ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 114


ตอนที่ 114 ชายชราที่น่าหวาดกลัว












ไม่นานก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้พวกเขาทุกคนที่หยิ่งยโสได้เรียก หลินเฟิง ว่าขอทาน


ในขณะนั้นขอทานไม่ได้ตบเพียง ซู่ชิว และทำให้ ไป๋ซื่อ อับอาย แต่เขาก็เหมือนตบหน้า
ทุกคนทางอ้อม ทุกคนต้องเสียหน้าจากคำพูดที่หยิ่งทะนงของพวกเขา


ถ้า หลินเฟิง เป็นคนขอทานแล้วพวกเขาละเป็นอะไร?


"พวกเจ้าทั้งหมดเป็นพวกที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสและอวดดี ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะเรียนรู้
จากความผิดพลาดนี้ของพวกเจ้าได้ไหม "


คำไม่กี่คำเหล่านี้ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังที่ร่ำรวยและมั่งคั่งยิ่งโกรธมากขึ้น


"หุบปากซะ. ข้าจะต่อสู้กับเจ้าเอง "เสียงที่เย็นยะเยือบทำให้ทุกคนประหลาดใจ


"หลงหยาน อย่าท้าทายคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเพราะมันจะนำไปสู่ความตายได้ เจ้าคิด
ยังไงถ้าข้าจะเป็นคนไปสู้เอง? "


ผู้คนในกลุ่มเริ่มโต้เถียงกัน ในขณะนั้นชายชรากล่าว "ขอให้ข้าพูดหน่อย!"


ทุกคนก็หยุดพูดเมื่อได้ยินเสียงของชายชรา ในสถาบันสำนักสวรรค์อาจารย์ทุกคนมีความ
แข็งแกร่งอย่างมาก นักบ่มเพาะพลังที่ร่ำรวยและขุนนางไม่มีใครกล้าทำให้อาจารย์เสียหน้า


ในเมืองจักรพรรดิมีผู้บ่มเพาะพลังที่มั่งคั่งและขุนนางชนชั้นสูงจำนวนมาก ไม่มีอาจารย์
คนใดของสถาบันสำนักสวรรค์ที่ไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อนหรือไม่มีชื่อเสียงในอดีต หลังจาก
นั้นผู้บ่มเพาะพลังจากครอบครัวที่ร่ำรวยอาจารย์จะสอนเพียงแค่พวกเขาที่เป็นชนชั้นสูงเท่านั้น


หยุดก่อเรื่องได้แล้ว อย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันอะไร "ชายชรากล่าวขณะที่ชำเลืองมองไปที่ฝูงชน
ทุกคนต่างก็เงียบ


ชายชราเดินไปทาง ไป๋ซื่อ และกล่าวว่า "ยืนขึ้น"


ไป๋ซื่อ เงยหน้าขึ้นมองชายชรา ไป๋ซื่อ รู้สึกอับอายอาย หลังจากที่ทั้งหมดเกิดขึ้นเขาได้รับความ
พ่ายแพ้โดยนิ้วเพียงนิ้วเดียว เขาเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขาตลอดช่วงเวลา
ที่เหลือของวันนี้เพราะเหตุการณ์เช่นนี้


"อาจารย์" ไป๋ซื่อ กล่าวขณะลุกขึ้นยืน เขาก้มหน้ามองไปที่พื้น เขาเสียหน้าไปแล้วจริงๆ


"หืม เจ้ายังมีหน้าเรียกข้าว่าอาจารย์งั้นรึ" ชายชราบ่นพรึมพรำซึ่งทำให้หน้าของ ไป๋ซื่อ เปลี่ยน
เป็นสีแดง อาจารย์ได้รังเกียจเขาทำให้เกิดฉากอันน่าอับอายขึ้น


เส้นทางของการบ่มเพาะพลังบางส่วนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งและการเป็นนักสู้ที่ดี แต่นั่นไม่ใช่
เป้าหมายของการบ่มเพาะพลังปลูก สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการมีจิตใจที่เข้มแข็ง ในทวีป
มีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน ไม่มีใครควรคิดว่าตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่
แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ว่าความสามารถตามธรรมชาติของพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะมี
ใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีจิตใจที่เข้มแข็งและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
การชนะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการมีชื่อเสียง มันเป็นเรื่องของเป้าหมายส่วนตัวและความ
สำเร็จ การพ่ายแพ้ไม่ได้เกี่ยวกับการที่ถูกทำให้อับอายมันเกี่ยวกับการเรียนรู้วิธีการที่ควรจะ
ปรับปรุงตนเอง แม้ในกรณีที่แพ้สิ่งที่ควรทำคือหนักแน่นเข้าไว้และอย่ายอมแพ้ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งหลังจากที่แพ้การต่อสู้ไป ควรจะยิ่งมุ่งมั่นที่จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งให้จงได้ "ชายชรา
กล่าวไปที่ ไป๋ซื่อ หัวใจของ ไป๋ซื่อ เริ่มเต้นเร็วขึ้น คำพูดเหล่านี้สะท้อนไปในใจของเขาดั่งเสียง
กลองยามเย็นและเสียงระฆังยามเช้า


"อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว" ไป๋ซื่อ กล่าว ในขณะที่โค้งคำนับให้ชายชราเป็นสัญลักษณ์ของความ
เคารพและความกตัญญู


"ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็ดี รีบกลับกลับไปซะตอนนี้และอย่าลืมค้นหาจิตวิญญาณในตัวของเจ้า การ
คิดไตร่ตรองเป็นสิ่งสำคัญ "ชายชรากล่าว หลังจากนั้นไม่นานชายชราก็หันกลับไปมอง หลินเฟิง


หลินเฟิง จ้องไปที่ชายชราและประหลาดใจ อาจารย์คนนี้ช่างรอบรู้อย่างมากและนั่นเป็นประโยชน์
ต่อนักเรียนอย่างมาก เขาเพิ่งพูดประโยคเพียงไม่กี่ประโยคและเขาก็ทำ ไป๋ซื่อ เปลี่ยนความคิด
ของตนเองได้โดยง่าย ถ้าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น ไป๋ซื่อ อาจจะหมดความพยายามที่จะก้าวไปบนเส้น
ทางการบ่มเพาะพลังของตนเอง


อย่างไรก็ตามแม้ว่าชายชรานั้นเป็นอาจารย์ที่พิเศษก็ตาม แต่เขายังคงทำงานอยู่ที่สถาบันนี้และ
หลินเฟิง ก็ไม่ใช่นักเรียนของที่นี่ นอกจากนี้เขายังทำให้นักเรียนของสถาบันนี้อับอายขายหน้า
ในสถาบันอีกด้วย


"ในระหว่างช่วงที่ลงทะเบียนในวันนี้เจ้าได้มาที่นี่และทำให้เกิดปัญหา ข้าอยากจะถามเจ้าว่า
แรงจูงใจของเจ้าที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้คือต้องการอะไร? "ชายชรากล่าวแล้วมองไปที่ หลินเฟิง
หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ


หลินเฟิง สร้างปัญหางั้นรึ? เขาพยายามไม่สนใจพวกที่ทำผิดตั้งแต่เริ่มแรก


"ทำไมเจ้าถึงมายั่วยุและดูถูกนักเรียนของข้าที่หน้าสถาบัน?" ชายชราถามอีกครั้งด้วยเสียง
ที่เย็นชา


ผู้เพาะบ่มพลังที่มั่งคั่งร่ำรวยและขุนนางชนชั้นสูงมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากของพวกเขา อาจารย์
ของสถาบันไม่ใช่เพียงอาจารย์ธรรมดาเท่านั้นพวกเขายังเป็นสมาชิกของตระกูลที่มั่งคั่งและขุนนาง


หลินเฟิง โชคไม่ดีที่เขาทำให้อาจารย์โกรธ


นักเรียนที่มาจากตระกูลสามัญและครอบครัวรู้ดีว่าอาจารย์พยายามที่จะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลง
พวกเขารู้ว่าเขากำลังพยายามที่จะกล่าวหา หลินเฟิง ในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ อย่างไรก็ตามไม่มีใคร
สามารถพูดอะไรได้ หลังจากนั้นชายชราก็ยังเป็นอาจารย์ในสถาบันอีกด้วยและเขาก็แข็งแกร่งกว่า
พวกเขาทุกคน สถานะทางสังคมของอาจารย์นั้นสูงมากเช่นกัน ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้
คือสังเกตดูว่า หลินเฟิง จะถูกจัดการอย่างไรหลังจากที่เขาโชคไม่ดีเช่นนี้


หลินเฟิง ดูโกรธมาก เขาคิดว่าชายชราช่างไร้สาระ เขามองไปที่ชายชราและกล่าวว่า "ข้าจำได้ว่า
เมื่อ ซู่ชิว กล่าวว่าเขากำลังจะสอนฉันบทเรียนให้กับข้า ท่านบอกแบบนั้นอาจเพราะข้าไม่ได้มี
หนังสือแนะนำ ท่านไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดเมื่อเขาตัดสินใจที่จะโจมตีข้า ... และตอนนี้ท่านกำลัง
บอกว่าข้ามาเพื่อสร้างปัญหาและที่ข้าทำให้สถาบันอับอาย ...ข้าอยากจะขอถามอะไรท่าน
ซักหน่อย  นี่เป็นสิ่งที่ท่านสอนให้กับนักเรียนของท่านงั้นรึ? ความไม่ยุติธรรมและความอยุติธรรม?
ท่านสอนให้พวกเขาข่มขู่ผู้ที่อ่อนแอกว่างั้นรึ? "


"กล้าดียังไง" ชายชราตะโกน เขาดูโกรธและพูดว่า: "ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่เจ้าคิดว่าเจ้า
เป็นใคร? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอาจารย์ของข้ารึไง? เจ้าตั้งใจจะทำอะไร? ทำไมถึงโอหังเช่นนี้ "



หลินเฟิง ยิ้มอย่างเย็นชาจากส่วนลึกในใจเขา เพียงเพราะชายชรามีกำลังที่จะทำเช่นนี้ได้
เขาต้องการที่จะข่มขู่ หลินเฟิง


ตอนแรกชายชราคิดว่า ซู่ชิว สามารถเอาชนะ หลินเฟิง ได้ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำเป็นสนใจการ
ต่อสู้นั้น แต่ หลินเฟิง ไกลับชนะนั่นเป็นความอัปยศของสถาบัน ดังนั้นชายชราจึงโกรธ


"คนแก่เช่นท่านจะเป็นคนไม่ยุติธรรมได้อย่างไร? คนอื่น ๆ ได้ทำการยั่วยุเขาก่อนนะ "ต้วนเฟิง
กล่าว เขากำลังจะไปใช้เวลาอยู่ในสถาบันในอนาคตและหวังว่าจะเป็นสถานที่ที่ดีในการศึกษา
เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในวันแรก


นอกจากนี้เป็นอาจารย์เองที่สร้างปัญหา


"เจ้าหนะหุบปากซะ! อย่าลืมว่าเจ้าเป็นนักเรียนของสถาบันสำนักสวรรค์ หรืออาจเป็นไปได้ว่า
เจ้าไม่อยากเป็นหนึ่งในนักเรียนอีกต่อไป "ชายชรามองอย่างเย็นชาไปที่ ต้วนเฟิง และข่มขู่เขา


ต้วนเฟิง กำลังจะพูดอะไรบางย่างแต่ หลินเฟิง ได้ขัดจังหวะเขาและกล่าวว่า "ต้วนเฟิง เจ้าเป็น
นักเรียนของสถาบันสำนักสวรรค์ สิ่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า "เมื่อพูดจบ หลินเฟิง ก็มอง
ไปที่ชายชราและพูดขึ้นว่า:" งั้นหลังจากการพูดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วท่านตั้งใจจะทำอะไรล่ะ? "


"การทำลายชื่อเสียงของสถาบันนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงและเจ้าสมควรตาย เพราะวันนี้เป็นวันลง
ทะเบียนวันนี้เป็นวันแห่งความสุขเพราะฉะนั้นข้าจะทำให้การบ่มเพาะพลังของเจ้าพิการซะ "
ชายชรากล่าว แต่ดวงตาของเขาเผยถึงเจตนารมณ์ในการฆ่าอย่างชัดเจน


หลินเฟิง เป็นอัจฉริยะและมีความสามารถพิเศษตามธรรมชาติ แต่เขาจะสู้กับชายชราได้อย่างไร
เขายังเด็กและอ่อนแอเกินไป ชายชรานั่นอาจทำลายการบ่มเพาะพลังของ หลินเฟิง ได้อย่าง
ง่ายดายหากเขาต้องการ


หลินเฟิง นั้นมีพรสวรรค์อย่างมากและเขาไม่ได้เข้าร่วมสถาบันซึ่งทำให้ชายชราคนนี้ต้องการ
ที่จะทำให้การบ่มเพาะพลังของเขาพิการ วิธีนี้สถาบันจะมีคู่แข่งที่น้อยลงไปอีกหนึ่งคนในอนาคต
หลินเฟิง อาจต้องการไปเรียนต่อที่ลานอันศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว


"ทำลายการบ่มเพาะพลังของข้างั้นรึ? ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณพูดแบบนั้น "หลินเฟิง
พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เมื่อมีคนที่แข็งแกร่งอย่างมากพูดเช่นนี้ พวกเขาก็หมายถึงเช่นนั้น
และมักจะทำสิ่งที่พวกเขากล่าวไว้โดยไม่ลังเล ถ้าพวกเขาต้องการที่จะฆ่าพวกเขาก็จะฆ่า
ถ้าพวกเขาต้องการที่จะทำให้ผู้อื่นพิการพวกเขาก็จะทำให้การบ่มเพาะพลังพวกนั้นพิการ
ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดได้ เบื้องหน้าคนเหล่านี้ไม่ว่าคนที่มีพรสวรรค์จะมีความสามารถ
อย่างไรก็ตาม ถ้าบุคคลนั้นไม่เป็นประโยชน์กับพวกเขาแล้วพวกเขาก็จะกำจัดคนเหล่านั้น
ทิ้งโดยไม่ลังเลใจ


โลกนี้เกี่ยวกับการที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด โรงเรียนนิกายและอื่น ๆ ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน
ความสำคัญเพียงอย่างเดียวนั้นคือความแข็งแกร่ง แต่ หลินเฟิง ไม่ได้รู้สึกกลัวอีกต่อไปเนื่อง
จาก เมิ้งชิง อยู่กับเขา เธอได้แสดงให้เขาเห็นว่าเธอสามารถปกป้องเขาได้ เธอมีพลังอย่าง
ไม่น่าเชื่อ ดังนั้น หลินเฟิง จึงไม่กังวลแม้แต่เล็กน้อย


นอกจากนี้ เมิ้งชิง ได้สัญญากับ หลินเฟิง ว่าเธอจะปกป้องเขา เมิ้งชิง ไม่ได้ชอบพูดโดย
เฉพาะอย่างยิ่งการพูดจาพร่ำเพื่อ ดังนั้นเมื่อเธอพูดไว้ยังไง มันแน่นอนว่าเธอหมายถึง
แบบนั้น


"ท่านอาจารย์มันจำเป็นที่จะโกรธมากขนาดนั้นเลยรึ?" มีเสียงที่ไม่แยแสกล่าวมาในขณะนั้น
เงาคนหนึ่งได้ออกมาจากฝูงชนและพูดต่อว่า : "ชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ถ้าเขา
ตกลงที่จะเข้าร่วมสถาบันเขาก็จะกลายเป็นคนแข็งแกร่งและมีพลังอย่างมาก "


มันเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีผมยาวสวยงาม เสียงของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวลซึ่งทำให้
ผู้คนจำนวนมากประหลาดใจ นอกจากใบหน้าของเขาดูสง่างามและละเอียดอ่อนในขอบเขต
ที่ว่า "หน้าตาน่ารัก" สามารถใช้เพื่ออ้างถึงใบหน้าของเขาได้ ใบหน้าของเขาดูสวยกว่า
ผู้หญิงธรรมดาๆเสียอีก



ชื่อของเขาคือ เวิ่นห่าวฉี


"เจ้ากำลังทำอะไร?" ฝูงชนจำนวนมากกล่าวเมื่อเห็น เวิ่นห่าวฉี   พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
เมื่อชายชราเห็นและได้ยินเสียง เวิ่นห่าวฉี เขาก็พยักหน้าเขา



"และเจ้าล่ะ? เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูด? "ชายชราถาม หลินเฟิง ทุกคนต่างมึนงง
เวิ่นห่าวฉี กล่าวว่าประโยคเดียวมันก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนใจชายแก่ได้


"อะไรนะ? ข้าคิดยังไงเกี่ยวกับการเข้าร่วมสถาบันสำนักสวรรค์งั้นรึ?" หลินเฟิง ถาม
เวิ่นห่าวฉี หลินเฟิง ส่ายหัวทันทีและกล่าวว่า "ข้าไม่สนใจ"



"หือ?" ชายชราประหลาดใจ เขาเหลือบไปมอง หลินเฟิง และกล่าวว่า "เจ้าไม่รู้รึไงว่าอะไร
คือสิ่งที่ดีสำหรับตัวเจ้า ข้าได้ให้โอกาสเจ้าเข้าร่วมสถาบันสำนักสวรรค์แล้ว และเจ้ากลับ
ปฏิเสธมัน ดีถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็โทษข้าไม่ได้. "







Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook