ตอนที่ 87 เลือดเย็น
"ช่างซื่อสัตย์เหลือเกิน ข้ารู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของเจ้าจริงๆ"
ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้มอันเย็นชาที่มุมปากขณะที่เขาจ้องไปที่ หลินเฟิง
"เจ้าคืออัจฉริยะ. ข้ายกย่องพรสวรรค์และความสามารถในการต่อสู้ของเจ้า ข้าได้มอบโอกาสที่ดีให้
แต่เจ้าไม่อยากคว้ามันไว้ มันสำคัญมากสำหรับเจ้าที่ต้องเข้าใจว่า เพราะเจ้าเป็นอัจฉริยะเจ้านั้นจะ
ไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนคนทั่วไป การที่เจ้าปฏิเสธโอกาสนี้ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง
สั่งส่อนซักหน่อย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าและข้าจะไม่ให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไป
"ถ้าเจ้าปฏิเสธมันก็ถึงเวลาของเจ้าแล้ว"
ต้วนเทียยนหลาง ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยเจตนาในการฆ่าด้วยปราณที่แข็งแกร่งที่ได้ปลดปล่อย
ออกมาและพุ่งเป้าไปที่ หลินเฟิง
การแสดงออกของ หลินเฟิง ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเหมือนก่อนหน้าที่ที่ยังนิ่งสงบอยู่ เขาเห็นได้ชัดว่า
ต้วนเทียนหลาง กำลังหมายถึงอะไร แต่เขาได้เข้าใจถึงผลที่ตามมาของทางเลือกของเขาแล้ว การตัด
สินใจบางอย่างในชีวิตต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวังเนื่องจากอาจทำให้คนผู้นั้นตายเองได้
"ต้วนเทียนหลาง, ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแตะต้องเขา"
ในขณะนั้น หลิวเฟย ได้กระโดนอย่างรวดเน็รไปที่ด้านหน้า หลินเฟิง เพื่อป้องกันไม่ให้ ต้วนเทียนหล่าง
โจมตี หลินเฟิง เธอดูโกรธมากจากการกระทำของเขา
เธอคิดเสมอว่า หลินเฟิง เป็นคนนอกรีตที่มีเจตนาซ่อนเร้น เธอไม่เคยคิดเลยว่า หลินเฟิง ได้พูดถึงการ
กระทำและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากจะพูดออกมาในขณะที่ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เขา
ได้แสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยกล่าวมานั้นทำให้ หลิวเฟย
รู้สึกซาบซึ้ง เธอได้ค้นพบตัวตนใหม่ของคนๆนี้ที่เธอไม่เคยสังเกตเห็นมามาก่อน
หลินเฟิง เป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากเขาไม่อาจตายได้ น่าเสียดายถ้าเขาต้องตายที่นี่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ในขณะนั้นเป็นสถานการณ์สำคัญของนิกายหยุนไห่ หลิวเฟย ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อยืนหยัดปกป้อง
นิกาย เธอหวังว่าเธอจะสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดได้
"เฟยเฟย เขาจำเป็นต้องตาย"
ต้วนเทียนหลาง อธิบายอย่างจริงจัง
"ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแตะต้องเขา" หลิวเฟย กล่าวขณะที่เธอโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจ้องไปที่
ต้วนเทียนหลาง ด้วยดวงตาที่ชั่วร้าย
เฟยเฟย ทำไมเจ้าถึได้งสนใจเขามากนัก? เขามีความหมายอะไรกับเจ้า? "ลูกชายของ
ต้วนเทียนหลาง ต้วนหาน,ต้วนหาน กำลังมองไปที่ หลินเฟิง เขารู้จักจากการเผชิญหน้าครั้งก่อน
ในวันนั้นเขาได้มายังนิกายหยุนไห่กับกองทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว พวกเขาหยุดเพราะ หลิวเฟย
รู้จักกับเขา อย่างไรก็ตามเธอบอกว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ร่วมนิกายเดียวกันเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ หลิวเฟย กำลังปกป้อง หลินเฟิง ด้วยชีวิตของเธอ ต้วหาน ลำบากใจ เขาเป็น
อัจฉริยะและหวังเสมอว่า หลิวเฟย จะต้องเป็นภรรยาของเขา
"ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า" หลิวเฟย กล่าวขณะที่กำลังมองไป
ที่ ต้วนหาน อย่างขึงขัง จากนั้นเธอก็มองไปที่ทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว และถอนหายใจ :
"เจ้าควรจะฟังข้าก่อน ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีสถานะเช่นใด แม้แต่คำสั่งที่เจ้ากำลังทำตามอยู่
ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแตะต้องเขา มิฉะนั้นข้าจะบอกท่านพ่อและให้กองทัพของเขามาจัดการเจ้า"
หน้าของ ต้วนหาน ดูน่าเกลียดมากในขณะนั้น จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเย็นชา
: "เฟยเฟย, เจ้าชอบผู้ชายคนนี้งั้นรึ?"
"นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้า" หลิวเฟย กล่าวด้วยความโกรธ เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องคุยกับ ต้วนหาน
ต้วนหานมึนงง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปจากกำลังมึนงงเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ชั่วร้าย จากนั้น
เขาก็พูดด้วยน้ำเย็นชา ว่า "เอาล่ะ เอาล่ะ ... ตอนนี้มีเหตุผลพอที่จะฆ่าเขาแล้ว "
"หลินเฟิง เจ้าพูดถึงความชอบธรรมตลอดเวลา เจ้ากำลังทำอะไรหละอยู่ตอนนี้
กำลังหลบอยู่ข้างหลังผู้หญิงงั้นรึ?"
หลิน ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ... หลิวเฟย ปกป้องเขาเสมอ
หลินเฟิง ได้เดินไปอยู่หน้า หลิวเฟย แล้วจับมือและกระซิบว่า "เจ้านั้นเป็นแฟนของข้า
ข้าจะให้เจ้าปกป้องข้าได้อย่างไร?"
“หืมมม ...”
หลิวเฟย ที่ดูเหมือนกำลังอาย แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ไอ้บ้าเอ้ย เมื่อไหร่กันที่เขาได้เรียนรู้ที่จะเป็นสุภาพบุรุษแบบคนอื่นเขา?
แต่หน้าของ ต้วนหาน ก็ดูหน้าเกลียดมากขึ้นแล้วเขาตะโกนว่า "แฟนของเจ้างั้นรึ!?
อะไรที่ทำให้เจ้ามีสิทธิที่จะบอกว่า หลิวเฟย เป็นแฟนของเจ้า? หลินเฟิง เจ้ากล้ามั้ยมาสู้กับฉันสิ!
"หลินเฟิง อย่านะ!" หลิวเฟย กล่าวด้วยความกังวลใจ
หลิวเฟย ดึงแขนของ หลินเฟิง เพื่อหยุดเขา เธอรู้ดีว่า ต้วนหาน แข็งแกร่งแค่ไหน พลังของเขา
น่ากลัวยิ่งกว่า เวิ่นเหลินหยาน ดาบของเขามีพลังมากกว่าที่ หลินเฟิง เคยแสดงไว้ก่อนหน้านี้อีก
แต่ ... ตอนนี้ หลินเฟิง จะหนีได้อย่างไร? "
"เจ้าไม่กล้ารึ?" ต้วนหาน หัวเราะ
หลินเฟิง เดินไปทาง ต้วนหาน ต้วนหาน อายุประมาณสิบแปดปี แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก
แต่ก็ไม่มีทางที่ หลินเฟิง จะสามารถต่อสู้กับเขาได้
"หืมม, เอาละ" ต้วนหานพยักหน้า
เขามีความชั่วร้ายปกปิดซ่อนอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาถือดาบที่มีพลังปราณจำนวน
มาก ได้ได้ปลดปล่อยมันไปในชั้นบรรยากาศ
ดาบเล่มนี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่มันปล่อยพลังออกมาอย่างรุนแรง
ผ่านบรรยากาศ มีนค่อยๆเริ่มรวบรวมพลังงานอีกครั้ง
"พลังอำนาจดาบ"
ฝูงชนตื่นตระหนก นั่นคือพลังอำนาจดาบที่เขากำลังใช้อยู่ ต้วนหาน ซึ่งเป็นลูกชายของ
ต้วนเทียนหลาง กำลังใช้พลังอำนาจดาบเช่นเดียวกับ หลินเฟิง พลังอำนาจดาบที่เขาได้ปล่อย
ออกมาถูกตัดผ่านชั้นบรรยากาศและปกคลุมเวทีทั้งหมด พลังปราณจากดาบของเขานั้น
แข็งแกร่งกว่าของ หลินเฟิง แต่พลังอำนาจดาบของ หลินเฟิง มีพลังมากกว่าอำนาจดาบของ
ต้วนหาน
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้ชักดาบออกมาและเหมือนกับ ต้วนหานเขาปลดปล่อย
เพียงพลังอำนาจดาบของเขา
"ผู้เชียวชาญการใช้ดาบ ไม่จำเป็นต้องใช้ดาบ แค่ใช้ใจก็พอ" ต้วนหาน กล่าวว่า
ทันใดนั้น ต้วนหาน ก็ขยับมือและดูเหมือนปราณดาบของเขาแทบจะหลอมรวมกับพลังปราณ
ที่มีอยู่บนพื้นดินและในอากาศ ดาบของเขามีพลังปราณมากขึ้นราวกับว่ามันหมุนเวียนอยู่
ภายในดาบแล้วค่อยๆแพร่กระจายออกมาจากดาบของเขา
ฝูงชนต่างมึนงง มันดูเหมือนว่าพลังปราณที่บริสุทธิ์ได้ถูกปล่อยออกมาจากดาบของเขา
ต้วนหาน ทำได้อย่างไรช่างเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้?
มันต้องเป็นทักษะที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากไม่ผิดแน่
"ดาบ."
ต้วนหาน ตะโกนดังขึ้น พลังที่บริสุทธิ์ได้โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขาขณะที่กำลังเปล่งประกาย
พลังปราณดาบที่อยู่ในอากาศได้ก่อรูปร่างของดาบขึ้นและดูเหมือนว่ามันกำลังมุ่งตรงไปที่ หลินเฟิง
ในขณะนั้นทั้งปราณดาบและพลังอำนาจดาบก็ได้รวมเข้าด้วยกันและเริ่มกดทับกับร่างกายของ
หลินเฟิง
พลังจากดาบได้ผลักดันตัวเองไปยัง หลินเฟิง ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
หลินเฟิงอาจหลบได้ แต่ต้องระวังการหลบดาบที่สร้างขึ้นจากพลังงานเขามีช่องว่าง
เปิดให้โดนการโจมตีอื่น ๆ
ต้วนหาน เป็นอัจฉริยะที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบ เขาได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะดาบมากมาย
หลินเฟิง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่า ต้วนหาน เป็นผู้เชี่ยวชาญทัษะดาบ
แต่ หลินเฟิง ไม่คิดอย่างนั้นเกี่ยวกับผู้ใช้ดาบทุกคนที่เขาได้พบมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขา
จะมีจิตวิญญาณดาบก็ตาม แต่ว่า ต้วนหาน นั้นแตกต่างออกไป
"ดาบสังหาร"
เมื่อ หลินเฟิง เห็นพลังดาบทั้งหมดเขาคว้าดาบยาวและได้ปลดปล่อยพลังปราณจำนวนมากอย่าง
เหลือเชื่อเพื่อป้องกันพลังงานดาบที่กำลังใกล้เข้ามา
จำนวนพลังปราณมหาศาลอย่างเหลือเชื่อของดาบ เริ่มปกคลุมเวทีทั้งหมด อย่างไรก็ตามดูเหมือน
ว่าปราณดาบของ หลินเฟิง ไม่สามารถเทียบได้กับพลังดาบที่ ต้วนหาน ได้ปล่อยออกมาได้
"นี่มันพลังอะไรกัน!" ตาของเขาเริ่มเบิกกว้าง ในขณะนั้นเขารู้สึกได้ถึงพลังงานจากดาบที่ ต้วนหาน
ได้ปลดปล่อยออกมา ซึ่งทำให้ หลินเฟิง รู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ช่วยไม่ได้ที่เขา จะคร่ำครวญ
ขณะที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพลังอำนาจดาบที่ยังคงผลักดันไปที่ หลินเฟิง
"ตู้มม!!”
หลินเฟิง ได้ถอยกลับไปหลายก้าวและเลือดเริ่มหยดจากมุมปากของเขา เลือดสีแดง
สดไหลลงไปที่คางของเขา
เสื้อคลุมของ หลินเฟิง ขาดพะรุงพะรังและร่างของเขาได้รับบาดเจ็บ
หลิวเฟย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาวิ่งตรงไปหาและยื่นมือไปช่วยเขายืนขึ้น
"ข้าไม่เป็นไรหรอก" หลินเฟิง เฉยเมยและส่ายหน้า พลังปราณดาบทั้งหมดและพลังอำนาจดาบ
ทั้งหมดเริ่มรวมเข้าด้วยกัน อีกรูปแบบหนึ่งนั้นคือพลังงานดาบ แม้ว่า หลินเฟิง จะพ่ายแพ้เขาก็
ยังคงกล้าหาญจนวาระสุดท้าย
"นี่มันพลังอะไรกัน!"
"เขาไม่ได้แก่กว่า เวิ่นเหลินหยาน มากนัก แต่เขาแข็งแกร่งกว่ามาก!"
"นั่นเป็นอัจฉริยะอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่เชียวชาญการใช้ดาบ!"
ฝูงชนกำลังคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้เชียวชาญการใช้ดาบนั้นแข็งแกร่งเกินไป
"ตอนนี้เจ้าเห็นหรือยัง? เจ้าไม่แม้แต่จะทนต่อการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ เราไม่มีอะไรที่เหมือนกัน
เจ้าทำได้แค่ไล่ตามรอยเท้าของข้าตลอดไป. "
ต้วนหาน จ้องมองไปที่ หลินเฟิง และดูเย็นชามากขึ้น จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแล้วตะโกนว่า
"ยกธนูขึ้นซะ!"
“ห๊ะ !!!”
เสียงตะโกนดังขึ้นทั่วทั้งหุบเขาและจากนั้นกงอทหารม้าทั้งหมดที่ขี่อยู่บนม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว
ยกคันธนูขึ้น พวกเขาอยู่เต็มหน้าผาที่ด้านบนของหุบเขาสมบูรณ์
ที่พลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวได้เติมเต็มอากาศเหนือลานประลองแห่งชีวิต
"ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวและทุกคนจะยิงธนู พวกเขาจะฆ่าทุกคนด้วยเพียงคำเดียวจากข้า
เจ้าว่าไงเจ้าสามารถสู้ข้าได้งั้นรึ? "
"พวยกเจ้าลดธนูลงได้" ต้วนหาน บอกให้พวกเขาลดธนูลงและทหารม้าทั้งหมดก็ลดธนูลง
"ความแข็งแกร่งของเจ้าและความแข็งแกร่งของข้านั้นเทียบเคียงกันไม่ได้ เจ้าไม่สามารถควบ
คุมพลังอำนาจให้อยู่ในระดับเดียวกับข้าได้ อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าจะใกล้ชิดกับ หลิวเฟย
และข้าไม่สามารถทำได้เลยงั้นรึ? "
ต้วนหาน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ต้วนหาน เจ้าเป็นคนขี้ขลาดไร้ยางอาย!" หลิวเฟย ที่กำลังโกรธตะโกนใส่ ต้วนหาน
"ที่เจ้าแข็งแกร่งในตอนนี้ก็เป็นเพราะตระกูลที่เจ้านั้นได้เติบโตมาซึ่งสืบเชื้อสายมาจากตระกูล
จักรพรรดิ เจ้ามันไม่มีอะไรเลย ถ้าขาดอาจารย์และทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมนั้น ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้
กับ หลินเฟิง? นอกจากนี้ หลินเฟิง ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้และเทคนิค
ความเร็ว เจ้าไม่สังเกตว่าทักษะของเขามีพลังอำนาจสูงสุดในทักษะระดับซุนเลยรึ? เขาได้รับทุกสิ่ง
ทุกอย่างโดยอาศัยพลังของตัวเอง เจ้าไม่ละอายใจที่จะแสดงพลังที่เจ้าได้รับจากตระกูลของเจ้า
ต่อหน้า หลินเฟิง บ้างรึ? "
"สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้และพลังทั้งหมดที่เจ้ามีก็เป็นเพราะครอบครัวของเจ้าและเพราะเจ้ามีสถานะที่สูง
เจ้าไม่เคยต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเอง แล้วยังมีหน้ามาทำแบบนี้อีก? "
"เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้ ถ้าข้าใช้ทักษะเหล่านี้อย่างสมบูรณ์แบบ เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตอนนี้
ข้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน หลินเฟิง และข้าไม่มีอะไรที่เหมือนกัน
"ต้วนหาน ไม่เห็นด้วยกับ หลิวเฟย
"แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าจีปัญหาอะไร? อย่าลืมว่าเจ้าแก่กว่า หลินเฟิง เช่นกัน ในอีกสองปี
เขาจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้ามันน่าสมเพชและไร้ยางอาย "
หลิวเฟย กำลังตะโกนและทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอกำลังพูด
ถูกตัอง. ทุกอย่างที่ หลิวเฟย ได้กล่าวไว้กับ ต้วนหาน เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เนื่องจาก ต้วนหาน มาจากครอบครัวที่ทรงพลังและมีสถานะที่สูงส่งเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า
เขาจะช้กำลังอย่างไม่ถูกต้องได้ อย่างไรก็ตามเขามีพรสวรรค์มากกว่า หลินเฟิง จริงๆรึ?
ภูมิหลังของ หลินเฟิง ไม่ดีเท่า ต้วนหาน หลินเฟิง ได้พึ่งพาตัวเองเพื่อให้ได้ซึ่งพลังมา
ถ้า หลินเฟิง เปลี่ยนที่กับ ต้วนหาน เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก นอกจากนี้
หลินเฟิง ยังเด็กอยู่ เขาอายุน้อยกว่า ต้วนหาน สองปี แค่สองปีก็เพียงพอสำหรับ หลินเฟิง
ที่จะเหนือกว่า ต้วนหาน แม้จะไม่มีทรัพยากรเหมือนกันก็ตาม หลินเฟิง นั้นมีความสามารถ
มากกว่า ต้วนหาน
"ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ตามความแข็งแกร่งก็คือความแข็งแกร่ง ความอ่อนแอก็คือความอ่อนแอ
วันนี้เขาต้องตาย "ต้วนหาน กล่าว
"เอาล่ะเราไม่ต้องการให้เจ้ามีส่วนร่วม เฟยเฟย ในไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะกลายเป็นสมาชิกใน
ครอบครัวของข้าเพื่อมายืนข้างๆข้าคนนี้ "
ต้วนเทียนหลาง ได้กล่าวว่าขณะมองไปที่ หลิวเฟย ดูเหมือนว่าเขาเชื่อว่า
หลิวเฟย จะได้เป็นภรรยาของลูกชายของเขา
"เจ้าฝันไปเถอะ! ข้า หลิวเฟย ไม่เคยอยากเป็นสมาชิกในครอบครัวของเจ้า! "
หลิวเฟย ตะโกนด้วยความรังเกียจ
"หืมม หลิวเฟย ไม่ไสมควรพูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าข้า นั่นเป็นความผิดใหญ่หลวงยิ่งนัก
อย่าลืมว่าตระกูลต้วนยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลจักรพรรดิ "
ต้วนเทียนหลาง ขยับแขนขึ้น ทันใดนั้น ทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่วของพวกเขาทุกนาย
ได้ยกคันธนูขึ้นแล้วเล็งลงมาที่ฝูงชนอีกครั้ง....
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น