ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 120


ตอนที่ 120 ความยุติธรรม?











บรรดาผู้ที่แสดงความยินดีและให้ของขวัญเป็นขุนนางในเมืองจักรพรรดิ ฝูงชนเข้าใจว่า
คนที่มาจากการสร้างลานศักดิ์สิทธิ์เป็นคนของตระกูลจักรพรรดิ


ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงคนที่เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังอำนาจอย่างมาก


บรรดาผู้ที่มอบของขวัญนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปทางฝูงชน ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้ม
ขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจของเขาในแบบที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ทุกคนรู้ว่าขั้นตอนต่อไปคือการรับสมัครลูกศิษย์ใหม่เข้าลานศักดิ์สิทธิ์


แต่ในขณะนั้นพลังปราณที่แข็งแกร่งได้โผล่ขึ้นไปทั่วทั้งบรรยากาศ ทุกคนมีความรู้สึกว่าบนหัวของ
พวกเขาจู่ ๆ ก็อยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักซึ่งทำให้พวกเขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า


“ลูกธนู”


ทันใดนั้นได้ร่วงหล่นมาจากบนท้องฟ้าเหมือนดาวตกที่มีวงโคจรที่มีรูปร่างโค้งที่สวยงามและสมบูรณ์
แบบทะลุผ่านอากาศด้วยความเร็วเต็มรูปแบบตรงไปยัง ต้วนเทียนหลาง บนเวที


"เกิดอะไรขึ้น?" ผู้คนตะโกนด้วยความตื่นตระหนก มีคนจู่โจม ต้วนเทียนหลาง ด้วยลูกธนูในวันที่
พิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ ชั่งโหดเหี่ยมยิ่งนัก!


ต้วนเทียนหลาง รู้สึกประหลาดใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยการแสดง
ออกอย่างหนาวเย็นและชั่วร้าย


"แตกกระจาย!" ปราณดาบที่ทรงพลังและความแข็งแกร่ง ได้แผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศและสกัด
การโจมตีของลูกธนูและทำให้มันร่วงลงบนพื้น ในเวลาเดียวกันเสียงดังก้องเขย่าหูของทุกคนและ
พื้นดินเริ่มสั่นไหว


"หลิวชางหลาน ขอแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์" เสียงดังซึ่งทำให้ฝูงชนมึนงง


หลิวชางหลาน, ที่รู้จักกันในนาม ลูกศรศักดิ์ศิทธิ์หลิวชางหลาน, เขามาและโจมตี ต้วนเทียนหลาง!


กองทหารม้าฉีซู่วขอแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์


เหตุผลที่เสียงดังก้องและพื้นสั่นสะเทือนก็เปิดเผยให้เห็น ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา พลังปราณจาก
กองทหารม้าหุ้มเกราฉีซู่วได้ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ ฝูงชนทั้งหมดอาจรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่กำลัง
เพิ่มมากขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


"นั่นมันอะไรกัน? นี่มันอะไรเกิดขึ้น? " ความรู้สึกของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นพายุ
ลูกธนูก็เต็มท้องฟ้าเหนือฝูงชน ฉากนี้ดูสวยงามมาก


ทุกคนตะลึง ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจ้องมองที่ลูกธนูทั้งหมดที่สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าเต็ม
ไปด้วยลูกธนูจำนวนมากมายเหมือนพวกมันกำลังทะลุผ่านดวงอาทิตย์มา


หลิวชางหลาน มาแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วงั้นรึ?


"กล้าดียังไง!" ต้วนเทียนหลาง ตะโกนด้วยความโกรธ ด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย ทันใดนั้น ต้วนเทียนหลาง
ได้กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่ถือดาบซึ่งเปล่งประกายสว่างไสว


ในเวลาเดียวกันนั้นหลายคนก็กระโดดขึ้นไปในอากาศและปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งและโจมตี
ลูกธนูบนท้องฟ้า


ลูกธนูจำนวนมากได้ร่วงลงมาในขณะนั้นและคนในฝูงชนต่างหลบหนีกันวุ่นวาย เพื่อหลีกเลี่ยง
ลูกธนูนั่น


ทหารม้าหุ้มเกราะ ได้เดินทางมาถึงและกระจายฝูงชนออกได้อย่างรวดเร็ว ลมที่รุนแรงได้พัดเข้า
ล้อมรอบพวกเขา


ผู้นำของพวกเขาได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน เขามีผมสีขาวราวกับหิมะ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อ
เหลาและด้วยเสื้อผ้าอาภรที่ดูสวยงามและสะอาด


"นั่นคือ หลินชางหลาน! ผมของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวได้อย่างไร "บางคนกล่าวว่าในขณะที่
มอง หลิวชางหลาน เป็นไปได้ไหมที่เขามาร่วมพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างปัญหา?


กองทหารม้า ได้หยุดลงแล้ว มีจำนวนคนประมาณสองร้อยคน แต่ละคนและทุกๆคนดูมีราศีและ
น่าเกรงขาม พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนผู้นำที่พร้อมจะทำสงคราม


"หลิวชางหลาน, เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?" ต้วนเทียนหลาง พูดขณะที่ หลิวชางหลาน
ที่นั่งบนอยู่บนม้าหุ้มเกราะฉีซู่วของเขา


"ข้ามาในนามของผู้พิพากษา" หลิวชางหลาน กล่าวอย่างใจเย็นและสงบนิ่ง


ความยุติธรรม? ต้วนเทียนหลาง กล่าวแล้วยิ้มอย่างเย็นชา "วันนี้เป็นวันเปิดลานศักดิ์สิทธิ์
เป็นการเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของแคว้น ... และเจ้ากล้าพูดถึงความยุติธรรม
เจ้าหมายความว่ายังไง"



"ข้าได้รับใช้แคว้นของเราเป็นเวลาอย่างน้อยยี่สิบปี ข้าได้ต่อสู้ในสนามรบมามากมายและข้า
ไม่เคยบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว จากนั้นข้าก็ส่งลูกสาวของตัวเองไปทั่วทุกมุมของแคว้น
เพื่อหาศิษย์ที่โดดเด่นที่สามารถเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว และกลายเป็นเสาหลักของแคว้น
ของเรา "หลิวชางหลาน กล่าวขณะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผมยาวสีขาวของเขาปลิวไสว


"ข้าอุทิศชีวิตให้กับแคว้น ข้าเป็นผู้บัญชาการกองทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว ... และเจ้า ต้วนเทียนหลาง
ขอให้ข้าช่วยกองทัพให้ จากนั้นเจ้าได้รวมตัวกับนิกายอื่น ๆ และใช้ทหารม้าของข้า ไปทำลาย
นิกายหยุนไห่ ซึ่งเป็นนิกายที่ทำให้ข้ากลายเป็นข้าในทุกวันนี้ ... นิกายที่ฝึกฝนข้าและห่วงใยข้า
ในวันที่เจ้ากำจัดพวกเขาทุกคนและปล่อยให้เกิดการนองเลือดขึ้นเบื้องหลังก็คือเจ้า ... แล้วเจ้า
กล้าบอกว่าเจ้าไม่รู้ว่าข้าหมายถึงอะไรเกี่ยวกับ "ความยุติธรรม"ที่ข้าเอ่ย  หลิวชางหลาน กล่าว
ขณะที่หันหน้าไปทาง ต้วนเทียนหลาง อย่างช้าๆ คำพูดของ หลิวชาหลาน เฉียบคมและเย็นชา


เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของ หลิวชางหลาน พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างหดหู่ ตระกูลจักรพรรดิ
ช่างเหี้ยมโหดจริงๆ!


หลิวชางหลาน เป็นยอดคน เขาเป็นดั่งวีรบุรุษของแคว้นและน่าแปลกใจที่ ตระกูลจักรพรรดิได้
สั่งให้เขาทำลายนิกายของเขาเอง นั่นคือนิกายหยุนไห่!


ไม่มีใครคิดว่า ต้วนเทียนหลาง สามารถทำสิ่งนั้นได้


"นิกายหยุนไห่ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลจักรพรรดิและปฏิเสธที่จะส่งลูกศิษย์บางส่วนไปที่ลาน
ศักดิ์สิทธิ์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดิ ดังนั้นการทำลายนิกายหยุนไห่ จึง
เป็นการลงโทษเในฐานะที่ต่อต้าน นอกจากนี้ในวันนี้เจ้ายังกล้าเข้ามาในเมืองจักรพรรดิ กับ
ทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่ว และเป็นเหตุให้เกิดปัญหาในพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์  นี่เป็นความผิดร้ายแรง "
ต้วนเทียนหลาง กล่าวขณะที่เหลือบไปมอง หลิวชางหลาน อย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวด้วย
เสียงที่เย็นชาแบบเดียวกันอีกว่า : "นอกจากนี้ การนำกองทหารม้าหุ้มเกราะฉีซู่วมาเพื่อต่อต้าน
ตระกูลจักรพรรดิเป็นอาชญากรรมร้ายแรงพวกเจ้าเป็นกบฏ"


"เป็นกบฎต่อตระกูลจักรพรรดิ?" ฝูงชนก็มึนงง ต้วนเทียนหลาง กล่าวโทษ หลิวชางหลาน ว่า
เป็นกบฏ อย่างไรก็ตาม ต้วนเทียนหลาง และคนที่ใกล้ชิดกับเขาดูสงบนิ่งและดูเหมือนจะไม่ได้
เดือดร้อนอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น


"ดังนั้นการขอความยุติธรรมเป็นอาชญากรรมสินะ ข้ารู้. ข้า หลิวชางหลาน มีจิตสำนึกที่ชัดเจน
และไม่ละอายเมื่อพูดถึงตระกูลจักรพรรดิ แต่ข้ารู้สึกละอายต่อนิกายของข้าเพราะพี่น้องของ
ข้าได้เสียชีวิตไปแล้ว "


"พวกเราพร้อมตายไปกับท่านแม่ทัพ!" กองทหารม้าหุ้มเกราะตะโกนอย่างพร้อมเพรียง พวกเขา
ได้พร้อมใจกันทำตามแม่ทัพพวกเขา พวกเขากล้าหาญและพร้อมตายอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด


เมื่อฝูงชนได้ยินเสียงกองทหารที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอันชอบธรรมและแสดงความจงรัก
ภักดีต่อพลพรรคของพวกเขา ฉากเบื้องหน้านี้ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก


"ทำไมต้องเอาชีวิตไปทิ้งเช่นนี้?"เวิ่นห่าวฉี ที่อยู่ท่ามกลางของฝูงชนกล่าว ดวงตาของเขาเต็ม
ไปด้วยความเศร้าโศก เขามองด้วยความผิดหวัง


หลินเฟิง ที่กำลังยืนอยู่ติดกับ เวิ่นห่าวฉี ที่อยู่ภายใต้หน้ากากทองแดงดวงตาของเขาเป็นประกาย


หลิวชางหลาน ได้เดินทางมายังเมืองจักรพรรดิกับทหารม้าหุ้มเกราะของเขามาเพื่อต่อสู้เพื่อ
ความยุติธรรม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถตายได้ทุกเมื่อ


หลิวชางหลาน ได้หายใจลึกๆและเต็มไปด้วยความอ้างว้างและเหลือบมองสมาชิกทุกคนในกองทหาร


"เนื่องจากมันเป็นเช่นนี้ วันนี้จะเป็นศึกครั้งสุดท้ายของพวกเรา แย่ตรงที่พวกเราอยู่ในจัตุรัสใน
เมืองจักรพรรดิและไม่ได้เป็นสนามรบ "หลิวชางหลาน กล่าวขณะคว้าธนู จากนั้นเขาก็วางลูกธนูไว้
ในนั้นและเล็งไปที่ ต้วนเทียนหลาง อย่างไรก็ตาม ต้วนเทียนหลาง ดูใจเย็นและสงบ เขามีรอยยิ้ม
ที่ชั่วร้ายอยู่ตรงมุมปาก


ในเวลาเดียวกันผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งหลายคนเดินไปยังฝั่ง ต้วนเทียนหลาง ในเวลานั้นและ
ปลดปล่อยพลังปราณที่รุนแรงซึ่งดูเหมือนจะทำให้บรรยากาศแย่ลง


สถานการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว สงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น


"ช้าก่อน ช้าก่อน!" มีใครบางคนในฝูงชนได้ตะโกน  ทันทีหลังจากนั้นเงาหนึ่งเริ่มเดินออกมาจากฝูงชน


คนนั้นสวมหน้ากากทองแดง ซึ่งไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกของพวกเขาได้


หลิวชางหลาน ได้เหลือบมองเขาและขณะที่เขากำลังจะโจมตีและเมื่อเขาจำได้ว่า หน้ากากทองแดง
นั้นเป็นใคร เขาถึงกับตกตะลึง เขาได้วางธนูลง


"เป็นเขานั่นเอง!"


หลินเฟิง ได้ช่วย หลิวชางหลาน จากการทำลายการบ่มเพาะพลังตัวเขาเองในนิกายหยุนไห่ ตอนนั้น
เขาก็เข้าใจว่าคนที่สวมหน้ากากทองแดงเป็น หลินเฟิง ดังนั้นเขาถึงจำได้


ทั้งนิกายหยุนไห่ ได้เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องและช่วยชีวิต หลินเฟิง ไว้


"นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า ไปให้พ้น "หลิวชางหลาน กล่าวอย่างเย็นชา


ราวกับว่า หลินเฟิง ไม่ได้ยิน หลิวชางหลาน เขาดูใจเย็นและส่ายหัวแล้วพูดว่า : "ท่านแม่ทัพ อะไรที่
ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป  เราไม่สามารถพาพวกเขากลับมาได้  ทำไมต้องกระวนกระวายใจ
และมายังเมืองจักรพรรดิด้วยเล่า? "



"เพื่อความยุติธรรม" หลิวชางหลาน ตอบ  เขาไม่คิดว่า หลินเฟิง จะปรากฏตัวขึ้นและเริ่มพูด
หลิวชางหลาน เริ่มกระวนกระวายใจกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้


“ความยุติธรรม? แต่สิ่งที่เป็นความยุติธรรมสำหรับท่านแม่ทัพ ในสายตาของผู้อื่น  ถือว่าเป็นการ
ฆ่าตัวตาย ท่านก็เหมือนแม่ทัพที่ต้องการจะตายไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถ้าความยุติธรรมคือสิ่งที่ท่าน
คิด ข้าว่ามันช่างไร้ค่าจริงๆ” หลินเฟิง ตอบขณะที่ส่ายหัวของเขา เขาเริ่มก้าวไปทาง
หลิวชางหลาน หลินเฟิง ยืนอยู่ข้างๆเขาและเหลือบไปมอง ต้วนเทียนหลาง


“ต้วนเทียนหลาง วันนี้คือการเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? "


ต้วนเทียนหลาง ไม่คิดว่า หลินเฟิง จะปรากฏตัวในวันนี้ เมื่อพิจารณาแล้วมันเป็นวันที่เขาได้เปิด
ลานศักดิ์สิทธิ์เขาจะต้องจัดการอย่างขาวสะอาดและถูกต้อง ดังนั้นเขาไม่สามารถปฏิเสธได้
และกล่าวว่า : "ว่ามา."


“ลานศักดิ์ซู่วเย่ว ทำไมถึงเรียกว่า ‘ลานศักดิ์สิทธิ์ล่ะ’?”


"เพราะเราต้องการให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ สถานที่ที่คนมีคุณธรรมมาเพื่อเป็นผู้บ่มเพาะ
พลังที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์ก็ควรมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ด้วย "
ต้วนเทียนหลาง ตอบ


"หืม ข้าเห็นด้วย" หลินเฟิง กล่าวพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฝูงชนและกล่าวว่า "
ท่ามกลางผู้คน คนที่มาจากนิกายเฮ่าเย่ว หมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง รวมทั้งผู้คนจากนิกายหยุนไห่
ที่พวกเจ้าได้ทำลายไป ตอนนี้เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าต้องการให้คนเหล่านี้เป็นกบฏต่อนิกายของตัวเอง
เพื่อเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว เพื่อความบริสุทธิ์และคุณธรรม ใช่มั้ย? "เมื่อ หลินเฟิง พูดจบ
ความเงียบได้ปกคลุมทั่วลานศักดิ์สิทธิ์  ต้วนเทียนหลาง ถึงกับตะลึง


ก่อนหน้านี้เจ้าใช้คำว่า "กบฎ"  แต่ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ที่ติดตามเจ้าหลังจากที่เจ้าทำลายนิกาย
ของพวกเขา พวกเขาไม่ใช่กลุ่มกบฏของนิกายหยุนไห่ด้วยงั้นรึ? แต่ก็ไม่เป็น สำหรับความคิดของ
เจ้า พวกกบฏเหล่านี้ถือว่าบริสุทธิ์และน่านับถือเพราะเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว นั่นมันขัดแย้ง
กันยิ่งนัก "หลินเฟิง กล่าวไปที่ ต้วนเทียนหลาง ที่ยังคงเงียบอยู่ ต้วนเทียนหลาง ได้เปิดปาก
แต่กลับไม่มีคำพูดออกมา คำพูดที่รุนแรงของ หลินเฟิง ทำให้เขาไม่พูด...









Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook