ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 112


ตอนที่ 112 ใครตบใครกันแน่?











"ฮ่า ๆ ทำไมเจ้าถึงพูดมากเช่นนี้? การต่อสู้ที่ดีจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาว่าใครแข็งแกร่งกว่าใค "
ผู้ร่ำรวยและขุนนางบางคนในฝูงชนกล่าว มีบางคนที่รู้จักตระกูลซู่ และผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น
ที่สุดคือ ซู่ชิว เพราะตอนที่เขายังอายุไม่ถึงสิบเจ็ดและได้ผ่านชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สอง หลินเฟิง
ที่ยังอายุไม่ถึงสิบเจ็ดไม่มีทางเอาชนะเขาได้


"หืม, ท้าทายเขา คนที่ไม่ได้มีหนังสือแนะนำเป็นเรื่องที่ยุติธรรมจริงๆงั้นรึ? คนเราไม่ควรท้าทาย
คนที่อ่อนแอกว่านะ "ซู่ชิว กล่าว เขารู้สึกสบายใจเขาได้รับการสนับสนุน


"ถ้าเจ้าไม่กล้าแค่พูดออกมาและอย่าพยายามหาข้อแก้ตัว ซู่ชิว เพียงแค่จะตบหน้าชายคนนั้น
ไม่กี่ครั้งและแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้บ่มเพาะพลังปลูกที่ร่ำรวยและเป็นชนชั้นสูงที่ขอทานเหล่านี้
ไม่สามารถเทียบได้ "ชายหนุ่มคนหนึ่งในฝูงชนที่ได้กล่าว ในขณะที่เกี่ยวกับวิธีการที่แข็งแกร่ง
ของผู้บ่มเพาะพลังชนชั้นสูง  ชายหนุ่มที่กำลังพูดถึงก็เสื้อสีเหลืองและดูหยิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาดูอายุราวสิบแปดปี


ไม่ต้องห่วง ไป๋ซือ ไม่จำเป็นต้องบอกข้าเรื่องนี้ ถึงแม้เจ้าจะไม่บอกเรื่องนี้ ข้าก็จะตบเขาและ
ข้าจะตบปากที่สกปรกๆของเขาด้วย "ซูชิว กล่าวขณะยิ้ม


"ฮ่า ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าไม่ควรทำให้ตระกูลซู่ เสียหน้า "ไป๋ซือ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ลึกลับ
บนใบหน้าของเขา ถึงแม้ ซู่ชิว จะแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในสถาบัน แต่เขาก็ยังไม่ได้
โจมตี หลินเฟิง แม้ว่าเขาจะต้องเหยียดมือออกและตบเขาก็ตาม ไป๋ซือ กำลังสงสัยว่าทำไม
ซู่ชิว ถึงต้องใช้เวลามากเช่นนี้


"จะเป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลซู่ จะเสียหน้าได้" ซู่ชิว กล่าวด้วยขณะเชิดหัวขึ้นและมองไปที่
หลินเฟิง ในแบบที่ดูถูก จากนั้นเขาก็บอกกับ หลินเฟิง ว่า "ถ้าเจ้าตบหน้าตัวเอง
ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า"


"ข้าไม่ค่อยได้พบกลุ่มคนที่มีจิตใจดีแบบนี้มาก่อนเลย" หลินเฟิง กล่าวด้วยความโกรธ เขา
ไม่ได้สนใจ ซู่ชิว เลย เขากำลังมองไปที่ ต้วนหยู ที่ไม่ได้พยายามที่จะเตือน ซู่ชิว ถึงอันตราย
แต่เธอเอาแต่มองอย่างเงียบ ๆ และรอการแสดงเพื่อเริ่มต้น


เดี๋ยวทุกคนก็จะด้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า หลินเฟิง ได้ตบเธอ แต่ถ้า หลินเฟิง แสดง
พลังของเขาแล้วในขณะนั้นเธอจะไม่สูญเสียใบหน้ามากนัก เพราะทุกคนจะเห็นว่าเขาแข็ง
แกร่งแค่ไหนแต่คนอื่นจะไม่คิดอย่างนั้น เธอถูกตบโดยใครก็ไม่รู้


"ไอปัญญาอ่อน?" ฝูงชนพบ หลินเฟิง สร้างความสนใจและได้รับความสนใจมากขึ้น


"ซู่ชิว คนที่เจ้าเรียกว่าขอทานได้เรียกเจ้าว่าไอปัญญาอ่อน "


"ฮ่าฮ่า ,ซู่ชิว ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกข่มขู่โดยชายหนุ่มคนนี้ซะแล้ว" เสียงอีกเสียงกล่าว
ความคิดเห็นที่โหดร้ายเหล่านี้ทำให้ ซู่ชิว ดูโกรธยิ่งขึ้น


"ไม่เพียงแต่ข้าจะตบหน้าของเจ้า แต่ข้าจะตบใบหน้าของพวกเขาด้วย ข้าจะสั่งสอนเจ้า
และเพื่อนของเจ้าและมอบบทเรียนดีๆให้ "ซู่ชิว กล่าวแล้วมองไปที่ เมิ้งชิง และ จิ้งหยุน
เรื่องนี้ทำให้ หลินเฟิง โกรธมาก เขาไม่ชอบยั่วยุคนอื่น แต่คนอื่นมักตัดสินใจที่จะยั่วยุ
เขา ทำไมเหล่าขุนนางเหล่านี้มักมองดูคนอื่นต่ำกว่าแล้วคิดว่าอ่อนแอกว่าตัวเอง


"เจ้ายังไม่ได้พูดคุยเรื่องไร้สาระอะไรอีกรีบๆพูดมา?" หลินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชาทำให้
ซู่ชิว โกรธยิ่งขึ้น


ร่างกายของเขาสั่นเขายกมือขึ้นด้วยฝ่ามือที่เปิดกว้างออกเผยให้เห็นพลังปราณโผล่
ออกมาจากมันและสร้างคลื่นลมไปในอากาศ


เขาเหวี่ยงมือไปทาง หลินเฟิง โดยตรงมันแข็งแกร่งพอที่จะตบส่งทุกคนให้ลอยไป
เมื่อโดนเข้า


รอยยิ้มที่เย็นชาและไม่แยแสได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ หลินเฟิง เขายกมือขึ้นอย่าง
รวดเร็วราวกับสายฟ้าและหยุดมือ ซู่ชิง ไว้ครึ่งทาง


หือ? ซู่ชิง ประหลาดใจ ชายคนนี้ไม่ได้อ่อนแอถ้าเขาสามารถที่จะหยุดมือของเขาเช่นนี้ได้


"เจ้าคิดว่าการใช้กำลังทั้งหมดของเจ้าเพื่อป้องกันไม่ให้โดนตบนี้ดีแล้วงั้นสินะ" ซู่ชิง กล่าว
อย่างเย็นชา ทันใดนั้นเปลวไฟก็โผล่ออกมาจากร่างของเขา ทันใดนั้นเขาก็เปิดปากและ
เปลวไฟที่พลุ่งพล่านได้เริ่มพุ่งตรงไปยัง หลินเฟิง


"นี้มันทักษะบ้าอะไรกัน " ฝูงชนรู้สึกประหลาดใจ หลินเฟิง โชคร้ายจริงๆและมันไม่ค่อยดีแน่
เท่าไหร่ถ้าเขาใช้โจมตีแบบนี้


แต่ในขณะนั้น หลินเฟิง ใช้มืออีกข้างหนึ่งเพื่อโจมตีออกไป ปราณที่แข็งแกร่งได้โผล่ออกมา
จากฝ่ามือของเขาและพุ่งตรงออกไป เปลวไฟของ ซู่ชิง ได้ดับลงและยังคงพุ่งตรงต่อไปที่ ซู่ชิง


ทันใดนั้น ซู่ชิง ใช้อีกมือของเขาและจากนั้นก็ใช้ทั้งสองมือของเขาปล่อยเปลวไฟที่มีประสิทธิ
ภาพอย่างเหลือเชื่อซึ่งตรงไปโจมตี หลินเฟิง


อากาศได้ร้อนและร้อนมากขึ้น แต่ดวงตาของ ซู่ชิง กลับเย็นเป็นน้ำแข็ง เขาได้ประเมิน หลินเฟิง
ต่ำเกินไป และถูกบังคับให้ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องตัวเอง


แต่ หลินเฟิง ได้โจมตีอีกครั้ง แม้ว่า ซู่ชิง ได้ป้องกันการตบหน้าครั้งแรกจาก หลินเฟิง ได้ ดวงตา
ของเขากว้างและเปิดออก จ้องมองไปที่มือที่เคลื่อนที่ไปยังใบหน้าของเขาด้วยความเร็วสูง


"หลบ" ซู่ชิง กำลังคิดแต่ ... มันไม่สายเกินไปงั้นรึ?


"ปัง!" ในตอนนั้นมีเสียงตบที่ฟังชัดเจนและดังขึ้น ฝูงชนทั้งหมดถึงกับตะลึง


เขาต้องการที่จะตบหน้า หลินเฟิง แต่เขากลับถูกตบหน้ากลับมาโดย หลินเฟิง ... ?


หลินเฟิง ไม่ได้ใช้กำลังเท่าไหร่ ซู่ชิง ยังคงยืนอยู่ที่นั่น แต่ศักดิ์ศรีของเขาที่มีเขารู้สึกเจ็ฐใจ
มากกว่าแก้มของเขา ศักดิ์ศรีของเขาได้ถูกเหยียบย่ำอย่างสมบูรณ์และเขาเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง


"นี่เจ้ากล้าตบหน้าข้ารึ?" ซู่ชิว กล่าวขณะที่ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาจับแก้มตัวเอง
 มันร้อน ... และเขามีรอยช้ำขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา


"อะไรกันเพิ่งเคยโดนตบครั้งแรกรึไง?" หลินเฟิงพูดตอบคำถามโง่ ๆ ที่ถามเขามา


"วันนี้เจ้าได้รับรู้ความอดทนของข้า ข้าเบื่อกับความโง่เขลาของเจ้าจริงๆ ไปให้พ้นซะ "
หลินเฟิง กล่าวขณะยกมือและตบหน้า ซู่ชิง อีกครั้ง ในเวลานั้น หลินเฟิง ไม่ได้บังคับตัวเอง
จากการใช้กำลังของเขา ฝ่ามือของเขากระแทกใบหน้าของ ซู่ชิง ทันทีซึ่งส่งเขาบินไปหลายเมตร


เมื่อฝูงชนได้เห็นร่างของ ซู่ชิง หล่นลงมาที่พื้นภายในเสี่ยวสินาทีนั้นพวกเขาตัวสั่นสะท้าน
การตบนั่น...... ช่างรุ่นแรงจริงๆ!


หลินเฟิง หันกลับไปและมองไปที่ ซงหลิง เธอดูตกใจและก้าวถอยหลัง


"เจ้าสมควรได้รับแบบเดียวกัน" หลินเฟิง กล่าว ตาของ ซงหลิง หลี่ลง เธอดูกำลังหวาดกลัว
อย่างมาก ช่างเป็นความอัปยศอะไรเช่นนี้


"ข้าจะฆ่าเจ้า!" ทันใดนั้น ซงหลิง ก็ตะโกนด้วยความโกรธขณะที่ยืนขึ้นอย่างช้าๆ


"เสียงผิวปากเรียกอสูรหมาป่าจันทรา วี๊ดด!" ซู่ชิว ผิวปาก อสูรหมาป่าจันทรา ของ ซู่ชิวกำลัง
เคลื่อนที่ไปทาง หลินเฟิง ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนว่ามันกำลังเดินทางด้วยความเร็ว
เหนือแสง มันเปล่งแสงพราวขณะที่มันเคลื่อนที่และดูเหมือนว่ามันกำลังฉีกบรรยากาศโดยรอบ
ออกจากกัน


"สัตว์อสูรงั้นรึ" หลินเฟิง กล่าว มีแสงจ้าประกายระหว่างหมาป่าและ หลินเฟิง ทันใดนั้นก็ไม่มีแสง
เหลืออยู่ระหว่างพวกเขาและไม่มีเสียงใดๆ ร่างกายของอสูรหมาป่าจันทราร่วงลงไปบนพื้น
โดยไม่มีร่องรอยของชีวิต


แสงที่มาจากดาบ มันเป็นดาบแน่ ๆ "บางคนกล่าวว่าในกลุ่ม เป็นการโจมตีด้วยดาบที่รวดเร็วและ
กระชับมากด้วยดาบและเขาได้ฆ่าอสูรหมาป่าจันทรา ระดับจิตวิญญาณ


"เจ้า ...... " ซู่ชิว โกรธมาก ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียด


"ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าปิดปากสกปรกๆของเจ้าไปตลอดกาล เจ้าไม่ควรพูดให้ข้าได้ยินอีก"
หลินเฟิง กล่าว ในขณะที่มีเจตนาที่จะฆ่าอย่างไร้ความปราณี  เห็นได้ชัดว่า ซู่ชิว รีบหุบปาก
แต่ก็ยังโกรธมาก ไม่ว่าเขาจะโกรธมากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ


"เฮ้ ... และไอพวกที่หยิ่งๆทั้งหลาย ผู้บ่มเพาะพลังที่มีเกียรติและมั่งคั่งจริงๆไม่ต่างอะไรจากตัวตลก
พวกเขาไม่สามารถทนต่อการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ เหมือนขยะไม่มีผิด "คนในฝูงชนกล่าวว่า
บรรดาผู้ที่ส่งเสริมให้ ซู่ชิว โจมตี หลินเฟิง ไม่เพียง แต่ ซู่ชิว จะไม่สามารถจัดการ หลินเฟิงได้
แต่เขากลับถูกตหน้าไปบสองครั้ง นั่นเป็นเหตุให้เกิดความอัปยศอย่างมากสำหรับบรรดาชนชั้น
สูงที่มั่งคั่งและขุนนางผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำตัวหยิ่ง พวกเขามีความรู้สึกว่าเหมือนกำลังถูกตบหน้า


"ซู่ชิว เจ้าเป็นความอับอายของตระกูลซู่" ไป๋ซือ กล่าวอย่างเย็นชาซึ่งทำให้ ซู่ชิว รู้สึกอายกับการ
กระทำของตัวเอง ซู่ชิว ได้รับความอายแล้ว แต่ ไป๋ซือ ก็ไร้ความปรานีด้วยการดูหมิ่นเขา
ซู่ชิว โกรธมาก


แต่เมื่อ ซู่ชิว นึกถึงตระกูลไป๋ที่แข็งแกร่งแล้วเขาก็ควบคุมตัวเองและอดทนต่อการทรมานนั่น


ในขณะนั้น หลินเฟิง  ยจ้องมองไปที่ ไป๋ซื่อ ซึ่งทำให้ ไป๋ซื่อ สงสัยว่า หลินเฟิง ต้องการอะไรตาของ
ไป๋ซื่อ หลี่ลงและมองไปที่ หลินเฟิง


"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าที่เป็นคนบอกให้  ซู่ชิว ตบหน้าข้าสองสามครั้งไม่ใช่รึ?" หลินเฟิง กล่าวกับ
ไป๋ซือ โดยไม่แยแส ฝูงชนก็เงียบลงอีกครั้ง


หลินเฟิง อยากจะต่อสู้อีกครั้ง?


หลินเฟิง เริ่มโกรธและหมดความอดทนเมื่อเขาเห็นว่า ไป๋ซื่อ ไม่ตอบกลับเลย


"เจ้าสั่งให้เขาตบข้า แต่เขาล้มเหลว เจ้าไม่ควรลองด้วยตัวเองตอนนี้หน่อยหรือ? เจ้าไม่ควรที่จะ
แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเจ้ามีความถูกต้อง เกี่ยวกับความจริงที่ว่าผู้บ่มเพาะพลังที่ร่ำรวยและชนชั้นสูง
นั้นดีที่สุดงั้นรึ? "หลินเฟิง กล่าวซึ่งคำพูดดังกล่าวสะท้อนอไปทั่วให้ทั่วฝูงชน ในขณะนั้นบรรดาผู้
บ่มเพาะพลังที่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่มั่งคั่งและขุนนางเริ่มขำและหัวเราะ ไป๋ซือ


"ไป๋ซื่อ ก่อนหน้านี้เจ้าได้ท้าทายและถูกทำให้อับอายโดยใครบางคน ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่?
เป็นไปได้ไหมที่เจ้ากำลังกลัว? "


"ไป๋ซือ เจ้าไม่ได้บอกว่าผู้บ่มเพาะพลังที่ร่ำรวยและชนชั้นสูงดีกว่าผู้เพาะพลังธรรมดิาเป็นล้านเท่า
หรอกรึ? ทำไมเจ้าไม่ลองพิสูจน์คำพูดของเจ้าด้วยตัวเองละ?  แสดงให้ข้าเห็นมันหน่อย เป็นไปได้
ไหมที่สิ่งเดียวที่ผู้บ่มเพาะพลังที่มั่งคั่งและขุนนางชนชั้นสูงดีแต่พูดจาใหญ่โต? "


ทุกคำที่รุนแรงเหล่านี้ถูกทิ่มแทงเข้าไปในหูของผู้บ่มเพาะพลังที่มีเกียรติและชนชั้นสูงทุกคนโดยไม่มี
ข้อยกเว้นขุนนางและผู้บ่มเพาะพลังสามัญกำลังจ้องมองไปที่ ไป๋ซือ หวังว่าจะได้ยินคำตอบของเขา...








Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ








ความคิดเห็น

Facebook