ตอนที่ 116 สามประเภท
ขณะที่เดินอยู่ในสถาบัน หลินเฟิง ได้พบว่าบางคนเป็นมิตรกับเขาขณะที่บางคนไม่ค่อยเป็นมิตร
เท่าไหร่นัก
ดังเช่นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม หลินเฟิง คนหนึ่งมีรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วย
ความไร้เดียงสา แต่ผู้หญิงบางคนก็มีรอยยิ้มคล้ายๆกันแต่มีเจตนาที่ชั่วร้ายแอบแฝง
เขาได้เจอชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งร่างของเขาปล่อยปราณที่แหลมคมและไอเย็นออกมา เขาดู
ชั่วร้ายและอันตรายจริงๆ
"เจ้าดูแปลกๆไปนะ?" เวิ่นห่าวฉี ถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขาเมื่อเขาสังเกต
เห็นว่า หลินเฟิง ดูแปลกไปขณะที่มองไปรอบ ๆ เขาดูแปลกมากในขณะที่เขาจ้องไปที่คนอื่น
"ปราณ พวกเขาปล่อยมันค่อนข้างแปลก" หลินเฟิง ตอบ หลินเฟิง ไม่ใช่คนเดียวที่ได้สังเกต
เห็นมันแต้ ต้วนเฟิง และ จิ้งหยุน ทั้งสองเห็นด้วยกับเขาและพยักหน้า
"เจ้ากล่าวถูกแล้ว. นี่เป็นเพราะพวกเขาอ่อนแอมาก นี่คือเหตุผลที่ปราณของพวกเขาปล่อย
ออกมานั้นแปลกประหลาด "เวิ่นห่าวฉี กล่าวขณะพยักหน้า ทันทีหลังจากนั้นเขายกมือที่นิ้ม
นวลสีขาวนั้นขึ้นมาราวกับผู้หญิงและชี้ไปที่พระราชวังที่ห่างไกลบางแห่ง จากนั้นเขาก็กล่าวว่า
"ในสถาบันสำนักสวรรค์มีสามประเภทที่แตกต่างกันภายในสถาบัน แต่ละคนมีเส้นทางการ
ฝึกของตนเอง นี่เป็นทางเลือกหนึ่งที่เจ้าต้องเผชิญเมื่อเข้าสู่สถาบัน ขึ้นอยู่กับชนิดการบ่มเพาะ
พลังที่เหมาะสมกับเจ้า ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเมื่อไปที่นั่น"
"แบ่งออกเป็นสามประเภท?" หลินเฟิง กำลังคิดเขาไม่เข้าใจ จากนั้นเขาก็ถามว่า "สามประเภท
นี้มีอะไรบ้าง?"
"หนึ่ง คนที่สามารถต่อสู้ในสนามรบในขณะที่บัญชากองทัพ คนเหล่านี้เป็นผู้บ่มเพาะ
พลังที่ไม่เกรงกลัวต่อการนองเลือดและความรุนแรง พวกเขาเป็นประเภทแรก "
"ผู้บัญชากองทัพ." หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ การฝึกประเภทแรกที่สถาบันจัดขึ้นเป็น
เกี่ยวกับการทหารที่น่าแปลกใจยิ่งนัก คนเหล่านี้สามารถบัญชากองทัพโดยไม่เกรงกลัวการ
นองเลือดและต้องมีสติปัญญาเป็นเลิศอย่างมากในศาสตร์แห่งสงคราม
"ประเภทที่สองของการฝึกฝนเจ้าจะได้รับการเรียนรู้วิธีที่จะกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ มันคือการสอนวิธี
การควบคุมและจัดการกับกลุ่มคนภายใต้เงามืด "
"ฟังดูเหมาะกับข้าดี" หลินเฟิง คิด ตาของเขาหลี่ลง เวิ่นห่าวฉี ก็น่าจะอยู่ในการฝึกประเภทนี้เหมือนกัน
"แล้วประเภทที่สามละ?" หลินเฟิง ถาม เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นอย่างมาก น่าประหลาดใจที่สอง
ประเภทแรกของการฝึกของสถาบันคือการฝึกเพื่อเป็นผู้บัญชาการหรือผู้นำ หลินเฟิง มีความประทับใจ
ที่ดีกับสถาบัน
"ประเภทที่สามคือการเรียนรู้วิธีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสายลมในยามค่ำคืน มันเป็นการ
สอนวิธีที่ไม่ให้ผู้ใดมองเห็นราวกับว่าเจ้าอยู่ท่ามกลางหมอก นี่เป็นประเภทที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุด
แต่รวมถึงยังอันตรายที่สุดด้วย โดยปกติผู้คนจะไม่เห็นพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาเห็นรับรองได้ว่าพวก
เขาจะทำให้เราได้หลั่งเลือดแทน เวิ่นห่าวฉี อธิบายอย่างช้าๆ หลินเฟิง ประหลาดใจอีกครั้ง ประเภท
ที่สามคือประเภทของการลอบสังหารนั่นเอง
"ใครเป็นคนสร้างสถาบันนี่กัน?" หลินเฟิง สงสัย พวกเขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นแม่ทัพ ผู้นำทาง
การเมืองและนักมือสังหาร ทั้งสามประเภทนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำแคว้น ใครเล่าจะอยาก
อาศัยอยู่ในป่า?
"มันเป็นจักรพรรดิงั้นรึ?" หลินเฟิง ถามตัวเอง จากนั้นเขาก็ปฏิเสธความคิดนั้นทันที ถ้าองค์
จักรพรรดิได้สร้างสถาบันขึ้นแล้วทำไมเขาถึงยอมอนุญาตให้ ต้วนเทียนหลาง สร้างลานศักดิ์สิทธิ์
ซู่วเย่ว? อย่างไรก็ตามถ้าจักรพรรดิเป็นผู้สร้างสถาบันจริงๆแล้ว ทำไมเขาถึงสร้างสถานที่
อันตรายเช่นนี้ขึ้นกัน?
"ใครเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันนี้?" หลินเฟิง ถามไปยัง เวิ่นห่าวฉี เวิ่นห่าวฉี รู้สึกประหลาดใจ
ดวงตาที่สวยงามของเขาจ้องมองที่ หลินเฟิง และเขากล่าวว่า "หลายคนต่างอยากรู้ แต่ดูเหมือน
ว่าสถาบันมีเพียงรองอาจารย์ใหญ่เท่านั้น เราไม่เคยเห็นอาจารย์ใหญ่ด้วยตาของเราเอง มีเพียง
สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราสามารถมั่นใจได้ อาจารย์ใหญ่ต้องเป็นสมาชิกของตระกูลจักรพรรดิ เขา
ต้องมีสถานะที่สูงส่งอย่างมาก ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วนะ "
หลินเฟิง พยักหน้าเล็กน้อย ถ้ามันถูกสร้างขึ้นโดยสมาชิกของตระกูลจักรพรรดิแล้วมันถูกสร้าง
ขึ้นมาเพื่อฝึกคนที่เพื่อบริหารแคว้น
"นี่คือเหตุผลว่าทำไมสถาบันระมัดระวังและไม่ยอมรับคนที่ไม่มีจดหมายแนะนำ มีนักเรียนหลาย
คนที่มีภูมิหลังที่มีชื่อเสียง พวกเขาทุกคนมีความสุขที่ได้เข้าร่วมสถาบันและได้รู้จักกับนักเรียน
คนอื่น ๆ พวกเขารู้ว่าสถาบันเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีอย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่ข้า
สามารถรับรองได้ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้เข้าร่วมสถาบัน "เวิ่นห่าวฉี กล่าวขณะพยักหน้า
"อืม ยังไงซะ เจ้าอาจรู้จักชื่อของข้าแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้จักเจ้าเลย"
"หลินเฟิง"
"หลินเฟิง นี่เป็นชื่อที่ดีนะ" เวิ่นห่าวฉี กล่าว เขายังกล่าวอีกว่า "ข้าเพิ่งบอกเจ้าเกี่ยวกับสาม
ประเภทของการฝึกที่สามารถเลือกได้ในสถาบัน สถาบันมีนักเรียนเป็นจำนวนมากที่มาจาก
ครอบครัวที่มั่งคั่งและขุนนางชนชั้นสูงดังนั้นส่วนใหญ่พวกเขาจึงเลือกประเภทที่สองเนื่องจาก
ต้องการทำสิ่งที่คล้ายคลึงกับพ่อแม่ของพวกเขา และต้องการมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อ
พวกเขากลับไปหาครอบครัว มีคนธรรมดาหลายคนที่พยายามเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ แต่ต่อมา
เมื่อพวกเขาต้องการที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวพวกเขามักจะเผชิญกับปัญหามากมาย "
"ชายหนุ่มที่เลือดร้อนของทั้งสองตระกูลขุนนางและสามัญมักจะเลือกประเภทแรกและกลาย
เป็นผู้บัญชาการทหาร ประเภทที่สามมีคนที่เลือกน้อยคนนัก นี่เป็นประเภทที่อันตรายที่สุด
ไม่มีใครสามารถรู้จริงๆว่าพวกเขาจะเอามันใช้ทำอะไรที่นี่และมันเต็มไปด้วยความลึกลับ "
หลินเฟิง ฟังอย่างตั้งใจกับสิ่งที่ เวิ่นห่าวฉี กำลังบอกเขา คนธรรมดาต้องการมีสถานะ
สูงขึ้นให้ไวที่สุด มันเป็นเรื่องยากมากที่จะมีสถานะสูงๆสำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่มีภูมิหลัง
ที่ไม่มีใครรู้จัก พวกเขาต้องติดต่อและสร้างอิทธิพลทางการเมืองเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น
เมื่อพิจารณาถึงประเภทที่สามแล้วมันเป็นทางเลือกที่ยากที่จะพิจารณาว่า เมื่อใดก็ตามที่
ไม่ได้เป็นมือสังหารแล้ว ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย
"แน่นอนว่ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา จิตวิญญาณและความสามารถตามธรรมชาติ
ของนักเรียนมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของพวกเขา อย่างไรก็ตามไม่ว่านักเรียน
จะประเภทไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันจะช่วยพวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
ถ้าผู้บ่มเพาะพลังไม่แข็งแกร่งทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์เพราะความแข็งแกร่งและ
จิตใจที่มั่นคงมีความสำคัญอย่างมากต่อเส้นทางการบ่มเพาะพลัง ไม่ว่าเจ้าจะเรียนรู้อะไร
มาก็ตาม ถ้าเจ้าต้องต่อสู้กับใครบางคนที่แข็งแกร่งเจ้าก็จะตายถ้าเจ้าอ่อนแอกว่าพวกเขา "
เวิ่นห่าวฉี มอง หลินเฟิง และกล่าวว่า "หลินเฟิง ตอนนี้เจ้าต้องคิดอย่างรอบคอบว่าเจ้า
ต้องการเลือกประเภทการบ่มเพาะพลังแบบไหน?"
"ประเภทแรก" หลินเฟิง ตอบอย่างรวด
หลินเฟิง ไม่ชอบประเภทที่สองเพราะมันเป็นการวางแผนโดยใช้ผู้คนเพื่อต่อสู้ เขาไม่สนใจที่
จะใช้คนอื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง นอกจากนี้เขาคิดว่าประเภทที่สามไม่มีประโยชน์ ดังนั้น
ประเภทแรกที่ดูเหมือนจะเหมาะกับเขาที่ดีที่สุด เขาสามารถใช้ทักษะเหล่านี้ได้ในการต่อสู้
จริงๆได้
"ผู้บ่มเพาะพลังในประเภทแรกจำเป็นต้องกล้าหาญ เลือดร้อนและภักดี"
"เลือดร้อนและกล้าหาญนั้นไม่มีปัญหา ... แต่ภักดี? ต้องภักดีต่อใคร? "หลินเฟิง ถาม
เวิ่นห่าวฉี เขารู้สึกประหลาดใจ
อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน "เวิ่นห่าวฉี ตอบด้วยท่าทางเหมือนผู้หญิง
ในสายตาที่ หลินเฟิง เห็น
"หลินเฟิง ข้าจะพาเจ้าไปยังที่ที่เจ้าควรจะไป"
"แล้วเจ้าละ? เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าอยู่ประเภืไหน "หลินเฟิง ถามไปยัง เวิ่นห่าวฉี
เวิ่นห่าวฉี ดูเหมือนเด็กผู้หญิงและเห็นได้ชัดว่าเขามาจากตระกูลขุนนางชนชั้นสูง แต่
เขาก็ไม่ได้หยิ่งเหมือนคนอื่น เขาไม่ได้มีทีท่าที่กล้าหาญมากนักและดูเหมือนจะไม่ได้เลือด
ร้อนแต่อย่างใด
ลองเดาดูสิ
"ประเภทที่สาม" หลินเฟิง ตอบหโดยไม่ลังเลใจซึ่งทำให้ เวิ่นห่าวฉี แปลกใจ ทันทีหลังจาก
นั้นเขาก็ยิ้ม แต่ยังคงเงียบอยู่
"ต้วนเฟิง เจ้าคิดว่าไง?" หลินเฟิง ถาม หลินเฟิง ไม่ได้ลืมว่าเขาอยู่ที่นั่นเพราะ ต้วนเฟิง
ไม่เคยคิดว่าเขาจะได้เข้าร่วมสถาบันก่อนหน้านี้
ข้างั้นรึ? ต้วนเฟิง กล่าวขณะที่ยิ้ม "ข้าเลือกเหมือนเจ้า หลินเฟิง ประเภทแรก"
"มันเยี่ยมจริงๆ งั้นเราไปด้วยกันเถอะ "หลินเฟิง กล่าวแล้วยิ้ม
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ มีหลายคนนั่งตรง กู่จิน
"ถ้าเจ้าต้องการที่จะกลายเป็นหนึ่งในประเภทแรกแล้วเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบ ถ้าเจ้า
ทำสำเร็จเจ้าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเรียนประเภทแรก "เวิ่นห่าวฉี อธิบายขณะมอง
ไปที่ หลินเฟิง
หลินเฟิง กล่าวว่า "ถ้าประเภทแรกต้องการการทดสอบแล้วอีกสองประเภทละ ?
มันต้องทำการทดสอบเช่นเดียวกันงั้นรึ? "
"ประเภทที่สองไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบ แต่ประเภทที่สามต้องผ่านการทดสอบและยากที่สุด"
เวิ่นห่าวฉี กล่าวขณะยิ้ม หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจประเภทที่สาม
และเป็นการสอบที่ยากที่สุดด้วย หลินเฟิง งง นอกจากนี้ดูเหมือนว่าประเภทแรกที่มีผู้สนใจ
ส่วนใหญ่เป็นประเภทที่ง่ายที่สุด
บนลานกว้างมีนักเรียนใหม่จำนวนมากแต่นักเรียนเก่าปะปนอยู่เช่นกัน บางคนที่สังเกตเห็น
เวิ่นห่าวฉี พวกเขาก็ยิ้ม
หลินเฟิง สังเกตว่าหลายคนที่เดินผ่านไปหรือคนที่เห็น เวิ่นห่าวฉี พวกกำลังหลีกเลี่ยงที่จะเจอ
ราวกับว่าพวกเขาหวาดกลัวการปรากฏตัวของ เวิ่นห่าวฉี!
หลินเฟิง พบว่ามันแปลกมากๆ!
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น