ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 85


ตอนที่ 85 อัฉริยะที่ถูกเลือก










“ตู้มม !.”



เสียงของดาบสังหารได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศ เวิ่นเหลินหยาน อาจจะถูกทำลายภาย
ในพริบตา ใบหน้าของ เวิ่นเหลินหยาน เปลี่ยนเป็นซีดเผือกเหมือนคนตายและเลือดได้เริ่มไหล
ออกมาจากปากของเขาภายใต้ความกดดัน ดาบเล่มนั้นมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ


“กระจัดกระจายกันไป!”


ในขณะนั้นปราณที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์มาจากฟากฟ้าและประสานเข้ากับปราณดาบสังหาร เสียง
ดังก้องที่เกิดจากการประทะกันและสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้งในหุบเขา นอกจากนี้มีเงาคนหนึ่ง
ปรากฏเบื้องหน้า หลินเฟิง มันเป็นหญิงชราซึ่งเป็นอาจารย์ของ เวิ่นเหลินหยาน

"พอแล้ว. เจ้าชนะ. "หญิงชราคนได้กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาเหมือนเธอจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป


ตาของ หลินเฟิง หลี่ลง นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน? เขาชนะ? แต่ เวิ่นเหลินหยาน สามารถทำตัว
ได้เหมือนเดิม ถ้าเขาไม่ตาย


"ยายแก่เจ้าลืมข้อตกลงของเราไปแล้วงั้นรึ?" ผู้พิทักษ์เป่ย พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ


"อย่ากังวลไปข้ายังไม่ลืมเรื่องนี้หรอก แต่ เวิ่นเหลินหยาน เป็นศิษย์เดียวของข้า แม้ว่าตอนนี้ข้าจะ
เสียหน้าก็ตาม ข้าก็ไม่อยากสูญเสียศิษย์คนเดียวของข้าและเห็นเขาตายได้ "


คำพูดของหญิงชราได้ทำให้ฝูงชนคิดตาม อย่างไรก็ตามเธอกล่าวกับ ผู้พิทักษ์เป่ย ว่าเขาไม่ต้อง
กังวลและบอกว่าเธอไม่ได้ลืมข้อตกลงของพวกเขา เธอได้ขัดจังหวะการต่อสู้ของ หลินเฟิง และ
เวิ่นเหลินหยาน และได้ช่วยชีวิต เวิ่นเหลินหยาน มันไม่ขัดแย้งกันไปหน่อยเหรอ?


แต่ฝูงชนไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาได้ลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ของ หลินเฟิง หลินเฟิงได้ชนะ เวิ่นเหลินหยาน
ซึ่งเป็นศิษย์ภายในอันดับหนึ่ง


ในขณะนี้ หลินเฟิง ได้กลายเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด


หนานกงหลิง ลุกขึ้นยืน แล้วเขากำลังจ้องไปที่เวทีต่อสู้ลานประลองแห่งชีวิต เขารู้สับสน แต่ในใจเขารู้สึก
ปลื้มอย่างมากกับศิษย์หนุ่มที่น่าอัศจรรย์คนนี้


หลินเฟิง ช่างน่าอัศจรรย์มาก


"เอาล่ะ การสอบศิษย์ภายในของวันนี้ได้จบแล้ว ทุกคนสามารถออกไปได้ "


ผู้พิทักษ์เป่ย โบกมือ นอกจากนี้เขายังไม่ได้โต้แย้งกับหญิงชราคนนั้นซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากประหลาดใจ


การสอบศิษย์ภายในจบแล้ว?


ทุกคนจ้องไปที่ หนานกงหลิง หนานกงหลิง จ้องมองไปที่ ผู้พิทักษ์เป่ย ซึ่งได้งพยักหน้าให้


"เฮ้ ฉลาดดีนี้ การสอบศิษย์ภายในช่างน่าสนใจยิ่งนัก ไม่จำเป็นต้องรีบจบหรอก มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น.


ในขณะนั้น ต้วนเทียนหลาง ได้กล่าวคำเหล่านี้ขณะเกาหูซึ่งทำให้ หนานกงหลิง ขมวดคิ้ว


"ท่านประมุขให้ฝูงชนแยกย้ายกันไป แล้วยุบทั้งนิกายไปซะ "


ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ยินแล้วแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึม ทั้งฝูงชนประหลาดใจ แยกย้ายกันไป ... และยุบนิกาย?


นี่มันเกิดอะไรขึ้น?


หลายคนในฝูงชนเริ่มมีรางสังหรไม่ดีและเสียงหัวเราะของ ต้วนเทียนหลาง ได้กระจายไปทั่วหุบเขา


"ไม่ต้องเสียเวลา. คนที่อยู่รอบนอกของหุบเขาตายหมดแล้ว ไม่มีใครสามารถออกไปได้
ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการอยู่ที่นี่ "


"ต้วนเทียนหลาง, เจ้ากำลังหมายถึงอะไร?"


หนานกงหลิง ดูเหมือนจะจริงจังมากขึ้น เขาจ้องไปที่ ต้วนเทียนหลาง อย่างไม่ละสายตา


"ข้าหมายถึงอะไรงงั้นรึ? หนานกงหลิง เจ้าคิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อดูศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่
ในการสอบของศิษย์ภายในงั้นรึ? เจ้าเป็นคนที่ไร้เดียงสาจริงๆ "ต้วนเทียนหลาง กล่าวอย่างเย็นชา
แล้วพูดว่า:" ข้าบอกแล้ว ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพราะเมื่อครั้งที่แล้วนิกายหยุนไห่ ปฏิเสธที่จะมอบลูกศิษย์
ที่ดีที่สุดบางส่วน ข้ามาที่นี่เป็นการส่วนตัวในฐานะตัวแทนขององค์จักรพรรดิ์ "


“ตู้ม ... .”


คำพูดของเขาได้ทิ่มแทงเข้าไปในนสมองของผู้คนแล้วระเบิดขึ้น พื้นดินเริ่มสั่นเบาๆซึ่งทำให้ทุกคนตกใจ


นอกจากนี้ดูเหมือนว่ามันกำลังสั่นมากขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นดูเหมือนว่าหุบเขาทั้งหมดกำลังเสียงดังขึ้น
เรื่อยๆและรุนแรงมากขึ้นและอาจครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของนิกายหยุนไห่


"เสียงถอนหายใจ .... " ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก เขาตระหนักว่าคนเหล่านี้ที่มานิกาย
หยุนไห่นั้นไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่ๆ


พื้นดินสั่นสะเทือนและฝุ่นละอองลอยขึ้นมาในอากาศ ในขณะนั้นฝูงชนก็เงยหน้าขึ้นมองไปในอากาศและเห็น
กองทหารม้าหุ้มเกาะฉีซูวจำนวนมากที่ด้านบนสุดของหุบเขา พวกเขาแบกคันธนูไว้บนหลังและดูเหมือนว่า
พวกเขาพร้อมที่จะโจมตีอยู่ตลอดเวลา


"ทหารม้าหุ้มเกราะฉีซูว." ตาของ หลินเฟิง หลี่ลง ทหารม้าหุ้มเกราะเข้ามาล้อมรอบบริเวณนี้ได้อย่างไรกัน?


หลินเฟิง มองไปที่ทหารม้าหุ้มเกราะแล้วลุกขึ้นมองไปที่ หลิวเฟย แต่ในขณะนั้น หลิวเฟย ดูเหมือน
จะประหลาดใจเหมือนกันกับเขา


เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?


หลิวเฟย ยังเหลือบมองไปที่ หลินเฟิง เป็นกองทัพของพ่อของเธอและพวกเขาที่มาล้อมรอบนิกาย
เป็นกองทหารของพ่อเธอนั่นเอง


"มันเป็นไปได้หรือไม่ที่พ่อของข้าจะสั่งการด้วยตัวเอง? มันเป็นไปได้อย่างไร? หลิวเฟย กำลังคิดและสับสน
อย่างมาก เธอคิดว่ามันไร้สาระ ไม่มีใครสามารถเข้าใจพ่อของเธอได้ดีไปกว่าเธอ... และพ่อของเธอ
ไม่มีทางสั่งให้ทำเช่นนี้แน่นอน


เกิดอะไรขึ้น?


"ต้วน ... เทียน ...หลาง ... " หนานกงหลิง กำลังโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจในการฆ่ากำลัง
จ้องมองไปที่ ต้วนเทียนหลาง อย่างไม่ละสายตา


"หนานกงหลิง ไม่จำเป็นต้องจ้องมาที่ข้าแบบนี้ก็ได้ กองทหารม้าหุ้มเกราะฉีซูว เป็นของเพื่อนรักของเจ้า
หลิวชางหลาน, กองทัพของเขา ถ้ามีปัญหาก็ไปพูดคุยกับเขาเองไม่ใช่กับข้า "


ต้วนเทียนหลาง กำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย


พื้นดินยังคงสั่นอยู่ ทันใดนั้นที่ด้านบนของหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน เต็มไปด้วยทหารม้าหุ้มเกราะฉีซูว
จำนวนมาก พวกเขาไม่แม้จะให้น้ำไหลผ่านไปได้


หุบเขาแห่งความป่าเถื่อน ถูกล้อมรอบไปด้วยทหารม้าหุ้มเกาะฉีซูว ช่างเป็นสถานการณ์ที่วิกฤติ
และอันตราย


ศิษย์หลายคนของนิกายหยุนไห่ หวาดกลัวและตัวสั่น คนเหล่านี้ต้องการทำอะไร?



ในหุบเขา แห่งความป่าเถื่อน รอบ ๆลานประลองแห่งชีวิต เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
ที่กำลังจะทวีคูณมากขึ้น


เวิ่นเหลินหยาน อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายขณะที่เลือดไหลออกจากปากของเขา เขาได้รับบาดเจ็บจาก
การโจมตีครั้งนั้นและถ้าการสู้รบครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเขาก็จะตาย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
ช่างเป็นประโยชน์กับตัวของเขา


ทันใดนั้น ต้วนเทียนหลาง ก็เริ่มขยับตัวลงมาจากเวทีผู้ชม ดวงตาทั้งสองมองต่ำลงขณะที่เขาค่อยๆ
ก้าวลงมาช้าๆ



ฉู๋ชิ่ง ซึ่งอยู่ข้างๆเขามองเขาอย่างกระวนกระวายใจ เขาสร้างความประหลาดใจโดยกำลังเดินไปยัง
เวทีต่อสู้ของลานประลองแห่งชีวิต


เขามีพลังมาก ดูเหมือนว่าแต่ก้าวเขาทำให้บรรยากาศทั้งหมดสั่นสะเทือน เขาเดินอย่างช้าๆไปที่
ลานประลองแห่งชีวิต และก้าวขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ที่สูงที่สุด


เขากำลังเดินอย่างช้าๆราวกับว่า เขากำลังเดินเล่นอย่างสงบในสวนดอกไม้


"คนของนิกายหยุนไห่ โปรดรับฟัง"


ต้วนเทียนหลาง เหลือบมองทุกคนและพูดด้วยเสียงดังว่า "ข้า ต้วนเทียนหลาง เป็นตัวแทนของ
องจักรพรรดิ หน้าที่ของข้าคือการเลือกศิษย์ที่มีพรสวรรค์บางคนที่จะเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว
อย่างไรก็ตาม ประมุขของพวกเจ้าได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือจุดมุ่งหมายขององค์จักรพรรดิ และวันนี้
องค์จักรพรรดิไม่พอพระทัยและต้องการให้นิกายหยุนไห่หายไป "



ท้อยคำนั้นของ ต้วนเทียนหลาง ได้แทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณของทุกคน เขาต้องการให้นิกายหยุนไห่
หายไปจากแคว้นชู่วเย่วงั้นรึ?



เขาสามารถทำให้นิกายที่ทรงพลังอย่างนิกายหยุนไห่หายไปได้? นี่เป็นทางออกเพียงอย่างเดียว...
กำจัดทุกคนในนิกายทิ้ง


คนเหล่านี้ต้องการกำจัดทุกๆคนของนิกายหยุนไห่ !!


ทุกคนตื่นตระหนกด้วยความกลัว ศิษย์นิกายหยุนไห่ได้เข้าร่วมนิกายเพื่อประโยชน์ในการบ่มเพาะพลัง
เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น การถูกฆ่าตายโดยไม่มีเหตุผลมันช่างไม่ยุติธรรม


"อย่างไรก็ตามองค์จักรพรรดิทรงเต็มใจที่จะแสดงความเมตตา พระองค์ทรงให้โอกาสแก่พวกเจ้าทุกๆคน
ศิษย์สามัญ ศิษย์ภายในรวมทั้งศิษย์หลัก ซึ่งมีชื่ออยู่ในรายการจัดอันดับเพื่อรับข้อเสนอของเราและออก
จากนิกายหยุนไห่มาเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ซูวเย่ว คนอื่น ๆ จะไม่จำเป็น "



คำพูดของ ต้วนเทียนหลาง ทำให้เสมองของทุกคนแทบระเบิด ฝูงชนรู้สึกมึนงงหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้


ออกจากนิกายหยุนไห่? เฉพาะศิษย์ที่ได้รับการจัดอันดับ?


บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับรู้สึกผิดหวังในตัวเองที่ไม่มีพลัง พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับอาวุธและ
ทักษะที่ดีที่สุด พวกเขาอาจต้องตายที่นี่เพราะนิกายที่พวกเขาเลือก


หนานกงหลิง ผู้ซึ่งนั่งอยู่บนแท่นรับชม ไม่ได้ดูยินดีที่ได้ยินการประกาศนี้ พวกเขาต้องการที่จะทำลาย
นิกายหยุนไห่ที่เคารพรักของเขา? เขาได้ยินถูกต้องใช่หรือไม่?


นิกายหยุนไห่ คงอยู่มานานนับพันปี มันได้ผ่านวิกฤติใหญ่ๆมามากมาย แต่ไม่อาจเทียบได้เช่นเดียวกับ
สถานการณ์ปัจจุบัน เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์สั่นคลอนนิกาย


นิกายเห่าเย่ว, หมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง, นิกายม่อเสี่ยวและต้วนเทียนหลาง ได้มายังนิกายหยุนไห่เพื่อ
ถอนรากถอนโคนไปจากแคว้นซุวเย่ว อย่างสมบูรณ์


เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากองค์จักรพรรดิ พวกเขาเป็นคนมอบหมายให้ ต้วนเทียนหลางทำ
ภารกิจเหล่านี้ นิกายหยุนไห่กลายเป็นเหยื่อของตระกูลจักรพรรดิ


"ทำไมต้องเลือกนิกายหยุนไห่?"



หนานกงหลิง พูดด้วยเสียงที่เย็นชา เขามองอย่างจริงจังและแน่วแน่ไปที่ ต้วนเทียนหลาง และต้องการ
จะฉีกเนื้อและกระดูกของเขา นิกายหยุนไห่จะหายไปในยุคที่ หนานกงหลิง เป็นผู้นำ?


หนานกงหลิง เจ้าไม่เข้าใจจริงๆงั้นรึ? "ต้วนเทียนหลาง กล่าวขณะที่ยิ้มออกหน้าออกตา


"ถ้าเจ้าบอกว่าเป็นเพราะข้าจัดการลูกชายของเจ้า ข้าจะไม่เชื่อ ข้าคิดว่าแม้เจ้าจะไม่เชื่อ นิกายเห่าเย่ว,
หมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง ... พวกเจ้าทุกคนก็มาด้วยเหตุผลโง่ๆและไร้สาระ "


หนานกงหลิง เหลือบไปที่ ฉู๋ชิ่ง และ หานซื่อเทียน และได้จ้องตาเขม็ง


"เฮ้ เจ้าอพูดถูก นิกายเห่าเย่สได้ปฏิเสธคำร้องขอก่อนหน้านั้น แต่ข้าบอกพวกเขาว่าข้าจะทำให้ทั้ง
นิกายหยุนไห่เข้าร่วมหรือว่าถูกทำลาย จากนั้นพวกเขาก็ยอมรับทันที "


ต้วนเทียนหลาง ทำให้ทุกคนถึงกับมึนงง ทำให้ทั้งนิกายหยุนไห่ยอมเข้าร่วมหรือจะยอมถูกทำลาย?


"ข้ารู้ๆ" หนานกงหลิง กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เมื่อทุกคนได้มา หนานกงหลิง ได้คาดการณ์
ไว้แล้วว่าทำไม ฉู๋ชิ่ง ถึงได้มาพร้อมกัน


"ทำไมถึงเป็นนิกายหยุนไห่? เป็นเรื่องง่ายที่จะเดาเพราะนิกายหยุนไห่นั้นอ่อนแอและง่ายที่สุดในการเอาชนะ
จากพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ เจ้าเพียงแค่ต้องปล่อยให้ศิษย์ที่ดีที่สุดบางส่วนของเจ้าออกจากนิกายไปสมทบ
กับข้า แล้วข้าอาจแสดงความเมตตาต่อนิกายของเจ้า "


"เจ้ามันโกหก"


เสียงเบาๆ ดังกล่าวกระจายอยู่ในอากาศ มันมาจากภาพเงาที่นุ่มนวลและสง่างามในฝูงชนที่เคลื่อนไหว
อย่างช้าไปที่เวทีการต่อสู้ของลานประลองแห่งชีวิต การแสดงออกทางสีหน้าของเธอแสดงความ
เกลียดชังออกมาชัดเจน

"ต้วนเทียนหลาง, เจ้ากำลังโกหก"


แก้มสวยๆของ หลิวเฟย ก็ดูเหมือนจะซีดมาก เธอเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ


"ถ้าเจ้าเลือกนิกายหยุนไห่ ต้วนเทียนหลาง เป็นเพราะเจ้ามันรู้สึกอิจฉาพ่อของข้า เจ้าอิจฉาเขา เจ้าอิจฉา
ความแข็งแกร่งและความสามารถของเขา นั่นคือเหตุผลที่เจ้าเลือกนิกายหยุนไห่ และวางแผนที่จะต่อต้านมัน
เจ้าโกหกและได้สร้างเกราะหุ้มฉีซูวขึ้นมา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าต้องการให้ท่านพ่อต้องเดือดร้อนเพราะ
เจ้ามันอิจฉาที่เจ้าไม่สามารถเป็นคู่แข่งของเขาได้ "


หลิวเฟย เต็มไปด้วยความเกลียดชังแล้วเธอกล่าวเสริมอย่างเย็นชา : "ต้วนเทียนหลาง, เจ้ามันไร้ยางอาย
เจ้ามันน่าขยะแขยง "


หลายคนต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของ หลิวเฟย ในนิกายหยุนไห่ ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆว่า พ่อของ หลิวเฟย
และสถานะของเขานั้นเป็นใคร  ดูเหมือนว่าพ่อของเธอมีตำแหน่งสูงมากในแคว้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า
ผู้บ่มเพาะพลังที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงเช่น ต้วนเทียนหลาง จะอิจฉาเขา


นอกจากนี้กองทหารม้าหุ้มเกาะฉีซู่วอะไรนั้น? พวกเขาเป็นกองกำลังส่วนตัวของพ่อ หลิวเฟย งั้นรึ?


"ลูกศักดิ์สิทธิ์, หลิวชางหลาน"



หลายคนได้กล่าวขานกันว่า ในแคว้นซู่วเย่ว มีคนบอกว่ามีชายคนหนึ่งที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากกว่า
ต้วนเทียนหลาง คนนั้นอาจเป็น หลิวชางหลาน และลูกธนูศักดิ์สิทธิ์ของเขา


ในบางช่วงเวลา หลางชางหลาน เป็นผู้นำกองทัพขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยผู้บ่มเพาะพลังนับพันคนและ
ช่วยป้องกันเมืองจากการถูกทำลายล้าง พวกเขาได้ฆ่าทหารศัตรูจำนวนนับหมื่นคน


ลูกธนูศักดิ์สิทธิ์บนหลังของชายคนหนึ่ง ... เขานำทัพทั้งตัวของเขาเอง เขาได้ฆ่าทหารศัตรูจำนวนมาก
และเมื่อเขากลับมาเขาเต็มไปด้วยเลือดและอยู่ในอาการปางตาย


ลูกธนูศํกดิ์เป็นสัญลักษณ์ของแคว้นซู่วเย่ว นอกจากนี้กองทหารม้าหุ้มเกราะฉีซูว
ทำให้ศัตรูตกใจและหวาดกลัว


สิ่งที่ทำให้ทุกคนภูมิใจคือ หลิวชางหลาน เป็นสมาชิกของนิกายหยุนไห่และแม้ว่าเขาจะช่วยเหลือองค์
จักรพรรดิ เขาก็ยังจงรักภักดีต่อนิกายหยุนไห่ และมีความรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นหนึ่งในสมาชิก


แซ่ของครอบครัวของ หลิวเฟย คือแซ่ หลิว หลายคนคงรักเธอมากยิ่งขึ้นในเรื่องนั้น


เฟยเฟย, ทำไมเจ้าเจ้าถึงคิดแบบนั้นกับ ลุงต้วนเทียนหลาง? พ่อของเจ้ากับข้านั้นเหมือนเพื่อนสนิทกัน
เราเหมือนดั่งพี่น้อง ข้าจะอิจฉาเขาได้อย่างไร? "



ต้วนเทียนหลาง กำลังส่ายหัวและยิ้ม เขามอง หลิวเฟย ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หา
 ทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวมากขึ้น


พ่อของ หลิวเฟย และเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน? หนานกงหลิง คิดว่า ต้วนเทียนหลาง เป็นคนทรยศ
ทำให้เขาอยากจะอ้วก


"เจ้าและพ่อของข้าเป็นเพื่อสนิทกัน หมือนดั่งพี่น้อง? ถึงกระนั้นเจ้าต้องการที่จะกำจัดนิกายหยุนไห่
และเพื่อนของพ่อกับเพื่อนของข้างั้นรึ? "


ดวงตาของ หลิวเฟย เต็มไปด้วยความรังเกียจกำลังจ้องมองไปที่ ต้วนเทียนหลาง


เฟยเฟย นั่นคือสิ่งที่องค์จักรพรรดิทรงต้องการ ถ้าข้ากำจัดนิกายหยุนไห่ นั้นเป็นเพราะองค์จักรพรรดิ
ทรงสั่งให้ทำ นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว นิกายหยุนไห่ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีอีกต่อไป สิ่งที่สมควรทำตอนนี้คือ
ให้ศิษย์บางคนที่มีพรสวรรค์และอัฉริยะออกจากนิกาย จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะเรียนรู้
และได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่ดีที่สุดที่มีอยู่


"นอกจากนี่ ข้าเชื่อมั่นว่าพวกเขาทั้งหมดจะยินดี. ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าเพียงแค่ตามมาดูให้เห็นกับตา "


ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา เขาหันกลับไปมองที่ฝูงชน การแสดงออกทาง
สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา


"สิ่งที่ข้าได้พูดเป็นความจริงทั้งหมด ศิษย์ที่มีอันดับที่มีความประสงค์จะออกจากนิกายหยุนไห่
โปรดเดินไปที่นั่นพร้อมกับทหารม้าหุ้มเกราะฉีซูว โปรดจำไว้ว่าพวกเจ้าไม่มีเวลามากนัก "


ฝูงชนทั้งหมดก็กลายเป็นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น


หลายคนกำลังมองไปที่ หนานกงหลิง และ ผู้อาวุโสของนิกาย


"บรรดาผู้ที่ยินดีที่จะออกไป โปรดไปได้แล้ว อย่าอยู่ภายในนิกายหยุนไห่ของข้า "


ผู้พิทักษ์เป่ย ได้กล่าวขณะที่โบกมือออกไป


"ผู้พิทักษ์เป่ย"


หนานกงหลิง มอง ผู้พิทักษ์เป่ย ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าชายแก่คนนี้หมายถึงอะไร


"ประมุขหนาน นี่คือการตัดสินใจของพวกเขาเอง"


ผู้พิทักษ์เป่ย ดูเศร้าราวกับหัวใจของเขาแตกหัก มันเป็นเรื่องยากที่จะละทิ้งศิษย์ที่ได้รับ
การจัดอันดับ พวกเขาทั้งหมดมีพรสวรรค์อย่างมาก นอกจากนี้สักวันหนึ่งพวกเขายังมี
แนวโน้มสูงมากที่จะแข็งแกร่งกว่านี้ ช่างน่าเสียดาย!


"เอาล่ะ" หนานกงหลิง ผู้ซึ่งรู้ว่า ผู้พิทักษ์เป่ย รู้สึกเศร้าแค่ไหน ดังนั้นเขาไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้า


"ขอบคุณท่านประมุขและผู้อาวุโสของนิกาย"


หลายคนเมื่อพวกเขาได้เห็นการพยักหน้าของ หนานกงหลิง เริ่มเคลื่อนตัวไปยังม้าหุ้มเกราะฉีซูว


ในชั่วพริบตามีลูกศิษย์หลายร้อยคนเดินไปที่ม้าหุ้มเกราะฉีซูว นอกจากนี้จำนวนศิษย์ที่กำลังเดินไป
หาม้าก็ยังสูงกว่าจำนวนศิษย์ที่ได้รับการจัดอันดับจริงๆ ศิษย์ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนจำนวนมาก
พยายามผ่านไปคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในศิษย์ที่ได้รับการจัดอันดับของนิกายหยุนไห่

"หยุดอยู่ที่นั่น" ต้วนเทียนหลาง มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา


เฟยเฟย, เจ้าเห็นไหม? คนเหล่านี้เข้าใจดีว่าข้าให้โอกาสที่ดีแก่พวกเขาและพวกเขาก็ชื่นชมและยอมรับ
ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสุขที่ได้ออกจากนิกายหยุนไห่เพื่ออะไรที่ดีกว่านี้ "


หนานกงหลิง ดูเศร้า เขารู้สึกว่าเขาถูกทิ้งโดยคนจำนวนมาก


"หลินเฟิง เจ้ามีสิทธิ์ไปได้ เมื่อเหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่นั่นอ่อนแอพวกเขาจะไม่ได้รับการปฏิบัติ
อย่างดีพอ เราไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขามากนัก เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งพอเราถึงให้ความสำคัญกับ
พวกเขาและให้การยอมรับในนิกาย "


หนานกงหลิง กำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เขาไม่ได้ตระหนักถึงสิ่ง
เหล่านี้จนเขาได้เห็นศิษย์เหล่านี้ยินดีที่จะจากไป หัวใจของเขาแตกหักจากการเฝ้าดูบรรดาศิษย์ที่ต้องการออกไป


ช่วงเวลาที่ยากลำบากคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูว่าใครจะยังคงจงรักภักดีต่อนิกายนี้
และใครจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย


"โชคร้ายที่ข้าพบว่าสายเกินไป ถ้าข้าได้เข้าใจมันเมื่อสิบปีก่อนบางทีอาจจะแตกต่างกัน ข้า
จะได้สำเร็จสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับ หลิวชางหลาน "


ในขณะนั้น หลินเฟิง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เขาไม่คิดว่าสิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นเช่นนี้


อย่างไรก็ตาม หลินเฟิง ชื่นชม หนานกงหลิง หนานกงหลิง นั้นห่วงใยนิกายหยุนไห่มากกว่าตัวเอง..





Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook