ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 81


ตอนที่ 81 บ้าดีเดือด











"ทักษะอสนีคำราม" หลินเฟิง ตะโกน


จากนั้นเขาก็แทงดาบออกไปยัง เหลยโพ


พลังอำนาจของดาบที่เขาปลดปล่อยเริ่มผสมผสานกับอสนีคำรามในอากาศ อากาศถูกใช้
เป็นพลังมหาศาลของการโจมตี ในมือของ หลินเฟิง เป็นการโจมตีระดับเหลืองควบคู่ไปกับพลัง
อำนาจของดาบซึ่งมีพลังมหาศาลเทียบเท่ากับทักษะระดับซุน


อสนีคำราม กำลังเติมเต็มบรรยากาศโดยรอบด้วยแรงระเบิดที่เหลือเชื่อ


มือของ เหลยโพ ยังคงปลดปล่อยพลังปราณสายฟ้าสุดกำลัง เขาพยายามป้องกันอสนีคำรามของ
หลินเฟิง แต่ตัวเขาถูกส่งลอยไปข้างหลังพร้อมทั้งร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด


พลังอำนาจของดาบ  หลินเฟิง เริ่มกลืนกินพลังงานมากขึ้นๆอย่างมีประสิทธิภาพ


"ข้ายอมแพ้! ข้าไม่ต้องการที่จะต่อสู้อีกต่อไป. "


เหลยโพ ตะโกนเสียงดัง เขารู้ว่าไม่สามารถเอาชนะ หลินเฟิง ได้และได้รับบาดเจ็บจาก
การพยายามป้องกันการโจมตีครั้งล่าสุด


ศิษย์ภายในอันดับยี่สิบที่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณที่สาม ไม่นานนักเขาก็ต้องการยอมแพ้
เมื่อได้ต่อสู้กับ หลินเฟิง?


ฝูงชนถอนหายใจ หลินเฟิง ที่เพิ่งแสดงพลังของเขาเมื่อสามวันก่อน ดูเหมือนว่าจะไม่มีใคร
ทำอะไรเขาได้ เขาได้สร้างความตกใจอย่างต่อเนื้องด้วยความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อของเขา


"ถ้ามองไปที่เขา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะอายุประมาณสิบห้าหรือเพิ่งจะอายุสิบหกปีเท่านั้น"


ฝูงชนกำลังพยายามจะคาดเดาว่า หลินเฟิง อายุเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความสามารถในการต่อสู้
ของเขา พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขายังอายุสิบหกปีและสามารถ
เอาชนะผู้บ่มเพาะพลังชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สามและเป็นศิษย์ภายในที่มีอันดับ... เป็นไปได้อย่างไร?
เขาเป็นมนุษย์จริงๆรึ?


หลินเฟิง หยุดเคลื่อนไหว แขนของเขาที่กำลังกวัดแกร่งในสายลม แต่ปราณและพลังอำนาจของ
ดาบที่เต็มบรรยากาศยังคงอยู่ทุกหนทุกแห่งและเหมือนกับการกดดันก่อนหน้านี้ ร่างกายของ
เหลยโพ ยังคงรู้สึกถูกกดดันอย่างมหาศาลบนร่างของเขาทำให้หายใจไม่ออก


"ยอมแพ้?"


หลินเฟิง มีรอยยิ้มอันหนาวเย็นอยู่ที่มุมปากของเขา : "นี่เป็นการต่อสู้ที่สองคนต้องเอาชีวิตกัน ถ้า
ข้ามีชีวิตอยู่เจ้าก็ต้องตาย ... และถ้าข้าตายเจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ "


"พวกเราเป็นศิษย์ร่วมนิกายหยุนไห่และพวกเราไม่ได้เกลียดชังกัน ดังนั้นทำไมเจ้าต้องสังหารข้า
"เหลยโพ หวังว่าจะทำให้ หลินเฟิง เปลี่ยนความคิด


"เจ้านี่มันช่างไร้สาระ! เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมพลาง? เป็นไปได้อย่างไรที่ที่เจ้าลืมสิ่งที่เจ้าพูดไว้ก่อน
การต่อสู้ครั้งนี้? เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถสังหารข้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ? เจ้าบอกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้อง
ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเจ้าเพื่อสังหารข้า เจ้าลืมไปแล้วงั้นรึการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่มีชีวิต
เป็นเดิมพัน? เจ้าบอกด้วยตัวเจ้าเอง แล้วถ้าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าเจ้าจะบอกว่าเราเป็นศิษย์ร่วมนิกาย
กันและปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอดงั้นรึ?


หลินเฟิง รู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดของ เหลยโพ คำพูดง่ายๆพวกนั้นเขาเป็นศิษย์ร่วมนิกายและพวก
เราไม่ได้เกลียดชังกัน ทุกอย่างหลังจากที่ต่อสู้ แล้วที่เขาได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ละ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ


"หลินเฟิง เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสังหารข้า แม้ว่าเจ้าจะชนะข้าก็ตาม แต่เจ้า
ก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาเช่นกัน "


เหลยโพ รู้ว่า หลินเฟิง ไม่ยอมปล่อยเขาไป เขาถึงได้พยายามพูดขู่เขา

"โอ้เป็นเช่นนั้นรึ? เห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นรึ "


สายตาของ หลินเฟิง เริ่มเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ดาบของเขา
ปล่อยพลังออกมามากขึ้นควบคู่ไปกับอสนีคำราม


เหลยโพ เริ่มขยี้ของเขาในขณะที่เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้เห็น เขาไม่สามารถมองเห็น หลินเฟิง ได้อีก
ต่อไป แทนที่จะเป็น หลินเฟิง มีเพียงดาบขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเขาเท่านั้น ดาบนั้นกำลังมีพลังมากขึ้น
และควบคู่ไปกับแสงสว่างจ้าในหมอกสีดำ ในหมอกสีดำนั้นนั้นมีแสงมากมายที่ทำให้ เหลยโพ มีความ
รู้สึกว่ามีดาบอยู่หลายล้านเล่มซ่อนอยู่ในนั้น หมอกสีดำเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางของเขา

 เสียงฟ้าร้องดังมากแผ่กระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศ

เหลยโพ ตะโกนเสียงดัง พลังที่มากมายและสายฟ้าที่รุนแรงมากขึ้นจากร่างกายของเขา
ร่างของเขาถูกเคลือบด้วยปราณซึ่งเป็นสีเหลือง-อมฟ้ามีพลังของสายฟ้าห่อหุมและผ่าลงมา


เมื่อพวกเขาเห็นแสงที่ล้อมรอบ เหลยโพ ฝูงชนก็ต้องแปลกใจ เหลยโพ กำทำอะไรกันแน่?


ดาบของ หลินเฟิง เหมาะสำหรับการต่อสู้อย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากเกินไป
เพื่อที่จะปล่อยการโจมตีที่มีประสิทธิภาพออกไปและเขายังสามารถใช้เพื่อการป้องกันได้ มัน
ทำให้ หลินเฟิง รู้สึกว่าเป็นเหมือนดังภูเขาที่มีป้อมปราการ


ฝูงชนไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ฝูงชนไม่สามารถมองเห็นดาบของ หลินเฟิง เช่นเดียวกับ เหลยโพ


ในดวงตาของ เหลยโพ มีดาบนับล้านที่สว่างเจิดจ้าและกำลังพยายามฆ่าเขา แสงจากดาบส่อง
ไปทุกหนแห่งในหมอกสีดำและอาจจะเอาชีวิตของเขาไปได้ตลอดเวลา


"มันเป็นจุดจบของเจ้า" หลินฌฟิง กล่าวด้วยเสียงที่หนาวเย็นซึ่งทำให้ฝูงชนมึนงง

"ทักษะดาบสวรรค์"

ทักษะดาบสวรรค์ได้เพิ่มความรุนแรงของดาบ การโจมตีแต่ละครั้งหมายเอาชีวิตและมันเป็นพลังที่
อำนาจที่ท้าทายสวรรค์ ดาบของเขาได้ตกลงมาจากท้องฟ้าไปที่ เหลยโพ


ดูเหมือนดาบของเขาได้ทะลวงผ่านท้องฟ้า จากระยะไกลสามารถเห็นได้ว่าทะลวงผ่านเมฆลงมา
จากท้องฟ้า


มันดูเหมือนดาบของเขาจะทำลายจักรวาลทั้งมวลที่อยู่เบื่องหน้าเขา


ด้วยการโจมตีนี้ เหลยโพ จบสิ้นแล้ว


ฝูงชนทั้งหมดจ้องมองไปที่ดาบลึกลับนั้นช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่ง


ดาบนับล้านเช่นเดียวกับหมอกสีดำหายไปจากการมองเห็นของ เหลยโพ แต่ใบหน้าของเขา
เผยให้เห็นว่าเขาได้ยอมแพ้อย่างหมดหวังไปแล้วเพราะมีแสงที่น่ากลัวที่มุ่งหน้าไปหาเขา
มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นในชีวิต


“ไม่นะ ...... .”


เสียงตะโกนของ เหลยโพ สะท้อนไปทุกหนทุกแห่งในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน แต่ร่างกาย
ของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เขายังยืนอยู่บนเวทีนิ่ง


หลังจากที่ดูเหมือนจะจบสิ้นแล้วบนระหว่างคิ้วของเขา มันเป็นรอยเลือด เลือดค่อยๆไหลริน
อย่างช้าๆร่างกายของเขาล้มลงไปบนเวทีการต่อสู้ภายในลานประลองแห่งชีวิต


นั่นคือลานประลองแห่งชีวิต มันเกี่ยวกับ: ความเป็นและความตาย!


เขาตายแล้ว? ศิษย์ภายในอันดับยี่สิบที่มีวิญญาณสายฟ้าได้ถูกฆ่าตาย?



เหลยโพ ต้องการปกป้อง ม่อเสีย เขาต้องการที่จะฆ่า หลินเฟิง และได้รับความดีความชอบจาก
ผู้อาวุโส เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นหินให้ หลินเฟิง เดินข้ามผ่านไป ในขณะนั้นประมุข
แอบกลัวอยู่เหมือนกัน  หลินเฟิง ได้เริ่มโจมตีด้วยวาจาที่เขาทิ้งไว้


แม้ว่าการสอบศิษย์ภายในเป็นเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ แต่ไม่ค่อยมีศิษย์มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เหตุ
การณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของการสอบศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ อย่างไร
ก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้กระจ่างมากขึ้นและศิษย์หลายคนต้องกลับไป
มองการกระทำของตนจนถึงตอนนี้ ไม่มีซักคนเดียวที่เสียใจที่เห็นเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น


ฝูงชนของนิกายหยุนไห่ ตระหนักว่าพวกเขากำลังเป็นพยานถึงความเป็น
อัจฉริยะที่หาตัวจับยาก


"ข้าต้องการเด็กหนุ่มคนนั้น!"


ดวงตาของ ต้วนเทียนหลาง โตขึ้น จากนั้นเขาก็รีบชำเลืองไปที่ หลินเฟิง ความสามารถและ
พลังของ หลินเฟิง นั้นสูงกว่าลูกชายของเขาซึ่งเขาที่ภาคภูมิใจอย่างมาก


"ถ้าเขาไม่เข้าร่วมกับข้า ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเขาจะตายในวันนี้ ข้าจะไม่ยอมให้เขาต่อต้านหรือ
ปล่อยให้เขามีพลังมากกว่านี้ เขาอาจกลายเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง "


ประมุขของนิกายเห่าเย่ว,ฉู๋ชิง และ บิงหาน จากหมู่บ้านภูเขาหิมะน้ำแข็ง คิดเช่นเดียวกัน ถ้า
หลินเฟิง ยังคงมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาคงจะกลายเป็นหนึ่งในแปดผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นแน่!


หลินเฟิง ไม่สามารถเข้าใจความคิดของทุกคนได้ เขายังไม่แข็งแกร่งเท่า ม่อเสีย เขาไม่สามารถ
ฆ่า ม่อเสีย ได้ แต่แน่นอนเขาอยากจะทำให้เขาเข้าใจว่า เขาไม่สามารถข่มขู่และดูถูก
เขาได้ตามต้องการ

เนื่องจากเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาทั้งหมดจนทำให้นิกายไม่รู้จักเขา
เขาก็ต้องแสดงให้เห็นมากขึ้น

 เขาได้จับดาบอ่อนไว้ในมือขณะที่เสื้อคลุมของเขาพริ้วไหวขึ้นไปในอากาศ  หลินเฟิง ค่อยๆมอง
ไปรอบ ๆหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน


"ม่อเสีย เพราะเขาเป็นผู้อาวุโส เขากล้าที่จะทำตัวไร้ยางอาย เขากล้าที่จะฆ่าศิษย์ด้วยความเลือดเย็น
เขาเป็นความละอายและความอัปยศของนิกายหยุนไห่ ความแข็งแกร่งของข้าไม่ได้ช่วยให้ข้า
สามารถฆ่าพวกมันได้ สิ่งที่ข้าต้องการคือให้ขับไล่คนชั่วออกจากนิกาย "


“......”


ทั้งฝูงชนตกตะลึง ! หลินเฟิง มีความปรารถนาอย่างบ้าคลั่ง! เขาอยากให้ ม่อเสีย ถูกไล่ออกจาก
นิกาย!


นั่นเป็นไปไม่ได้! ถ้า ม่อเสีย ถูกขับออกจากนิกาย ม่อชางหลาน จะเสียหน้า!


"ไอคนนี่มันบ้าจริงๆ."


หลิวเฟย กำลังไปที่ หลินเฟิง เธอพูดไม่ออก เธอไม่สามารถทน ม่อเสีย ได้เช่นกัน แต่เธอไม่เคยคิด
จะพยายามไล่เขาออกจากนิกายแม้กระทั่งในฝันของเธอก็ตาม! เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับศิษย์ภายใน
ที่จะให้ผู้อาวุโสศิษย์ภายในถูกขับออกจากนิกาย แต่ หลินเฟิง ไม่ได้ลดละความพยายาม
ในการกำจัด ม่อเสีย


ม่อเสีย ที่นั่งอยู่บนเวทีรับชม มองด้วยสายตาที่น่าหวาดกลัว ศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำอะไรบ้า
บิ่นเช่นนี้กับเขา ที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาและศิษย์คนนั้นอยู่ในลานประลองแห่งชีวิต กล่าวหาเขา
จากสิ่งต่างๆและเรียกเขาว่าคนชั่วและความอับอายของนิกายและด้านบนนั้น อยากไล่เขาออกจาก
นิกาย เขาไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต


เขาเคยเป็นคนหนึ่งที่เรียกร้องให้คนอื่นถูกไล่ออกจากนิกาย เขาเคยเป็นผู้ขับไล่ศิษย์ชั้นต่ำออกจาก
นิกาย อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับเขา


ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาอื่นก่อนหน้านี้ เขาจะต้องฆ่า หลินเฟิง โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย


แต่ตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะ หนานกงหลิง


ในฐานะประมุขของนิกายหยุนไห่เขาต้องให้ความสำคัญกับทุกฝ่าย ม่อเสีย เป็นผู้อาวุโสและพ่อของเขา
ม่อชางหลาน เป็นผู้อาวุโสใหญ่ ทั้งสองคนได้รับเกียรติในการใช้กฎในนิกาย

ในส่วนที่ หลินเฟิง เป็นห่วงเขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่สุดของนิกายหยุนไห่เคยมีมา  เวิ่นเหลินหยาน ไม่
สามารถบรรลุได้ระดับเดียวกับ หลินเฟิง พวกเขาต่างกันคนละโลก หลินเฟิง ได้รับการคุ้มครองโดย
ผู้พิทักษ์เป่ย


ถ้าเขาต้องการให้ ม่อเสีย ถูกลงโทษเล็กน้อยนั้นพอเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม หลินเฟิง กล่าวว่าถ้า ม่อเสีย
ยังคงอยู่ในนิกายหยุนไห่ เขาก็จะจากไป ข้อตกลงของ หลินเฟิง ถ้าเขายู่ในนิกายคือต้องไล่ ม่อเสีย
ออกจากนิกาย


"ฉันรู้ว่าสถานะของ ม่อเสีย มีความสำคัญและสูงมากเขาเป็นผู้อาวุโสศิษย์ภายใน ข้ารู้ว่าพ่อของเขา
ม่อชางหลาน เป็นบุคคลสำคัญในนิกายหยุนไห่ และเขาได้อุทิศชีวิตของเขาเพื่อรับใช้นิกาย ข้ายังทราบ
ว่าปัจจุบันข้านั้นไม่ได้มีตัวตนในนิกายและคำพูดของข้ามีน้ำหนักเพียงน้อยนิด ข้ารู้ว่าถ้า ม่อเสีย
กระทำผิด ข้าไม่สามารถทำได้อะไรได้มากนัก แต่ ม่อเสีย พยายามสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่ง
หลังจากเกือบถูกฆ่าโดย ผู้พิทักษ์เป่ย เขายังคงมีความคิดที่จะเอาชีวิตข้า ถ้าเขาไม่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง
สำหรับการกระทำผิดของเขา ข้าจะวางใจกับการอยู่ในนิกายนี้ได้อย่างไร?


"ข้ามีดาบเป็นของตัวเอง เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าข้ามีความสามารถจริงๆ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าจะพิสูจน์ให้
นิกายหยุนไห่เห็นว่าการให้โอกาสข้าสิบครั้ง หรือ ร้อยครั้งย่อมดีกว่าให้โอกาส ม่อเสีย  "


คำพูดของ หลินเฟิง ได้สร้างแรงบันดาลใจ หลินเฟิง นั้นบ้ายิ่งกว่า เวิ่นเหลินหยาน แต่ไม่ได้แย่เท่าเขา

ทุกคนต่างก็สงสัยว่า หลินเฟิง สามารถพิสูจน์ได้อย่างไรว่าการที่ให้โอกาสเขานับร้อยครั้งนั้นดีกว่า
การให้ ม่อเสีย


หนานกงหลิง อยากรู้จริงๆว่า หลินเฟิง สามารถพิสูจน์ได้อย่างไร


ในขณะนั้น หลินเฟิง ซึ่งยังคงยืนอยู่ตรงกลางเวทีการต่อสู้ของลานประลองแห่งชีวิต กำลังมองหาศิษย์
ภายในหลายคนที่นั่งอยู่ที่ข้างสนามและประกาศว่า "วันนี้เป็นวันสอบศิษย์ภายใน ข้า หลินเฟิง ตอนนี้
กำลังท้าทายศิษย์ภายในที่พร้อมที่จะต่อสู้กับข้า ทุกคนสามารถมาท้าทายข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้
แบบปกติหรือเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าข้าจะสู้กับข้ายังไง ข้าก็จะสู้กับผู้นั้นภายใต้เงื่อนไขนั้น "


"อะไรกัน !!" ฝูงชนมึนงง เจ้าอาจได้ยินเสียงผู้คนที่เริ่มใจเต้นรัวมากขึ้น

"เขาเป็นคนบ้า ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว เขาต้องการที่จะท้าทายศิษย์ภายในทุกคนเลยรึ? "

บ้าดีเดือนจริงๆ! เวิ่นเหลินหยาน สามารถสู้กับศิษย์หลัก แม้แต่ศิษย์บางคนในสิบอันดับแรกสามารถต่อสู้
กับศิษย์หลักได้ พวกเขาทั้งหมดมีทักษะและความสามารถพิเศษ พวกเขาแข็งแกร่งกว่า เหลยโพ หลินเฟิง
กล้าที่จะมองไปที่เหล่าศิษย์ภายในราวกับว่าพวกเขานั้นอ่อนแอ แล้วจะเกิดขึ้นอะไร?


ฝูงชนถึงกับพูดไม่ออก เป็นไปได้ไหมว่า หลินเฟิง เป็นคนบ้าจริงๆ? เขาสูญเสียสติไปแล้ว
หลังจากเอาชนะ เหลยโพ?


แต่ถ้าเขาสามารถเอาชนะศิษย์ภายในคนใดได้ มันไม่ได้แปลว่าเขาจะพิสูจน์ให้นิกายหยุนไห่เห็นว่าเขาดี
กว่า ม่อเสีย ถ้าเขาสามารถเอาชนะศิษย์ภายในคนใด ภายใต้เงื่อนไขของตัวเองก็ไม่ได้หมายถึง
มันยิ่งใหญ่กว่ามูลค่าของ ม่อเสีย


"ไอเวรเอ้ย ... "


ดวงตาอันงดงามของ หลิวเฟย เปิดกว้าง หลินเฟิง บ้ามากเกินไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้เขาเป็นศิษย์สามัญ
และไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น


ช่วยไม่ได้ที่ หานหมานจะหัวเราะลั่น  เขาภูมิใจที่ได้เห็น หลินเฟิง ผู้ซึ่งเป็นเหมือนน้องชายของเขาในเวที
การต่อสู้ของลานประลองแห่งชีวิต ขณะที่ท้าทาย เขามีรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา


หนานกงหลิง รู้สึกตกใจอย่างมาก ยากที่เชื่อ เขาตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์ หลินเฟิง อยากจะท้าทาย
ศิษย์เก่งทั้งหมด?


แม้ว่า หลินเฟิง จะมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ


"อันที่จริง ข้าจำได้ว่าเขาไม่ได้ใช้จิตวิญญาณเลย"

หนานกงหลิง กำลังคิดแล้วตระหนักได้ว่าไม่เคยเห็น หลินเฟิง ปลดปล่อยจิตวิญญาณ
เขากำลังอยากรู้และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าจิตวิญญาณของ หลินเฟิง เป็นอะไรจิตวิญญาณ
อะไร เมื่อพิจารณาว่าเขามีทักษะดาบและพลังอำนาจของดาบแล้ว เขาอาจจะมีจิตวิญญาณ
ดาบหรือไม่? ถ้าเขามีจิตวิญญาณดาบอยู่แล้ว เขาสามารถทำให้พลังอำนาจของดาบนั้น
มีพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก...






Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ

ความคิดเห็น

Facebook