ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 86


 ตอนที่ 86 ทางเลือกเดียว












"สำหรับเจ้ามันสายเกินไปแล้ว สำหรับเขา เขายังมีโอกาส ถ้าเขาอยากจะไปที่ลานศักดิ์สิทธิ์
ซูวเย่ว  เราก็จะต้อนรับเขาด้วยอ้อมอกของพวกเรา "


ต้วนเทียนหลาง กำลังมอง"ไปที่ หนานกงหลิง และ หลินเฟิง เขารู้ว่า หลินเฟิง เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่นของนิกายเห่าเย่ และนิกายหยุนไห่, หลินเฟิง นั้นอยู่เหนือยิ่งกว่าพวกนั้น
เขาเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่เขาต้องไปที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว


แน่นอนว่ายังมี เวิ่นเหลินหยาน เช่นกัน แม้ว่าเขาจะแพ้ หลินเฟิง เขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างมากและ
รูปแบบการต่อสู้ของเขาช่างลึกล้ำยิ่งนัก ถ้า หลินเฟิง ไม่ได้อยู่ที่นั่น เวิ่นเหลินหยาน จะเป็นศิษย์
ที่โดดเด่นที่สุดของนิกายหยุนไห่

"แม้ว่าพวกเขาจะทำลายนิกายหยุนไห่ไป พวกเขาจะไม่ฆ่า หลินเฟิง เขาเป็นคนที่มีความสำคัญอย่าง
มาก เขาเป็นอัจฉริยะที่พิเศษหาตัวจับได้ยากยิ่งเท่าที่เคยเห็นมา "


"หลินเฟิง มีอนาคตที่สดใสและมีเป็นไปได้ว่าเขาจะพัฒนาไปไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด"


ทุกคนต่างประหลาดใจกับพรสวรรค์ของ หลินเฟิง และอิจฉาเขา พวกเขาต้องทำอะไรเพื่อให้คนอื่น
 เคารพนับถือได้ดั่งเช่น หลินเฟิง บ้าง?


นอกจากนี้จริงๆแล้วดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเป็นไปตามที่ หลินเฟิง ได้อธิบายไว้ ในนิกายหยุนไห่
ผู้ที่อ่อนแอก็จะถูกรังแกและข่มขู่ ดังนั้นนิกายหยุนไห่ไม่มีอะไรให้ ถ้าผู้ที่ความแข็งแกร่งไม่แสดงฝีมือ
ให้เป็นที่ประจักษ์ออกมา


"เจ้าทั้งสองคนต้องยอมรับข้อตกลงของข้าและประตูของลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วจะเปิดกว้างสำหรับพวก
เจ้า ไม่จำเป็นต้องให้ข้าพูดซ้ำ แต่คำพูดที่ได้กล่าวไปนั้นเงื่อนไขการฝึกสอนจะดีกว่าในนิกายหยุนไห่
นี่เป็นความเป็นจริง "


ต้วนเทียนหลาง กำลังมองไปทาง หลินเฟิง และ เวิ่นเหลินหยาน โดยเฉพาะ


"ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว อีกครั้ง ... "


หลินเฟิง คิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หลิวเฟย ได้ชักชวนเขามาหลายครั้งแล้วและต้องการให้เขาเข้าร่วม
ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้คำตอบของเขาไป


เขาไม่คิดว่าใครจะขอให้เขาไปที่นั่นอีกครั้งและในช่วงเวลาสั้น ๆเช่นนี้ แน่นอนเขาไม่เคยคิดว่ามันจะอยู่
ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้


เวิ่นเหลินหยาน มองอย่างจริงจัง เขาเหลือบมองไปที่หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างเขาและจาก ต้วนเทียนหลาง
เขามีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา


"ท่านอาจารย์ของข้านั้นยิ่งใหญ่แลนิกายหยุนไห่ให้ความเคารพกับข้า ... มันจะเหมาะสำหรับข้ารึที่จะจาก
ไป?" เวิ่นเหลินหยาน คิด


หญิงชราคน ได้ป้องกันไม่ให้ หลินเฟิง ฆ่า เวิ่นเหลินหยาน เวิ่นเหลินหยาน สามารถตอบแทนคืนทุกสิ่งทุก
อย่างที่เธอต้องการให้เขาทำ


"เวิ่นเหลินหยาน มีความแข็งแกร้งอย่างมากและไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับพรสวรรค์ของเขา อยู่ที่นี่ก็เสียเวลา
ในการพัฒนา เขาต้องไปอย่างแน่นอน "


"ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับความพ่ายแพ้จาก หลินเฟิง ก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องละอายเมื่อเปรียบเทียบ
กับอัจฉริยะ"


ฝูงชนกำลังมองไปที่ เวิ่นเหลินหยาน ที่กำลังมองไปที่ ต้วนเทียนหลาง อย่างจริงจัง


"ประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่อยู่มานับพันปีและเจ้าต้องการที่จะทำลายมันในชั่วพริบตา ช่างเป็นเรื่อง
น่าเศร้าจริงๆ!กับนิกายหยุนไห่...... .. "


ในขณะที่พูดอย่างนี้ เวิ่นเหลินหยาน ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณอสูรไผ่สีฟ้าของเขา


ด้วยความเร็วเต็มรูปแบบ เขาได้กระโดนไปใกล้ๆ ต้วนเทียนหลาง พร้อมกับตะโกนว่า


"นิกายหยุนไห่ที่ผ่านมาได้มอบชีวิตให้แก่ข้า ก่อนหน้านี้ข้าแข็งแกร่งกว่าใครในนิกาย! "


เมื่อเขาพูดจบ  เวิ่นเหลินหยาน ก็ลงไปยืนด้านข้าง ต้วนเทียนหลาง ในขณะที่ดูชั่วร้ายตลอดเวลา


“.............................................................................................”



ทั้งฝูงชนประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่า เวิ่นเหลินหยาน กำลังทำอะไรพวกเขาเห็นเพียงภาพลักษณ์ที่
ชั่วร้ายในสายตาของเขา เขากำลังจะทรยศต่อนิกายและเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว


"ช่างเป็นคนทีไร้ยางอายที่สุด!"


"อันที่จริงแล้ว เขาไม่สนใจเรื่องความขายหน้าที่ได้รับ นิกายได้สร้างคนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอาย
เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? "


ศิษย์และผู้อาวุโสหลายคนสบถออกมา


"ฮ่า ๆ ... ." ต้วนเทียนหลาง หยุดชั่วแล้วพูดขณะยิ้มว่า "คนฉลาดย่อมยอมรับข้อเสนอตามสถานการณ์
เวิ่นเหลินหยาน เจ้าไม่ต้องกังวลเพราะในอนาคตเจ้าจะไม่ถูกบังคับให้เข้ามาในนิกายที่น่าสงสารนี่อีก "


"ไอเด็กปีศาจ !!!"


หญิงชรามองด้วยความโกรธและได้ปลดปล่อยปราณที่หนาวเย็นออกมาเธอก็รีบพุ่งตรงไปหา เวิ่นเหลินหยาน


ในขณะที่หญิงชราคนนั้นได้ผ่านไปข้างๆ ต้วเทียนหลาง เขาเหวี่ยงดาบขนาดใหญ่ลงไปหาหญิงชราคนนั้น


เสียงดังสนั่นแผ่ซ่านไปทั่วลานประลองแห่งชีวิต ร่างของหญิงชรากระเด็นกลับไปยังตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ อย่าง
ช่วยได้ แต่รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวได้เติมเต็มไปในหัวใจของเธอ


อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ในอนาคตข้าจะแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่าที่ท่านเคยทำได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง "


เวิ่นเหลินหยาน กำลังมองไปที่อาจารย์ของเขา ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง หญิงชราคนนั้นที่ถูก
โจมตีอย่างรุนแรงทำให้เธอบาดเจ็บอย่างหนักอย่างช่วยไม่ได้ แต่ได้คายเลือดออกมา หลังจากฟังคำพูด
เหล่านี้ เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นภาพเลือดของตัวเอง


"อย่ารีบร้อนไป"


ต้วนเทียนหลาง กำลังจ้องมองที่หญิงชราคนนั้นขณะที่ดูการเคลื่อนไหวของเธออย่างใกล้ชิดแล้วมองไปที่
หลินเฟิง และกล่าวว่า "แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าจะยอมรับข้อเสนอของข้าดังเช่น เวิ่นเหลินหยาน หรือไม่? นิกายหยุนไห่
 ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับมันต่อ? "


หลินเฟิง มองไปที่ ต้วนเทียนหลาง ด้วยความสงบ ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย
เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาความเงียบสงบออกจากใบหน้า หลินเฟิง


ทุกคนในกลุ่มกำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง ขณะที่ไม่อดไม่ได้ที่รอได้ยินคำตอบจากเขา


"หลินเฟิง เขาพูดถูกต้อง นิกายหยุนไห่ได้ทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก เจ้าควรไปกับเขา ข้าจะไม่
พยายามที่จรั้งไม่ให้เจ้าไป ไม่มีใครในนิกายหยุนไห่จะตำหนิเจ้าเพียงเพราะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป "


หนานกงหลิง ได้พูดคำเหล่านี้ขณะที่เขายืนนิ่งอยู่บนลานผู้ชม เวิ่นเหลินหยาน ได้รับการยอมรับดังนั้นจึงเป็น
เรื่องปกติสำหรับ หลินเฟิง เวิ่นเหลินหยานได้รับดูแลมาอย่างดีแตกต่างกันกับ หลินเฟิง ในช่วงแรกเขาได้รับ
ความสนใจจากนิกาย เขาได้รับความคุ้มครองและชื่นชมจากบรรดาผู้อาวุโส เขายังกลายเป็นศิษย์
โดยตรงของอาจารย์ที่แข็งแกร่ง


หลินเฟิง แตกต่างออกไป เขาไม่ได้ติดค้างอะไรกับนิกายหยุนไห่ หนานกงหลิง หวังจากก้นบึ้งของหัวใจว่า
หลินเฟิง จะอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจตำหนิได้ถ้าเขาต้องการที่จะจากไป ... เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะให้เขาอยู่ที่นี้


แม้ว่า หลินเฟิง จะยอมรับข้อเสนอของ ต้วนเทียนหลาง, หนานกงหลิง จะไม่ตำหนิเขา
แต่แน่นอนว่าเขาจะเสียใจ


"เจ้ากำลังถาม เวิ่นเหลินหยาน และข้าในเวลาเดียวกัน เจ้าคิดว่าข้าจะให้คำตอบแบบเขาอย่างที่เจ้าต้องการ
งั้นรึ?" หลินเฟิง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา คำตอบของ หลินเฟิง ทำให้ เวิ่นเหลินหยาน มึนงง เวิ่นเหลินหยาน
ไม่สามารถระงับความเกลียดชังที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาได้ เมื่อเขาได้ยินคำพูดจากปากของ หลินเฟิง


"ในโลกนี้ศัตรูไม่สามารถเป็นศัตรูกันได้ตลอดไป แม้ว่าเจ้าจะเกลียดเขาก็ตาม แต่ข้าก็จะให้โอกาสเเจ้าทั้งสอง
เลือกเช่นเดียวกัน ในการเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว และความเป็นไปได้ที่จะก้าวไปสู่การบ่มเพาะพลังในสภาพ
แวดล้อมที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ซึ่งเจ้าจะได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน ในไม่กี่ปีเจ้าก็สามารถฆ่าเขาได้
หากเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้าจะอยู่ห่างจากความไม่พอใจเรื่องส่วนตัวของพวกเจ้า ทั้งหมดนี้ที่สำคัญคือ
ถ้าเจ้ามีความแข็งแกร่งเจ้าก็บรรลุเป้าหมายของเจ้า "


"ไม่ละ" หลินเฟิง กล่าวขณะที่ส่ายหัว: "ถ้าเจ้ามีข้า เจ้าต้องไม่มีเขา ถ้าเจ้ามีเขาเจ้าก็ไม่มีข้า"


หลินเฟิง จริงจังกับคำพูดของเขาซึ่งทำให้ ต้วนเทียนหลาง ขมวดคิ้ว


"แล้วเจ้าต้องการอะไร?" ต้วนเทียนหลาง กล่าว


"ฉันต้องการที่จะฆ่าเขาตอนนี้" คำพูดที่โหดร้ายของ หลินเฟิง ได้ทำให้ เวิ่นเหลินหยาน ประหลาดใจ ...
 ไอ้สารเลว ...


"ไม่มีทางเลือกอื่นอีกรึ" ต้วนเทียนหลาง กล่าว


"ไม่มีทางอื่นอีกแล้วมันช่วยลดความโกรธของข้าได้ นี่เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น "หลินเฟิง ตอบ


ต้วนเทียนหลาง รู้สึกประหลาดใจและหลังจากนั้นช่วงเวลาสั้นๆได้กล่าวว่า "เอาล่ะ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้อง
สัญญาก่อนว่าเจ้าจะเข้าร่วมกับเรา เมื่อเจ้าตอบรับข้อตกลงของข้าแล้ว ข้าจะเป็นคนฆ่าเขาไม่ว่าเขา
จะยืนตรงไหน "


"ตู้ม" เวิ่นเหลินหยาน รู้สึกเหมือนสมองกำลังจะระเบิด หลินเฟิง ตกลงกับ ต้วนเทียนหลาง... เพื่อฆ่าเขา?


เขากำลังทรยศต่อนิกายที่หล่อเลี้ยงเขามาและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนจบละ?! มันช่างไร้สาระจริงๆ


ทุกคนที่ดูรู้สึกหนาวสั่นวิ่งลงไปยันกระดูกสันหลังของพวกเขา น่าแปลกใจที่ ต้วนเทียนหลาง ได้ให้ความ
สำคัญกับ หลินเฟิง มากว่า เขาพร้อมที่จะฆ่า เวิ่นเหลินหยาน เพื่อทำให้ หลินเฟิง เข้าร่วมกับพวกเขา


ดูเหมือน เวิ่นเหลินหยาน กำลังจะตายอย่างน่าสังเวช


“ไม่ เจ้าต้องฆ่าเขาก่อน "หลินเฟิง ตอบพลางส่ายหน้าอย่างมั่นคงเหมือนก่อน


"ถ้าข้าสังหารเขาเจ้าจะกลับคำพูดของเจ้าหรือไม่" ต้วนเทียนหลาง กล่าวขณะที่ส่ายหัวเช่นกัน "
เจ้ากำลังพยายามจะหลอกใช้ข้างั้นรึ?"


หลินเฟิง ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของ ต้วนเทียนหลาง กล่าว "เจ้าฉลาดมาก แต่เจ้าก็ใจร้ายเกินไป
เจ้าทำได้ดีในการจัดการกับคนอื่นๆ ข้าไม่ชอบคนประเภทนั้น "


"เจ้าหมายความว่า เจ้าปฏิเสธข้อเสนอของข้างั้นรึ?" ต้วนเทียนหลาง โกรธเล็กน้อย


"เป็นจริงดั่งที่ท่านกล่าวมา" หลินเฟิง กล่าวขณะที่เขาพยักหน้าอย่างไม่สนใจ
ซึ่งทำให้ทุกคนมองด้วยความประหลาดใจ


หลินเฟิง ปฏิเสธที่จะไปที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว เขาได้พยายามที่จะหลอกลวง
ต้วนเทียนหลาง ให้ฆ่า เวิ่นเหลินหยาน


ทุกคนมอง หลินเฟิง ด้วยความรู้สึกมึนงง ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไม หลินเฟิง ถึงได้ทำแบบนี้


"เวิ่นเหลินหย่น, เจ้าเห็นไหม? เจ้าเป็นแค่ขยะ เมื่อเจ้าไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป ไม่มีใครลังเล
ที่จะโยนเจ้าทิ้งไป แม้ว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ไม่มีตัวตรจะอยู่ใต้เงาของข้าตลอดไป "



คำพูดของ หลินเฟิง เป็นเหมือนมีดที่แหลมคม ที่ตัดความเย่อหยิ่งของ เวิ่นเหลินหยาน ออก
เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ความเย่อหยิ่งและความหยิ่งทะนงได้ถูกบดขยี้ เขาจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้


ถูกตัอง. หลินเฟิง พยักหน้าและ เวิ่นเหลินหยาน จะต้องถูกฆ่าตาย ทำไมสถานการณ์ของเขา
ช่างหน้าขันเยี่ยงนี้


"พอแล้ว" ต้วนเทียนหลาง ตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนักหลังจากหลอกถูกใช้  เมื่อเขามองไปที่ หลินเฟิง
เขากล่าวว่า "ข้าชื่นชมความกล้าหาญของเจ้า แต่เจ้าสามารถให้เหตุผลกับข้าที่ปฏิเสธข้อเสนอ
ของข้าได้หรือไม่"


ต้วนเทียนหลาง คิดว่า หลินเฟิง ได้เกลียดนิกายหยุนไห่ เพราะทุกอย่างที่เขาพูด เขาสามารถฆ่า
เวิ่นเหลินหยาน ได้ตลอดเวลาหากจะทำให้ หลินเฟิง สามารถเข้าร่วมได้


"แม้ว่านกายหยุนไห่เองไม่ได้มีความหมายกับข้ามากนักก็ตาม แต่ข้ามีหนี้บุญคุณที่ได้รับจาก
การยอมรับและชื่นชมจาก ผู้พิทักษ์เป่ย เขาห่วงใยข้าอย่างลึกซึ้งและยังคงปกป้องข้า นอกจากนี้
ในนิกายหยุนไห่ ข้าได้มีเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่ชายของข้า ข้าจะทิ้งมันไปได้อย่างไร?


หลินเฟิง ยังคงมีท่าทางที่สงบ จากนั้นเขาก็พูดเพิ่มด้วยเสียงสนใจ : "ข้า หลินเฟิง
 มีพรสวรรค์เป็นของตัวเองและความภักดีของข้าไม่สามารถซื้อได้"


เสียงของเขาไม่ดังนัก แต่ทุกคนได้ยินและเข้าใจเขาได้อย่างชัดเจน


"ผู้พิทักษ์เป่ย ห่วงใยข้า"


"ข้าจะทิ้งพวกเขาไปได้อย่างไร?"


ประโยคเหล่านี้เป็นประโยคที่ทั้งฝูงจะไม่ลืม เหมือนเสียงที่มาจากกลองบนหน้าผาจ้านกู้
นี้จะเป็นสิ่งที่พวกเขาจะไม่ลืมในชีวิตของพวกเขา


แม้ว่าจะฟังเหมือนคำพูดง่ายๆ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนสามารถพูดได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้


ในขณะนั้นหลายคนคิดว่าเป็นเพราะ ผู้พิทักษ์เป่ย และตระหนักถึงความสำคัญของนิกายนี้


ผู้พิทักษ์เป่ย รู้สึกภูมิใจกับสองสิ่งในชีวิตของเขา ข้อแรกก็คือเขายอมรับ หลิวชางหลาน
เป็นนักเรียนและข้อที่สองคือ หลินเฟิง


คำพูดของศิษย์รุ่นเยาว์คนนั้นได้ทำให้เขาตื่นตันอย่างสุดซึ้ง


“ผู้พิทักษ์เป่ย เจ้าไม่ได้ทำผิด ข้ามีตาแต่หามีแมวไม่และตอนนี้ข้าตระหนักได้ว่าเรามีศิษย์
ที่ยอดเยี่ยมในนิกายนี้อยู่ "



ช่วยไม่ได้ที่ หนานกงหลิง จะยกย่อง ผู้พิทักษ์เป่ย และชื่นชม


หญิงชราคนนั้นกำลังมอง ผู้พิทักษ์เป่ย และกล่าวว่า "เจ้ามีสายตาที่ดีกว่าข้า ข้ายังจำ
ข้อตกลงของเราได้ "


"ไม่ต้องเป็นห่วง" ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวขณะที่พยักหน้า ทำให้กลุ่มคนอยากรู้อยากเห็น พวกเขา
สงสัยว่าทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกัน ผู้คนคนอาจได้ยินเกี่ยวกับข้อตกลงของพวกเขา
แต่ก็ยังไม่ทราบว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร


ในขณะนั้น ต้วนเทียนหลาง มีหน้าตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ..........










Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook