ตอนที่ 119 การชุมนุม
"ดูเหมือนว่าลานศักดิ์สิทธิ์จะดึงดูดผู้บ่มเพาะพลังจำนวนมากยิ่งกว่าสถาบันสำนักสวรรค์"
หลินเฟิง กำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมหน้ากากทองแดงเพื่อปกปิดตัวตนของเขา
เมิ้งชิง และคนอื่น ๆ กำลังยืนอยู่ถัดไปข้างๆ หลินเฟิง เวิ่นห่าวฉี และหยวนชาน ก็ได้ติดตาม
กลุ่มนี้มาด้วย พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าลานศักดิ์สิทธิ์ของเป็นอย่างไรด้วยตาของตัวเอง
จิ้งหยุน กำลังมองไปที่หน้ากากทองเแดงของ หลินเฟิง หัวใจเธอกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาอาจจะมีเหตุผลดีๆที่สวมหน้ากากทองแดง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้จักเขา
มันเป็นการเตือนเธอว่า เธอยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในระหว่างการทำลายนิกายหยุนไห่
แสงแดดได้ผ่านเมฆที่อยู่ในท้องฟ้าและส่องลงบนฝูงชน ทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายนี่เป็นวันที่ดี
สำหรับพิธี
"ดูนั่นสิ พวกเขาออกมาแล้ว ดูน่าเกรงขามจริงๆ! "ผู้คนจำนวนมากในฝูงชนคนหนึ่งเห็นได้ชัดว่า
เมื่อพวกเขาเห็นร่างอันงดงามเยี่ยงวีรบุรุษได้เดินผ่านไปใต้ประตูใหญ่โตของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว
พวกเขาดสวมเสื้อคลุมสีขาวอันงดงาม คำสองคำบนเสื้อคลุมของพวกเขา: "ลานศักดิ์สิทธิ์"
ตัวอักษรดูหรูหราและโดดเด่น เสื้อคลุมของพวกเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาพร้อมที่จะทำศึกใน
ช่วงเวลาใดก็ตาม มีหลายร้อยคนที่สวมชุดเดียวกันทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะพลัง
ที่อายุยังน้อยมาก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินผ่านลานประตูและเดินไปที่จัตุรัสสาธารณะ
อันกว้างใหญ่ ภายในจัตุรัสสาธารณะมีเวทีขนาดใหญ่ที่พวกเขาทั้งหมดจะปีนขึ้นไป จากนั้นพวก
เขาก็มองไปที่ฝูงชนในลักษณะที่เย็นชาและพวกเขาทุกคนก็ดูมีความหยิ่งอย่างมากบนใบหน้า
คนเหล่านี้เป็นพวกแรกที่ได้รับเลือกให้เรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามาจากทั่วทุกมุมของแคว้น
มายังสถานที่แห่งนี้ ในขณะนั้นพวกเขากำลังยืนอยู่บนเวทีอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าคนนับล้าน
ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจอย่างมาก
หลินเฟิง มองพวกเขาผ่านหน้ากากทองเหลือง หัวใจของเขาหนาวขึ้นและเย็นลงจนแทบจะเป็น
น้ำแข็ง ในหมู่คนเหล่านี้เขารู้จักอยู่หลายคน
"หลิงหูเหอชาน ... ถูฟู่ ... เหวินเหลินหยาน ... " คนเหล่านี้เคยโดดเด่นอย่างมากในนิกายหยุนไห่ ...
พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นและมีความสำคัญต่อความมั่งคั่งของนิกาย เมื่อ
นิกายหยุนไห่ ถูกทำลายพวกเขาได้ทรยศต่อนิกายและได้ไปยืนข้างเดียวกับ ต้วนเทียนหลาง ...
และในขณะนี้พวกเขายืนอยู่บนเวทีและดูมีความสุขดี
นอกเหนือจากสามคนนี้ หลินเฟิง ได้รู้จักผู้อื่นจากนิกายหยุนไห่ พวกเขาเป็นศิษย์ที่ได้รับการ
จัดอันดับทั้งหมดซึ่งได้ยอมรับข้อเสนอของ ต้วนเทียนหลาง อย่างดี
ไม่ได้มีเพียงแต่ศิษย์ของนิกายหยุนไห่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีศิษย์จากนิกายอื่น ๆ อีกด้วย เขาสัง
เกตเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขา หลินเซียน จากนิกายเฮ่าเย่และ หลินหง จากหมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า หลินเล่ย มองไปที่ หลินเซียน และ หลินหง พวกเขาเป็นนักเรียนของลานศักดิ์สิทธิ์
อนาคตของพวกเขาจะสดใสและยอดเยี่ยม เราจะกลายเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจว
และทำลายทุกตระกูลเล็กๆได้ในเวลาไม่นาน "
หลินต้าเถา เป็นลุงของ หลินเฟิง น่าตกใจที่เขาอยู่ที่นั่นและพูดถึงเรื่องดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงคน
รอบข้าง เขาถูกล้อมรอบไปด้วยสมาชิกของตระกูลหลิน หลินเล่ย อยู่ที่นั่นด้วย
“แท้จริงแล้ว ข้าคิดว่า หลินเซียน และ หลินหง นั่นวางใจพวกเขาได้ แน่นอนพวกเขาจะกลายเป็น
เสาหลักที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลินของเราในอนาคต "หลินเล่น ยิ้มตอบ เขาสุภาพมากกับ
หลินต้าเถา วันนี้ หลินต้าเถา ได้พึ่งพาลูก ๆ สองคนเพื่อทำให้สถานะของเขาสูงขึ้น สูงกว่าที่
ผ่านมาเพื่ออิทธิพลของเขาจะได้เพิ่มมากขึ้น
"ปัญหาก็คือ น่าหลานเซียน น่าหลานเฟิง ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี น่าหลานเฟิงกำลังเรียน
อยู่ที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว "หลินต้าเถา กล่าวในขณะที่มองไปที่ฝูงชน เขาสังเกตเห็นหลาย ๆ คน
จากเมืองหยางโจวรวมทั้งตระกูลน่าหลาน
"ไม่จำเป็นต้อสนใจพวกเขา ตระกูลหลินของเรามีลูกศิษย์สองคนซึ่งปัจจุบันเป็นนักเรียนที่ลาน
ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ หลินเซียน ยังแข็งแกร่งมากและจิตวิญญาณของเธอมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
น่าหลานเฟิง ไม่สามารถแข่งขันกับเธอได้ "หลินเล่ย กล่าวอย่างเย็นชา แน่นอน หลินต้าเถา
ได้ยินคำเหล่านี้รอยยิ้มอันยิ้มกว้างใหญ่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ในขณะนั้น หลินเฟิง ยืนอยู่ข้างหลังตระกูลหลินและมองเห็นภาพเงาของพวกเขา ดูเหมือนว่า
พวกเขารีบวิ่งออกมาจากเมืองหยางโจวเพื่อมายังเมืองจักรพรรดิ
ตระกูลหลินทั้งหมดคิดว่าลานศักดิ์สิทธิ์ ให้นักเรียนมีสถานะทางสังคมสูงอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่
พวกเขาไม่รู้ก็คือบางคนที่มีอยู่ในตระกูลหลินได้ปฏิเสธที่จะเรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายัง
ไม่รู้ว่าทั้งนิกายหยุนไห่ ได้เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเขาไว้และนั่นคือคนที่พวกเขาไล่ออกจาก
ตระกูลของพวกเขา
“ฮ่า ๆ วันนี้มีคนมาเยี่ยมชมการเปิดของลานศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้า "
เสียงดังออกมาจากที่ระยะไกล ภาพเงาสองร่างได้กระโดดขึ้นไปบนเวที พวกเขาคือ
ต้วนเทียนหลาง และ ต้วนหาน ซึ่งทั้งสองคนยังมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
"มันดูข่าวลือไม่ได้ไร้เหตุผล แท้จริงแล้ว ต้วนเทียนหลาง เป็นผู้สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว "
บางคนในฝูงชนคิด ในอดีตเมื่อผู้คนไม่รู้ว่าใครมีเจตนาสร้างสถานที่ดังกล่าวขึ้นบางคน
คิดว่าผู้สร้างจะเป็นได้ทั้ง ต้วนเทียนหลาง หรือ หลิวชางหลาน ในขณะนั้นทุกคนก็รู้ว่า
เป็น ต้วนเทียนหลาง ที่สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา
"ข้า ต้วนเทียนหลาง ต้องการจะพูดซักสองสามคำ พวกเจ้าทุกคนได้เดินทางมาไกลเพื่อ
มาช่วยพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ขึ้น บางคนถึงกับหวังว่าจะสามารถเข้าร่วมกับเราและกลาย
เป็นหนึ่งในนักเรียนของเราได้ หากเป็นกรณีนี้โปรดทราบว่าพวกเจ้าควรจะอายุน้อยและ
โดดเด่นและอย่างน้อยควรผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณ หากพวกเจ้าปฏิบัติตามข้อกำหนด
ของเราโปรดเขียนชื่อของพวกเจ้าลงในรายชื่อ ถ้าพวกเจ้าได้รับเลือกให้เรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์
เราจะมอบทักษะและเทคนิคที่ดีที่สุดให้กับลูกศิษย์ แม้กระทั่งการเข้าถึงทักษะระดับซูน
ที่มีคุณภาพสูง "
เมื่อ ต้วนเทียนหลาง พูดจบคนจำนวนมากก็ประหลาดใจ ทักษะระดับซุนไม่ใช่ว่าจะได้รับมา
ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่มีคุณภาพจริงๆ เว้นแต่ว่านักบ่มเพาะพลังที่เป็นศิษย์ของหนึ่งในนิกาย
ที่ใหญ่ที่สุดหรือรวยมาก การได้รับทักษะดังกล่าวเป็นเรื่องยากมาก แม้ในนิกายที่ใหญ่ที่สุด
ศิษย์ต้องมีระดับถึงก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงทักษะระดับสูงเช่นนี้ได้
ฝูงชนได้ตื่นเต้นอย่างมากจากคำพูดของ ต้วนเทียนหลาง สิ่งเดียวที่ทำให้คนบางคนรำคาญ
คือข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือต้องไปถึงชั้นจิตวิญญาณก่อน
"นอกจากนี้มีบางอย่างที่ข้าอยากจะประกาศในวันนี้ มีคนสองคนที่ทุกคนอยากเห็นในวันนี้ที่
บริเวณลานอันศักดิ์สิทธิ์ "ต้วนเทียนหลาง กล่าวด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ตรงมุมปากของเขา
ฝูงชนกำลังจะตายจากความอยากรู้ ทุกคนอยากเห็นคนสองคนนี้? พวกเขาเป็นใครกัน?
เมื่อพิจารณาถึงวิธีการที่ ต้วนเทียนหลาง ได้กล่าวคำเหล่านี้แล้วทั้งสองคนอาจจะมี
พรสวรรค์พิเศษก็เป็นได้
"เจ้าสองคนโปรดออกมา" ต้วนเทียนหลาง กล่าว ทุกคนเริ่มสั่นด้วยความคาดหวัง
มีคนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเหมือนเกล็ดหิมะ: ช้าและนุ่มนวล
"ปรมจารย์ลั่วสื่อ!" ฝูงชนกล่าวด้วยความ มึนงง ความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อและมีประสิทธิภาพ!
เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาหิมะน้ำแข็ง เขาเป็นหนึ่งในแปดปรมจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเขา
ถึงมาลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว?
ในเวลาเดียวกันลมแรงได้เริ่มพัดผ่านบริเวณดังกล่าว เกล็ดหิมะกำลังกระจายยู่ในอากาศ ทันใดนั้น
ฝูงชนก็สังเกตเห็นเงาบนท้องฟ้า มันเป็นสัตว์อสูรในตำนานที่กำลังบินอยู่
"ฉู๋จั่นเผิง!" สายตาของฝูงชนหลี่ลง ฝูงชนกำลังสั่นสะเทือนในความตื่นเต้นและแปลกใจ ปรมจารย์
ทั้งสองคน ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง อยู่ที่นี้และแปลกที่ได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครจะเคยคิดเช่นนี้
ฉู๋จั่นเผิง เป็นลูกชายของ ฉู๋ชิ่ง และเป็นประมุขนิกายเห่าเย่วในอนาคต ทำไมเขาถึงต้องการเข้า
ร่วมลานศักดิ์สิทธิ์?
"แล้วล่ะก็ ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง ได้มาเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ นี่ช่างเป็นเหตุการณ์ที่แปลกและมหัศจรรย์ "
"ต้วนเทียนหลาง เป็นคนที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมากและมีอำนาจฃ" คำวิจารณ์ทุกประเภทล้วนเกิดขึ้น
ท่ามกลางฝูงชน ตามที่คาดไว้คนที่มีชื่อเสียงอย่างมากได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์
ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง ยืนอยู่ข้างซ้ายและขวาของ ต้วนเทียนหลาง ตระกูลจักรพรรดิและปรมจารย์
ระดับสูงสองคนที่กำลังยืนอยู่แทบจะไหลชนกันกับต้วนเทียนหลาง
"และตอนนี้ ให้ข้าได้ประกาศเปิดลานศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ ข้า ต้วนเทียนหลาง เป็นประธาน
คนแรกที่เปิดพิธี "ต้วนเทียนหลาง กล่าวอย่างเสียงดังจนทำให้ผู้คนได้ยินเขาจากระยะไกล
"ต้วนหลี่ ขอแสดงความยินดี" เสียงท่ามกลางฝูงชน ผู้คนหลายคนในฝูงชนจึงหยิบกล่องที่เอามาเข้า
รวมพิธีสีทองออกมา มันเป็นของขวัญสำหรับบางคนที่เป็นดั่งพระเจ้า
"ตระกูลไป๋ ขอแสดงความยินดี."
"ตระกูลซง ขอแสดงความยินดี."
"ตระกูลกู้ ขอแสดงความยินดี."
“............................”
ผู้คนต่างออกมาจากฝูงชนอย่างไม่หยุดยั้งด้วยกล่องสีทองและรีบจัดการมอบของขวัญของพวกเขา
ราวกับว่าพวกเขากำลังรอคอยอย่างอดทนตลอดเวลานี้เพื่อแสดงความยินดี
ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่บนใบหน้าของเขา
"ขอบคุณทุกท่าน. ผู้ที่เกี่ยวข้องโปรดไปข้างหน้าและนำของขวัญของพวกเจ้าไปได้ "
หลินเฟิง กำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมหน้ากากทองแดงเพื่อปกปิดตัวตนของเขา
เมิ้งชิง และคนอื่น ๆ กำลังยืนอยู่ถัดไปข้างๆ หลินเฟิง เวิ่นห่าวฉี และหยวนชาน ก็ได้ติดตาม
กลุ่มนี้มาด้วย พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าลานศักดิ์สิทธิ์ของเป็นอย่างไรด้วยตาของตัวเอง
จิ้งหยุน กำลังมองไปที่หน้ากากทองเแดงของ หลินเฟิง หัวใจเธอกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง
เขาอาจจะมีเหตุผลดีๆที่สวมหน้ากากทองแดง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้จักเขา
มันเป็นการเตือนเธอว่า เธอยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในระหว่างการทำลายนิกายหยุนไห่
แสงแดดได้ผ่านเมฆที่อยู่ในท้องฟ้าและส่องลงบนฝูงชน ทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายนี่เป็นวันที่ดี
สำหรับพิธี
"ดูนั่นสิ พวกเขาออกมาแล้ว ดูน่าเกรงขามจริงๆ! "ผู้คนจำนวนมากในฝูงชนคนหนึ่งเห็นได้ชัดว่า
เมื่อพวกเขาเห็นร่างอันงดงามเยี่ยงวีรบุรุษได้เดินผ่านไปใต้ประตูใหญ่โตของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว
พวกเขาดสวมเสื้อคลุมสีขาวอันงดงาม คำสองคำบนเสื้อคลุมของพวกเขา: "ลานศักดิ์สิทธิ์"
ตัวอักษรดูหรูหราและโดดเด่น เสื้อคลุมของพวกเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาพร้อมที่จะทำศึกใน
ช่วงเวลาใดก็ตาม มีหลายร้อยคนที่สวมชุดเดียวกันทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะพลัง
ที่อายุยังน้อยมาก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินผ่านลานประตูและเดินไปที่จัตุรัสสาธารณะ
อันกว้างใหญ่ ภายในจัตุรัสสาธารณะมีเวทีขนาดใหญ่ที่พวกเขาทั้งหมดจะปีนขึ้นไป จากนั้นพวก
เขาก็มองไปที่ฝูงชนในลักษณะที่เย็นชาและพวกเขาทุกคนก็ดูมีความหยิ่งอย่างมากบนใบหน้า
คนเหล่านี้เป็นพวกแรกที่ได้รับเลือกให้เรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามาจากทั่วทุกมุมของแคว้น
มายังสถานที่แห่งนี้ ในขณะนั้นพวกเขากำลังยืนอยู่บนเวทีอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าคนนับล้าน
ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจอย่างมาก
หลินเฟิง มองพวกเขาผ่านหน้ากากทองเหลือง หัวใจของเขาหนาวขึ้นและเย็นลงจนแทบจะเป็น
น้ำแข็ง ในหมู่คนเหล่านี้เขารู้จักอยู่หลายคน
"หลิงหูเหอชาน ... ถูฟู่ ... เหวินเหลินหยาน ... " คนเหล่านี้เคยโดดเด่นอย่างมากในนิกายหยุนไห่ ...
พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นและมีความสำคัญต่อความมั่งคั่งของนิกาย เมื่อ
นิกายหยุนไห่ ถูกทำลายพวกเขาได้ทรยศต่อนิกายและได้ไปยืนข้างเดียวกับ ต้วนเทียนหลาง ...
และในขณะนี้พวกเขายืนอยู่บนเวทีและดูมีความสุขดี
นอกเหนือจากสามคนนี้ หลินเฟิง ได้รู้จักผู้อื่นจากนิกายหยุนไห่ พวกเขาเป็นศิษย์ที่ได้รับการ
จัดอันดับทั้งหมดซึ่งได้ยอมรับข้อเสนอของ ต้วนเทียนหลาง อย่างดี
ไม่ได้มีเพียงแต่ศิษย์ของนิกายหยุนไห่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีศิษย์จากนิกายอื่น ๆ อีกด้วย เขาสัง
เกตเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขา หลินเซียน จากนิกายเฮ่าเย่และ หลินหง จากหมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า หลินเล่ย มองไปที่ หลินเซียน และ หลินหง พวกเขาเป็นนักเรียนของลานศักดิ์สิทธิ์
อนาคตของพวกเขาจะสดใสและยอดเยี่ยม เราจะกลายเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจว
และทำลายทุกตระกูลเล็กๆได้ในเวลาไม่นาน "
หลินต้าเถา เป็นลุงของ หลินเฟิง น่าตกใจที่เขาอยู่ที่นั่นและพูดถึงเรื่องดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงคน
รอบข้าง เขาถูกล้อมรอบไปด้วยสมาชิกของตระกูลหลิน หลินเล่ย อยู่ที่นั่นด้วย
“แท้จริงแล้ว ข้าคิดว่า หลินเซียน และ หลินหง นั่นวางใจพวกเขาได้ แน่นอนพวกเขาจะกลายเป็น
เสาหลักที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลินของเราในอนาคต "หลินเล่น ยิ้มตอบ เขาสุภาพมากกับ
หลินต้าเถา วันนี้ หลินต้าเถา ได้พึ่งพาลูก ๆ สองคนเพื่อทำให้สถานะของเขาสูงขึ้น สูงกว่าที่
ผ่านมาเพื่ออิทธิพลของเขาจะได้เพิ่มมากขึ้น
"ปัญหาก็คือ น่าหลานเซียน น่าหลานเฟิง ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี น่าหลานเฟิงกำลังเรียน
อยู่ที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว "หลินต้าเถา กล่าวในขณะที่มองไปที่ฝูงชน เขาสังเกตเห็นหลาย ๆ คน
จากเมืองหยางโจวรวมทั้งตระกูลน่าหลาน
"ไม่จำเป็นต้อสนใจพวกเขา ตระกูลหลินของเรามีลูกศิษย์สองคนซึ่งปัจจุบันเป็นนักเรียนที่ลาน
ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ หลินเซียน ยังแข็งแกร่งมากและจิตวิญญาณของเธอมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
น่าหลานเฟิง ไม่สามารถแข่งขันกับเธอได้ "หลินเล่ย กล่าวอย่างเย็นชา แน่นอน หลินต้าเถา
ได้ยินคำเหล่านี้รอยยิ้มอันยิ้มกว้างใหญ่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ในขณะนั้น หลินเฟิง ยืนอยู่ข้างหลังตระกูลหลินและมองเห็นภาพเงาของพวกเขา ดูเหมือนว่า
พวกเขารีบวิ่งออกมาจากเมืองหยางโจวเพื่อมายังเมืองจักรพรรดิ
ตระกูลหลินทั้งหมดคิดว่าลานศักดิ์สิทธิ์ ให้นักเรียนมีสถานะทางสังคมสูงอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่
พวกเขาไม่รู้ก็คือบางคนที่มีอยู่ในตระกูลหลินได้ปฏิเสธที่จะเรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายัง
ไม่รู้ว่าทั้งนิกายหยุนไห่ ได้เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเขาไว้และนั่นคือคนที่พวกเขาไล่ออกจาก
ตระกูลของพวกเขา
“ฮ่า ๆ วันนี้มีคนมาเยี่ยมชมการเปิดของลานศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้า "
เสียงดังออกมาจากที่ระยะไกล ภาพเงาสองร่างได้กระโดดขึ้นไปบนเวที พวกเขาคือ
ต้วนเทียนหลาง และ ต้วนหาน ซึ่งทั้งสองคนยังมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
"มันดูข่าวลือไม่ได้ไร้เหตุผล แท้จริงแล้ว ต้วนเทียนหลาง เป็นผู้สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว "
บางคนในฝูงชนคิด ในอดีตเมื่อผู้คนไม่รู้ว่าใครมีเจตนาสร้างสถานที่ดังกล่าวขึ้นบางคน
คิดว่าผู้สร้างจะเป็นได้ทั้ง ต้วนเทียนหลาง หรือ หลิวชางหลาน ในขณะนั้นทุกคนก็รู้ว่า
เป็น ต้วนเทียนหลาง ที่สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา
"ข้า ต้วนเทียนหลาง ต้องการจะพูดซักสองสามคำ พวกเจ้าทุกคนได้เดินทางมาไกลเพื่อ
มาช่วยพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ขึ้น บางคนถึงกับหวังว่าจะสามารถเข้าร่วมกับเราและกลาย
เป็นหนึ่งในนักเรียนของเราได้ หากเป็นกรณีนี้โปรดทราบว่าพวกเจ้าควรจะอายุน้อยและ
โดดเด่นและอย่างน้อยควรผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณ หากพวกเจ้าปฏิบัติตามข้อกำหนด
ของเราโปรดเขียนชื่อของพวกเจ้าลงในรายชื่อ ถ้าพวกเจ้าได้รับเลือกให้เรียนที่ลานศักดิ์สิทธิ์
เราจะมอบทักษะและเทคนิคที่ดีที่สุดให้กับลูกศิษย์ แม้กระทั่งการเข้าถึงทักษะระดับซูน
ที่มีคุณภาพสูง "
เมื่อ ต้วนเทียนหลาง พูดจบคนจำนวนมากก็ประหลาดใจ ทักษะระดับซุนไม่ใช่ว่าจะได้รับมา
ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่มีคุณภาพจริงๆ เว้นแต่ว่านักบ่มเพาะพลังที่เป็นศิษย์ของหนึ่งในนิกาย
ที่ใหญ่ที่สุดหรือรวยมาก การได้รับทักษะดังกล่าวเป็นเรื่องยากมาก แม้ในนิกายที่ใหญ่ที่สุด
ศิษย์ต้องมีระดับถึงก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงทักษะระดับสูงเช่นนี้ได้
ฝูงชนได้ตื่นเต้นอย่างมากจากคำพูดของ ต้วนเทียนหลาง สิ่งเดียวที่ทำให้คนบางคนรำคาญ
คือข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือต้องไปถึงชั้นจิตวิญญาณก่อน
"นอกจากนี้มีบางอย่างที่ข้าอยากจะประกาศในวันนี้ มีคนสองคนที่ทุกคนอยากเห็นในวันนี้ที่
บริเวณลานอันศักดิ์สิทธิ์ "ต้วนเทียนหลาง กล่าวด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ตรงมุมปากของเขา
ฝูงชนกำลังจะตายจากความอยากรู้ ทุกคนอยากเห็นคนสองคนนี้? พวกเขาเป็นใครกัน?
เมื่อพิจารณาถึงวิธีการที่ ต้วนเทียนหลาง ได้กล่าวคำเหล่านี้แล้วทั้งสองคนอาจจะมี
พรสวรรค์พิเศษก็เป็นได้
"เจ้าสองคนโปรดออกมา" ต้วนเทียนหลาง กล่าว ทุกคนเริ่มสั่นด้วยความคาดหวัง
มีคนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเหมือนเกล็ดหิมะ: ช้าและนุ่มนวล
"ปรมจารย์ลั่วสื่อ!" ฝูงชนกล่าวด้วยความ มึนงง ความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อและมีประสิทธิภาพ!
เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาหิมะน้ำแข็ง เขาเป็นหนึ่งในแปดปรมจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเขา
ถึงมาลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว?
ในเวลาเดียวกันลมแรงได้เริ่มพัดผ่านบริเวณดังกล่าว เกล็ดหิมะกำลังกระจายยู่ในอากาศ ทันใดนั้น
ฝูงชนก็สังเกตเห็นเงาบนท้องฟ้า มันเป็นสัตว์อสูรในตำนานที่กำลังบินอยู่
"ฉู๋จั่นเผิง!" สายตาของฝูงชนหลี่ลง ฝูงชนกำลังสั่นสะเทือนในความตื่นเต้นและแปลกใจ ปรมจารย์
ทั้งสองคน ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง อยู่ที่นี้และแปลกที่ได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครจะเคยคิดเช่นนี้
ฉู๋จั่นเผิง เป็นลูกชายของ ฉู๋ชิ่ง และเป็นประมุขนิกายเห่าเย่วในอนาคต ทำไมเขาถึงต้องการเข้า
ร่วมลานศักดิ์สิทธิ์?
"แล้วล่ะก็ ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง ได้มาเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ นี่ช่างเป็นเหตุการณ์ที่แปลกและมหัศจรรย์ "
"ต้วนเทียนหลาง เป็นคนที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมากและมีอำนาจฃ" คำวิจารณ์ทุกประเภทล้วนเกิดขึ้น
ท่ามกลางฝูงชน ตามที่คาดไว้คนที่มีชื่อเสียงอย่างมากได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์
ลั่วสื่อ และ ฉู๋จั่นเผิง ยืนอยู่ข้างซ้ายและขวาของ ต้วนเทียนหลาง ตระกูลจักรพรรดิและปรมจารย์
ระดับสูงสองคนที่กำลังยืนอยู่แทบจะไหลชนกันกับต้วนเทียนหลาง
"และตอนนี้ ให้ข้าได้ประกาศเปิดลานศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ ข้า ต้วนเทียนหลาง เป็นประธาน
คนแรกที่เปิดพิธี "ต้วนเทียนหลาง กล่าวอย่างเสียงดังจนทำให้ผู้คนได้ยินเขาจากระยะไกล
"ต้วนหลี่ ขอแสดงความยินดี" เสียงท่ามกลางฝูงชน ผู้คนหลายคนในฝูงชนจึงหยิบกล่องที่เอามาเข้า
รวมพิธีสีทองออกมา มันเป็นของขวัญสำหรับบางคนที่เป็นดั่งพระเจ้า
"ตระกูลไป๋ ขอแสดงความยินดี."
"ตระกูลซง ขอแสดงความยินดี."
"ตระกูลกู้ ขอแสดงความยินดี."
“............................”
ผู้คนต่างออกมาจากฝูงชนอย่างไม่หยุดยั้งด้วยกล่องสีทองและรีบจัดการมอบของขวัญของพวกเขา
ราวกับว่าพวกเขากำลังรอคอยอย่างอดทนตลอดเวลานี้เพื่อแสดงความยินดี
ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่บนใบหน้าของเขา
"ขอบคุณทุกท่าน. ผู้ที่เกี่ยวข้องโปรดไปข้างหน้าและนำของขวัญของพวกเจ้าไปได้ "
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ยาวๆๆไปอิอิ
ตอบลบ