ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 89


ตอนที่ 89 เพลงดาบเดียวดาย











"ทำไมเจ้าถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้?


หลิวเฟย ได้เดินเข้ามาใกล้ หลินเฟิง มากขึ้น เธอกำลังมองไปที่ ต้วนหาน ด้วยดวงตาที่แข็งทื่อ
ตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังและการดูถูก


ต้วนเทียนหลาง และลูกชายของเขาได้ทำลายนิกายหยุนไห่ ข้าจะทำให้มั่นใจว่าเจ้าสองคนที่
น่าขยะแขยง จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต


เมื่อ ต้วนหาน ได้ยิน หลิวเฟย ดูถูกเขาใบหน้าของเขาช่างดูน่าเกลียดจริงๆ ต้วนหาน คิดเสมอ
ว่า หลิวเฟย จะกลายเป็นภรรยาของเขาแต่กลับได้เห็นภรรยาในอนาคตของเขาดูถูกและปกป้อง
ชายคนอื่นที่ได้สร้างความไม่พอใจให้กับเขา


"ข้าไร้ยางอายงั้นรึ? ไอ้ขยะนี่ไม่สามารถเอาชนะข้าได้และยังว่าข้าไร้ยางอาย? "ต้วนหาน กล่าว
ในขณะที่มอง หลินเฟิง อย่างเย็นชาและกล่าวว่า" เฟยเฟย ข้าจะแสดงความแตกต่างระหว่างมัน
และข้า ว่าช่องว่างนั้นห่างไกลเพียงใด "


"ข้าอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สองและเจ้าอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สี่ เห็นได้ชัดว่าเจ้านั้นแข็งแกร่ง
มากเพียงใด แต่ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าข้าการพูดจาโอ้อวดเช่นนี้มันช่างไร้ยางอายยิ่งนัก "หลินเฟิง
ซึ่งไม่มีความเกรงกลัว ต้วนหาน ได้กล่าวดูถูกเขาจากนั้นก็กล่าวเสริมว่า : "ถ้าเจ้ามีความกล้า
มากพองั้นลองโจมตีข้ามาอีกสิ"


"หืม ข้าจะบอกให้รู้ว่าข้าไม่จำเป็นต้องขยับตัวออกไปแม้แต่น้อย ข้าแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ชนะเจ้าได้แล้ว"
ต้วนหาน ตะโกน


ต้วนหาน กำลังโกรธอย่างมากเพราะคำพูดที่ทิ่มแทงใจจาก หลินเฟิง เขายืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
ในขณะที่รอให้ หลินเฟิง เคลื่อนไหวก่อน


ดวงตาที่ดำทมิฬของ หลินเฟิง เผยให้เห็นความรู้สึกอันเล็กน้อยชั่วเสี่ยวสินาที


หลินเฟิง ได้หลับตาลงและกำลังทำสมาธิอย่างสงบ  เขารู้สึกสงบในโลกแห่งความมืด


แม้เสียงดังๆก็ไม่สามารถรบกวน หลินเฟิง ได้ในขณะนี้ ในใจของ หลินเฟิง มีเพียงโลกแห่งความมืด
ที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นและกลิ่นอายแห่งความตาย


หลินเฟิง มีความรู้สึกว่าไม่มีปราณดาบอยู่ในโลกนี้และลานประลองแห่งชีวิตที่สงบในโลกแห่งความมืดนี้


ในขณะนั้นเงาสีดำเทาเผยออกมาจากดาบของ หลินเฟิง มันค่อยๆเติมบรรยากาศโดยรอบอย่างช้าๆ
 มันดูเหมือนว่าเงาแห่งความตายที่มานั้นมาจากผู้ที่ร่วงลับไปแล้ว


ความตายที่หนาวเย็น ความตายที่มืดมิด ความตายได้มาอยู่ที่นี่แล้ว


หลินเฟิง ลืมตาและที่เต็มไปด้วยความมืดมิดที่ไม่สามารถอธิบายได้ซึ่งทำให้เขาดูโหดเหี้ยม
มากขึ้นกว่าเดิม


หลินเฟิง เริ่มเคลื่อนไหวและปราณสีดำสีเทาได้โผล่ออกมาจากดาบยาวของเขาและเริ่มตามเขาไป


ดาบของเขาดูเหมือนว่ามันสามารถทำลายล้างได้นับหมื่นอย่างภายในการโจมตีเดียว

จากนั้นเขาก็เริ่มโจมตีอีกครั้งโดยใช้ทักษะดาบสวรรค์

"เพลงดาบเดียวดาย"


พลังอำนาจที่กระจัดกระจายโดยดาบนั้นอ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้ พลังปราณไม่ได้ทำให้เกิดเสียง
แต่อย่างใดทว่าได้เจาะผ่านอากาศ ดาบครั้งนี้ช่างดูเดียวดายและเงียบงัน


ดาบที่ถือมีกลิ่นอายแห่งความตายราวกับว่า มันสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
เพื่อให้ตัวเองเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ นั้นเป็นเพลงดาบเดียวดาย


หน้าของ ต้วนหาน เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขาเข้าใจถึงอันตรายของดาบที่อยู่ในมือ
ของ หลินเฟิง เขาถูกล้อมรอบไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่มีกลิ่นอายแห่งความตายจากการต่อสู้
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตกอยู่ในความหวาดกลัว


"ทักษะกระตุ้นพลังฟ้า!"


ต้วนหาย ใช้ทักษะที่มีประสิทธิภาพสูงในระดับซุน ที่ทรงพลังอย่างมากได้กระตุ้นร่างกายของ
ต้วนหาน ขณะที่เขาเริ่มถอยหลัง


“คลืดดด ... .”


เสียงเล็กๆได้ดังขึ้น ดาบเดียวดายที่มีพลังที่จะทำลายล้างทุกสิ่ง  แม้ ต้วนหาน ทีมีทักษะ
ระดับซุนที่มีประสิทธิภาพขึ้นสูงก็ตามเมื่อได้สัมผัสพลังงานที่ปล่อยออกมาจากดาบของ
หลินเฟิง ก็ได้หายไปในทันที


"ไปให้พ้น"


ในขณะนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นทั่วทั้งบรรยากาศ พลังปราณดาบเพลงกระบี่เดียวดายได้พัง
ทะลายลงออกมาจากดาบ ร่างกายของ หลินเฟิง ได้กระเด็นเหมือนใบไม้ในสายลม แต่การ
โจมตีนั้นในที่สุดจบลงด้วย หลินเฟิง พ่นเลือดออกจากปากจำนวนมาก


ผู้ที่ทำร้ายคือ ต้วนเทียนหลาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาดูเหมือนว่า
เขาพร้อมที่จะฆ่า หลินเฟิง ทิ้งตรงนั้น


ดาบนั้นได้ผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบด้วยดาบของเขา เขาสามารถเปลี่ยนพลังงานเป็น
อย่างอื่นได้อีก


นี้เรียกว่าพลังอำนาจรวมเป็นหนึ่ง พลังอำนาจที่รวมเป็นหนึ่งเดียวช่วยให้ผู้ใช้ดาบสามารถ
เคลื่อนที่ได้ด้วยพลังของพลังอำนาจจากดาบของพวกเขา นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขา
สามารถโจมตีได้รุนแรงยิ่งขึ้นและมีพลังมากขึ้นซึ่งไม่ต้องอาศัยพลังปราณอีกต่อไป


เฉพาะอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของพวกเขาในระดับดังกล่าวได้
พวกเขาจะต้องอยู่ในชั้นจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อยเพื่อใช้พลังอำนาจรวมเป็นหนึ่งได้ อย่างไรก็
ตามพลังอำนาจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเมื่อผู้บ่มเพาะพลังได้ผ่านเข้าไปในชั้นจิตวิญญาณ
ขั้นที่ห้าหรือขั้นที่หกก่อนที่จะใช้มันได้ แน่นอนว่าจะเพิ่มพลังในการโจมตีอย่างมหาศาล


ต้วนหาน บุตรของ ต้วนเทียนหลาง เมื่อตอนที่เขาได้ตัดผ่านเข้าไปในชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม
 ได้เรียนรู้วิธีการใช้พลังอำนาจรวมเป็นหนึ่ง เขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง



ปราณดาบและพลังอำนาจดาบที่ได้ปลดปล่อยออกมาเมื่อใช้รวมกับพลังอำนาจรวม
เป็นหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พลังอำนาจรวมเป็นหนึ่งถูกควบแน่นด้วยพลังหลายครั้ง
แข็งแกร่งมากกว่าพลังอำนาจทั่วไป มีเพียงผู้เชี่ยวชาญดาบที่เป็นอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถ
เข้าใจพลังที่อยู่เบื้องลึกของพลังรวมเป็นหนึ่งได้ก่อนถึงระดับซุน

หลินเฟิงคนเดียวที่ผ่านไปถึงชั้นจิตวิญญาณที่สองได้พยายามจัดการ ต้วนหาน หลินเฟิง
เริ่มใช้พลังอำนาจรวมเป็นหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ ซึ่งเป็นเหตุ
ให้ ต้วนเทียนหลาง มีเวลาที่จะขัดจังหวะการโจมตีของเขา


ในขณะนั้น หลินเฟิง มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา แต่ดวงตาสีเข้มของเขายังเผย
ให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีความสุข


"พ่อและบุตรชายได้ต่อสู้ร่วมกันกับศิษย์เพียงคนเดียว เราไม่มีอะไรเหมือนกัน
ข้าไม่เคยทำแบบนี้ มันช่างไร้ยางอายที่สุด "


คำพูดของ หลินเฟิง นั้นคมมากจน ต้วนหาน มีความรู้สึกว่าเขาถูกแทงทะลุหัวใจ


"หุบปากแล้วไปลงนรกซะ"ต้วนหาน โกรธมากซึ่งทำให้เขาดูราวกับปีศาจ
เขาเกลียด หลินเฟิง จากก้นบึ้งของหัวใจ


"ต้วนหาน เจ้าจะไปเถียงกับคนที่ใกล้จะตายนั้นทำไม?" ต้วนเทียนหลาง กล่าวอย่างเสียงดัง
อย่างเฉยเมยและเริ่มเคลื่อนไหวมุ่งตรงไปยัง หลินเฟิง


"ต้วนเทียนหลาง, ได้โจมตีศิษย์รุ่นเยาว์เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ผู้บ่มเพาะพลังอาวุโสได้ทำลงไป
เจ้ามันเป็นคนไร้ค่า "


หนานกงหลิง และผู้อาวุโสบางคนลงมาจากฟากฟ้าและเข้าสู่ลานประลองแห่งชีวิต
และไปยืนด้านหน้า หลินเฟิง


ต้วนเทียนหลาง ก้าวไปข้างหน้า แต่เมื่อเขาเห็นบรรดาผู้อาวุโสที่มาพร้อมกับ หนานกงหลิง
เขาลังเลใจ ทันใดนั้นพลังปราณที่ทรงพลังอย่างมหาศาลเต็มไปทั่วบรรยากาศและท้องฟ้า
ดูเหมือนจะพังทะลายลงได้ภายใต้แรงกดดันนั่น


"เราจะค่อยๆฆ่าคนแก่เหล่านั้นให้หมด แต่ก่อนอื่นเราต้องฆ่า หลินเฟิง ก่อน"


ต้วนเทียนหลาง ได้พูดด้วยเสียงธรรมดาราวกับว่าเขาไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ เขาได้นำพาผู้
บ่มเพาะพลังที่โดดเด่นบางคนมาช่วยสนับสนุนเขาและไม่กลัวอำนาจของนิกายหยุนไห่
: ท่านประมุขแห่งนิกายเห่าเย่ว, ท่านประมุขแห่งหมู่บ้านหุบเขาหิมะน้ำแข็ง รวมทั้งหนึ่งในนิกาย
ม่อเสี่ยว พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ทรงพลังอย่างมาก พวกเขานำพวกผู้อาวุโสและศิษย์ของ
พวกเขามาเป็นสนับสนุน พวกเขาเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งกว่ากองกำลังของนิกายหยุนไห่


ในเวลานี้เป้าหมายของพวกเขาคือการทำลายนิกายหยุนไห่ เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของพวก
เขาไปแล้วแบ่งปันกันระหว่างพวกเขา


นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ ต้วนเทียนหลาง ได้พยายามโน้มน้าวให้บรรดาประมุขเหล่านี้เข้าร่วมกับเขา
และช่วยให้เขาได้รับศิษย์ที่โดดเด่นเพื่อส่งไปที่ลานศักดิ์สิทธิ์ของซู่วเย่ว


มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะนำไปจากนิกายหยุนไห่ : สมบัติอันน่าอัศจรรย์ ทักษะระดับสูงและ
ทักษะความเร็วเช่นเดียวกับศิษย์ที่โดดเด่นเหล่านี้


"กองทหารม้าหุ่มเกาะฉีซู่ว, ฆ่าพวกมันให้หมด."


ต้วนเทียนหลาง โบกมือของเขา ทันใดนั้น ทหารม้าหุ้มเกราฉีซู่ว เริ่มวิ่งไปทางด้านในของหุบเขา


"ต้วนเทียนหลาง, ข้าประมุขของนิกายหยุนไห่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะทำลายมัน เจ้าต้องต่อสู้กับข้า"


หนานกงหลิง เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มกำลังและปราณขนาดมหึมาซึ่งมีองค์ประกอบของ
พลังอำนาจได้ยิงตรงไปยัง ต้วนเทียนหลาง


ทำไมข้าต้องกลัว? ต้วนเทียนหลาง ยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่พูดและร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปบน
อากาศทันที


หนานกงหลิง เดินตามเขาไปในอากาศ ดาบของ ต้วนเทียนหลางเริ่มรวบรวมพลังและโจมตี
หนานกงหลิง ด้วยวิธีการลอบโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ


“ตู้มม !!”


ปลามังกรขนาดมหึมามีปีกกว้างและประมุขแห่งนิกายม่อเสี่ยว นั่งอยู่บนสุดช่างดูชั่วร้ายยิ่งนัก
สายตาของสัตว์ร้ายนั้นน่ากลัวมาก


"นี่มันปีศาจอะไรกัน."


ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณกระเรียนของเขาแล้วบินขึ้นด้วยความเร็วดุจสานฟ้าและ
กระโจนตัวเองลงไปที่ปลามังกร ทุกคนกำลังเลือกฝ่ายตรงข้ามและมีการสู้รบกันเป็นวงกว้างได้เริ่มขึ้น


มันเป็นสนามรบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดและพลัง มันเหมือนกับพายุเฮอร์ริเคนได้เคลื่อนจากที่หนึ่ง
ไปยังอีกที่หนึ่งและทิ้งซากศพไว้เบื้องหลังจากการทำลายล้าง


บนพื้นดิน ในอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน เต็มไปด้วยการต่อสู้


ในเวทีการต่อสู้ลานประลองแห่งชีวิต ได้สั่นสะเทือนอย่างมากจนดูเหมือนว่ามันกำลัง
จะพังทะลายลงภายใต้แรงกดดัน



ตาดำทมิฬคู่นั้นของ หลินเฟิง ได้มองไปรอบ ๆ ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ หลินเฟิง มีความรู้สึกว่า
ท่านประมุข ผู้พิทักษ์เป่ย และเหล่าผู้อาวุโสในนิกายกำลังต่อสู้เพื่อเขา หลินเฟิง ไม่เคยคิดเลยว่า
คนเหล่านี้จะพยายามทำลายล้างนิกายหยุนไห่ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนมากมายจะต่อสู้เพื่อเขา



ความรู้สึกที่หนาวเหน็บทำให้หัวใจของเขาเหมือนน้ำตกที่กำลังแข็งตัว หลินเฟิง รู้สึกได้ทันที
ว่านิกายหยุนไห่และผู้คนต่างกำลังต่อสู้เพื่อเขา พวกเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องตัวเขา

หนานกงหลิง, ผู้พิทักษ์เป่ย และผู้สูงอาวุโสคนอื่น ๆมีมีอำนาจอย่างมาก พวกเขาอาจมีพลัง
ที่จะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้หรือทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวจากการต่อสู้โดยทำให้ไม่มีใครอยากเสี่ยง
ชีวิตของพวกเขา ไม่มีอะไรแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีความหวังอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขา
ศิษทุกคนได้ต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อนิกายหยุนไห่


"นิกายหยุนไห่"


หลินเฟิง ได้พูดชื่อนิกายขณะที่มองไปที่แสงแดดที่กำลังสาดส่องลงมาบนแม่น้ำเลือด


"หลินเฟิง"


ในขณะนั้นเสียงแผ่กระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศ หลินเฟิงกลับมาและรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง


เขาเห็นใครบางคนที่มีหน้าตาเย็นชากำลังเดินไปยังเวทีการต่อสู้ สายตาของคนผู้นั้นดูเหมือน
ว่าเขาพร้อมที่จะฆ่า


มันเป็นม่อเสีย!


"ไอ้หนูโสโครก"



หลินเฟิงเห็นรอยยิ้มที่หนาวเย็นของ ม่อเสีย และเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นขณะที่ ม่อเสีย กำลังเดินเข้ามาหาเขา


ในสถานการณ์ที่น่าสยดสยองและสิ้นหวังนี้ ม่อเสีย ที่เป็นผู้อาวุโสไม่ได้ต่อสู้เพื่อนิกายหยุนไห่แต่อย่างใด
แต่กลับมุ่งตรงไปหา หลินเฟิง ด้วยความแค้นส่วนตัว ในสถานการณ์ที่วุ่นวายและอันตรายเช่นนี้
ม่อเสีย ได้ตัดสินใจว่าเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่า หลินเฟิง


"ทำไมเจ้าถึงได้อยากสังหารข้านัก? ปัญหาคืออะไร? มันไม่ดีกว่าเหรอที่ควรพยายามมีชีวิตตอนนี้?! "


หลินเฟิง กำลังมองไปที่ ม่อเสีย ที่กำลังเดินไปหาเขาด้วยเจตนาฆ่าฟันที่เย็นชา


"เจ้าคิดว่าไงละ ถ้าข้าจะส่งเจ้าไปให้ ต้วนเทียนหลาง เขายังต้องการสังหารข้าอีกงั้นรึ?
ในสถานการณ์เช่นนี้ข้าไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดและสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบายได้ "


ม่อเสีย มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มุมปากของเขา หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำ
พูดไร้สาระดังกล่าวออกจากปากของผู้อาวุโส มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีศิษย์คนไหนหน้าด้านไร้ยางอายไป
มากกว่า ม่อเสีย อีกแล้ว


"ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ที่หน้าด้านหน้าทนอย่างเหลือเชื่อและการที่จะสามารถยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่
ได้เห็นนิกายตัวเองถูกทำลาย "หลินเฟิง กล่าว


"ทำไมกัน? ทำไมไม่เลือกผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่และกลับเลือกผู้แพ้ที่เป็นเพียงขยะ? ผู้แพ้ในสายตาของข้า
ก็คือผู้แพ้ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ต้วนเทียนหลาง มีพลังอย่างมากและถ้าเขาต้องการที่จะทำลายนิกาย
หยุนไห่ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปขัดขวางเจตนารมณ์ของเขา ผู้ที่เสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อนิกายหยุนไห่
ตอนนี้นั้นเป็นคนโง่และไม่รู้จักยอมแพ้ "



ไม่เพียงแต่ ม่อเสีย จะโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีเท่านั้น แต่น้ำเสียงเขายังฟังดูอวดดี ดูเหมือนว่า
ไม่มีอะไรมีค่าสำหรับเขาทั้งสิ้น


"เพราะมันเป็นเช่นนั้น มาสิ ข้าจะจบชีวิตที่น่าสงสารของเจ้าซะ."


คำพูดเหล่านี้กลั่นมาจากหัวใจของ หลินเฟิง โดยตรง มันดูเหมือนจะพูดง่ายกว่าทำ
และดูเหมือนว่า หลินเฟิง พร้อมที่จะฆ่า ม่อเสีย แล้ว


ม่อเสีย ขมวดคิวและจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างสงสัย


หลังจากนั้นเพียงวินาทีเดียว ม่อเสีย มองดูผ่อนคลายลงอีกครั้งราวกับว่าเขากังวลอย่างไม่มีเหตุผล
แม้ว่า หลินเฟิง จะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฆ่า ม่อเสีย ได้


"น่าเสียดายเช่น ... ข้าจะฆ่าเจ้าเหมือนแมลงด้วยสองนิ้วของข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างช้าๆ
และเจ็บปวดทรมานถึงที่สุด "


ม่อเสีย ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณเถาวัลงูของเขาและทันใดนั้นเถาวัลได้ปรากฏขึ้นใต้เท้าของ หลินเฟิง


ม่อเสีย ได้โจมตี หลินเฟิง ด้วยการจู่โจมที่ไม่ให้ตั้งตัวแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังที่แตกต่างกันมาก หลินเฟิง
ถูกห่อหุ้มด้วยเถาวัลทันทีจากการโจมตีอย่างฉับพลัน น่าเสียดายที่ หลินเฟิง ไม่ได้พยายามที่จะต่อต้าน



ม่อเสีย ไม่ได้สังเกตว่า หลินเฟิง กำลังยิ้ม


"ดูเหมือนว่าข้าต้องยอมแพ้เสียแล้ว ไม่ต้องกังวล ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างช้าๆและเอาหัวของเจ้าเป็นรางวัล "
ม่อเสีย กล่าวในขณะที่กำลังมองอย่างโหดเหี้ยม


ในขณะนั้นมีเงากำลังปีนขึ้นไปบนร่างของ ม่อเสีย


เงานั้นไม่มีตัวตน เกือบจะมองไม่เห็นและไม่ได้มีลักษณะเหมือนสิ่งที่ควรมีอยู่ในโลกนี้


"เป็นเช่นนี้ได้ยังไง?"


ทันใดนั้น ม่อเสีย หยุดการเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง
 เขากลัวจนตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า


นั่นคือเขา!!!


ม่อเสีย ไม่มีวันลืมวันนั้นได้ เมื่อมีเงาดำนั้นได้กดทับเขาโดยสมบูรณ์


ในขณะนั้น มีเงาที่ขัดขวางไม่ให้เขาเคลื่อนไหวได้....



Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

  1. เหมือนตอนท้ายๆ จะหายไปหรือป่าวคับ เกี่ยวกับ คนชื่อม่อไรซักอย่างที่จะมาฆ่าหลินเฟิง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่หายจ้า ยังแปลไม่เสร็จแต่ไม่อยากผิดสัญญาลูกเพจตามนัดเลยลงไปก่อน ครึ่งตอน ^^

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

Facebook