ตอนที่ 101 หมดสิ้นหนทาง?
บนถนนที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ไม่ได้มีการเพาะปลูก มีเงาสองคนกำลัง
ขี่ม้า มีชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเด็กผู้หญิงที่งามสง่า พวกเขากำลังควบม้าด้วยความเร็วเต็ม
กำลังซึ่งมีทรายฝุ้งตลบอบอวนรอบๆม้า
คนสองคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็น หลินเฟิง และ เมิ้งชิง ซึ่งตอนนี้กำลังขี่ม้าตัวเดียวกันเข้าสู่เมืองจักรพรรดิ
หลินเฟิง ภูมิใจที่ได้ขี่ด้วยความเร็ว ม้าของเขากำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว ผมยาวของ หลินเฟิง ก็ลอยไป
พร้อมกับเสื้อคลุมของเขาซึ่งสร้างเสียงเหมือนธงที่โบกสะบัดอยู่ในสายลม
เรื่องไม่ดีก็คือ หลินเฟิง กำลังจะร่วงเพราะลมที่รุนแรง หลินเฟิง แทบจะร่วงลงเพราะเขายืนอยู่บนม้า
ด้านหลัง เมิ้งชิง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปลอบโยนเขาได้คือเขาอยู่ข้างหลัง เมิ้งชิง และสามารถเอามือของ
เขาวางไว้บนไหล่ของเธอเพื่อรักษาการทรงตัวของเขา
"ถ้าข้าไม่ได้ตัดผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณข้าก็คงอ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ไม่งั้นข้าคงตกจาก
หลังม้าไปนานแล้ว"
แม้ว่า เมิ้งชิง จะไม่เคยเห็นอะไรอื่นนอกจากภูเขาวายุทมิฬ และเธอก็ไม่เข้าใจโลกภายนอกมากนัก
แต่เธอก็ยังไม่ยอมให้คนอื่นเห็นความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเธอ เธอฉลาดมากและมีความ
สามารถในการรับรู้ที่น่าทึ่ง
ในขณะนั้น เมิ้งชิง หันหน้าและมองไปที่ หลินเฟิง เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังมีเวลาที่ยากลำบาก
และยิ้มให้กับเขา
แม้ว่าจะเป็นเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยดูเหมือนว่าไม่มีอะไรในโลกนี้สวยงามเท่ารอยยิ้มของเธออีกแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนั้นไม่น่าสนใจและน่าเบื่อปในทันที รอยยิ้มนั้นได้ให้แสงสว่างแก่ทุกสิ่งทุก
อย่างรอบตัวและทำให้โลกนั้นดูสดใสขึ้น
"มันมากเกินไป ช่างเป็นโลกที่โหดร้ายอะไรเช่นนี้ "หลินเฟิง คิด เขาแทบไม่อยากเชื่อในความ
สวยของ เมิ้งชิง ว่าทำไมถึงได้สวยเพียงนี้ เมื่อเขามองไปที่เธอเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างในช่วงเวลาสั้น ๆ
เขายิ้มให้กับไปให้เธอในขณะที่เขาคิดถึงความน่าสงสารของตัวเอง
"เจ้าอยากนั่งลงไหม?" เมิ้งชิง ถามแล้วมองอย่างไม่แยแสอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรจะส่งผลกระทบต่อเธอได้
"ใช่ข้าอยากนั่ง" หลินเฟิง กล่าวพร้อมกับพยักหน้า หลินเฟิง นั้นเป็นชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
แต่โลกเต็มไปด้วยผู้คนที่มีเจตนาร้าย สิ่งสำคัญคือไม่ควรไร้เดียงสาและไม่แสดงจุดอ่อนให้คนอื่นเห็น
และไม่ควรซื่อสัตย์เกินไป
แต่ หลินเฟิง เป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังกับคนที่โหดร้ายและ
คนที่ไร้ความปรานี
"อธิบายให้ข้ารู้ว่าโลกภายนอกนั่นทำงานยังไง ถ้าเจ้าสามารถทำให้หัวใจเต้นและสั่นคลอนความรู้สึก
ของข้าได้ ข้าก็จะพิจารณาเรื่องนี้อีกที" เมิ้งชิง กล่าวพร้อมกับดวงตาที่คาดหวังซึ่งทำให้ หลินเฟิง
มึนงง เขาสับสนและช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ้มออกมา
"โลกภายนอกงั้นรึ?"
แม้ว่า หลินเฟิง จะรู้เรื่องโลกนี้ว่าโหดร้ายมากแค่ไหนเขาก็ยังสับสน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนั่น
เขาเพิ่งอยู่ในโลกนี้เพียงเวลาสั้นๆเท่านั้น เมิ้งชิง ลองท่องโลกนี้เองน่าจะง่ายกว่า
แต่ในขณะนั้น หลินเฟิง ได้พูดกับ เมิ้งชิง ขณะที่ยิ้มว่า "ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องราวของครอบครัวข้า"
"ตกลง" เมิ้งชิง กล่าวขณะที่พยักหน้าเบา ๆ
"ในครอบครัวของข้ามีสัตว์อสูรที่โหดร้ายซึ่งมีอายุหนึ่งพันปี มันมีอำนาจวิเศษและแข็งแกร่งอย่างมาก
ชื่อของมันคือ ไป่ซู่เซิ่น "
เสียงของ หลินเฟิง นั้นบางเบา เขาจำได้ว่านั้นเป็นตำราโบราณที่เขาได้อ่านในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาจำเรื่อง
ราวเกี่ยวกับความรัก เหลียงชานโบ และ ชูหญิงไท่ ในช่วงชีวิตพวกเขาได้ตกหลุมรักกัน แต่เนื่องจาก
สถานการณ์บางอย่างพวกเขาได้พลัดพรากออกจากกัน เมื่อความตายได้แยกคนรักพวกเขาเปลี่ยน
เป็นวิญญาณ พวกเขาเป็นผีเสื้อเพื่อว่าพวกเขาจะไม่ถูกแยกออกจากกันอีกครั้ง เขาพยายามที่จะใช้
องค์ประกอบจากเรื่องราวดังกล่าวเพื่อทำให้เรื่องราวของเขาเข้าถึงได้มากขึ้นและดูเป็นจริงมากขึ้น
เมิ้งชิง รู้สึกหลงใหลในคำพูดของ หลินเฟิง ที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า หลินเฟิง นั่งลง
ข้างหลังเธอและห่อหุ้มรอบเอวไว้ ร่างกายทั้งสองของพวกเขาจากระยะไกลดูเหมือนจะรวมเป็นหนึาง
"เอาล่ะ" หลินเฟิง เล่าจบแล้วดึงบังเหียนไปและหยุดม้า
ในขณะนั้น เมิ้งชิง หันหน้าไปรอบ ๆ และไม่ถึงหนึ่งเซน หน้าเธอ และ หน้าของ หลินเฟิง แทบจะชนกัน
เมื่อ หลินเฟิง เห็นใบหน้าของ เมิ้งชิง ที่เข้ามาใกล้ หัวใจของเขาเริ่มสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้
สิ่งที่เขาอยากทำก็คือการจูบเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักและน่าหลงใหลอย่างมาก
"ดูเหมือนว่าหัวใจข้านั้นยังอ่อนแอ ฮ่าฮ่าฮ่า ใบหน้าของเขาใกล้กับ เมิ้งชิง ช่วยไม่ได้ที่เขาจะแข็งทือ
หัวใจของเขารู้สึกเหมือนน้ำแข็งที่กำลังจะเริ่มละลาย
หลินเฟิง เป็นนักบ่มเพาะพลังที่มีแรงบันดาลใจและตั้งเป้าหมายไว้สูงสำหรับตัวเอง ในโลกนี้คนอย่าง
เมิ้งชิง นั้นหายาก เธออาจจะเลือดเย็นไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใดก็ตาม เฉพาะนักบ่มเพาะพลัง
ที่ชาญฉลาดเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในระดับสูงอย่างการควบคุมตัวเองได้ แต่สำหรับ
หลินเฟิง แล้วนั้นไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ เขาไม่ได้อยู่ในระดับที่จะทานทน เมิ้งชิง ได้
เมิ้งชิง ทำหน้าใจและถาม หลินเฟิง ทันทีว่า "เจ้าเล่าจบแล้วหรือยัง"
"ใช่จบแล้ว" หลินเฟิง กล่าวขณะพยักหน้า
"ถ้าเจ้าเล่าจบแล้วทำไมเจ้าถึงได้นิ่งเงียบเช่นนี้? ข้าไม่ได้อนุญาติให้เจ้านิ่งเงียบเช่นนี้นะ "เมิ้งชิง
กล่าวด้วยความไม่เห็นด้วยที่ หลินเฟิง เงียบ ด้วยท่าทางหยอกล้อในสายตาของเธอ
"อ๊ะ ... .. " หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจแล้วพูดว่า: "เอาล่ะข้าจะเล่าให้คุณฟังต่อแล้วกัน"
"อืม" เมิ้งชิง ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพิ่มเติมล้วหันกลับไปโดยไม่สนใจ
“............ .”
ปากของ หลินเฟิง เปิดออก แต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้? ถ้าเขา
ไม่ได้เล่าเรื่องให้เธอฟังเขาก็ไม่สามารถนั่งแบบนี้ได้ ... แล้วกัน แบบนี้เขาจะหยุดเล่าให้เธอฟังได้
อย่างไร?
"เสียงสั่นไหวจากม้าที่กำลังวิ่ง!"
ในขณะนั้นพื้นดินได้สั่นด้วยเสียงม้า
หลินเฟิง จ้องมองไปที่ระยะไกลและเห็นฝุ่นตลบ นี่คือเสียงม้าที่กำลังวิ่งและเสียงดังขึ้นดังขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นมีม้าหุ้มเกราะบางตัวได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาล้อมรอบไปด้วยฝุ่น
เมิ้งชิง เร่งควบม้าไปและหาที่หลบซ่อน ในขณะนั้นม้าหุ้มเกราะกำลังจะผ่านพวกเขาไป ผู้นำของ
คนเหล่านี้ได้มองไปที่ หลินเฟิง เพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็ผ่านไป
"นั่นมันโจรที่ขี่ม้านี่?"
หลินเฟิง กำลังประหลาดใจ คนเหล่านี้ดูดีมาก แม้ว่าพวกเขากำลังวิ่งเหยาะๆอยู่บนถนน ในการ
เคลื่อนไหวของพวกเขา พวกเขากำลังวิ่งเป็นจังหวะอย่างสมบูรณ์แบบโดยพร้อมเพียงกัน
เป็นดังรูปขบวน ไม่แม้แต่จะเสียรูปขบวน
กลิ่นอายที่แข็งแกร่งจากร่างกายของพวกเขา หลินเฟิง สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่นั้นและความ
แข็งแกร่งของคนเหล่านี้ได้ดีในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าและทรงผมของพวกเขาดูแย่มากเช่นเดียวกับโจรที่ หลินเฟิง เคยสังหาร
"เป็นไปได้อย่างไรที่คนเหล่านี้ดูคล้ายกับโจรที่เจ้าฆ่า?"
เมิ้งชิง รู้สึกประหลาดใจและถาม หลินเฟิง ด้วยคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเคย
เธอหันกลับไปเพียงหนึ่งวิและเห็นว่า หลินเฟิง กำลังมองสับสนมาที่เธอ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิง ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
"พวกเขาก็เหมือนกัน!"
หลินเฟิง มองอย่างเย็นชาและพูดว่า: "เมิ้งชิง, รีบกลับไป เร็วเข้า!"
“ตกลง.”
พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะหันกลับไปและควบม้าเร็วขึ้นในทิศทางที่พวกเขาเพิ่งจากมา
............
รถม้าของ ต้วนเฟิง กำลังวิ่งด้วยความเร็วออกนอกเส้นทางที่ลึกเข้าข้างหลังเขา
เมืองจักรพรรดิอยู่ไกลจากเมืองหยุนหยางอย่างมากและพวกเขาไม่ต้องการใช้เวลา
มากเกินไปในการเดินทาง
"โอ้!"
ในขณะนั้นลุงหวังได้หยุดรถม้า
แม้ว่าลุงหวังจะอ่อนแอมาก แต่เขาก็ได้รับความนับถืออย่างมากจากตระกูลต้วนเนื่องจากเขา
ใกล้ชิดกับปู่ของต้วนเฟิง หลังจากความตายของพ่อของ ต้วนเฟิง ลุงหวังเป็นคนที่ได้รับมอบ
หมายให้จัดการกับสิ่งต่างๆในตระกูลต้วน สถานะของเขาภายในตระกูลนั้นสูงมาก
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมลุงหวังได้กล้าที่จะยืนยันให้ หลินเฟิง ออกไปแม้ว่า ต้วนเฟิง จะต่อต้าน
การตัดสินใจนั้นก็ตามที อย่างไรก็ตามถ้าใช่เพราะ ต้วนเฟิง และ จิ้งหยุน ทุกคนก็ยินดีที่จะได้
เห็น หลินเฟิง ออกไปให้พ้นทางพวกเขา
ในขณะนั้นลุงหวังได้สังเกตเห็นพายุฝุ่นสีเหลืองที่เกิดขึ้นจากระยะไกลและสังเกตเห็นว่าพื้นดินสั่นไหว
ทุกคนรู้สึกว่าพื้นดินกำลังสั่นไหว พวกเขากังวลและเริ่มจ้องไปในทิศทางที่มาของเสียงนั่น
หลังจากนั้นไม่นานผู้ชายจำนวนหนึ่งที่ขี่ม้าได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาซึ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัว
โจรขี่ม้า...
ทันใดนั้นมีโจรจำนวนมากมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
ดูเหมือนว่าพวกเขาโชคร้ายจริงๆในการเดินทางครั้งนี้
"หวังว่าพวกโจรเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งเหมือนกับโจรที่เราเพิ่งเจอ"
พวกเขาหวังว่าพวกโจรเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งพอ ๆกับพวกโจรที่พวกเขาได้พบมาก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ถูก
จัดการโดย หลินเฟิง พวกมันทั้งหมดแข็งแกร่งอย่างมากและผู้นำของพวกมันก็อยู่ระดับชั้นจิตวิญญาณ
ถ้า หลินเฟิง ไม่ได้อยู่ที่นั่นพวกเขาคงถูกฆ่าตายไปแล้ว
พวกเขากำลังคิดเกี่ยวกับ หลินเฟิง ที่ทิ้งพวกเขาไว้ ลุงหวังได้กล่าวหาว่า หลินเฟิง เป็นหนึ่งในสายลับ
ของ ต้วนเทียนหลาง แต่ตอนนี้ หลินเฟิง ไม่ได้อยู่ที่นี้อีกแล้วและตอนนี้กลุ่มโจรก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง
พวกเขาสับสนไปหมดและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือพวกเขาปรารถนาให้ หลินเฟิง ยังคงอยู่กับพวกเขา ลุงหวังยังคิดว่า หลินเฟิง
เป็นสายเพราะเขาได้รับความไว้วางใจจาก ต้วนเฟิง อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในขณะนั้นพวกเขา
ไม่ทราบว่าเป้าหมายของโจรพวกนั้นคืออะไร
หัวหน้าโจรถือมีดยาวซึ่งมีแสงพราวออกมาจากมีดนั้น
"ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าปล่อยให้มีใครรอดแม้คนเดียวชีวิต" หัวหน้าโจร ตะโกนด้วยเสียงที่เย็นชา
ร่างของโจรกำลังปลดปล่อยปราณที่รุนแรงอย่างมากออกมา
“ตู้มมมม”.
พื้นดินสั่นอย่างรุนแรง พวกโจรนั้นได้หยิบมีดออกมาและปราณที่อันตราย ซึ่งได้เคลื่อนที่ตรงไปยัง
รถม้าและเริ่มกดดันคนเหล่านั้นที่อยู่ในรถม้า
"ปกป้องนายน้อย!" ลุงหวังตะโกน ทหารยามได้เดินไปด้านหน้าเขาและปลดปล่อยจิตวิญญาณ
"ตายซะ!" โจรคนหนึ่งได้ตะโกนออกมาขณะที่มันแกว่งควงมีดขึ้นไปในอากาศ ทันใดนั้นเลือด
ได้สาดกระจายไปทุกที่และหัวได้ลอยกระเด็นไปในอากาศ
โลกที่เต็มไปด้วยความมืดมนเช่นนี้โดยปกตินิยมไม่ตัดหัวก็แทงไปที่ลำคอเหยื่อเสมอ เมื่อใดก็ตาม
ที่พวกเขาเห็นเลือดไหลทะลักออกมาในปริมาณมาก พวกเขาสนุกกับความกลัวของเหยื่อ
ฉากความรุนแรงดังกล่าวดูเหมือนจะถูกหยุดเวลาไว้ ทันใดนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างช้าๆและ
บรรยากาศโดยรอบก็เงียบงัน เลือดได้ไหลอลงมาบนปลายมีด
ยามได้ถูกตัดหัว ยังมีโจอีกยี่สิบสามสิบคนที่กำลังเฝ้าดูพวกเขาด้วยดวงตาที่ชั่วร้าย
คนที่เหลือหวาดกลัวและสั่นจากหัวจรดปลายเท้า ยามบางคนอยู่ในสภาพตกใจถึงขีดสุดและ
หัวใจของพวกเขาเต้นอย่างรุนแรงแทบออกจากหน้าอกของพวกเขา พวกเขาแทบจะหายใจไม่ได้
ภายใต้ความกดดันที่รุนแรงของพวกโจร พวกโจรเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าพวกโจรที่เพิ่งเจอเสียอีก
มันดูเหมือนจะเป็นจุดจบสุดของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดกำลังจะตาย
มันอาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังจะตายในสภาพเดียวกันและจบลงด้วยหัวถูกตัดออกและ
ทิ้งไว้ที่นี่ให้เน่าเปื่อย?
"หลินเฟิง, เจ้าอยู่ที่ไหน!"
พวกเขาทุกคนต้องการให้ หลินเฟิง กลับมาช่วยพวกเขา พวกเขาจำได้ว่า หลินเฟิง
ได้ฆ่าโจรพวกนั้นอย่างง่ายดายและรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่ลุงหวังได้สั่งให้ หลินเฟิง ออกไปและไม่มีใครรั้งให้เขาอยู่ด้วยกันได้ พวกเขา
ดีใจมากและหลายคนก็มีความสุขที่ได้เห็นเขาจากไป แต่ตอนนี้พวกเขาต้องการให้ หลินเฟิง
ยู่ที่นี้ตอนนี้......
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น