ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 73


ตอนที่ 73 การลงโทษ









ทันใดนั้นทุกคนได้มองไปในทิศทางของเสียงนั่่นและเห็นคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามา

แม่นาง หลิวเฟย ผู้เลอโฉมกำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่ชายหนุ่มคนนั้นคือใครกันที่ตามเธอมาด้วย?

เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจในนี้คือ หลิวเฟย มาพร้อมกับศิษย์รุนเยาว์อีกคนและพวกเขามาด้วยกัน
ชายหนุ่มคนนั้นคือ หลินเฟิง หลายคนได้เห็น หลินเฟิง ในลานประลองแห่งชีวิต ในตอนที่เขาฆ่า
ศิษย์ภายในอย่างเลือดเย็นและมันทำให้พวกเขาจำใบหน้านี้ได้ หลายคนได้จำขึ้นใจไว้เพื่อไม่ให้
พลาดไปบาดหมางกับชายหนุ่มคนนี้ในอนาคต

เสียงที่ขัดจังหวะมันเป็นเสียงของ หลินเฟิง

"มันอาจจะเป็นความจริงที่ หลินเฟิง เป็นแฟนของ หลิวเฟย ?"

ทุกคนกำลังคิดเกี่ยวกับคำพูดของ หานหมาน และพวกเขาให้ความสำคัญกับ เวิ่นเหลินหยาน

 แต่เวิ่นเหลินหยาน ยังคงมีท่าทีสงบอยู่ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดวงตาสีฟ้า
ของเขาเปิดเผยเจตนาชั่วร้ายออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไป

"เจ้าเป็นศิษย์ภายในผู้ต่ำต้อยคนใหม่ หลินเฟิง?" เวิ่นเหลินหยาน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สุภาพ
เขากำลังพูดถึง หลินเฟิง และพยายามที่จะทำให้เขาเสียหน้า

 สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือดูเหมือนว่า หลินเฟิง จะไม่สนใจเขาซักนิด มันเพียงแค่มองมาที่
เขาเพียงเสี้ยววินาทีและเดินไปยัง หานหมาน ที่ยังอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก

"เจ้ายังไหวมั้ย?"

"ข้าแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ "หานหมาน กล่าวขณะยิ้มและตอนนี้เขาก็ไม่
สนใจ เวิ่นเหลินหยาน แม้แต่น้อย

 อย่าพยายามสู้เลย ข้าไม่อยากเห็นเจ้าตาย "หลินเฟิง ยิ้มให้ หานหมาน เขาไม่สามารถหยุด
ยั้งไม่ให้เกิดปัญหาได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาบอกว่า หลิวเฟย เป็นแฟนของ หลินเฟิง
หลิวเฟย ได้โกรธหลังจากได้ฟังคำพูดนั่น

"ผู้ชายคนนั้นช่างบ้าเสียจริง เขาบอกกับทุกคนว่า หลิวเฟย เป็นของเขา "หานหมาน พูดด้วย
ความโกรธ ทำให้ หลิวเฟย โมโหขึ้นมาและรีบเหลือบมองที่ เวิ่นเหลินหยาน



ในขณะนั้น เวิ่นเหลินหยาน รู้สึกโกรธ เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าศิษย์ที่เพิ่งตัดผ่านไปสู่ชั้นจิตวิญญาณช่างบังอาจยิ่งนักที่ไม่สนใจเขา ภายในนิกายหยุนไห่ ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเขาแม้แต่ผู้อาวุโสของนิกายก็
ไม่มีใครที่ไม่รับฟังเมื่อเขากำลังพูด

"ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าได้กล่าวไปหรือไม่" เวิ่นเหลินหยาน กล่าว

ทันใดนั้นมันก็ดูเหมือนกับพื้นที่ทั้งหมดเริ่มปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น ทุกคนมอง หลินเฟิง ผู้ชาย
คนนั้นเป็นอัจฉริยะที่น่าเหลือเชื่อ สามารถควบคุมพลังอำนาจของดาบได้ แต่เขาก็ยังไม่เพียงพอที่จะท้าทายกับ เวิ่นเหลินหยาน ได้ ดูเหมือนว่า เวิ่นเหลินหยาน จะต้องสอนเขาว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด

"ให้เขาพูดกับตัวเองต่อไป แค่ไม่ต้องไปสนใจปากใหญ่ๆที่มันพูดก็พอ ช่างโชคร้ายที่เจ้าไม่สนใจเขา
แต่จะดีกว่าถ้ามันจะหยุดพูด "หลินเฟิง คุยกับคนอื่นอีกคนหนึ่งและไม่สนใจ เวิ่นเหลินหยาน เขายังคง
พูดกับ หานหมาน ว่า "เมื่อกันที่เขาพูดว่า หลิวเฟย เป็นของเขา? แล้วไงละ? นั่นไม่ใช่เรื่องของข้าเลย "


“......... .”

หานหมาน กำลังจ้องไปที่ หลินเฟิง และรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก หานหมาน ทำแบบนี้เพราะหวังดีต่อหลินเฟิง เขารู้ว่าพวกนั้นกำลังแอบจับคู่อย่างลับๆและเขายังพยายามจะเก็บความลับไว้

"ข้า ... ต้องการ  ... ถาม.....อะไร…. เจ้า ... ซักหน่อย ... "

เวิ่นเหลินหยาน กล่าวประโยคนี้อย่างช้าๆโดยเน้นคำพูดแต่ละคำด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ ปราณ
ที่แข็งแกร่ง กำลังแพร่กระจายออกไปทั่วบริเวณ ด้านหน้าที่เต็มไปด้วยฝูงชน หลินเฟิง ก็ยังไม่สนใจเขาและทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าศิษย์ภายในจำนวนมากเช่นนี้

"ข้าได้ยินเจ้า" หลินเฟิง หันหัวเขาไปรอบ ๆ จากนั้นเขาก็มองไปที่ เวิ่นเหลินหยาน และกล่าวว่า "เจ้ากำลังถามข้าว่าข้าคือ หลินเฟิง ใช่ไหม?"

"ฮ่า ๆ เจ้าไม่ได้หูหนวกหรอกเหรอ เวิ่นเหลินหยาน ยิ้มอย่างหนาวเย็น

 "ตั้งแต่เจ้าถามว่าข้าว่าข้าเป็นใคร มันหมายความว่าเจ้ายังไม่รู้จักข้าใช่มั้ย?"

เวิ่นเหลินหยาน กำลังจ้องมองไปที่ หลินเฟิง อย่างสับสน เขากำลังถามคำถามที่ชัดเจนไป นี่หลินเฟิง สมองไม่ดีรึยังไงกัน?

"เรื่องไร้สาระอะไรกัน?" เวิ่นเหลินหยาน กล่าว

“ไร้สาระ? อาจจะใช่. เนื่องจากเราไม่รู้จักกัน ทำไมข้าต้องเสียเวลาไปกับเจ้าด้วย? "หลินเฟิง กล่าวเมื่อเขามองไปที่ เวิ่นเหลินหยาน และพูดเสริมอีกว่า" เจ้าจะไปที่ไหน จะทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? "

เมื่อเขาพูดเสร็จ พลังปราณได้พวยพุ่งขึ้นมาและบรรยากาศถูกเติมเต็มไปด้วยพลังปราณ

บ้าไปแล้ว!

ทุกคนเกิดมึนงงขึ้นมา หลินเฟิง เป็นคนบ้าจริงยังไม่พอยังจะต่อสู้กับ เวิ่นเหลินหยาน ผู้ชายคนนั้นบ้าโดยแท้จริง! เขากำลังรนหาที่ตาย!

เวิ่นเหลินหยาน มองด้วยใบหน้าซีดเผือก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับเขาอย่างนั้น

"หลินเฟิง เจ้ากำลังฝันอยู่รึไงกัน ถ้าเจ้าคิดจะสู้กับ เหวินเหลินหยาน เจ้าจะตายอย่างแน่นอน เจ้าไม่ควรที่จะยั่วยุ เวิ่นเหลินหยาน" เฉินชิ่ง กล่าวขณะจ้องมองที่ หลินเฟิง

"เฉินชิ่ง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ชั้นนำของศิษย์ภายในรึไง? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อไม่นานมานี้เจ้าคุณได้พ่ายแพ้ให้กับ หลินเซียน เมื่อนางเพิ่งตัดผ่านไปชั้นจิตวิญญาณ ทุกคนเห็นกับตาว่าเจ้าได้พ่ายแพ้อย่างหน้าสมเพชและยังเรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะอีกรึ? เจ้าห่างไกลจากความเป็นอัจฉริยะในสายตาของข้า "

หลินเฟิง กล่าวด้วยท่าทางที่สงบนิ่งราวกับกำลังพูดอตามปกติ แต่มันทำให้ เฉินชิ่ง โกรธมาก เขาได้รับความอัปยศอย่างมากโดยไม่มีศิษย์คนไหนทำกับเค้าแบบนี้มาก่อน

 "ผู้ชายคนนั้นช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง" หลิวเฟย คิดขณะกำลังมอง  หลินเฟิง ซึ่งทำให้ทั้ง
เวิ่นเหลินหยาน และ เฉินชิ่ง โกรธด้วยคำพูดของเขา เธอสงสัยว่าทำไม หลินเฟิง ทำแบบนั้น

"เจ้าดูถูกข้าและพยายามข่มขู่ข้าเพียงเพราะข้าเพิ่งมาถึงชั้นจิตวิญญาณ ไปแก้ปัญหานี้ในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน กันดีกว่า บนลานประลองแห่งชีวิต เจ้ากล้ารึไม่? "

หุบเขาแห่งความป่าเถื่อน,ลานประลองแห่งชีวิต, เขากล้ามั้ย?!

หลินเฟิง กำลังท้าทาย เฉินชิ่ง ไปต่อสู้บนลานประลองแห่งชีวิต ซึ่งกฎต่างๆยืดหยุ่นอย่างมาก ในลานประลองเขาจะไม่ได้รับการปกป้องจากนิกายและเขาอาจจะตายที่นั่น

 ปราณที่แข็งแกร่งได้โผล่ออกมาจากร่างกายของ หลินเฟิง และน้ำเสียงของเขาดูมั่นใจมาก เฉินชิ่ง
รู้สึกมึนงงในการกระทำดังกล่าวของหลินเฟิง เฉินชิ่ง อยู่ที่ชั้นจิตวิญญาณขั้นที่สองและแข็งแกร่งมาก
จนในไม่ช้าเขาก็จะมีชื่อสลักอยู่ในรายการชื่อจัดอันดับ แต่คำพูดของ หลินเฟิง ทำให้เขาตื่นตระหนก หลินเฟิง เอาความมั่นใจและความหยิ่งมาจากไหนกัน?

ในลานประลองแห่งชีวิต เขากล้าท้าทาย?

เฉินชิ่งพยายามที่จะผ่อนคลาย แต่หัวใจของเขากำลังสั่นไหว

"เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ท้าทายข้าผู้นี้? เป็นเพราะเจ้าควบคุมอำนาจของดาบได้งั้นรึ? "
เฉินชิ่งถาม

 "พลังอำนาจของดาบย่อมมีประสิทธิภาพอย่างมาก อวี่ห้าว ไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาถูกสังหารจากการโจมตีเพียวครั้งเดียว แม้ว่า อวี่ห้าว จะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ผลลัพธ์ก็คงจะเหมือนเดิม "

"ข้าไม่มั่นใจว่าเขาใช้พลังทั้งหมดของเขาในระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้น ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่าที่เขาได้แสดงให้เห็นในระหว่างการต่อสู้กับ อวี่ห้าว ข้าจะสู้เขาได้รึ? "

 ความคิดของ เฉินชิ่ง กำลังแย้งกันอยู่และเขากำลังพิจารณาจากทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้ เขามีสีหน้าแปลกๆ  เขาเครียดหน้าเขาและดูเหมือนกับคนกำลังเครียด เขาได้ถูกทำให้ขายหน้าโดย หลินเซียน ต่อหน้าศิษย์จำนวนมาก เขาไม่สามารถเสียหน้าอีกครั้ง

"ช่างไร้สาระ ... เจ้าเคยเป็นศิษย์สามัญอันดับหนึ่งหรือไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าสำคัญตัวเพียงเพราะเจ้าได้กลายเป็นศิษย์ชั้นภายในที่แข็งแกร่งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยนี้? เจ้าไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยและเจ้ายังมีการบ่มเพาะเพาะพลังที่อ่อนแอและและจิตใจที่อ่อนแอ ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งนั่นมีความจริงจังและมั่นคง ผู้บ่มเพาะพลังแข็งแกร่งนั้นจะมุ่งไปในเส้นทางการเพาะบ่มเพาะพลังที่ยากลำบากเพื่อก้าวข้ามมันไป บนเส้นทางของการบ่มเพาะพลังการพึ่งพาความสำเร็จของผู้อื่นจะไม่ทำให้เจ้าสามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ "

หลินเฟิง เห็นใบหน้าของ เฉินชิ่ง ที่ช่างดูน่าเกลียด ปราณที่ล้อมรอบร่างของ หลินเฟิง พุ่งตรงไปยัง ​​
เฉินชิ่ง และเริ่มใช้แรงกดดันไปบนร่างกายของ เฉินชิ่ง หลินเฟิง เริ่มเดินอย่างช้าๆไปตรงหน้า เขากำลังเดินช้าๆทีละก้าว เฉินชิ่งกลัวที่จะตาย เขาแทบหายใจไม่ออกภายใต้ความกดดันของปราณ หลินเฟิง
 และเขารู้สึกเสี่ยวสันหลังวิ่งลงไปยันกระดูกสันหลังของเขา

"ผู้บ่มเพาะพลังที่มีความมั่นคงและแน่วแน่ ... แข็งแกร่ง ... และตั้งใจไปในเส้นทางปลูกอย่างจริงจัง" คำพูดเหล่านี้สะท้อนอยู่ในหัวของ เฉินชิ่ง เขาเคยฝึกฝนหนักกว่าคนอื่นในการบ่มเพาะพลังและทุกคนเคยคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้วยเหตุนี้ จากนั้นเมื่อเขาเริ่มเป็นเพื่อนกกับ เวิ่นเหลินหยาน ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาก็ลดลงและหยุดลง เขารู้สึกด้อยกว่า เวิ่นเหลินหยาน และสูญเสียแรงจูงใจที่จะมุ่งมั่น
บ่มเพาะพลังให้แข็งแกร่งขึ้น

เขาสามารถเรียกความสามารถเหล่านั้นในอดีตกลับมาและความมั่นใจในตัวเองที่เขารักไว้ได้หรือไม่?

เฉินชิ่ง ไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกว่าได้รับผลกระทบจากคำพูดของ หลินเฟิง ศิษคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่ได้ยินคำพูดของเขารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับทางเลือกของตนเอง

"เขากำลังพูดถ้อยคำที่ฉลาดและคำพูดของเขามีผลกระทบอย่างมากต่อทุกคนที่ได้ยินเขาพูเ" หลิวเฟย ก็ได้รับผลกระทบจากคำพูดของ หลินเฟิง เขาเป็นอัจฉริยะในหลาย ๆ ด้าน เขาเป็นคนที่ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นและเขาไม่ได้เป็นคนชอบประจบประแจงใคร

"เฉินชิ่ง เข้ามาเลย เจ้าไม่ละอายใจตัวเองบ้างรึ? ชอบยั่วยุคนอื่นอย่างหยาบคายและไม่กล้าที่จะต่อสู้? ถ้าเจ้าปฏิเสธไม่เพียงแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่ใช่อัจฉริยะ แต่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาด "
เฟิงกล่าวในขณะที่เขายังมุ่งหน้าเดินไปหา เฉินชิ่ง แรงกดดันที่เหลือเชื่อได้กดทับร่างกายและจิตวิญญาณของ เฉินชิ่ง ไว้

“ขี้ขลาด ... ขี้ขลาด ... "คำพูดดังกล่าวสะท้อนอยู่ในสมองของ เฉินชิ่ง และมันเหมือนกับเขาตายทั้งเป็นและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด

"อ่าาาาาา.... " ทันใดนั้น เฉินชิ่ง ร้องตะโกนเสียงดัง ศิษย์บางคนต้องปิดหูของพวกเขา


ทุกคนมองไปที่ฉากที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดใจ

 ทำไมพลังปราณของ หลินเฟิง ช่างมหาศาลเช่นนี้!

หลินเฟิง ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ เฉินชิ่ง เพิ่งกล่าวไม่กี่คำและกำลังจะฟุบลงจากแรงกดดันที่ หลินเฟิง ใช้ เขาจะต่อสู้ได้อย่างไรเมื่อเขาไม่แม้แต่จะพูดได้ภายใต้แรงกดดันนี้

ในขณะนั้นทั้งกลุ่มกำลังมอง  หลินเฟิง และเห็นแค่ว่าเขายิ้มอย่างเย็นชาเขาดูคล้ายสัตว์ร้ายที่ที่อันตราย ดวงตาของเขานั้นมืดมิดจนทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์

หลินเฟิง มีความสามารถคล้ายคลึงกับหมอกปีศาจ เขามีพลังที่ลึกลับ เขาได้ใช้พลังนี้กับ เฉินชิ่ง

 "ไอ้ขยะเอ้ย" เวิ่นเหลินหยาน กล่าว ดวงตาสีฟ้าของเขากำลังจ้องมองอย่างโกรธไปที่ หลินเฟิง

 "ถึงแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่า เฉินชิ่ง นิดหน่อย แต่เจ้าก็ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับข้า เจ้านั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากข้อบกพร่อง ข้าสามารถโจมตีเจ้าได้ตลอดเวลา ตอนนี้คุกเข่าลงและขอร้องขอความเมตตาจากข้าซะหรือจะให้ข้าบดขยี้เจ้าซะที่นี่ตอนนี้. "

เวิ่นเหลินหยาน กล่าวด้วยเสียงหนาวเย็นเต็มไปด้วยความตั้งใจในการฆ่า หลินเฟิง ได้บอกว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะพึ่งพาอำนาจของคนอื่น เขากำลังจะสอนบทเรียน หลินเฟิง และทำให้เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาซะ....




Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดรูปโฆษณาเพื่อเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ


ความคิดเห็น

Facebook