ตอนที่ 77 นิกายหยุนไห่แปดเปื้อน
ผู้บ่มเพาะพลังที่น่ารังเกียจ? ทันใดนั้นมีคนกล้าดูถูก เวิ่นเหลินหยานและเรียกเขาว่าผู้บ่มเพาะ
พลังที่น่ารักเกียจ?
ฝูงชนกำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างลึกซึ้ง พวกเขารู้สึกมึนงงเพราะ หลินเฟิง ยังคงสวมเสื้อ
คลุมของศิษย์สามัญอยู่ เป็นไปได้ไหมที่เขายังคงเป็นแค่ศิษย์สามัญ?
หนานกงหลิง รู้สึกประหลาดใจ เขามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว หลินเฟย กับนิกายว่า
หลินเฟิง ได้กลายเป็นศิษย์ภายใน ทำไมเขาถึงยังสวมเสื้อคลุมของศิษย์สามัญอยู่?
ภายในนิกายหยุนไห่ หนานกงหลิง ได้ยกย่องศิษย์ทั้งสี่คนคือ หลิงหูเหอชาน ถูฟู่ เหวิ่นเหลินหยาน
และ หลินเฟิง
ในขณะนั้น หลิงหูเหอชาน สร้างความประทับใจให้กับเขาจากการแสดงออก ส่วนถูฟู่ เริ่มแข็งแกร่ง
มากขึ้นทุกวันๆ เวิ่นเหลินหยาน ดูเหมือนจะมีศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกี่ยวกับ หลินเฟิง นั้น เขายัง
คงอ่อนแออยู่บ้าง แต่เขาได้แสดงความสามารถของเขาและอนาคตของเขานั้นคงสดใส
เหล่าสาวกเหล่านี้ถือว่า หนานกงหลิง เป็นประมุขที่ดี ดังนั้น หนานกงหลิง หวังว่าจะไม่มีความตึง
เครียดระหว่างพวกเขา ความตึงเครียดระหว่าง หลินเฟิง กับ เวิ่นเหลินหยาน อาจไม่ชอบหน้ากัน
"เจ้ามีสิทธ์อะไรพูดคุยกับข้าแบบนี้? ต่อหน้าข้าเจ้ามันก็แค่คนไร้ความสามารถและเป็นได้แค่ขยะ. "
เวิ่นเหลินหยาน เผยดวงตาสีฟ้าที่ชั่วร้ายกำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง
"จิตใจเจ้าช่างคับแคบเสียจริง เจ้าเป็นคนแบบนี้เจ้าจะรู้ได้ไงว่า ผู้ใดดีหรือไม่ดี ผู้ใดมีความสามารถ
หรือไม่มีความสามารถ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกชื่อของใครคนหนึ่งและคนที่เจ้าไม่กล้า
ที่จะเรียกชื่อพวกเขา "
คำพูดของ หลินเฟิง ช่างลึกซึ้งกินใจและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเร้าใจให้ฝูงชน เขาไม่เห็น
ความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก เวิ่นเหลินหยาน ได้รับความเคารพจากทุกคนและเขาประหลาด
ที่มีคนกล้าที่จะไม่เคารพเขา เขาเป็นคนไร้ความคิดและอ่อนหัดจริง
"เจ้ากำลังพยายามที่จะพูดว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากกว่าข้างั้นรึ?" เวิ่นเหลินหยาน ถามราวกับว่า
เขาเพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิตของเขา
"ข้าอาจไม่ได้มีคุณสมบัติมากกว่าเจ้า แต่ข้าไม่ได้ไปดูถูกใครซี้ซั้วและเรียกพวกเขาว่า 'ขยะ' ข้านั้น
ระมัดระวังในคำพูดที่จะทำให้คนอื่นบาดหมางกับข้า "หลินเฟิง กล่าว และค่อยๆย่างก้าวช้าๆไปที่
ลานประลองแห่งชีวิต มุ่งหน้าไปยังกลางเวทีการต่อสู้ อย่างสงบนิ่ง
"เจ้าเป็นศิษย์ภายในที่ติดอันดับสูงสุดและเจ้าได้ดูถูกศิษย์คนอื่น ๆ คำพูดของเจ้าได้ทำให้พวกเขา
นั้นสิ้นหวัง ถ้ามีศิษย์หลักที่นี่แล้วเรียกเจ้าว่าขยะเจ้าจะกล้าอวดดีแบบนี้มั้ย? "
"ศิษย์หลักนั้นเห็นได้ชัดกว่าแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ว่าข้าจะยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาในที่สุดดังนั้นพวกเขา
จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกข้าว่าขยะ ไม่มีใครหน้าไหนเหนือกว่าข้าหรือกล้าแตะต้องข้า "
เวิ่นเหลินหย่น เป็นคนที่หยิ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่รู้สึกไม่พอใจจนหน้าของ
ของพวกเร้าร้อนเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะตำหนิเขาได้อย่างที่ต้องการ
เวิ่นเหลินหยาน นั้นเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยากในนิกาย
"ไร้สาระ" หลินเฟิง ได้มาถึงขอบการต่อสู้ของลานประลองแห่งชีวิตแล้ว จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนเวที
"ในสายตาของหลาย ๆคน เจ้าอาจเป็นอัจฉริยะที่ดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามในสายตาของข้า เจ้ามัน
เป็นแค่คนโง่และไม่มีอะไรมากกว่านั้น ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนิกายหยุนไห่ให้ความเคารพเจ้าและแม้แต่
ให้ความสำคัญกับเจ้า "
เมื่อ หลินเฟิง พูดเสร็จแล้วทุกคนได้ตื่นตระหนก ไม่เพียงแต่เขาจะดูถูก เวิ่นเหลินหยาน แต่เขายังตั้ง
คำถามกับการกระทำของนิกาย กล้าดียังไงกัน!
"นี่เจ้าอยากตายจริงๆใช่มั้ย!"
เวิ่นเหลินหยาน ได้แสดงออกอย่างชั่วร้ายในสายตาของเขาและเขาค่อยๆเริ่มเดินไปยังลานประลอง
การต่อสู้ ช้าๆทีละก้าว เขาดูราวกับปีศาจพร้อมที่จะปลดปล่อยความโกรธ
"ไม่มีความปราณีเมื่อมาถึงการสอบศิษย์ภายใน พวกเขาทุกคนต้องการที่จะได้รับการจัดอันดับสำหรับ
เกียรติที่จะได้มาพร้อมกัน บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับต้องพึ่งพาศิษย์ที่อ่อนแอลงเรื่อย ๆ ผู้ที่ได้รับ
การจัดอันดับขึ้นอยู่กับผู้ที่อยู่ด้านบนของชื่อที่ปกป้องตัวเองอยู่ นี่คือวิธีที่ที่ได้ผล นี่คือวิถีของโลก
แม้ว่าจะแพ้ในขณะเดียวกันก็สามารถไต่อันดับขึ้นไปใหม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย ไม่มีอะไรที่
ต้องอับอาย แต่ เวิ่นเหลินหยาน เจ้าเป็นคนที่ชั่วร้าย เจ้าไม่ได้เคารพผู้ที่เสียชีวิตในวันนี้
เจ้า ... เป็นคนจิตใจอำมหิตจริงๆ "
"เป็นศิษย์ในอันดับหนึ่งและดูหมิ่นศิษย์ภายในคนอื่น ๆ ... แล้วเรียกพวกเขาว่าไร้ค่าแม้กระทั่งหลังจากที่
พวกเขาตาย นั่นเป็นการลบหลู่ชั่วร้ายมากสำหรับเหล่าศิษย์ที่ต้องตายไปของพวกเราที่ได้พยายาม
เพื่อจะประสบความสำเร็จ มันไม่ยุติธรรม "
"ใจร้าย ดูหมิ่นและไม่มีความยุติธรรม... นิกายหยุนไห่ รวมทั้งศิษย์ของเราทุกคนช่วยให้เจ้ากลายเป็นสิ่งที่
เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้ ถ้านิกายหยุนไห่มีปัญหาใหญ่หลวงแล้วเชื่อใจเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สนใจเกี่ยวกับการที่พี่
น้องของพวกเราถูกฆ่าหรือเห็นว่าพวกเขาควรถูกฆ่างั้นรึ? สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ว่าเจ้าจะมีความ
แข็งแกร่งมากมายเพียงใด แต่นิกายหยุนไห่จะสามารถที่จะได้รับประโยชน์จากเจ้าได้หรือไม่ "
ขณะที่ หลินเฟิง กำลังพูดถ้อยคำที่ลึกซึ้งเหล่านี้บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเงียบเชียบ ศิษย์ที่ชั่วร้าย
ไร้ความปรานีและไม่เป็นธรรม แต่แข็งแกร่งมากนิกายหยุนไห่ยังต้องการเขา?
“ตู้ม!”
ปราณน้ำแข็งที่รุนแรงได้โผล่ออกมาเหมือนคลื่นที่บนเวทีการต่อสู้ อุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
"ช่างน่าอับอายยิ่งนักที่เจ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้? แย่มากข้ายังพูดไม่จบเลย"
หลินเฟิง ไม่กลัวและยิ้มเยาะ หลินเฟิงได้ย้ายไปข้างหน้าตรงกลางเวทีการต่อสู้และมองไปที่
เวิ่นเหลินหยาน ด้วยความรังเกียจ
"ในทวีปเก้าเมฆา นั้นกว้างใหญ่อย่างเหลือเชื่อ เวิ่นเหลินหยาน เจ้าเคยไปสถานที่อื่นแล้วรึ? มี
อัจฉริยะที่แท้จริงที่เจ้าพบในชีวิตของเจ้ากี่คน? และเจ้ากล้าพูดดั่งเจ้ายอดเยี่ยมเหนือสวรรค์
เจ้ากล้าที่จะอวดดีและหยิ่งกับคนอื่น ๆ ในขณะที่แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย ผู้บ่มเพาะพลังชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่สามถือว่าค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับที่อื่นของโลก ในแคว้นชู่วเย่ว มีเมือง
ที่เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วยพรสวรรค์ที่เจ้าทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น ข้าไม่
เข้าใจว่าเจ้ามีคุณสมบัติดีกว่าคนอื่นอย่างได้อย่างไร ข้าไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามีสิทธิ์ที่
จะทำตัวเช่นนี้ "
"เวิ่นเหลินหยาน เจ้าเป็นเหมือนหนูเห็นเพียงแค่นิ้วเดียวของกบที่ด้านล่างของบ่อน้ำ... นั่นคือทั้งหมด
คุณไม่มีทางรู้อะไรเกี่ยวกับโลกจริงๆ เจ้าไม่รู้หรอกว่าท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่ขนาดไหน หรือทะมหาสมุทร
นั้นลึกเพียงใด เจ้านั้นช่างไม่รู้อะไรเสียเลย."
คำพูดของ หลินเฟิง ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แม้แต่ หนานกงหลิง และ ต้วนเทียนหลาง ก็ถูกคำพูด
ของ หลินเฟิง ทำให้ชะงักทุกสิ่งทุกอย่างที่ หลินเฟิง กล่าวออกมานั้นลึกซึ้งและแสดงให้เห็นว่าเขา
เป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง
เวิ่นเหลินหยาน สั่นจากหัวถึงปลายเท้าด้วยความโกรธ คำพูดของ หลินเฟิง ที่กำลังแทรกซึมทะลุถึง
จิตวิญญาณ เขาสั่นด้วยความโกรธ เขาเห็นว่าทุกคนจ้องมองเขาด้วยท่าทางดูถูก
ดูเหมือนว่า หลินเฟิง ตั้งใจที่จะลงโทษเขาโดยใช้คำพูด
เขาจ้องมองไปไกล หลินเฟิง ไม่เคยกล่าวเท็จแม้แต่น้อยและได้เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ
"ความไม่ยุติธรรมและการลบหลู่ศิษย์รุ่นเยาว์อย่างนี้ ... การยกย่องและการได้รับเคารพจากสาวกคน
อื่น ... การได้รับความเคารพนับถือโดยผู้อาวุโส ... แหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับศิษย์สามัญ ...
อาจเป็นไปได้ว่านิกายหยุนไห่มีค่าเพียงเท่านี้?"
นิกายหยุนไห่มีค่าเพียงเท่านี้?
ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจ หลินเฟิง ได้กล่าวว่า เวิ่นเหลินหยาน อวดดี แล้วเขาล่ะ? บอกว่านิกายหยุนไห่
มีค่าเพียงเท่านี้ การกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาอวดดีอย่างมากเช่นนั้นรึ?
"อะไรที่ทำให้ศิษย์สามัญผู้นี้กล้า ที่จะทำให้นิกายหยุนไห่ทั้งนิกายอับอายเช่นนี้ นี่เจ้าอยากตายงั้นรึ! " ผู้อาวุโสกล่าวขณะมองไปที่เวทีการต่อสู้ นั่นคือผู้อาวุโสคนเดิมที่ปฏิเสธที่จะมอบเสื้อคลุมศิษย์ภายในและใบรับรองให้กับ หลินเฟิง เขาคือ : ลู่หยวน
"มีหลายคนเช่นเจ้าในนิกายหยุนไห่มากขึ้นและความแปดเปื้อนได้มากขึ้นทุกวันๆด้วยความโง่เขลาของเจ้า. "
หลินเฟิง กล่าวอย่างไม่หวาดกลัวใครทิ้งสิ้นกล่าวและยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวกับลู่หยวนว่า "เจ้าคิดว่าศิษย์สามัญไม่มีค่าพอและเหล่าศิษย์ภายในอยุ่เหนือกว่าพวกเขาเพียงเพราะว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งงั้นรึ?"
"เจ้าทั้งห้าคน เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมากสินะ ถึงได้กล้าที่จะสังหารศิษย์เหล่านั้น อย่างไร้ศีลธรรม เจ้าพลังมากแค่ไหนกันเชียวในการสังหารคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ไปแล้ว! เจ้าเคยคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าหรือไม่และถ้าพวกเขาอาจปฏิบัติต่อเจ้าแบบเดียวกันละ? มีคนไหนในพวกเจ้าที่หยุดคิดก่อนที่จะสังหารลูกศิษย์คนหนึ่งเพื่อต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นบ้างมั้ย? "
หลินเฟิง จ้องไปที่ห้าศิษย์ภายในที่มีอันดับที่เพิ่งฆ่าคนที่ท้าทาย "แม้ว่านิกาย หยุนไห่จะมีกฏเกณฑ์ มันก็ไร้ประโยชน์เพราะพวกเขาไม่ได้ทำตาม สิ่งที่พวกนั้นใช้คือการทำลายศิษย์นิกายเดียวกันและทำให้พวกเขาได้รับความอัปยศ ข้าขอท้าพวกเจ้าทั้งห้า ข้าคิดว่าไม่มีใครจะมีปัญหากับเรื่องนี้ เราควรจะฟังสิ่งที่ประมุขได้กล่าวไว้"
หลินเฟิงหยุดพูด ในขณะนั้นทำให้เหล่าฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับมึนงง หลินเฟิง ต้องการที่จะท้าสู้กับศิษย์ภายในทั้งห้าอันดับ
บ้าไปแล้ว!
เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิง นั้นบ้าไปแล้ว!
แม้ว่า หลินเฟิง จะเข้าใจวิธีใช้พลังอำนาจของดาบ ผู้บ่มเพาะพลังทั้งห้าคนนี้มีจิตวิญญาณขั้นที่สอง พวกนั้นสามารถฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้เลย
แต่ หลินเฟิง สร้างความประหลาดใจอย่างมากได้กล้าที่จะท้าทายศิษย์ภายในทั้งห้าอันดับภายในครั้งเดียว ทำไมเขาถึงได้บ้าเช่นนี้?
หานหมาน อ้าปากค้าง เขาพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้ช่าง...
ในขณะนั้นในกลุ่มฝูงชน หลิวเฟย รู้สึกตกใจ ดวงตาที่สวยงามของเธอกำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง ด้วยความกังวล เธอคิดว่าแม้ว่า หลินเฟิง จะมีพลังสูงเขาก็ยังอ่อนแอกว่าอัจฉริยะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการให้ หลินเฟิง ใช้เวลาในการฝึกฝนพลัง เมื่อเวลานั้นเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ชื่อของเขาแน่นอนจะปรากฏในรายการจัดอันดับในอนาคต แต่ถ้าเขาต่อสู้ตอนนี้เขาอาจตายได้
แต่ หลินเฟิง จะสร้างปาฏิหาริย์รึอย่างไร? ไอ้ตาบ้านั่น ท้าสู้กลับศิษย์ภายในที่มีอันดับถึงห้าคนในเวลาเดียวกัย? เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งพวกนั้น
"ไอ้เวร" หลิวเฟย กำลังสาปแช่งในใจเธอกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของ หลินเฟิง ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ หลินเฟิง ออกจากลานประลองอย่างมีชีวิต
ณ ที่ไกลออกไป หนานกงหลิง กังวลเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก อยุ่ๆก็ท้าศิษย์ภายในที่มีอันดับถึงห้าคน? เขาไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้ได้ มันอาจจะไม่เป็นไปตามที่เขาได้วางแผนไว้?
เขาเองได้ประกาศให้ หลินเฟิง เป็นศิษย์ภานในแต่ทำไมเขาถึงได้สวมเสื้อคลุมศิษย์สามัญอยุ่?
"ห้าคนนั้นมากเกินไป เริ่มทีละคน"
หนานกงหลิน ไม่ต้องการให้ หลิรเฟิง มีความเสี่ยงมากนัก เขายังกังวลกับสองสศิษย์ที่เขาชื่นชมอย่างมาก ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นเขาไม่ชอบหน้ากัน
"ไม่จำเป็น. เจ้าห้าคนรีบเข้ามาและขึ้นมาบนเวทีได้แล้ว"
เสียงของ หลินเฟิง ฟังดูเหมือนว่าเขาเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่ไม่รู้จักโลก เขากำลังพูดกับคู่ต่อสู้ของเขาราวกับว่าพวกเขาไม่มีอะไร
"เจ้าต้องการที่จะตายนักข้าจะสนองเจ้าเอง"
หนึ่งในห้าคนกำลังหัวเราะ หลินเฟิง ได้ตายไปเรียบร้อยแล้วสำหรับพวกเขา ช่างกล้าที่จะท้าทายทั้งห้าคนในเวลาเดียวกัน
"ปืนขึ้นไปบนนั้นไวๆ ข้าเบื่อที่จะมองหน้ามองหน้ามันแล้ว "
เวิ่นเหลินหยาน กล่าวขัดจังหวะ เขายังคงคิดถึงสิ่งที่ หลินเฟิง กล่าวไว้ ว่าเขาได้ลบหลู่ จิตใจโหดร้าย และอวดดี ว่าการกระทำของเขานั้นนิกายไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดจากเขาได้ ... เขามีความเกลียดชัง หลินเฟิง อย่างมาก
ศิษย์ทั้งห้ารีบขึ้นไปเพราะสิ่งที่ เวิ่นเหลินหยาน พูด
ภาพของเงาคนทั้งห้าที่ปืนขึ้นไปบนเวทีได้ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นปราณที่แข็งแกร่งได้กดทับไปที่ หลินเฟิง
"จำชื่อของคนที่จะฆ่าเจ้าไว้ : หยูหยาง"
เปลวไฟมหึมาก็ปรากฏเปล่งประกายทั้งเวที มันเโหมแรงมากขึ้นและร้อนขึ้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเผาผลาญทุกสิ่ง
เปลวไฟขนาดมหึมาอีกอันหนึ่งโผล่ออกมาจากหัวของเขาและลุกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ศิษย์อีกสี่คน เริ่มใช้ทักษะของตัวเองแต่ละคนมีพลังมากกว่าครั้งล่าสุดที่แสดงออกมา นี่คือความแข็งแกร่งของศิษย์ทั้งห้าคนของชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ทรงพลังอย่างมาก แม้แต่คนที่ไม่ไดต่อสู้ก็สามารถรู้สึกได้
ดูเหมือนว่า หลินเฟิง จะถูกฆ่าตายโดยปราณที่กดทับร่างกายของเขาก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้โจมตี
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
ตู้ม!”
ตู้ม!”
“ตู้ม!”
แปดการโจมตีที่มีประสิทธิภาพอย่างมากได้ปกคลุมท้องฟ้าและกระทบกับบรรยากาศที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในทันที การโจมตีแต่ละครั้งที่พุ่งไปข้างหน้าดูเหมือนการกระทืบเท้าอย่างรุนแรงของทหารม้าหุ้มเกราะ
"แปดสังหารทะลายสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ."
ฝูงตื่นตระหนกกับการโจมตีและความแข็งแกร่งและพลังอันไร้ขอบเขต เสียงของการโจมตีของเหล่าศิษย์ทั้งห้าคนที่ปะทะเข้ากับการโจมตีของ หลินเฟิง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงการปะทะกัน
"ตาย" หยูหยาง พุ่งเข้าเข้าหา หลินเฟิง เปลวเพลิงลุกลามออกมาจากร่างกายของเขา รุนแรงกว่าและร้อนกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้เห็น หลินเฟิง ที่ใช้แปดสังหารทะลายสวรรค์ เขารู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่า หลินเฟิง นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่เขาคิดว่าเป็นการโจมตีแปดสังหารทะลายสวรรค์อย่างสมบูรณ์ เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งโดยรวมของศิษย์ภายในที่มีอันดับทั้งห้า ก็ยังห่างไกลไม่เพียงพอที่จะจัดการกับพวกเขาได้
"ตายซะ."
เสียงที่เปล่งออกมาจากดาบกระจายไปทั่วทั้งบรรยากาศ มีแสงส่องประกายด้วยพลังอำนาจของดาบมีนช่างสว่างไสว
มันรวดเร็วอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นได้คือร่องรอยของแสงระหว่างพวกเขา ก่อนที่แสงจะค่อยๆเลือนหายไปจากเสียง หลินเฟิง ชัดดาบของเขาออกมา
ร่างกายของ หยูหยาง ยังคงเต็มไปด้วยเปลวไฟ เขายังมีเปลวเพลิงออกมาจากหัวของเขา ทันใดนั้นในพริบตามีเส้นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนคอของเขาซึ่งเลือดเริ่มทะลักออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทักษะดาบสังหาร
พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าจุดแข็งของ หลินเฟิง คือตอนที่เขาใช้ดาบ การใช้ดาบของเขาดีมากกว่าฝ่ามือด้วยซ้ำ
มีพลังอำนาจของดาบที่น่าทึ่งอยู่ภายในเวทีและดาบยังคงสว่างไสวด้วยพลังนั้น
การโจมตีอย่างรุนแรงด้วยแปดสังหารทะลายสวรรค์ของ หลินเฟิง เมื่อไม่นานมานี้มีพลังที่มหาศาลอย่างมาก แต่เขาอาศัยความแข็งแกร่งของชั้นจิตวิญญานขั้นแรกเท่านั้นและได้โจมตีทั้งห้าศิษย์ภายในที่มีอันดับ ดูเหมือนจะลืมไปว่า หลินเฟิง เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบและสามารถใช้มือทั้งสองข้างได้ นั่นคือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการลืมเลือนสิ่งเหล่านั้น สำหรับการประเมิน หลินเฟิง ต่ำเกินไปจะต้องแลกด้วยหัวของพวกเขา
"นั่นคือทักษะดาบสังหาร?"
มีศิษย์จำนวนมากรู้จักการโจมตีนี้ พวกเขาประหลาดใจแม้ว่าพวกเขาคิดว่าดาบสวรรค์เป็นทักษะที่ไร้ประโยชน์ ... แต่เมื่ออยุ่ในมือของ หลินเฟิง มันกลับมีพลังมาก มันเร็วเหมือนกับแสง ในมือของเขามันกลับเป็นทักษะการทำลายล้างอย่างไม่น่าเชื่อ
ดาบนั่น ! เป็นวิธีที่ใช้ที่น่าทึ่ง! และสวยงาม!
"ไม่น่าแปลกใจที่ ผู้พิทักษ์เป่ย ชื่นชมเขามาก ทั้งมอบเขามีทักษะและสามารถทำได้สำเร็จราวกับสร้างปาฏิหาริย์อีกด้วย "
ตอนนี้ หลินเฟิง ยิ่งได้รับความเคารพนับถือมากขึ้น เขาดูเหมือนจะอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นแรกและสามารถควบคุมแปดสังหารทะลายสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบและทักษะดาบสังหารได้แล้ว มันยากที่จะเชื่อว่าเขาเพิ่งจะกลายเป็นศิษย์ภายในเมื่อมองไปที่ทักษะของเขา...
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น