ตอนที่ 78 ความผิดพลาดของประมุข
ศิษย์คนอื่นอีกสี่คนนั้นรอดชีวิตจากการโจมตีด้วยแปดสังหารทะลายสวรรค์ ถ้ามองไปที่ข้างๆของพวกเขามีศพนอนอยู่ข้างๆ บนเวทีการต่อสู้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังคงสงบนิ่ง
หยูหยาง อยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบ เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าคนนี้แต่ หลิเหิง ได้ฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าใครในสี่คนนี้ก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีดังกล่าวได้
หลินเฟิง ผู้ซึ่งแข็งแรงกว่า หยูหยาง มีศักยภาพในการฆ่าพวกเขาทุกคน
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาให้ความสนใจกับการมองอย่างลึกซึ้งไปที่ หลินเฟิง ฆ่าตกรเลือดเย็น กับบรรยากาศชวนขนหัวลุกมีลมเข้าปะ ทะตัวพวกเขาเล็กน้อยทำให้พวกเขาสั่นไหว
"เมื่อข้ารับชีวิตของพวกเจ้าไปจงอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้พรากชีวิตของผู้อื่นมา เจ้าได้ถูกฆ่าโดยใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า นี่เป็นโชคชะตาที่พวกเจ้าเลือก ตอนนี้พวกเจ้าต้องรับผลกรรมที่พวกเจ้าได้ก่อไว้จากการกระทำของพวกเจ้า "
หลินเฟิง พูดเสร็จแล้วก็เดินไปข้างหน้า
พลังงานของดาบค่อยๆเติมบรรยากาศและควบแน่นบนปลายดาบของเขา
ความหนาวเย็นได้วิ่งลงไปที่หลังของทั้งสี่คน พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่มีอยู่ในดาบนั่น หลินเฟิง เป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะดาบจริงๆงั้นรึ? เขาสามารถควบคุมพลังอำนาจของดาบในระดับสูงได้?
ปราณที่ทรงพลังได้เติมเต็มไปในอากาศภายในเวทีและแต่ละย่างก้าวที่เขาเดินก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์ทั้งสี่รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวและปราณที่แข็งแกร่งได้เพิ่มมากขึ้นที่ หลินเฟิง เดิน มันเหมือนกับว่าพลังอำนาจนั้นได้ดูดซับพลังปราณจากบรรยากาศโดยรอบ
“พวกเราไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้วพลังปราณของพวกเราได้อ่อนแอลงโดยพลังอำนาจของดาบนั่นปราณของพวกเราได้ถูกนำไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดาบของมันถ้าวกเราต่อไปอีกหน่อย พวกเราได้จบเห่แน่ "
ทั้งสี่คนกำลังมองไปที่ หลินเฟิง อย่างระมัดระวังและเข้าใจกับสถานการณ์กำลังเกิดขึ้น มันอันตรายอย่างเหลือเชื่อในขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มวิ่งเข้าหา หลินเฟิง จากทิศทางที่แตกต่างกัน
"ตายซะ"
ความรุนแรงของพลังอำนาจของดาบที่น่าอัศจรรย์ได้เริ่มกดลงไปที่ศิษย์ทั้งสี่คน มือของเขาได้ขยับเล็กน้อยและมีแสงเปล่งออกมาผ่านบรรยากาศโดยรอบ
ทันใดนั้นมีเลือดได้พวยพุ่งขึ้นไปในอากาศจากสองร่างเช่นลูกศรเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดาบของเขารุนแรงมากจนทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวจะฆ่าไปหนึ่งชีวิต
ร่างกายสองที่หนักอึ้งล้มฟุบลงไปบนพื้นอย่างนุ่มนวล เมื่อพุ่งตรงไปเบื้องหน้า หลินเฟิง ศิษย์สองคนที่เหลือก็เลือกที่จะเคลื่อนไหวช้ากว่าคนอื่นที่เพิ่งเสียชีวิตไปเพียงเล็กน้อย พวกเขาได้ทรยศต่อพวกที่เข้าไปก่อนและใช้พวกเขาเป็นโล่กำบัง
แต่พวกเขาคิดหรือว่าพวกเขาจะรอด?
ทุกคนที่อยู่ในฝูงชนก็สั่นไหวด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศิษย์ภายใน เป็นไปได้เยี่ยงไร? หลินเฟิง ได้กลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ยังไง? ไม่เพียงแต่พลังปราณแต่เขาใช้เพียงจิตวิญญาณขั้นแรก แต่เขากลับสามารถฆ่าเหล่าศิษย์ภายในที่มีอันดับด้วยการการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาต่อสู้กับศิษย์ภายในทั้งห้าและแทนที่จะเสียเปรียบ เขากลับได้ฆ่าไปแล้วสามคน
"ดาบสวรรค์... เป็นทักษะของระดับซุน ทักษะนี้ช่วยเพิ่มพลังการโจมตีของดาบและช่วยให้ผู้ฝึกทักษะนี้เพิ่มพลังของเขาได้มากขึ้นเมื่อใช้พลังอำนาจของดาบ "
หลายคนมอง หลินเฟิง และการใช้ดาบของเขา ดูเหมือนว่าเขาได้เลือกทักษะที่ศิษย์คนอื่นได้ละเลย หลายคนคิดว่า ทักษะดาลสวรรค์เป็นทักษะที่ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ทราบว่าทักษะดาบสวรรค์นั้นพลังโจมตีนั้นรุนแรงอย่างมากซึ่งมีศักยภาพในการต่อสู้กับทักษะระดับซุนระดับสูงได้ อย่างไรก็ตามต้องใช้ความเข้าใจขั้นพื้นฐานของโลกและพลังอำนาจของธาตุ เป็นทักษะที่ยากมากในการฝึกฝน นี่คือเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากไม่ได้พิจารณาทักษะนี้
แต่ หลินเฟิง สามารถควบคุมทักษะนี้ให้สมบูรณ์แบบและได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากพลังที่เพิ่มขึ้นที่มีอยู่ภายในดาบของเขา
"หนี."
ส่วนอีกสองคนที่คิดถึงตัวเองได้พยายามหลบหนี นี่สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในจิตใจของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับ หลินเฟิง ได้อีกต่อไป พวกเขาทั้งสองหันหลังและพยายามที่จะหนีไปในทิศทางที่ต่างกัน
"ตายซะ."
สายตาของ หลินเฟิง มีความเฉียบคมมาก ดาบของเขาได้เริ่มมีพลังปราณดาบที่พลังได้กระจายไปทั่วบรรยากาศและทะลุทะลวงไปที่ศิษย์อีกสองคนโดยตรง เมื่อปราณได้เจาะผ่านร่างของพวกเขาทั้งสองคน ร่างที่หนักอึ้งได้ล้มลงบนพื้น
ชื่อของศิษย์ทั้งห้าคนนี้หายไปจากหินที่มีการจัดอันดับไว้
"ดาบสวรรค์... พลังมหาศาลนี้มันอะไรกัน พลังอำนาจของดาบที่น่าสะพรึงกลัว!
ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งนัก! "
ศิษย์สามัญหลายคนและศิษย์ภายในได้มองไปที่ หลินเฟิง ด้วยความชื่นชมในสายตาของพวกเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าที่จะยั่วยุ เวิ่นเหลินหยาน ความสามารถของ หลินเฟิง และ
พรสวรรค์ตามธรรมชาติที่เหนือกว่า เวิ่นเหลินหยาน แต่มีระดับการบ่มเพาะพลังที่ต่ำกว่าและเรื่อง
ของระยะเวลาที่ฝึกฝนที่น้อยกว่าเขา ถ้ามีเวลามากพอเขาจะแข็งแรงกว่า เวิ่นเหลินหยาน
ดวงตาที่สวยงามของ หลิวเฟย เปิดกว้าง เธอกำลังสั่นกับสิ่งที่ได้เห็น ไอ้เจ้าบ้านั้นได้ฆ่าศิษย์ภายใน
ไปห้าคน?
"ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถแก้แค้นและเอาชนะเขาได้"
หลิวเฟย กำลังคิดอยู่ เป้าหมายหลักของเธอคือเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นและเอาชนะ หลินเฟิง แต่เธอคง
คิดไม่ออกว่าไอคนเสเพลนั้นมีพลังและมีพรสวรรค์มากกว่าที่คิดไว้ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เธอ
จะแก้แค้นได้ในชีวิตนี้ แต่ หลิวเฟย ปฏิเสธที่จะหยุดการฝึกฝนอย่างยากลำบากที่ผ่านมาเพราะ
ซักวันหนึ่งเธออาจมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง
หนานกงหลิง กำลังยิ้ม ขณะมองไปที่เวทีการต่อสู้
"เด็กคนนั้น ... ได้ฆ่าศิษย์ภายในทั้งห้าที่ได้ท้าทายไว้โดยไม่ลังเลใด ๆ ... "
"ท่านประมุข แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ได้ศิษย์ร่วมสำนักอย่างไร้ความปราณี
บางทีพวกเขาอาจเป็นภัยพิบัติสำหรับนิกายในที่สุด "
ม่อเสีย ขยับตัวและกระซิบอะไรบางอย่างกับ หนานกงหลิง
หนานกงหลิง มองไปที่ ม่อเสีย และดูเหมือนจะผิดหวังอย่างมาก จากนั้นเขาก็กล่าวว่า : "เมื่อศิษย์ห้าคน
เหล่านี้ได้ฆ่าศิษย์ร่วมสำนักและ เวิ่นเหลินหยาน ยอมรับมันแล้ว ทำไมถึงไม่พูดในตอนนั้น?"
"ท่านประมุข แล้ว หลินเฟิง ละ ..?. " ม่อเสีย เริ่มถาม
"เอาล่ะ ข้ามีความคิดที่ชัดเจนในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้" หนานกงหลิง รู้สึกหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ
โดย ม่อเสีย ม่อเสียไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวถอยหลัง เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองไปที่
หลินเฟิง เพราะเขาหวังว่าจะได้มีโอกาสฆ่ามัน ม่อเสีย ต้องการฆ่า หลินเฟิง มากขึ้นทุกๆวัน เขาไม่อาจ
ทนอยู่ในนิกายหยุนไห่ได้ ในขณะที่ หลินเฟิง ยังคงหายใจอยู่
"หลินเฟิง"
หนานกงหลิง มอง หลินเฟิง ที่ยืนอยู่บนเวทีการต่อสู้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ท่านประมุข”.
หลินเฟิง หันกลับไปและมองไปที่ หนานกงหลิง ที่ยืนขึ้น
"มันชัดเจนแล้วว่าพลังของเจ้าจะช่วยให้เจ้าสามารถชนะการต่อสู้การจัดอันดับเหล่านี้ได้ แต่ก่อนที่จะ
มาเข้าร่วม ยังมีอะไรที่เจ้าไม่ได้ทำอีกรึไม่? "หนานกงหลิง ถามด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของเขา หลินเฟิง
ทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างมากในทุกวันๆที่ผ่านไป ไม่เพียงแต่ หลินเฟิง จะมีพลังที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์
ตามธรรมชาติ แต่เขาก็สุภาพ เขาไม่ได้หยิ่งแม้แต่น้อย ถึง หลินเฟิง จะเป็นคนหัวรั้น แต่เขาต่อสู้เพื่อ
สิ่งที่เขาเชื่อมั่น ไม่ต้องคิดเลยว่าเขาทั้งมีความแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์แค่ไหน ถึงแบบนั้นเขายังทำ
ตัวราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
ในทางตรงกันข้ามเขาสามารถเข้าใจถึงสิ่งต่างๆและไตร่ตรองวิเคราะห์ได้ดีเยี่ยม เมื่อเขากล่าวผู้บ่มเพาะ
พลังที่มาถึงชั้นจิตวิญญาณ นั้นอ่อนแอเมื่อพิจารณาทวีปเมฆาทั้งเก้า
หลินเฟิง ก็คิดถึงอนาคตของเขาและคิดว่าเขาสามารถปีนขึ้นไปตามเป้าหมายนั้นได้และครองตำแหน่ง
ที่สูงในแคว้นหรือแม้กระทั่งในทวีปก็ตาม
"มีอะไรรึขอรับ?" หลินเฟิง ถาม
"สวมเสื้อคลุมศิษย์ภายในซะ"
หนานกงหลิง หัวเราะ หลินเฟิง นี่ช่างเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ... การสวมเสื้อศิษย์สามัญเก่าๆของเขา
ในการปรากฏตัวที่สำคัญของ ต้วนเทียนหลาง นั้นไม่เหมาะสม
"ฮี่ฮี่" หลินเฟิง ยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าของเขา เขาส่ายหัวและกล่าวว่า "ข้าจะไม่
สวมเสื้อคลุมศิษย์ภายในและข้าจะไม่เป็นศิษย์ภายใน ถ้าข้าต่อสู้ในลานประลองแห่งชีวิต มันก็แค่แสดงให้
คนสองสามคนแถวนี้เห็นโดยพวกเขายังไม่รู้ตัว "
"หือ?" หนานกงหลิง ยิ้มขมวดคิ้ว เขางงและทำให้เขาถามว่า : "เจ้าหมายถึงอะไร? เจ้าช่วยอธิบายได้ไหม? "
"ท่านประมุข ศิษย์สามัญที่ไม่ได้นับเป็นอัจฉริยะของนิกายหยุนไห่ และพวกเขาสามารถออกจาก
นิกายได้ตามต้องการ ถูกต้องหรือไม่?"
คำพูดของ หลินเฟิง ทำให้หัวใจของ หนานกงหลิง หงุดหงิดอย่างบ้าคลั่ง เขาสับสนมาก
แต่ไม่ได้แสดงอะไรและกล่าวว่า "ถูกต้องแล้ว"
"ท่านประมุขข้าหวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้าได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่อีกแล้ว"
“.........”
คำพูดของ หลินเฟิง ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกประหลาดใจ หลินเฟิง ต้องการออกจากนิกายหยุนไห่ ?!
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? หลินเฟิง กำลังยืนอยู่บนเวทีต่อสู้ภายในลานประลองแห่งชีวิต เช่นเดียวกับขุนพล
ยอดนักรบที่ทุกคนยอมรับและได้รับความเคารพจากทุกคน ... แต่แล้วเขาก็บอกว่าเขาจะออกจากนิกาย
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้? พวกเขาจะไม่ตะลึงได้อย่างไร?
ทุกคนอยากทำความเข้าใจว่าทำไม หลินเฟิง ได้ตัดสินใจแบบนี้ พวกเขาต้องการคำอธิบาย
"ฮ่าฮ่า ...... .. " เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง โผล่ออกมา ต้วนเทียนหลาง หัวเราะแล้วหัวเราะอีก จากนั้นเขาก็
มองไปที่ หนานกงหลิง และกล่าวว่า : "นิกายหยุนไห่ ต้องผ่านความยากลำบากบางอย่างจากที่ข้าเห็น
ช่างเป็นตลกร้ายสำหรับเจ้าที่ต้องบอกลากับศิษย์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ทำไมมันตลกอย่างนี้! มันช่างตลก
เสียจริง ฮ่า ฮ่า ฮ่า "
"หลินเฟิงใช่ไหม? เจ้าสามารถมาที่ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว ซึ่งเจ้าจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการเพื่อ
เป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น "
"หลินเฟิง นิกายของข้า หมู่บ้านหุบเขาหิมะน้ำแข็ง ยอมรับเฉพาะผู้บ่มเพาะพลังที่มีจิตวิญญาณน้ำแข็งหรือ
จิตวิญญาณหิมะ วันนี้ข้าจะให้เป็นข้อยกเว้นและยอมรับในตัวเจ้า ถ้าเจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมกับนิกายเรา พวก
เราจะทำให้เจ้าเป็นศิษย์หลักทันที
"เหมือนกันสำหรับนิกายเห่าเย่วของเราถ้าเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมกับเราแล้วข้าสามารถทำให้เจ้า
กลายเป็นศิษย์หลักในทันที"
ขั่วอำนาจบางส่วนกำลังพยายามที่จะทำให้ หลินเฟิง เข้าร่วมนิกายของพวกเขาในนิกายหยุนไห่ ซึ่งทำให้
พวกเขาโกรธมาก แก้มของศิษย์ในนิกายหยุนไห่ลุกเป็นไฟ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองรู้สึกอับอายอย่างเ
หลือเชื่อในการกระทำเช่นนี้
"ฉันจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้" หลินเฟิง กล่าวด้วยเสียงที่สบายใจ
"ไอ้เด็กบ้า! ถ้าตอนนี้เจ้ายังไม่ตายทั้งนิกายหยุนไห่จะเสียหน้าและศิษย์ที่ตายไปแล้วก็ด้วย! " ม่อเสีย ตะโกนใส่
ด้วยความโกรธ เขายิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในใจ หลินเฟิง กำลังประสบปัญหาเนื่องจากการกระทำของตัวเอง
"หุบปากเน่าๆของเจ้าซะ!" หนานกงหลิง ตะโกนด้วยความโกรธ ซึ่งทำให้ ม่อเสีย ตกตะลึง เมื่อเห็นว่า
หนานกงหลิง ได้มีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้า
"หลินเฟิง สามวันก่อน ข้าทำให้เจ้าเป็นศิษย์ภายใน เจ้าทะเยอทะยานที่จะเป็นศิษย์ภายใน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมคุณเจ้าถึงอยากจะออกจากนิกายหยุนไห่และและต่อต้านนิกายละ? "
หนานกงหลิง กำลังพยายามระงับอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเห็นอัจฉริยะที่ต้องการออกจากนิกาย อาจเป็นได้ว่า
สมาชิกคนอื่น ๆ ของนิกายขู่ว่าถ้าเขาไม่ออกไปพวกเขาจะฆ่า หลินเฟิง?
"กบฎที่ต่อต้านนิกายหลังจากที่ออกมา? ท่านประมุขคำว่า "กบฏ" ไม่เหมาะสมจริงๆ ในความเป็นจริง
นิกายหยุนไห่ ได้ละทิ้งข้าไปแล้ว ในนิกายดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีที่สำหรับข้าอีกแล้ว "
"โปรดคำอธิบาย" หนานกงหลิง ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
"ก่อนอื่น ข้าต้องการจะถามท่านประมุขซักสองสามคำถามพอเป็นไปได้หรือไม่"
"แน่นอนเจ้าสามารถถามได้."
"ท่านประมุข ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งไม่มีใครสามารถเรียนรู้ได้จากคนที่พึ่งพาตนเองได้ ใช่มั้ย? "
หลินเฟิง ถาม
"ถูกต้อง" หนานกงหลิง กล่าวขณะพยักหน้า ในความเป็นจริงนี้เป็นวิธีที่ได้รับเสมอ แม้แต่ศิษย์ภานใน
ที่ได้รับคำสอนการบ่มเพาะพลังจากผู้อาวุโสก็มีจำนวนน้อยมาก
"ท่านประมุขเป็นศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งสามารถเข้าถึงชั้นหนึ่งของหอดวงดาราได้หากต้องการเรียนรู้
ทักษะใหม่ ๆ และเทคนิคความเร็ว ทักษะทั้งหมดและทักษะการเคลื่อนไหวมีระดับสีเหลือง
หนึ่งคนสามารถเข้าถึงทักษะเหล่านี้และเทคนิคความเร็วที่ใดก็ได้ หลายแห่งมีทักษะและเทคนิคเหล่านี้
นั่นถูกต้องใช่ไหม?"
"ถูกต้อง" หนานกงหลิง พยักหน้าอีกครั้ง
"ตั้งแต่ตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าได้เรียนรู้มาจนถึงบัดนี้ ความคืบหน้าทั้งหมดที่ข้าได้ทำขึ้นบนเส้นทาง
การบ่มเพาะพลังเป็นเรื่องผิดพลาดที่จะกล่าวได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพราะการฝึกฝนอย่างหนักของข้า
และที่ข้าได้เรียนรู้ ทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว? ดังนั้นเนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
ระหว่างนิกายหยุนไห่กับข้า มันจะผิดไหมที่ยืนยันว่านิกายหยุนไห่แทบไม่มีเลยสำหรับข้า? แต่มันเกือบ
จะไร้ประโยชน์สำหรับข้าที่จะเป็นศิษย์นิกายหยุนไห่? "
เมื่อ หนานกงหลิง ได้ยินคำพูดของ หลินเฟิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปและหน้าซีด ฝูงชนทั้งหมดก็พบว่า
ตัวเองหน้าซีดที่คิดเช่นนั้น แต่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธสิ่งที่ หลินเฟิง ได้กล่าวไว้ได้
ในขณะนั้น หนานกงหลิง พยักหน้าอีกครั้งและกล่าวว่า "เจ้ามีสิทธิ์ นิกายหยุนไห่ไม่มีหมายกับเจ้า แต่
ไม่ว่ายังไงหลังจากนี้เจ้ายังเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ออกไปเพราะนิกายหยุนไห่ได้ให้เจ้าไป
เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด มันไร้เหตุผล อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการออกไปเพราะเหตุผลอื่นหรือเพราะความ
ต้องการส่วนตัวของเจ้าเองแล้วมันแน่นอน เจ้าเป็นคนเนรคุณ "
"ท่านประมุข ได้โปรดฟังข้าพูดให้จบก่อน"
"เอาเลย" หนานกงหลิง กล่าว
"ครั้งแรกที่ท่านและข้าพบกันก็ที่ลานประลองแห่งชีวิต ข้าไม่ได้มีชื่อเสียงและไม่มีใครรู้จักข้า ข้าไม่ใช่
ฉู๋จั่นเผิง ที่มาพร้อมกับ หลินเซียน พวกเขาต้องการพาข้าไปและเพราะข้าเป็นเพียงศิษย์สามัญ
ม่อเสีย ต้องการมอบข้าให้กับพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นท่านไม่รู้ว่าข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่ทุก
คนคิด ถ้าข้าไม่สามารถหยุดท่านเรื่องการขับไล่ข้าออกจากนิกายได้ ข้าก็ไม่น่าจะเป็นสมาชิกนิกาย
อีกต่อไป นั่นถูกต้องใช่ไหม?"
"ข้าได้ทำผิดพลาดมากในวันนั้น" หนานกงหลิง ยอมรับความผิดของเขา ทุกคนรู้สึกและสัมผัสได้
หนานกงหลิง เป็นคนที่เปิดใจยอมรับ
"ท่านประมุข เมื่อฝูงสัตว์อสูรปรากฏขึ้น ขณะที่ข้าอยู่ที่นั่นข้าได้ทำการล่าสัตว์อสูรและไม่ได้รบกวนผู้ใด
แต่ ม่อเสีย ที่เกลียดชังในตัวข้าอย่างสุดซึ้งทำร้ายข้าอีกครั้ง เพียงเพราะข้าเป็นศิษย์สามัญเท่านั้น เขา
พยายามจะส่งข้าไปให้สัตว์อสูรที่อันตรายอย่างมาก เขาพยายามจะสังหารข้า เมื่อคนเห็นว่าข้าไม่ตาย
พวกเขาเริ่มเชื่อในพลังของข้า ... แต่ ม่อเสีย ก่อนหน้านั้นก็ยังไม่ได้รับการลงโทษเลยเพราะ ข้าเป็นศิษย์
สามัญข้ามันอ่อนแอ ข้าไม่คุ้มค่า นั่นถูกต้องใช่ไหม?"
หนานกงหลิง พูดไม่ออก นั่นเป็นครั้งที่สองที่เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้า หลินเฟิง ไม่แข็งแกร่งพอ
เขาอาจจะตาย เพราะ ม่อเสีย
ในขณะนั้น หนานกงหลิง กำลังจ้องมองไปที่ ม่อเสีย หลินเฟิง ต้องการออกจากนิกายหยุนไห่ และ
ม่อเสีย ดูเหมือนว่าเขากำลังปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด
"นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้าเป็นครั้งที่สอง" หนานกงหลิง ยอมรับเป็นครั้งที่สอง "
หลินเฟิง ข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่า ผู้พิทักษ์เป่ย โกรธเพราะปัญหาดังกล่าว เขาได้ทำให้ ม่อเสีย บาดเจ็บ
เขาเกือบจะฆ่า ม่อเสีย ในขณะนั้น เจ้าเป็นคนพิเศษในหัวใจของผู้พิทักษ์เป่ย ข้าคิดว่าเขาคง
จะหงุดหงิดถ้าเจ้าออกจากนิกายหยุนไห่ "
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น