ตอนที่ 76 ความโหดร้าย
การแสดงออกของ หนานกงหลิง เริ่มค่อยๆมีท่าทีที่หนาวเย็น ในสายตาของเขาเฉียบคมเหมือน
ดาบขณะที่เขามองไปที่ฝูงชนที่อยู่เบื้องหน้าเขา
ฉู๋ชิ่ง เป็นประมุขของนิกายเห่าเย่ว เขาเป็นพ่อของ ฉู๋จั่นเผิง
หานซื่อเทียน เป็นประมุขของเมืองภูเขาหิมะน้ำแข็ง
เจิ้งหวู่ชาน เป็นประมุขของนิกายม่อเชี่ยว
ต้วนเทียนหลาง เป็นเจ้าชายของตระกูลจักรพรรดิและเป็นพ่อของ ต้วนหาน ที่มาที่นิกายหยุนไห่
เมื่อเร็ว ๆ นี้และถูกโยนออกไป
คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของนิกายและตระกูลที่ทรงพลังที่สุดบางส่วน พวกเขามาในระหว่างการ
สอบศิษย์ภายใน และมันไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาได้มาพร้อมกับเจตนาที่ดี
"ประมุข หนานกงหลิง ทุกคนท่านมาเยี่ยมชมในวันเดียวกันนี้ช่างเป็นเรื่องแปลกเล็กน้อย."
ต้วนเทียนหลาง เป็นคนที่ยืนอยู่บนดาบขนาดยักษ์ เขาสวมเกราะอันประณีตซึ่งทำให้เขาดูสง่างาม
ดาบขนาดมหึมาเริ่มเคลื่อนที่ต่ำลงและเมุ่งหน้าไปยังจุดรับชมพร้อมกับเสียงของบรรยากาศที่
แปลปรวนภายใต้ความกดดัน
ในเวลาเดียวกัน ฉู๋ชิ่ง และ หานซื่อเทียน ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลงมายังแท่นรับชมในขณะที่กำลัง
มองด้วยความสนใจ
ข้างๆ ต้วนเทียนหลาง, ต้วนหาน กำลังจ้องมองไปที่ หนานกงหลิง อย่างไม่ใส่ใจ หนานกงหลิง เพิ่ง
จะทำให้เขาอายและบอกให้เขาออกจากนิกายหยุ่นไห่ ตอนนี้เขาไม่พอใจ หนานกงหลิง และต้อง
การสอนบทเรียนให้เขา
"โอ้..ฮ่าๆ...เป็นเกียรติสำหรับข้าที่ได้ต้อนรับ ต้วนเทียนหลางในนิกายหยุนไห่ ได้โปรดทำตัวตาม
สบายเหมือนอยู่บ้านเถิด"หนานกงหลิง กล่าวด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็นทั่วใบหน้าของเขาและเขา
กล่าวเสริมว่า" เป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่าเจ้าจะพาคนมามากมาย อะไรที่ทำให้เจ้าทุกคนมายังนิกาย
หยุนไห่ของข้า? "
"เมื่อไม่นานมานี้เด็กหนุ่มคนนั้น ต้วนหาน ไปเยี่ยมเจ้ามาแล้ว วัตถุประสงค์ของการมาเยือนของ
เขาก็ชัดเจนมากสำหรับคุณ จักรพรรดิได้เล็งเห็นสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเขากำลัง
เตรียมที่จะสร้างลานศักดิ์สิทธิ์ของซู่วเย่วให้เสร็จสิ้น ดังนั้นเขาจึงต้องการศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด
บางส่วนในแคว้น นิกายทั้งหมดได้ตอบและเลือกศิษย์ของพวกเขา ยกเว้นนิกายหยุนไห่ ......... "
เมื่อเสร็จสิ้นการพูดคุย ต้วนเทียนหลาง ยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรอีก
"หือ?" หนานกงหลิง ทำหน้าแปลก ๆ ฉู๋ชิ่ง, หานซื่อเทียน และคนเหล่านี้มีพลังอย่างมาก ลูกๆ
ของพวกเขาก็มีพรสวรรค์ ถ้าพวกเขาส่งลูกศิษย์ไปที่นั่นพวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ
ตระกูลจักรพรรดิและผลที่ตามมาจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการของนิกายหยุนไห่ในอนาคต
แต่ ฉู๋ชิ่ง สังเกตว่า ต้วนเทียนหลาง ได้พูดด้วยท่าทางที่สงบและนุ่มนวลซึ่งเป็นเหตุผลที่
หนานกงหลิง ไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ
"เอาล่ะ ต้วนเทียนหลาง เจ้าต้องการทำอะไร?" หนานกงหลิงถาม
"เนื่องจาก หนานกงหลิง ไม่ได้เต็มใจที่จะมอบลูกศิษย์ที่ดีที่สุดบางส่วนของเขา ข้าก็มาแทน
องจักรพรรดิเพื่อเลือกตัวเอง วันนี้เป็นวันสอบศิษย์ภายในของนิกายหยุนไห่ ข้าสามารถมอง
เห็นศิษย์ที่แข็งแกร่งของเจ้าด้วยตาของข้าเองและเลือกพวกเขาที่ละคน "
ต้วนเทียนหลาง กล่าวอย่างจริงจัง
การแสดงออกทางสีหน้าของศิษย์นิกายหยุนไห่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน หยาบคายที่สุด! พวก
เขาคิดว่านิกายหยุนไห่คือสิ่งใด? อะไนทำให้พวกเขามีสิทธิที่จะเลือกอัจฉริยะที่พวกเขาพอใจได้?
"เกิดอะไรขึ้นถ้าข้าไม่เห็นด้วย" หนานกงหลิง กล่าว เมื่อเสียงของเขาเริ่มหนาวเย็ฯขึ้น
"หนานกงหลิง เจ้าเห็นด้วยเช่นเดียวกับบรรดาประมุขคนอื่น ที่เห็นด้วย" ต้วนเทียนหลาง
กล่าวในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาพูดราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นกฎและไม่มีใคร
สามารถปฏิเสธเขาได้
"หนานกงหลิง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเลือกศิษย์หรอกเพราะการสอบศิษย์ภายใน เขาไม่ควร
ไม่เห็นด้วยเร็วเกินไป ลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่ว จะไม่ยอมรับศิษย์สามัญ จะรับเฉพาะศิษย์ที่โดดเด่น
ที่สุดของแคว้นเท่านั้น พวกเขาจะให้มอบยาที่ดีที่สุดที่ดีที่สุด อาวุธที่ดีที่สุดและครูที่ดีที่สุดที่
มีอยู่ และทรัพยากรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้ทักษะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด พวกเขาจะสามารถเลือก
ทักษะการต่อสู้ที่มีจำนวนมากและพวกเขาก็จะกลายเป็นเสาหลักของแคว้นอย่างแท้จริง "
ต้วนเทียนหลาง ได้กล่าวคำเหล่านั้นแก่เหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่ เขากำลังพยายามที่จะ
ล่อลวงพวกเขาด้วยความมั่งคั่งมากมาย การได้รับอาวุธ ยาและทักษะต่างๆที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไม่จำกัด ..ศิษย์ทั้งหมดของนิกายหยุนไห่ถูกล่อลวงอย่างเห็นได้ชัดใครจะกล้า
ปฏิเสธโอกาสที่ยอดเยี่ยมนี้?
พวกเขามาถึงนิกายหยุนไห่เพื่อการบ่มเพาะพลัง พวกเขาต้องการที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจ
ถ้าลานศักดิ์สิทธิ์ซู่วเย่วสามารถให้สภาพแวดล้อมการบ่มเพาะพลังที่ดีขึ้นและสิ่งอำนวยความ
สะดวกในการบ่มเพาที่ดียิ่งขึ้นและเหตุผลใดที่พวกเขาจำเป็นต้องอยู่ในนิกายหยุนไห่?
ในขณะนั้นศิษย์หลายคนก็กระวนกระวาย ศิษย์หลายคนกำลังเตรียมที่จะให้ความสำคัญ
สูงสุดเพื่อจะได้รับการยอมรับในลานศักดิ์สิทธิ์
"น่ารังเกียจยิ่งนัก"
หนานกงหลิง สาปแช่ง ต้วนเทียนหลาง ผู้ที่พยายามสร้างความแตกแยกในนิกายหยุนไห่
มันเป็นแผนการที่ฉลาดและไร้ความปรานี
หนานกงหลิง ได้พบว่าเขาไม่สามารถทนได้มากไปกว่านี้แล้ว นี่เป็นการปลุกปั่นยั่วยุให้
นิกายหยุนไห่ทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ
"ข้าอยากจะรู้นักว่าใครจต้อต้านนิกายหยุนไห่" หนานกงหลิง กล่าว จากนั้นเขาก็มองไป
ที่ ต้วนเทียนหลาง และกล่าวว่า "เนื่องจาก ต้วนเทียนหลาง ต้องการดูการสอบศิษย์ภายใน
ข้าจะอนุญาตให้เจ้าอยู่และดูได้"
"การต่อสู้จัดอันดับสำหรับศิษย์สามัญและศิษย์หลักถูกเลื่อนออกไปในอีกหนึ่งวัน วันนี้มี
เพียงลูกภายในเท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้ "
ฝูงชนโกรธมากเมื่อได้ยิน หนานกงหลิง กล่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เข้าใจว่า
เหตุใดเขาจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้
เหล่าศิษย์สามัญนั้นอ่อนแอเกินไปจะทำให้นิกายหยุนไห่เสียหน้าได้ ศิษย์หลักคือหัวใจของ
นิกายหยุนไห่ และเขาไม่สามารถจะเสียศิษย์เหล่านี้ได้ ไม่มีเวลามากก่อนที่ศิษย์หลักจะกลาย
เป็นเสาหลักรุ่นต่อไปภายในนิกาย นอกจากนี้ก็ไม่ฉลาดที่จะแสดงความแข็งแกร่งของศิษย์
หลักที่เราไม่ได้ต้อนรับแขกพวกนั้น ดังนั้นการแสดงศิษย์ภายในเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด
ต้วนเทียนหลาง กำลังยิ้ม การกระทำของ หนานกงหลิง จะสร้างความแตกต่างอะรได้รึ?
"ศิษย์ภายใน เข้าไปในลานประลองแห่งชีวิตและตามอันดับการจัดอันดับ"หนานกงหลิง กล่าว
ศิษย์ภายในที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อจัดอันดับมีทั้งหมดแปดสิเอ็ดคน ฝูงชนกำลังจ้องมองพวกเขาด้วย
ความชื่นชม พวกเขาจะมีโอกาสที่จะนำเกียรติยศมาให้กับตัวเองและนิกาย
"ข้าจะเปลี่ยนกฎของรอบที่สองของการสอบศิษย์ภายใน ถ้าเจ้าต้องการอยู่ในรายชื่อการอันดับ
เจ้าต้องต่อสู้กับคนที่อยู่ในรายชื่อการอันดับ ถ้าเจ้าชนะเจ้าจะได้อันดับนั้นไป
ศิษย์หนึ่งคนไม่สามารถท้าประลองได้เกินสองครั้ง "
หนานกงหลิง ยังคงพูด ผู้คนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังยอมแพ้กับความหวังเหล่านั้น รอบนี้เป็น
โอกาสสำหรับศิษย์ที่จะทดสอบตัวเองและความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเนื่องจากกฎใหม่มี
การเปลี่ยนแปลงการสอบ ศิษย์หลายคนจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบตัวเองกับเหล่าศิษย์ที่เก่ง
"การต่อสู้เหล่านี้ทั้งหมดจะต่อสู้ถึงตาย ...... ไม่มีข้อจำกัดใดๆ "
"ตู้ม" ประโยคที่ทำให้ช๊อตเหมือนกับระเบิดที่ระเบิดหัวของทุกคน ไม่มีข้อจำกัด ..ถึงตาย ...
หากพวกเขาท้าสู้กับศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจะพ่ายแพ้และเสียชีวิตไปพร้อมๆกัน ไม่มี
ทางเลือกให้ยอมแพ้ พวกเขาจะต้องถูกฆ่าเพียงอย่างเดียว
ชัยชนะหมายถึงจะเห็นชื่อของพวกเขาในรายชื่อจัดอันดับศิษย์ภายใน ความพ่ายแพ้มีผล
กระทบร้ายแรงในขอบเขตที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีความเมตตาอาจทำให้เสียชีวิตได้
นั่นเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับผู้ที่แพ้
“อันตรายเกินไป”.
"การเล่นกับชีวิตที่เสี่ยงเป็นสิ่งที่อันตรายเกินไป ข้าจะลองอีกครั้งในปีหน้าแล้วกัน "
จำนวนศิษย์นับไม่ถ้วนกำลังส่ายหัวหลังจากคำพูดก่อนหน้านี้ หลายคนเห็นพ้องกันว่าการ
เสี่ยงชีวิตเพื่อเข้าร่วมการจัดอันดับไม่ใช่ความเสี่ยงที่คุ้มค่า
"หลินเฟิง, ประมุขช่างโหดร้ายจริงๆ ข้าเพิ่งเข้าร่วมเป็นศิษย์ภ่ยใน แต่ข้ายังอยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณ
ขั้นแรกเท่านั้น ในรายชื่อนั้นประกอบด้วยแปดสิบเอ็ดคนที่อ่อนแอที่สุดได้ผ่านเข้าไปในชั้น
จิตวิญญาณขั้นที่สองแล้ว ข้าไม่มีโอกาสชนะเลย "
หานหมาน กำลังยิ้ม เขาคิดว่าเขาจะใช้โอกาสในการต่อสู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ใน
ระหว่างการสอบศิษย์ภายใน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
หลินเฟิง มีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป กฎใหม่เหล่านี้อาจนำไปสู่การต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่จะเข้าร่วมที่กล้าหาญแต่พวกเขาก็จะเป็นสมาชิกที่โดดเด่นที่สุดของนิกาย
เฉพาะเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นเท่านั้นที่เสี่ยงชีวิตของพวกเขา นั่นคือสิ่งที่หนานกงหลิง ต้องการ
เห็น เขาต้องการที่จะแสดงให้คนเหล่านี้เห็นว่าศิษย์เหล่านี้ล้วนแข็งแกร่ง
"ศิษย์ทั้งหมดแปดสิบเอ็ดคนในรายการจัดอันดับตอนนี้อยู่บนลานประลองแห่งชีวิต ตอนนี้
สามารถท้าประลองกับพวกเขาและไปที่ตรงกลางของลานประลองได้"
เมื่อ หนานกงหลิง กล่าวเสร็จ เขาก็นั่งลงและสังเกต ต้วนเทียนหลาง
"ลั่วหลี่ ยินดีที่จะท้าทาย โย่วหลิน ในการต่อสู้"
ภาพเงาได้ก้าวขึ้นสู่เวทีการต่อสู้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะท้าทายคนคนเดียวกันสองครั้ง
คนแรกมีข้อได้เปรียบเหนือศิษย์คนอื่นๆอย่างมาก เนื่องจากสามารถท้าทายคนที่อยู่ใน
อันดับที่ต่ำมากๆได้ โย่วหลิน เป็นศิษย์แปดสิบคนแรก
ในขณะนั้น โย่วหลิน มีท่าทางที่หน้าน่าเกลียด เป็นคนแรกที่ถูกท้าทาย...
นั่นเป็นความอับอายยิ่งนัก
"ใครก็ตามที่เลือกที่จะท้าประลองกับศิษย์ที่มีอับดับ ความตายจะเป็นการลงโทษคนนั้น"
เวิ่นเหลินหยาน ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าคนอื่น ๆในประลองกล่าว เขาชี้แจงแก่เหล่าศิษย์
ทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของเขาว่าเหล่าศิษย์ที่ได้รับการจัดอันดับจะสังหารผู้ท้าชิง
ทั้งหมด
"ข้าตกลง" โย่วหลิง กล่าวขณะที่เขากระโดดขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ ทันทีที่เขาเริ่มต้นเขาได้ปลด
ปล่อยทักษะทั้งหมดของเขาโดยใช้พลังทั้งหมด แม้ว่า เวิ่นเหลินหยาน ไม่ได้กล่าวไว้ก็ตาม
โย่วหลิง ได้วางแผนที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว
............
หุบเขาแห่งความป่าเถื่อนกำลังเต็มไปด้วยความเงียบ
ฝูงชนกำลังเฝ้าดูเวทีการต่อสู้ภายในลานประลองแห่งชีวิต การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยสีแดงจากเลือด บนเวที
การต่อสู้เป็นกองซากศพ ศพทั้งหมดนี้เป็นซากศพของผู้ท้าชิง พวกเขาพ่ายแพ้และถูกฆ่าตายโดยไม่มี
ข้อยกเว้น พวกเขาไม่ได้เอาซากศพออก แต่ทิ้งไว้ที่นั่นเพื่อเป็นการเตือนสติให้ทุกคนที่ออกมาท้าทาย
นี่จะเป็นสถานที่ที่พวกเขาได้เข้ามาพักผ่อนไปชั่วนิรันดร์
ความพ่ายแพ้ในการประลองหมายถึงความตายสถานเดียว
เป็นบทเรียนที่โหดร้ายและสร้างความกระหายเลือด ค่อยๆมีผู้ที่อยากจะท้าทายเหล่าศิษย์ที่ได้รับการ
จัดอันดับเหล่านี้ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ศิษย์ที่ถูกท้าทายคือคนที่อยู่ด้านล่างของการจัดอันดับ จากช่วงเวลานั้นถ้ามีคนอื่นอยากจะท้าทายเหล่า
ศิษย์ภายในที่มีอันดับเหล่านี้พวกเขาต้องท้าประลองกับอันดับที่สูงขึ้นกว่าเดิมในรายชื่อนี้
ตามที่คาดการไว้จากเหล่าศิษย์ภายในที่มีอันดับ ไม่มีคนใดคนหนึ่งเป็นคนธรรมดา แม้แต่ โย่วหลิง ที่ได้
รับการจัดอันดับเป็นอันดับล่างสุดเป็นหนึ่งในแปดสิบเอ็ดคนก็มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
หนานกงหลิง ยังคงนั่งมองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างใส่ใจ บทเรียนที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดได้แสดงให้
เหล่าศิษย์รู้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะพลังนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากและโหดร้าย
บนเส้นทางของการบ่มเพาะพลังผู้ที่มีหัวใจที่แน่วแน่เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นและสภาพจิตใจที่มั่นคงแข็ง
แกร่งดุจหินอาจเดินไปข้างหน้าได้อย่างกล้าหาญ บรรดาผู้ที่มีความหวาดกลัวการนองเลือดจะไม่
สามารถอยู่ได้นานในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง บรรดาคนที่ใจอ่อน จะถูกฆ่าเพราะความโง่เขลาของตน
นี่ไม่ใช่โลกที่อ่อนโยนอย่างที่คิด
"ผลพวงของผู้บ่มเพาะพลังที่กระจอกได้พยายามอย่างไร้สาระเพื่อให้ได้อันดับ แค่นี้ก็พอทำให้พวกนั้น
หมดหวังแล้วพยามไปก็ไร้ความหมาย"
เวิ่นเหลินหยาน กล่าวขณะที่ชี้ไปที่ซากศพห้าคนบนเวที จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองอย่างชั่วร้ายที่
กลางฝูงชน เขาเยาะเย้ยศิษย์ภายในทุกคนที่ไม่มีชื่อในการจัดอันดับ
เขาเป็นศิษย์ภายในที่มีอันดับสูงสุดและไม่มีใครในห้าคนนี้มีค่าพอสำหรับเวลาที่เขาเสียไป
พวกภายในทุกคนโกรธ แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขารู้สึกหมดแรง พวกเขาไม่สามารถยอมรับคำพูด
ที่รุนแรงของ เวิ่นเหลินหยาน ได้ แต่เขาเป็นอัจฉริยะซึ่งพลังของเขาได้รับการยอมรับจากทุกคน มีคน
น้อยมากที่กล้าที่จะยั่วยุเขา
"ท่านประมุขข้าคิดว่าท่านเริ่มการจัดอันดับใหม่ในตอนนี้เถิด พวกเขาทั้งหมดน่าสมเพชและสิ้นหวัง. "
เวิ่นเหลินหยาน กำลังมองไปที่ หนานกงหลิน ขณะที่เขาข่มขู่ดูหมิ่นศิษย์ภายในคนอื่น เพื่อทำให้
ตัวเองดูดี
หนานกงหลิง มองไปที่ฝูงชนและพยักหน้าเล็กน้อย เวิ่นเหลินหยาน คนนี้ช่างหยิ่งจริงๆ แต่เขาก็พูด
ถูก นิกายหยุนไห่ ไม่ได้มีอัจฉริยะหลายคน ในไม่ช้าก็เร็วได้เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของนิกาย
"ไร้สาระ เจ้านี่มันน่าขำยิ่งนัก"
เสียงดังแผ่ซ่านไปทั่วบรรยากาศ ทำให้ฝูงชนสั่นไหว
เวิ่นเหลินหยาน รู้สึกประหลาดใจ เขามองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าใครเป็นึนพูดคำพูดเหล่านี้กับเขา
"เจ้าอีกแล้ว" เวิ่นเหลินหยาน กล่าวเจตนาที่จะฆ่าในดวงตาของเขา "ไร้สาระเยี่ยงไร?"
"เจ้าเป็นศิษย์ภายในอันดับหนึ่ง แต่เจ้ายังคงทะนงตนมากไป เจ้ามองลงไปที่ศิษย์คนอื่น ๆ ในขณะที่
เรียกชื่อพวกเขานั้น เรียกพวกเขาเยี่ยงอุจจาระ ... แต่ที่จุดเริ่มต้นเมื่อเจ้าได้เริ่มฝึกการบ่มเพาะพลัง
เจ้าเป็นที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับตอนนี้อย่างนั้นรึ? เจ้าเกิดมาในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นเลิศของชั้น
จิตวิญญาณหรือไม่? เจ้าเคยถามคนอื่นไหม เจ้ามันก็แค่ผู้บ่มเพาะพลังที่น่ารังเกียจ? "
หลินเฟิง มีรอยยิ้มอันหนาวเย็นที่มุมปากของเขา ขณะที่เขาดูถูก เวิ่นเหลินหยาน ที่อวดดีอย่างมาก
หลินเฟิง ได้กล่าวคำเหล่านี้เพื่อทำให้เขารู้ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่กว่าที่เขารู้ เวิ่นเหลินหยาน
ไม่ต่างจากกบที่อยู่ในบ่อน้ำ เขาไม่ทราบว่าท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่เพียงไหน....
(สำนวนว่ากบในบ่อน้ำของจีน เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่าดั่ง กบในกะลา )
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >> http://cpmlink.net/KuQOAA
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น