ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 91


ตอนที่ 91 วิหารโบราณ












"พวกเจ้าไม่สามารถไปไหนได้ทั้งนั้น"
 


มีเสียงจากใครคนหนึ่งได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งอากาศด้านหลัง หลินเฟิง และ ผู้พิทักษ์เป่ย ปลามังกร
กำลังคายควันที่หนาแน่นออกมา ทันใดนั้นมันก็เปิดปากอันใหญ่นั้นขึ้นมาและสูดลมหายใจลึกๆ
แล้วได้ปล่อยลมหายใจออกมาพร้อมกับปราณที่แข็งแกร่ง
 

ในเวลาเดียวกันสิ่งลึกลับในตำนานนั้น ได้กางปีกขนาดยักษ์และบินตรงไปยัง หลินเฟิง และ ผู้พิทักษ์เป่ย
 

ปราณที่แข็งแกร่งในอากาศนั้นทำให้ หลินเฟิง และ ผู้พิทักษ์เป่ย หลบหนีได้ลำบาก
 หลินเฟิง มีความรู้สึกว่าร่างของเขากำลังถูกกลืนกินโดยสัตว์อสูรที่ไล่ล่าเขา

 
ถ้า ผู้พิทักษ์เป่ย ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หลินเฟิง จะถูกกินโดยปลามังกร
 

สัตว์อสูรในตำนวนตนนั้น เป็นสัตว์ระดับซุน มันมีพละกำลังอย่างมาก เฉพาะผู้บ่มเพ่ะพลังชั้นซุนถึง
สามารถควบคุมมันได้ ลมหายใจเดียวที่ปล่อยออกมามีพลังมหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อและ หลินเฟิง
ในขณะนั้นจะไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของลมหายใจนั่น
 

"จัดการพวกมัน!"
 

เติ่งหวู่ชาน ที่อยู่บนสัตว์อสูรในตำนานตะโกน เขาหยิบลูกโซ่สีดำออกมาและกระโดดไปที่ หลินเฟิง 
ขณะที่พยายามลอบโจมตี
 

"หายไป!"

 
มีเสียงตะโกนดังขึ้น โซ่สีดำถูกขัดขวางโดยใครบางคนและคนนั้นเป็นหญิงชรา

 
"ไป! ข้าจะฆ่าสัตว์อสูรชั่วร้ายนี้เอง! "
 

เสียงของหญิงชราคนนั้นฟังดูสงบ ผู้พิทักษ์เป่ย พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม มีเพียงสองคนที่แข็งแกร่ง
พอที่จะจับตัวเขาได้ : หนึ่งในนั้นคือชายชราคนหนึ่งที่ถือดาบขนาดใหญ่และอีกคนหนึ่งคือ เติ่งหวู่ชาน
ที่กำลังขี่สัตว์อสูรในตำนานอยู่ ทั้งสองคนนี้ถูกขัดขวางการโจมตี
 

ชายชราได้รับบาดเจ็บจาก ผู้พิทักษ์คง ดังนั้นหากพวกเขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรในตำนานได้จะไม่มี
ใครได้สัมผัสกับ หลินเฟิง
 

สิ่งที่หญิงชรานั้นกล่าวไว้ ผู้พิทักษ์เป่ย สงสัยว่านางจะไม่มีพลังมากพอที่จะฆ่าสัตว์อสูรตนนั้นได้
 

"ข้ายังคงจำข้อตกลงของเราได้ โปรดจำเอาไว้แล้วไปบอก หลิวชางหลาน, ไอ้เด็กน้อยข้าให้อภัยเจ้า
 ส่วนเรื่องงานแต่งระหว่าง เวิ่นเหลินหยาน กับ หลิวเฟย ที่กังวลอยู่ลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปซะ
หลินเฟิง นั้นคู่ควรมากกว่า "

 
หญิงชรากล่าวอย่างใจเย็น ผู้พิทักษ์เป่ย หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไป
 

"หืม เจ้าไม่ควรพูดจาโอ้อวดจนกว่าเจ้าจะฆ่าสัตว์อสูรในตำนานของข้าได้จริงๆเสียก่อน."

 
เติ่งหวู่ชาน กล่าวว่าในขณะที่ยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ทำการสั่นโซ่สีดำนั่นมากขึ้นจนทำ
ให้หญิงชราเกือบสูญเสียการทรงตัว ขณะที่เธอดูเหมือนว่ากำลังจะตกลงไปที่สัตว์อสูรในตำนาน
ที่พร้อมที่จะกลืนกินเธอทั้งตัว
 

สัตว์อสูรระดับซุนนั้นฉลาดมากดังนั้น เมื่อหญิงชราคนนั้นกล่าวว่าเธอต้องการที่จะฆ่ามัน
เธอได้รับความเกลียดชังจากสัตว์อสูร
 

"สัตว์ยังไงก็เป็นสัตว์!"

 
หญิงชราคนนั้นตะโกนอย่างเสียงดังด้วยเสียงที่เย็นชา ผมยาวของเธอลอยอยู่ในอากาศ จากนั้น
เงาของงูได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ มันดูเหมือนร่างกายของเธอเปลี่ยนเป็นงู ทันทีหลังจากนั้น
เธอก็กระโจนตัวเองตรงไปที่ปากของสัตว์อสูรในตำนานที่เปิดกว้างอยู่
 

ใช่แล้ว. เธอไม่ได้ต่อต้านและแทนที่จะเอาตัวเองเข้าในปากของสัตว์อสูรในตำนาน ในขณะนั้น
เธอได้เลือกที่จะไปอยู่ด้านข้างของมันแทน
 

เมื่อ หลินเฟิง เห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนั่น
 

"ไปกันเถอะ"ผู้พิทักษ์เป่ย พูดอย่างเฉยเมย พวกเขามองไปข้างหลังพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย
และได้บินไปด้วยความเร็วแสง
 

พวกเขาได้ยินเสียงคำรามไปทั่วท้องฟ้าจากระยะไกลขณะที่พวกเขาบินเข้าไปที่ขอบฟ้า 
หลินเฟิง ได้คาดการณ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสัตว์อสูรในตำนาน
 

จากความตึงเครียดระหว่าง หลินเฟิง และ เวิ่นเหลินหยาน  หลินเฟิง ไม่ได้เกลียดชังหญิงชรา
คนนั้นที่ได้ช่วยชีวิต เวิ่นเหลินหยาน เขาเข้าใจเธอและทำไมเธอถึงได้ช่วยศิษย์เพียงคนเดียวของ
เธอ หญิงชราไม่สนใจเรื่องการเสียหน้าเธอทำไปเพื่อช่วยชีวิตศิษย์ของเธอเท่านั้น

 
ในนิกายหยุนไห่ เธอเป็นผู้พิทักษ์ เธอพร้อมที่จะเสียสละชีวิตของเธอเพื่อนิกาย
 

หญิงชราคนนั้นน่าเกลียดจริงๆและเป็นคนที่น่ากลัว แต่ก็น่ายกย่องสรรเสริญ
 

ในขณะนั้นไม่มีใครสามารถไล่ตาม ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ทัน ปีกกระเรียนของเขาบินผ่านอากาศด้วย
ความเร็วแสงและในชั่วพริบตา พวกเขาก็ได้หายไปจากหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน
 

ผู้พิทักษ์เป่ย และ หลินเฟิง ได้หลบหนีจากนิกายหยุนไห่ไปได้อย่างมีชีวิต แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกมี
ความสุขกับการรอดชีวิตจากภัยร้ายนั่น พวกเขารู้ว่าชีวิตของพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจาก
เลือดเนื้อทั้งหมดที่ได้ไหลผ่านลงไปในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน
 

ที่หน้าผานรกนั่นไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว นอกเหนือจากทางผ่านที่นำไปสู่หน้าผาเหล่านี้แล้วความเป็น
ไปได้ที่จะผ่านเข้าไปนั่นมีเพียงทางเดียวคือการออกจากสถานที่นี้แล้วการบินไปที่นั่น
 

ในขณะนั้นภาพเงาของกระเรียนกำลังบินตรงไปยังหน้าผาจ้านกู้ และกำลังจะลงสู่พื้นที่ห้องสี่เหลี่ยม
ที่เต็มไปด้วยกลอง

 
หลินเฟิง จำสถานที่แห่งนี้ได้เขารู้สึกประหลาดใจ ที่จริงเขาสงสัย ผู้พิทักษ์เป่ย ที่ไม่ได้พาเขาออกไปไกล
จากนิกายหยุนไห่ แต่กลับพาเขาไปที่หน้าผาจ้านกู้
 

"เรากำลังจะลงไป"
 

ผู้พิทักษ์เป่ย มองไปที่หน้าผาจ้านกู้ และทันทีที่พวกเขาลงไปที่นั่น พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยหมอกหนาทึบ

 

"เจ้าจำสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่?" ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ถาม หลินเฟิง
 

หลินเฟิง ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม ผู้พิทักษ์เป่ย ถึงได้ถามเขา แต่เขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ข้าจำได้อย่างดี"
 

"ใช่แล้ว ทางผ่านสู่ทางผ่านและหน้าผาสู่หน้าผาเจ้าจะจบลงที่นี่"

 
ในขณะที่ ผู้พิทักษ์เป่ย พูดเขาได้เคาะหินสามครั้งและกำแพงหินเริ่มเคลื่อนที่และประตูได้ปรากฏขึ้น

 
หน้าผาเหล่านี้ช่างเหมือนโลกอื่นที่ต่างออกไป แต่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงามตระการตาน่าหลงไหล
 

"เข้าไปข้างใน" ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวขณะที่นำ หลินเฟิง เข้าประตู จากนั้นประตูปิดเองด้วยเสียงดังสนั่น
 

สถานที่ที่พวกเขาเข้ามาดูคล้ายกับวิหาร มันดูเหมือนวิหารโบราณที่อยู่ภายในราชวัง 
มันเต็มไปด้วยพลังปราณโบราณ
 

ที่ใจกลางของวิหารมีภาพวาดของมังกรและนกฟีนิกซ์ มีเสาหลายต้นรองรับกำแพงวิหารโบราณไว้ บนเสา
เหล่านี้มีการแกะสลักมากมายที่แสดงถึงสัตว์อสูรที่แตกต่างกันไป น่าแปลกใจที่ หลินเฟิง ไม่เคยเห็น
สัตว์อสูรมากมายเหล่านี้ เขารู้สึกตกใจที่ไม่รู้จักสัตว์อสูรจากบนเสาหินที่แกะสลัก
 

"นิกายหยุนไห่ ไม่ได้เป็นผู้สร้างและได้ก่อตัวขึ้นมาเองที่นี่จากการดูหลักฐานพวกนี้แล้ว
 มันมีอยู่จริงเพราะพวกเขาได้ค้นพบวัดนี้

 
เสียงของ ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังสะท้อนอยู่ในวิหารและเขาก็ยังคงแนะนำสถานที่นี่กับ หลินเฟิง แล้วกล่าวต่อไปว่า
"ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากในอดีตต้องเดินทางมาที่นี่เป็นประจำในสมัยโบราณเพื่อฝึกฝนการบ่มเพาะ
พลัง  แน่นอนสถานที่แห่งนี้อาจเป็นนิกายโบราณ ทักษะและเทคนิคที่มีประสิทธิภาพและลึกลับที่สุดที่เจ้า
หาได้ในหอดวงดารา ถูกนำมาจากที่นี่ ก่อนที่เราจะพบกับทักษะและเทคนิคเหล่านี้ หอดวงดาราไม่ได้มีทักษะ
ที่มีประสิทธิภาพมากนัก แต่เนื่องจากข่าวกระจายอย่างรวดเร็วและมีผู้คนจำนวนมากที่มีเจตนาร้าย สถานที่
แห่งนี้จึงจะถูกเก็บซ่อนไว้เป็นความลับจากทุกคนภายในนิกาย เฉพาะผู้พิทักษ์ของนิกายหยุนไห่ที่รู้เรื่อง
สถานที่แห่งนี้ แม้แต่ประมุขก็ไม่รู้การมีอยู่ของวิหารนี้
 

ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากในสมัยโบราณมาฝึกฝนที่นี่? แม้แต่ประมุขก็ไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้
 

หลินเฟิง รู้สึกประทับใจกับความจริงที่เขาได้ร่วงรู้ความลับนี้ น่าแปลกที่มีเพียงผู้พิทักษ์ของนิกายเท่านั้น
ที่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่

 
หลินเฟิง กำลังเฝ้ามองวิหารด้วยความสนใจของเขา มันช่างสง่างามตระการตาและพลังปราณที่ไหลเวียน
อยู่ในอากาศมีประสิทธิภาพอย่างมาก วิหารเต็มไปด้วยขุมทรัพย์ทักษะและอาวุธทุกประเภท ถึงแม้ว่าพวก
มันจะเต็มไปด้วยฝุ่นและเก่ามากๆแต่อาจมีประสิทธิภาพมากเช่นกัน
 

"หลินเฟิง, มากับข้า"

 

ผู้พิทักษ์เป่ย เริ่มเดินและนำ หลินเฟิง เข้าไปในส่วนลึกของวิหาร หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พบว่าตัวเอง
อยู่หน้าปากทางเข้าห้องเล็ก ๆ ที่ตรงกลางห้องนั้นมีงานแกะสลักบนไม้สีน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีชั้นวางหนังสือ
ที่มีหนังสือมากมาย ถึงแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น  แต่ก็มีการเรียงลำดับและจัดเรียงอย่างลงตัวซึ่งหมายความ
ว่ามีคนเพิ่งเก็บของที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้
 

"เราจะใช้ทักษะและเทคนิคทั้งหมดต่กหอดวงดารา ทั้งหมดนั้นเป็นสำเนาที่เขียนด้วยลายมือ ทักษะและเทคนิค
ต่ำสุดคือระดับซุน ทักษะและเทคนิคที่สูงที่สุดคือระดับต่ำของระดับดีขั้นที่หนึ่ง มีหนังสือที่น่าทึ่งมากมาย
 แต่หนังสือเหล่านี้ยากที่จะเรียนรู้และไม่สามารถฝึกฝนได้ แม้ผู้พิทักษ์จะพบว่าพวกเขายากที่จะทำความเข้าใจ 
การฝึกฝนของพวกมันได้แม้แต่นิดเดียวก็ช่วยให้เราสามารถโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าสามารถเลือก
ทักษะที่เหมาะสมสำหรับตัวเจ้าเองในการเรียนได้ "
 

ถ้า หลินเฟิง มาถึงที่แห่งนี้ก่อนหน้านี้เขาจะมีความสุขอย่างแน่นอน แต่ในขณะนั้นเขาไม่สามารถแสดงความรู้สึก
ของความสุขได้ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนปรากฏขึ้นในใจของเขา 
เขาไม่สามารถกำจัดภาพที่น่ากลัวเหล่านี้ได้เลย

 
"ลองไปดูห้องอื่นเถอะ"
 

ผู้พิทักษ์เป่ย ไม่ได้แสดงให้ หลินเฟิง เห็น จากนั้นเขาก็ถูกพาไปที่ห้องโบราณห้องอื่น
 

“อาวุธ.”

 
ชั้นที่สร้างมาจากหินกำลังแพร่กระจายพลังปราณที่เก่าแก่และแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งทำให้
หลินเฟิง รู้สึกสั่น
 

อาวุธเหล่านี้มีจิตวิญญาณทั้งหมด

 
อาวุธเหล่านี้มีจิตวิญญาณ พวกมันเป็นอาวุธที่ถูกปลุกจิตวิญญาณ
 

"เจ้าสามารถเรียกพวกเขาว่าอาวุธ แต่มันจะถูกต้องกว่านี้ถ้าเรียกพวกเขาว่าอาวุธวิญญาณ."
 

ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวคำอธิบายของเขาในขณะที่เสียงเขาดูเคร่งขรึม: "อาวุธเป็นคำที่ใช้ในการ
อธิบายอาวุธธรรมดา แต่อาวุธเหล่านี้มีจิตวิญญาณอยู่ พวกมันมีพลังและเป็นพิเศษ "

 
ผู้พิทักษ์เป่ย เดินไปทางดาบโบราณและคว้ามัน จากนั้นเขาก็กล่าวกับ หลินเฟิง :
 "มอบดาบที่เจ้าแบกอยู่บนหลังของเจ้ามาให้ข้า"
 

หลินเฟิง พยักหน้าและส่งมอบดาบยาวของเขาไปให้ ผู้พิทักษ์เป่ย
 

ผู้พิทักษ์เป่ย ไม่ได้ใช้ทักษะหรือเทคนิคใดๆ แต่ดาบยาวของ หลินเฟิง ก็บินไปในอากาศตรงไปยัง
ผู้พิทักษ์เป่ย และชนเข้ากับดาบเล่มอื่น ๆ
 

“แก๊ง!”

 
มีเสียงที่ชัดเจนและไพเราะสะท้อนอยู่ในห้อง ดาบได้เคลื่อนตรงเข้าไปในมือของ หลินเฟิง 
ดาบเล่มนั้นคมและดูสวยงามและส่องประกาย
 

อาวุธทั้งหมดไม่ใช่อาวุธทั่วไป พวกเขาเป็นอาวุธวิญญาณทั้งหมด ... คนโง่เขลาสามารถกลายเป็นคนร้ายได้
อย่างรวดเร็ว ... แต่การเก็บแหวนหยกเป็นความผิดอย่างร้ายแรง เราไม่เคยปล่อยให้อาวุธออกไปสู่โลก
ภายนอกได้เห็น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกๆสิ่งจะเป็นของคุณ "

 
"เป็นของข้างั้นเหรอ?!" หลินเฟิง ประหลาดใจ ผู้พิทักษ์เป่ย ยังคงมีชีวิตอยู่ 
แต่เขาให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับ หลินเฟิง!?
 

"อันที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เป็นของเจ้า" ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวอย่างเคร่งขรึมขณะพยักหน้า จากนั้น
เขาก็หยิบหินก้อนหนึ่งซึ่งถูกวางไว้ในหมู่ อาวุธทั้งหมด มันดูธรรมดา

 
"นี่เป็นหินโบราณ ภายในมันว่างเปล่า ถ้าเจ้าหยดเลือดที่ด้านบน ช่องว่างที่อยู่ภายในหินนั้น
จะเปิดกว้างสำหรับคุณ "

 
ผู้พิทักษ์เป่ย อธิบายเกี่ยวกับสิ่งนี่แล้วส่งมอบไปให้ หลินเฟิง
 

หลินเฟิง ใช้ดาบของเขาเฉือนปลายนิ้วของเขา จากนั้นเขาก็ปล่อยให้เลือดหยดลงบนก้อนหิน 
เลือดของเขาค่อยๆไหลลงมาบนก้อนหินและเกิดอะไรขึ้นแปลก ๆ

 
หินได้ส่องแสงแพรวพราว เลือดของ หลินเฟิง กลายเป็นสีแดงมากขึ้นและค่อยๆเริ่มแพร่กระจายผ่านหิน
 

ในขณะนั้นความรู้สึกและอารมณ์ของเขาเริ่มดีขึนในใจของ หลินเฟิง ถ้าหลินเฟิง และก้อนหินนั้น
ได้สร้างความเชื่อมโยงที่ไม่สามารถอธิบายได้และไม่สามารถพังทะลายการเชื่อมโยงนี้ได้
 

หลินเฟิง รู้สึกว่าความรู้สึกทั้งหมดของเขาเกี่ยวข้องกับหิน ด้านในของหินมีพื้นที่กว้างขวางมาก
และเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย
 

กลิ่นที่คุ้นเคยแปลกประหลาดบุกเข้าไปในรูจมูกของ หลินเฟิง ซึ่งทำให้เขาสั่นสะท้าน

 
"นี่มัน…?"

 
ตาของหลินเฟิง ได้ขยายและจ้องมองไปที่ ผู้พิทักษ์เป่ย
 

"เจ้ามีสิทธิ์ นี่คือปราณ ของ หนานกงหลิง เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ทุกอย่างที่เป็นของเขาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น
ของนิกายถูกเก็บไว้ในหินนั้น ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าของหินก้อนนั้นแล้ว "ผู้พิทักษ์เป่ย ประกาศอย่างเคร่งขรึม 
จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ หลินฌฟิง และกล่าวว่า "หลินเฟิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 
เจ้าเป็นประมุขของนิกายหยุนไห่คนใหม่"







Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook