ตอนที่ 83 การเผชิญหน้าของอัจฉริยะ
หลินเฟิง หันกลับไปและมองไปที่ศิษย์ภายในอีกครั้ง
"อีกคนหนึ่งที่ เวิ่นเหลินหยาน มอบหมายให้ต่อสู้ได้ตายลงบนเวที?"
ไม่มีใครกล้าตอบกลับไป แม้แต่ผู้ที่อยู่เหนือกว่า เสี่ยวถง ในรายการจัดอันดับ
มีดของ เสี่ยวถง มีพลังอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะชนะมันไม่คุ้มค่าความเสี่ยงที่พวก
เขาอาจเสียชีวิตในการทำเช่นนั้น อีกครั้งหนึ่ที่ง หลินเฟิง ได้ใช้ดาบของเขาโจมตีเพียง
ครั้งเดียวและเลือดของ เสี่ยวถง ได้ไหลรินออกมา
สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวมากยิ่งขึ้นคือพวกเขาไม่รู้ว่า หลินเฟิง ได้แสดงงพลังที่แท้จริงของเขา
หรือไม่ เขาขอโจมตีครั้งเดียวซึ่งไม่สามารถวัดพลังของเขาได้ ทุกๆครั้ง พลังของเขาเพิ่มสูงขึ้น
ตามฝ่ายตรงข้ามของเขา
เสี่ยวถง ถูกสังหารในการโจมตีครั้งเดียว ความแข็งแกร่งของเขาเก็บซ่อนไว้อีกเท่าไหร่? เขา
แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งของเขาเสมอ มันเป็นไปได้อย่างไร?
ทุกคนจ้องไปที่ เวิ่นเหลินหยาน ราวกับว่าพวกเขาคิดว่า เวิ่นเหลินหยาน เป็นคนเดียวที่
สามารถเอาชนะ หลินเฟิง ได้
"การสอบศิษย์ของศิษย์ภายใน วันนี้น่าจะมีสิทธิ์ที่" หลินเฟิงจะเฉิดฉาย""
บางคนในฝูงชนยิ้มให้เจื่อนๆ บางคนแสดงความคิดเห็น การสอบศิษย์ภายในได้จบไปแล้ว
วัตถุประสงค์เดิมถูกลืมไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงคนเดียวที่เป็นศูนย์กลางของความสนใจของพวกเขา
พวกเขากำลังมุ่งความสนใจไปที่อัจฉริยะที่ชื่อ หลินเฟิง
เกือบทุกคนกำลังจ้องไปที่ เวิ่นเหลินหยาน เวิ่นเหลินหยานขณะนี้ใบหน้าของเขาขุ่นมัวงด้วยความ
โกรธและดูเหมือนกับปีศาจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลินเฟิง ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถพิเศษทุกครั้งที่เขาต่อสู้ ทุกครั้ง หลินเฟิง ได้สร้างเซอร์ไพร์
มากมาย ดังนั้นในขณะที่ เวิ่นเหลินหยาน มีความรู้สึกว่าเขากำลังถูกตบหน้าโดยทุกคนที่กำลังจ้อง
มองที่เขา เพราะเขาได้ทำให้ หลินเฟิง ขายหน้า ล้มเหลวไม่เป็นท่าหลังเรียกเขาว่าขยะไม่มีใครเหมือน
คำพูดของเขาเองได้กลับไปดูถูกเขาต่อหน้าศิษย์ทั้งนิกาย
ในขณะนั้นไม่มีศิษย์คนไหนกล้าที่จะสู้กับ หลินเฟิง เฉพาะ เวิ่นเหลินหยาน เท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับ
หลินเฟิง ได้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้หลายๆคนกลัวว่า เวิ่นเหลินหยาน ที่พูดจาใหญ่โตแต่ไม่ยอม
สู้กับ หลินเฟิง
หลินเฟิง แข็งแกร่งมากและซ่อนพลังที่สุดยอดไว้ เขาไม่ได้พูดคุจาใหญ่โตและเขาไม่ได้เสียหน้า ใคร
จะเรียกเขาว่า แมลงหรือว่าขยะได้ยังไงกัน?
"เวิ่นเหลินหยาน, เจ้าไม่ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าข้าเป็นขยะหรือแมลงเสียตอนนี้เลยละ? ข้าคิดว่า
นั่นคือสิ่งที่เจ้าควรทำ "หลินเฟิง ตะโกนใส่ ซึ่งทำลายความเงียบและสะท้อนไปทั่วเวที
หลินเฟิง ยังจ้องมองไปที่ เวิ่นเหลินหยาน และรีบรีบมอง หานหมาน ที่ได้รับบาดเจ็บจาก เวิ่นเหลินหยาน
หลินเฟิง อยากจะฆ่า เวิ่นเหลินหยาน เมื่อรู้ว่าเขาได้ทำร้าย หานหมาน เขาได้แสดงเจตนาฆ่ามากขึ้น
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เวิ่นเหลินหยาน พูดโกหกและกล่าวกับทุกคนว่า หลิวเฟย เป็นแฟนของเขา เนื่องจาก หลินเฟิง ได้บอกว่า
หลิวเฟย เป็นแฟนของเขา และต้องการฆ่า เวิ่นเหลินหยาน มากกว่าสิ่งใด เพราะว่า เวิ่นเหลินหยาน
ได้หยุดมองไปที่ หลิวเฟย อีกครั้ง
เวิ่นเหลินหยาน หยิ่งทะนงตนกว่าความแข็งแกร่งที่มี
"เจ้าได้บอกว่าแข็งแกร่งกว่าข้า งั้นก็มาสังหารข้าสิ มิฉะนั้นก็หมายความว่าข้านั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้า
และเจ้าต้องตาย"
หลินเฟิง แอบมีรอยยิ้มที่หนาวเย็นในใจ เวิ่นเหลินหยาน และ ม่อเสีย นั้นต่างกัน พวกเขาต้องตาย
เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้กับเขาและเพื่อนของเขา
ถ้าหลินเฟิง ไม่ฆ่าพวกเขาเมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีโอกาสฆ่า หลินเฟิง พวกเขาก็จะทำเช่นนั้นโดย
ไม่ลังเล
"นี่มันเรื่องไร้สาระ น่าสมเพชจริงๆ "
เวิ่นเหลินหยาน กล่าวในขณะที่เขาเริ่มเดินไปยังศูนย์กลางที่สูงที่สุดของลานประลองแห่งชีวิต
ในพริบตาการแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของพวกเขาได้
พวกเขาไม่สามารถทนรอชมการต่อสู้ของอัจฉริยะสองคนนี้ได้
เวิ่นเหลินหยาน เป็นศิษย์ภายในอันดับหนึ่งที่สามารถต่อสู้กับเหล่าศิษย์หลักได้ เขาได้รับการจัด
อันดับเป็นอันดับแรกจากศิษย์ภายในทั้งหมด ก่อนที่ หลินฌฟิง จะปรากฏตัว เวิ่นเหลินหยาน
ได้รับการพิจารณาให้เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพในอนาคตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาได้รับการยกย่อง
ว่าเป็นอัจฉริยะที่มีค่าของนิกาย แน่นอนความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงกับ หลิงหูเหอชาน หรือ ถู๋ฟู
การก้าวข้ามของ หลินเฟิง ดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้น หลินเฟิง กำลังฆ่าเหล่าศิษย์ที่หยิ่งเพราะพวกเขา
ทำให้เขาเสียเกียรติหรือข่มขู่เขาไว้ การบ่มเพาะพลังของผู้อาวุโสสามัญ ลู่หยวน ถูกทำลายและเขา
จะถูกไล่ออกจากนิกายเพราะ หลินเฟิง หลินเฟิง ยังต้องการให้ ม่อเสีย ถูกไล่ออกจากนิกายเช่นกัน
เหล่าศิษย์สองคนนี้ถือเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นในนิกายหยุนไห่ ใครกันจะกล้าวิจารณ์พวกเขา?
"เจ้าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าชนะ เหลยโพ และ เสี่ยวถง เจ้าพอจะเป็นคู่ต่อสู้กับข้าได้งั้นรึ?"
เวิ่นเหลินหยาน กล่าวด้วยเสียงที่หยิ่งและก้าวร้าวตามปกติของเขาและพูดเสริมว่า "ถ้าข้าต้องการ
ข้าสามารถบดขยี้เจ้า เจ้ามันก็แค่แมลงตัวกระจ้อยในสายตาข้า ข้าไม่คิดว่ามันคุ้มค่ากับการต่อสู้กับ
เจ้า แต่เจ้าจะยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการพิสูจน์ว่าเจ้ามันไร้สาระ
การยั่วยุของเจ้าจะได้รู้ว่า เจ้ามันน่าสมเพชมากขนาดไหนที่เจ้ามั่นใจ "
"ข้าจะใช้ความตายของเจ้าเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ความสามารถของข้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด"
เขาหยิ่งและก้าวร้าวและคิดว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ดีที่สุดในโลก อย่างไรก็ในส่วนลึกเขานั้นแข็งแกร่ง
และเป็นที่นับถือในนิกาย
"สิ่งเดียวที่ไม่มีที่สิ้นสุดคือความสามารถของเจ้าในการพูดของเจ้า" เวิ่นเหลินหยาน ตะโกนในขณะที่
เขากำลังโกรธ
ยิ่งไปกว่านั้น เวิ่นเหลินหยาน ได้ยินคำพูดของ หลินเฟิง ใบหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม
“เอาล่ะ.”
เมื่อศิษย์ทั้งสองคนอยู่บนเวทีการต่อสู้ หนานกงหลิง เริ่มพูด
"เจ้าเป็นอัจฉริยะของนิกายของข้า นิกายหยุนไห่จะต้องมีคนแบบเจ้าทั้งสองในอนาคต เจ้าเป็นผู้สืบทอด
ตำแหน่งของผู้ที่ดูแลนิกายหยุนไห่ กรุณาช่วยให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องของการเรียนรู้สำหรับตัวเองและ
ทุกคน แน่นอนว่าจะมีบทเรียนมากมายจากการต่อสู้ของพวกเจ้า ดังนั้นได้โปรด คราวนี้อย่าสู้กันจนตาย "
หนานกงหลิง คิดว่า เวิ่นเหลินหยาน และ หลินเฟิง เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นภายในนิกายหยุนไห่ นิกาย
หยุนไห่มีความภาคภูมิใจที่ได้มีศิษย์เหล่านี้ ถ้าคนใดคนหนึ่งตายก็จะเป็นการสูญเสียมากเกินไป
สำหรับนิกายหยุนไห่
หนานกงหลิง หวังว่าจะไม่มีใครตายหรือได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเขาหวังว่าไว้อย่างยิ่งว่า หลินเฟิง
จะไม่ตายหรือบาดเจ็บ
นั่นเป็นเพราะว่า หนานกงหลิง รู้ซึ้งถึงพลังของ เวิ่นเหลินหยาน ความแข็งแกร่งของเขาเราวกับสัตว์อสูร
นอกจากนี้ เวิ่นเหลินหยาน ยังมีจิตวิญญาณที่หายากมากซึ่งมีพลังมากกว่าจิตวิญญาณทั่วไป
"ท่านประมุข ไอขยะที่ได้ยั่วยุข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้าจะไม่เกลียดเขาได้อย่างไร? นี้จะเป็นหลุมฝังศพของเขา. "
เวิ่นเหลินหยาน กล่าว
หนานกงหลิง ไม่สามารถโน้มน้าวให้ เวิ่นเหลินหยาน ให้ไม่สังหาร หลินเฟิง สำเร็จ เวิ่นเหลินหยาน ต้องการฆ่า
หลินเฟิง ถ้าเขาไม่ทำเขาจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของนิกายหยุนไห่
หลินเฟิง เป็นเพียงคนเดียวและไม่สามารถเทียบกับผู้มีอำนาจอย่าง เวิ่นเหลินหยานได้ นี่จะเป็นความคิดของ
เวิ่นเหลินหยาน ในตอนนี้
"หลินเฟิง ได้โปรดยกเลิกจากการต่อสู้ครั้งนี้เถอะ"
หนานกงหลิง ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ขอให้ หลินเฟิง ไม่ต่อสู้
หลินเฟิง ยิ้มเล็กน้อยและพูดขณะที่กำลังมองไปที่ หนานกงหลิง : "ดูเหมือนว่าท่านประมุขยังคงไม่มั่นใจใน
ความสามารถของข้า มันอาจเป็นไปได้ว่าข้าไม่ได้แสดงให้ท่านเห็นไม่พอใช่หรือไม่?"
หนานกงหลิง ยิ้มเจื่อนๆและพูดขณะที่ส่ายหน้า : "หลินเฟิง, เวิ่นเหลินหยาน ได้ผ่านชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สาม
และมีจิตวิญญาณอสูรไผ่สีฟ้า แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่เจ้าก็ยังต้องการเวลามากกว่านี้ ก่อนที่เจ้า
จะสามารถสัมผัสตัวเขาได้ "
ไผ่สีฟ้า? จิตวิญญาณอสูรไผ่สีฟ้า?
ตาของ หลินเฟิง หลี่ลง ในความทรงจำของเขาจิตวิญญาณของอสูรไผ่สีน้ำฟ้าเป็นงูที่มีขนาดเล็ก แต่มีพิษ
ร้ายแรง มีดวงตาสีฟ้าและรวดเร็วอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถหลบการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พลังของมันเป็นที่น่ากลัวและเพียงแค่พูดถึงมันทำให้คนจำนวนมากตกอยู่ในห่วงของความหวาดกลัว
"นั่นคือเหตุผลที่ตาของเขาดูน่าเกลียดมากเมื่อเขาโกรธ บางครั้งพวกเขามีลักษณะเหมือนสีน้ำเงิน
ที่มาจากจิตวิญญาณของสัตว์อสูร "
หลินเฟิง กำลังคิดถึงดวงตาสีฟ้าที่น่าเกลียดของ เวิ่นเหลินหยาน มันดูคล้ายกับงูและมันทำให้คนรู้สึก
ไม่สบายใจอย่างมากเมื่อมองไปที่มัน
แต่ หลินเฟิง จะแพ้เสียเพียงเพราะ เวิ่นเหลินหยาน มีจิตวิญญาณอสูรไผ่สีฟ้างั้นรึ?
"ประมุขไม่ได้กำหนดข้อจำกัดของพวกเขา เด็กน้อยคนนี้ทำให้ศิษย์ของข้าอัปยศซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาต้อง
ตาย ถ้าเขาไม่ตายก็จะทำให้ข้าขายหน้าอีก ไม่ต้องสนใจข้อจำกันการต่อสู้ครั้งนี้ "
ในขณะนั้นเสียงแหลมเย็นแผ่ซ่านไปทั่วบรรยากาศ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนยอดเขา เธอตะโกนออกมาขณะที่
เธอค่อย ๆเดินลงไปในหุบเขาอย่างช้าๆ ร่างกายของเธอดูสมส่วนและสง่างาม ในชั่วพริบตาเธอเข้าสู่
ที่นั่งผู้ชม
"เธอเป็นใครกัน? เวิ่นเหลินหยาน เป็นศิษย์ของเธองั้นรึ? "
ฝูงชนกำลังจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งปรากฏตัว เธอดูซูบผอมและผมสั้นซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ เธอดู
ราวกับว่าเธอหนีมาจากเรื่องสยองขวัญมา
นอกจากนี้เธอยังกล้าพูดคุยกับประมุขด้วยวิธีดังกล่าวซึ่งหมายความว่าเธอมีสถานะที่สูงส่ง
มีศิษย์จำนวนหนึ่งที่รู้จักเธอ พวกเขาไม่คาดหวังว่าเธอจะเข้ามาแทรกแซง เป็นเรื่องไม่ดีสำหรับ
หลินเฟิง กับการมาถึงของผู้หญิงคนนี้
"อาจารย์."
แม้ว่า เวิ่นเหลินหยาน มักจะเป็นคนหยิ่งและอวดดี แต่เขาก็แสดงความสุภาพต่อหน้าผู้หญิงคนนี้
เขาสุภาพยิ่งกว่ากับ หนานกงหลิง
"อืมมม." ผู้หญิงพยักหน้าพยัคฆ์เล็กน้อยขณะกำลังมองอย่างเย็นชาและออกไป เธอมองไปที่
ต้วนเทียนหลาง แล้วพูดกับ หนานกงหลิง ว่า "ประมุขพวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
มิฉะนั้นจะทำให้ศิษย์ทั้งสองเสียหน้า"
หนานกงหลิง กำลังยิ้มเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะปรากฏตัวขึ้นที่นั่น ดูเหมือนว่า
เหตุการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ
"ยายแก่ เจ้ามาที่นี่และบอกประมุขว่าเขาไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เจ้ากำลังทำตามอำเภอใจ?"
ภาพเงาที่สูงในอากาศกล่าวด้วยปีกที่กระพืออยู่ในบรรยากาศ
"ผู้พิทักษ์เป่ย"
หนานกงหลิง รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นในแต่ละนาที ความขัดแย้งระหว่าง เวิ่นเหลินหยาน
และ หลินเฟิง ทำให้ทั้งสองคนเข้ามามีส่วนร่วม
"หลินเฟิง เจ้าคิดอย่างไร?" ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าว
"ข้าเห็นด้วยกับการต่อสู้ถึงตาย"
หลินเฟิง ได้เข้าใจสิ่งที่ ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวไว้อย่างชัดเจน ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่เห็นด้วย ผู้พิทักษ์เป่ย
จะปกป้องเขา เขาต้องต่อสู้เพื่อระงับความคับข้องใจของเขา
ถ้า เวิ่นเหลินหยาน รู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณของ หลินเฟิง ก็จะปฏิเสธการต่อสู้และหนีไปทันที แม้ว่า
เขาจะเชื่อมั่นอย่างเต็มที่จากจุดแข็งของตัวเอง แต่ หลินเฟิง ก็มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขา
หลินเฟิง จะไม่ถอยหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้
ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวว่า "ถ้าเจ้าต้องการที่จะสู้ถึงตายนี่เป็นการตัดสินใจของเจ้าเองและข้าจะไม่เข้าไป
แทรกแซง แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าเจ้าอาจเสียใจในภายหลัง"
"ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนั้น" หลินเฟิง ส่ายหัว เขามุ่งมั่นพร้อมที่จะฆ่า เวิ่นเหลินหยาน
"ตกลง" ผู้พิทักษ์เป่ย รู้สึกพอใจและพยักหน้าจากนั้นเขาก็กล่าวว่า "เมื่อเจ้าชนะแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้
ม่อเสีย ถูกไล่ออกจากนิกายเอง"
เมื่อพวกเขาได้ยินว่า ผู้พิทักษ์เป่ย ได้กล่าวไออกมาฝูงชนถึงกับมึนงง ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังวางแผนที่จะ
ช่วยเขาไล่ ม่อเสีย ออกจากนิกาย? ดูเหมือนว่าชายชราคนหนึ่งที่รูปร่างไม่น่าเชื่อถือของหอดวงดารา
ภายในนิกาย ใครบ้างที่สามารถทำสัญญากับ หลินเฟิง ได้? เขายังมั่นใจอย่างเหลือเชื่อว่าหลินเฟิง
จะชนะ
ม่อเสีย 'ดูน่าเกลียดและเจตนาร้ายที่ชั่วร้ายเติมเต็มในจิตใจ ถ้า หลินเฟิง ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้พิทักษ์เป่ย
จะขับไล่เขาออกจากนิกาย นี่มันบ้าอะไรกัน!
ม่อเสีย เกลียด ผู้พิทักษ์เป่ย มากในขณะนั้น ความแตกต่างระหว่างสถานะภายในลำดับชั้นเป็นเหมือน
สวรรค์และโลก ผู้พิทักษ์เป่ย มีสถานะที่สูงกว่า ม่อชางหลาน ม่อเสีย หวังว่า หลินเฟิง จะตายในการต่อสู้
ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"ยายแก่ ถ้า หลินเฟิง แพ้ ข้าจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้า หลินเฟิง ชนะเจ้าจะเข้ามาพัวพันหรือไม่"
ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังมองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เขาถามคำถามของเขา
"ทำไมข้าถึงต้องทำอย่างนั้น? นอกจากศิษย์ของข้าจะไม่แพ้ "
หญิงชรากำลังมองไปที่ ผู้พิทักษ์เป่ย ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในศิษย์ของเธอ ผู้พิทักษ์เป่ย
รู้สึกภาคภูมิใจกับ หลินเฟิง และเชื่อว่านี่เป็นชัยชนะของเขา
ผู้พิทักษ์เป่ย พยักหน้าเล็กน้อย
"ถ้าเป็นเช่นนี้งั้นเริ่มต่อสู้กันได้" หญิงชราคนนั้นกล่าว
หนานกงหลิง ยิ้มแหยงๆ ตอนที่หญิงชราและ ผู้พิทักษ์เป่ย ปรากฏตัวไม่มีใครฟังเขาอีกต่อไป
ดังนั้นหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ จะมีศิษย์อัจฉริยะเพียงคนเดียวเหลือรอดอยู่งั้นรึ?
หนานกงหลิง ไม่เต็มใจ แต่เขาไม่มีทางเลือก
การต่อสู้ระหว่าง หลินเฟิง และ เวิ่นเหลินหยาน เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนเวทีต่อสู้ขอลานประลองแห่งชีวิต เวิ่นเหลินหยาน กำลังมองไปที่ หลินเฟิง
และกล่าวว่า "ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม ผู้พิทักษ์เป่ย จึงมีความมั่นใจในตัวเจ้านัก แล้วเขาจะ
ประหลาดใจที่เจ้าแพ้ให้กับข้า อีกไม่นานเขาจะพบว่าเขาได้ประเมินความสามารถของเจ้า
สูงเกินไป
"ในด้านหน้าของข้า เจ้าเป็นเพียงแมลงที่น่าสังเวช ในด้านหน้าของข้าคนจะคิดว่าความสามารถ
ของเจ้าน่าอับอายและน่าสังเวช ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าข้าเป็นอัจฉริยะเพียงผู้เดียวในนิกาย
หยุนไห่"
เมื่อ เวิ่นเหลินหยาน เสร็จสิ้นการพูด พลังปราณที่ชั่วร้ายได้เผยออกมาจากร่างกายของเขา จาก
ด้านหลังของเขา มีงูตัวเล็กตัวหนึ่งปรากฏขึ้นและลอยอยู่ข้างหลังเขา แม้ว่างูเป็นเพียงแค่เงา ผู้คน
ต่างรู้สึกราวกับว่าเป็นงูพิษจริงๆ นี่คือจิตวิญญาณของ เวิ่นเหลินหยาน จิตวิญญาณอสูรไผ่สีฟ้า...
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น