีกว่าใคร ข้ารู้ว่าจะไปที่ไหนเพื่อ
หลีกเลี่ยงสัตว์อสูร มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้า ได้โปรดไปตามข้ามา. "
หญิงสาวคนนั้นพูดอย่างไม่แยแสและมองไปที่ หลินเฟิง
ดีกว่าใคร? เธอรู้วิธีที่จะหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรเหล่านั้น?
หลินเฟิง มึนงงอีกครั้ง เขากำลังมองอย่างสงสัยไปที่เด็กสาวที่งดงามคนนั้น ถ้าเธอหลีกเลี่ยง
ได้จริงๆ จะสามารถนำทางในภูเขาอย่างปลอดภัยแน่นอน
"เจ้าตกลงที่จะช่วยข้าและตามออกไปงั้นรึ?"หลินเฟิง ถาม
"ใช่ ข้าไม่เคยออกจากที่นี่ แต่ข้าต้องการที่จะเห็นโลกภายนอก ถ้าข้าออกจากภูเขาวายุทมิฬ
ข้าก็ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าด้วยเช่นกัน "สาวน้อยพูดอย่างตรงไปตรงมา
"ดี แล้วแม่ของเจ้า ... .. "
"เธอออกไปข้างนอก ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมา ไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก "
หลินเฟิง รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่มันยากมากที่จะอยู่คนเดียวในป่าทมิฬนั้น
กับเหล่าสัตว์ป่าอสูรที่มีพลังมหาศาลเหล่านี้
หลินเฟิง พยักหน้าและถามว่า "แล้วเราควรจะไปเมื่อไหร่?"
"ตอนนี้." เด็กสาวตอบ
"เอาละ ข้าต้องการไปที่นิกายหยุนไห่ เจ้ารู้จักหรือไม่ "หลินเฟิง กล่าวขณะที่เขาลุกขึ้นยืน
"ข้ารู้. ข้ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างในภูเขาวายุทมิฬ ... แต่ถ้าข้าออกจากภูเขาวายุทมิฬข้าไม่รู้ "
เด็กสาวตอบอย่างใสสื่อ แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนไร้เดียงสาอย่างมาก....
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น