ตอนที่ 92 ทักษะเงาแห่งความตาย
"หลินเฟิง จากวันนี้ไปเจ้าเป็นประมุขคนใหม่ของนิกายหยุนไห่"
ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึมและราบเรียบ หลินเฟิง ตัวสั่นจากหัวจรดปลายเท้า
ขณะมองไปที่ ผู้พิทักษ์เป่ย
"หลินเฟิง แม้ว่านิกายหยุนไห่จะไม่มีใครเหลือแล้วก็ตามข้าไม่ต้องการ ปล่อยให้มันหายไปตลอด
กาล นั่นเป็นความปรารถนาของ หนานกงหลิง เช่นกัน ในอนาคตถ้าเจ้ามีโอกาสข้าหวังว่าเจ้า
จะสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งและฟื้นฟูนิกายหยุนไห่ให้จงได้ "
ในขณะที่มองไปที่ริ้วรอยมากมายที่ปรากฏบนใบหน้าของชายแก่ หลินเฟิง พยักหน้าอย่างหนักแน่น
และด้วยความเคารพ
"ถ้าข้า หลินเฟิง ยังไม่ตายภายภาคหน้าข้าจะฟื้นฟูนิกายหยุนไห่"
“เอาล่ะ.”
ผู้พิทักษ์เป่ย ยิ้มและลูบไหล่ของ หลินเฟิง ด้วยมือขวา
"หลินเฟิง มีอะไรบางอย่างที่ข้าต้องบอกกับเจ้า"
"ผู้พิทักษ์เป่ย โปรดบอกข้าด้วย"
"ในอดีตพ่อของ เฟยเฟย, หลิวชางหลาน และ หนานกงหลิง เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของ
นิกายหยุนไห่ ซึ่งให้ความหวังที่ไม่รู้จบแก่ทุกคนในนิกาย ก่อนที่ หนานกงหลิง จะกลายเป็นประมุข
ของนิกายหยุนไห่ หนานกงหลิงเป็นอาจารย์สอน อันที่จริงแล้วเขาอยากจะทำให้ หลิวชางหลาน
เป็นมุข เขายังต้องการให้ลูกสาวคนเดียวของเขาแต่งงาน "
"แต่หลังจากนั้น หลิวชางหลาน ได้ตัดสินใจออกจากนิกายแล้วทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
เขาอยากให้ หนานกงหลิง เป็นประมุข แต่ หลิวชางหลาน ไม่ทราบว่าลูกสาวของประมุขได้ตกหลุมรัก
เขา เพราะเธอถูก หลิวชางหลาน ทอดทิ้ง เธอรู้สึกสิ้นหวัง ... เธอได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะการตาย
ของลูกสาวประมุข ประมุขในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ทิ้งนิกายหยุนไห่
และไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่ "
ตั้งแต่นั้นมา หนานกงหลิง ก็กลายเป็นประมุขนิกาย นอกจากนี้ หลิวชางหลาน ได้หายตัวไปอย่างสิ้น
เชิงแล้วเขาก็ไม่ได้กลับไปที่นิกายหยุนไห่อีกเลย เพื่อเป็นการขอโทษเขาได้ส่ง เฟยเฟยมาเข้าร่วมนิกาย
หยุนไห่... เขาต้องการที่จะขอโทษกับอดีตประมุขและลูกสาวของเขา และขอโทษอย่างยิ่งกับภรรยาของ
อดีตประมุข ลูกสาวที่รักของเธอเสียชีวิตและสามีของเธอได้หายตัวไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ดังนั้น
หญิงชราคนนั้นลึกๆในใจจึงมีความเกลียดชังอย่างมากกับ หลิวชางหลาน เธอกลายเป็นครูของ
เวิ่นเหลินหยาน และฝันที่ได้เห็นนักเรียนของเธอแต่งงานกับลูกสาวของ หลิวชางหลาน, เฟยเฟย
นั่นคือเหตุผลที่ เวิ่นเหลินหยาน ได้กล้าที่จะทำแบบนี้ในนิกายหยุนไห่ "
เมื่อ หลินเฟิง ได้ยินสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดหัวใจของเขากำลังสั่นไหว เขาประหลาดใจ เขาคงไม่คิดว่านิกาย
หยุนไห่มีความลับเช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม เวิ่นเหลินหยาน ถึงได้หยิ่งและกล้าที่จะบอกว่า
หลิวเฟย เป็นของเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงชราคนนั้นดูแปลกๆนั้นอธิบายได้ทุกอย่าง
"หลินเฟิง เจ้าได้ยินที่หญิงชราคนนั้นที่บอกกับข้าว่าให้ไปบอก หลิวชางหลาน ว่าเธอให้อภัยเขาหรือไม่?
เธอยังบอกด้วยว่าเธอไม่คัดค้านถ้าให้เจ้าแต่งงานกับ เฟยเฟย อย่างไรก็ตามนี่คือชีวิตส่วนตัวของเจ้า
และข้าจะช่วยเจ้าจัดการสิ่งต่างๆให้เจ้าเอง "ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วบอกเรื่องราว
ที่เก็บไว้ในใจของเขาต่อ" หลิวชางหลาน ควรอยู่ใน เมืองต้วนเหลิน ในตอนนี้ เจ้าสามารถไปหาเขาได้
เขาเป็นคนซื่อสัตย์ เขากลัวที่จะต่อสู้กับ ต้วนเทียนหลาง ถ้าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับ
หลิวชางหลาน โปรดดูแล หลิวเฟย ให้ดี "
"ผู้พิทักษ์เป่ย ระหว่าง หลิวเฟย กับข้า นั้นไม่มีอะไรจริงๆ" หลิวเฟย กล่าวขณะกำลังยิ้ม หญิงชรา
คนนั้นได้กล่าวว่า หลินเฟิง เหมาะสมกับ หลิวเฟย มากกว่า เวิ่นเหลินหยาน นั่นหมายความว่าเขา
ต้องแต่งงานกับ หลิวเฟย งั้นรึ?
"สิ่งที่หญิงชรากล่าวว่าเป็นคำแนะนำเท่านั้น เจ้าต้องบอก หลิวชางหลาน ว่า หลิวเฟย ยังอยู่ใน
นิกายหยุนไห่ ต้วนเทียนหลาง พิจารณาสถานะของ หลิวเฟย จะไม่มีทางกล้าฆ่าเธออย่างแน่นอน
แต่ถ้า หลิวชางหลาน มีพลังทดถอยลง หลายๆสิ่งจะแตกต่างออกไป ดังนั้นเจ้าต้องดูแล
หลิวเฟย ให้ดี นอกจากนี้หลิวเฟยยังเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น คุณทั้งสองเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ "
"เอาล่ะเราได้พูดคุยกันพอแล้ว วิหารเป็นของเจ้า ทำตามที่เจ้าต้องการได้ แต่อย่าลืมไปตามหา
หลิวชางหลาน "
"ผู้พิทักษ์เป่ย" พูดกำชับกับ หลินเฟิง เสียงของผู้พิทักษ์เป่ยทำให้ หลินเฟิง มีลางสังหรณ์ไม่ดี
"ในด้านนั้นมีทางออกอยู่ ... มันจะนำไปสู่หุบเขาวายุทมิฬ โปรดระวังตัวด้วย. แน่นอนว่าเจ้า
สามารถฝึกฝนในวิหารได้ เจ้าต้องรอเวลาซักหน่อยให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแล้วออกไป. ผู้พิทักษ์เป่ย
กล่าวในขณะที่เกาหูของเขา เมื่อเขาพูดเสร็จแล้วเขาก็หันกลับไปและมุ่งหน้าไปยังทางออก
"ผู้พิทักษ์เป่ย ท่าน ...... .. " การแสดงออกทางสีหน้าของ หลินเฟิง เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาวิ่งตาม
หลัง ผู้พิทักษ์เป่ย และอยากจะตะโกนและขอให้เขาอยู่ต่อ
"หลินเฟิง ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของนิกายหยุนไห่ ในขณะที่นิกายหยุนไห่ยังคงอยู่ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ แต่
ถ้ามันถูกทำลายแล้วข้าจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรโดยไม่ปกป้องมัน? "
เมื่อเขาพูดจบ ผู้พิทักษ์เป่ย ก็ออกไปแล้ว ประตูหินขนาดใหญ่เปิดเสียงดังก้อง ผู้พิทักษ์เป่ยไม่ได้
หันกลับมาและทิ้ง หลินเฟิง ไว้ตามลำพังภายในวิหาร หลินเฟิง จ้องไปที่ด้านหลังของ ผู้พิทักษ์เป่ย
ในขณะที่เขาจากไป
หลินเฟิง มีความรู้สึกราวกับฟ้าได้ผ่าลงมาในใจ เขายืนอยู่ที่นั่นขณะที่จ้องมองไปไกลๆ ขณะที่ประตู
หินปิดตัวเองลงเงาของ ผู้พิทักษ์เป่ย ก็ค่อยๆหายไป นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น ผู้พิทักษ์เป่ย
หลินเฟิง เข้าใจอย่างชัดเจนว่าวิหารนี้ไม่ได้แยกเขาออกจากอีกส่วนหนึ่งของโลก ... มันเป็นการแยก
กันทางจิตวิญญาณเช่นเดียวกับ หยินและหยาง เป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตนิรันดร์
หลินเฟิง ยืนอยู่คนเดียวที่เดิมเป็นเวลานานขณะที่จ้องมองไปไกลและในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เขาหลับตาลงและถอนหายใจอย่างเศร้าโศรกสะท้อนไปทั่ววิหาร
"ประมุขหนานกงหลิง ผู้พิทักษ์เป่ย ผู้พิทักษ์คง หญิงชรา ... เหล่าผู้อาวุที่มีเกียรติเหล่านี้ ... พวกเขาเสีย
สละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตข้าไว้ พวกเขากล้าหาญพวกเขาไปหาพวกนั่นน่ารังเกียจนั้นเพื่อปกป้องข้า ... "
"พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ... แต่ข้ายังอยู่ที่นี่ ... และข้าก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ"
หลินเฟิง ได้คุยกับตัวเอง การแสดงออกที่น่าเศร้าของเขากลายเป็นความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยศรัทธา
มันจำเป็นต้องแข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา หลินเฟิง ต้องการทำให้คนเหล่านี้ที่สละ
ชีวิตเพื่อให้เขามีโอกาสที่จะได้พบกับความสงบสุขในความตาย เขาจะทำให้คนเหล่านั้นภูมิใจแล
ะพวกเขาจะไม่ตายอย่างเปล่าประโยชน์
"นิกายเห่าเย่ว หมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง นิกายม่อเสี่ยว ตระกูลต้วน หานซือเทียน, เติ่งหวู่ชาน
ต้วนเทียนหลาง,ต้วนหาน, ม่อชางหลาน,เวิ่นเหลินหยาน"
ชื่อทั้งหมดเหล่านี้ คนทรยศทั้งหมด พวกเขาได้ถูกจารึกลงไปในความทรงจำของ หลินเฟิง เขาจะ
ไม่มีวันลืมเกี่ยวกับพวกนั้น วันหนึ่งเขาจะแก้แค้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จงได้
หลินฌฟิง หันกลับไปและเดินไปยังห้องแรกที่เขาได้เข้าไปก่อนหน้านี้
ในห้องนั้นมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่เต็มไปด้วยเทคนิคเฉพาะตัวและทักษะการต่อสู้ มันถูกแบ่งออก
เป็นส่วน ๆ ส่วนหนึ่งทุ่มเทให้กับเทคนิคความว่องไวและส่วนหนึ่งทุ่มเทให้กับทักษะการต่อสู้
"ท่วงทำนองแห่งมีด, ทักษะความว่องไวระดับต่ำของระดับดี ทำให้เกิดพลังงานบริสุทธิ์และแหลมคม
เพื่อขับเคลื่อนตัวเอง"
หลินเฟิง มองเทคนิคความว่องไว แต่ไม่เหมาะกับเขาเลย สิ่งที่ดีที่สุดคือมีจิตวิญญาณมีด เมื่อใช้เทคนิค
ความว่องไว แน่นอน หลินเฟิง นั้นอ่อนแอเกินไปในขณะนี้ที่ใช้พลังเหล่านั้น เขาไม่สามารถเรียนรู้และ
ฝึกฝนเทคนิคความว่องไวดังกล่าวได้ หลังจากได้รับความแข็งแกร่งและได้ตัดผ่านเข้าสู่ชั้นระดับซุน
เขาจะสามารถควบคุมพลังงานบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลินเฟิง วางหนังสือเล่มนั้นไว้ในชั้นวางหนังสือและตรวจสอบหนังสือทักษะการต่อสู้อีกสองเล่ม
"ทักษะใบไม้ร่วง ... เป็นทักษะระดับต่ำของระดับดี ใบไม้ออกมาจากฝ่ามือของผู้ใช้
ใบไม้เหล่านี้จะมองเห็นได้ลางๆและรวดเร็วอย่างมาก ดูเหมือนว่าพวกมันไม่มีพลัง แต่ก็สามารถเจาะเข้า
ไปในร่างกายของฝ่ายตรงข้ามได้โดยตรงทำให้เกิดความเสียหายภายใน ใบไม้เหล่านี้มีพลังอย่างมาก
และแทบจะไม่มีใครสังเกตุเห็นได้เลย "
มันดูคล้ายกับทักษะที่เหมาะกับผู้บ่มเพาะพลังที่เป็นผู้หญิง มันไม่ได้ดูแข็งแกร่ง แต่ถ้าดูถูกฝ่ายตรงข้าม
จากทักษะนี้ พวกเขาอาจจะตายในสภาพที่น่ากลัว ผู้หญิงสามารถเข้าใกล้และฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้โดยที่
ไม่มีใครเห็นการโจมตี
นอกจากนี้การโจมตีดังนี้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถป้องกันได้
หลินเฟิง วางมันลงและมองไปที่ทักษะอื่น
ทักษะเงาแห่งความตาย ... ทักษะระดับต่ำของระดับดี เหมาะสำหรับคนที่ใช้จิตวิญญาณที่มองไม่เห็น
มันถูกแบ่งออกเป็นสามการเคลื่อนไหว: หายตัวไร้เงา เงาทมิฬ และ เงาแห่งความตาย
"นี่คล้ายกับทักษะของผู้พิทักษ์คง!" หลินเฟิง กล่าว ในใจของเขาสั่นรัวในวินาทีนั้น ดูเหมือนว่า
ผู้พิทักษ์คง ได้เรียนรู้ส่วนแรกของทักษะและได้รวมทักษะนี้ไว้กับทักษะอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นทักษะ
ที่สมบูรณ์แบบสำหรับจิตวิญญาณเงาของเขา มันแข็งแกร่งอย่างมาก
มันยังไม่ดีพอ ที่ ผู้พิทักษ์คง ไม่ได้ฝึกจนถึง เงาทมิฬทะลวงวายุ มิฉะนั้นเขาอาจมองไม่เห็นจริงๆ
ในส่วนสุดท้าของทักษะนี้ ทักษะเงาแห่งความตาย เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากทำให้
ศัตรูเกือบจะไม่สามารถมองเห็นได้
"จิตวิญญาสวรรค์ช่วยให้ข้าสามารถปลดปล่อยปราณซ่อนเร้นแบบพิเศษและปีศาจมายาได้ทำให้
ฝ่ายตรงข้ามของข้าประสบกับภาพหลอน เมื่อผสมผสานกับจิตวิญญาณของข้าแล้ว
ทักษะแห่งความตายก็จะสมบูรณ์แบบ "
หัวใจของ หลินเฟิง กำลังตื่นเต้น ทักษะนั้นไม่มีข้อกำหนดเรื่องความแข็งแกร่ง ผู้บ่มเพาะพลังระดับ
ปราณก็สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ตราบเท่าที่พวกเขาทำความเข้าใจความซับซ้อนของทักษะได้
ทักษะนั้นเพียงพอที่จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมทักษะอื่น ๆ การนำทักษะเงาแห่งความตาย
มาใช้สามารถเพิ่มความสามารถอื่น ๆ ของบุคคลได้อย่างมาก
หลินเฟิง จึงมองหาทักษะอื่น ๆ เขาไม่พบทักษะอื่นใดที่เหมาะสมกับเขา จากนั้นเขาก็นำเอาทักษะ
ทั้งหมดมาวางไว้บนชั้นวางหนังสือบนหิน
นอกเหนือจาก หลินเฟิง ผู้พิทักษ์ยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ควรจะปลอดภัย
ในชั้นวางหนังสือ แต่ถ้า หลินเฟิง มีปัญหาก็อาจดีกว่าที่จะมีพวกมันอยู่ใกล้เขาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในกรณีฉุกเฉิน
หลินเฟิง เดินไปที่ห้องอื่น ๆ ที่มีอาวุธจิตวิญญาณ เขาเริ่มวางมันไว้ในหิน
มีหินที่บริสุทธิ์จำนวนมากในวิหาร หลินเฟิงได้วางมันทั้งหมดไว้บนหินลึกลับของเขา
หินมีปราณบริสุทธิ์บรรจุอยู่ เหมือนของสวรรค์และโลก ผู้บ่มเพาะพลังที่อย่างน้อยได้ตัดผ่านไปยังชั้น
จิตวิญญาณ สามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเพิ่มการบ่มเพาะพลังได้ มันเป็นของที่มีค่าอย่างมาก
หลินเฟิง จะไม่นำของที่มีค่าเหล่านี้ไปกับเขาได้อย่างไรกัน?
หลินเฟิง เดินไปรอบ ๆ ในวิหารที่กว้างใหญ่นั้นเขาเดินไม่กี่รอบและสังเกตเห็นว่าบนเสาตรงปลาย
ทั้งสองด้านของวิหาร สัตว์อสูรที่จารึกไว้ในหินนั้นเหมือนกัน
เพียงมองภาพวาดของสัตว์อสูรที่ดุร้ายเหล่านั้น หลินเฟิง จะรู้สึกถึงปราณที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าปลามังกรที่อยู่ระดับซุนเสียอีก
แต่ หลินเฟิง กังวลกับสิ่งอื่นมากกว่า มีประตูสีเขียวที่ทำจากหยกแกะสลักที่มีปราณเล็ดรอดออกมา
อย่างรุนแรง หลินเฟิง พยายามจะผลักมันก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าความแข็งแกร่งที่เขาใส่ลงไปเท่าไหร่มัน
ก็ไม่ขยับ นอกจากนี้ยังดูเหมือนจะไม่มีคันโยกซ่อนอยู่หรืออะไรที่ทำให้ประตูเปิดออกได้
"ความลับของประตูนั้นคืออะไร? บางทีคนที่สร้างวิหารนี้ได้ทิ้งคำแนะนำไว้เบื้องหลัง
มันแย่จริงๆที่ข้าไม่สามารถเปิดได้ "
หลินเฟิง ขมวดคิ้ว ผู้พิทักษ์เป่ย ไม่ได้เปิดประตู บางทีอาจจะไม่มี ผู้พิทักษ์คนใดของนิกายหยุนไห่
เคยเปิดประตูนี้มาก่อน
"ไม่เป็นไร. ถ้าข้ามีโอกาสและข้าแข็งแกร่งมากพอข้าจะกลับมาลองใหม่อีกครั้ง "
หลินเฟิงกล่าวคำไม่กี่คำเหล่านี้ในขณะที่ในที่สุดก็ยอมแพ้ไป ในประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่ ซึ่ง
ถ้าย้อนกลับไปราวพันปี ไม่มีใครเคยเปิดประตูหยกแห่งนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่ามันยากมากที่จะเปิด
และมันจะเสียเปล่ากับการอยู่ที่นี่ถ้าใช้ไปกับการพยายามเปิดมัน
วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องแข็งแกร่งมากขึ้น แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองและแข็งแกร่งพอที่จะ
ปกป้องผู้ที่อยู่ใกล้เขา
หลินเฟิง ได้ตัดผ่านเข้าไปในชั้นจิตวิญญาณที่สองซึ่งหายากมากสำหรับคนอายุเท่าเขา แต่ถ้าเขา
ต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะพลัง ซึ่งถ้าเขาได้บ่มเพาะพลังไปอีกสักสองสามปีแล้วถ้าเขาจะอยู่ในสถาน
การณ์ที่คับขันแบบไหน ไม่ว่าพรสวรค์ของคนเหล่านั้นจะเป็นยังไงก็ตาม
เขาจะต้องการกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งให้จงได้..
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น