ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 66


ตอนที่ 66 อยากมีเรื่อง?











ในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน ผู้ชุมนุมจำนวนมากได้มาชุมนุมกันอย่างไม่ขาดสายผู้มาชุมนุมได้มา
รวมตัวกันที่หน้าลานประลองแห่งชีวิต พวกเขาเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายหยุนไห่ ท่ามกลางผู้คน
จำนวนมากได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีศิษย์จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ คนเหล่านั้นยืนเบียดเซียด
กันไหล่ชนไหล่ ถ้ามองดูจากมุมสูงลงมามันดูเหมือนกับฝูงมดนับพันๆตัว

ที่ด้านบนของหน้าผา รอบๆหุบเขายังมีฝูงชนจำนวนมากมองลงไปที่หุบเขา พวกเขาทั้งหมดจ้องที่
คนในเวทีคนเหล่านี้ทั้งหมดมีการแสดงออกที่ชัดเจนบนใบหน้าของพวกเขาว่ามีฝีมือเพียงฝด พลัง
ปราณอันมหาศาลได้ปกคลุมไปทั่วบรรยากาศโดยรอบ

มีบางคนอยู่ในหุบเขาที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปของนิกายแล้ว พวกเขา
เป็นศิษย์ระดับสูงของนิกาย เมื่อไหลายปีก่อน หนานกงหลิง เป็นหนึ่งในศิษย์เหล่านั้น หนานกงหลิง
นั่งอยู่ตรงกลางของศิษย์ระดับสูงของนิกายหยุนไห่และผู้อาวุโส

ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ภายใน จะได้เป็นส่วนหนึ่งศิษย์ที่นิกายหยุนไห่ให้ความสำคัญ เป็น
ครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีศิษย์สามัญจำนวนมาก ที่เข้าร่วมกาทดรสอบเป็นศิษย์ภายใน บางคน
กำลังจะกลายเป็นศิษย์ภายของนิกายและบางส่วนของผู้เข้าร่วมการสอบที่แข็งแกร่งอาจกลายเป็น
ศิษย์หลักที่จะเป็นกำลังสำคัญให้นิกาย

 แน่นอนว่าอาจมีบางคนกำลังจะคัดออกจากการสอบทั้งหมด

นั่นคือกฎ : ต่อสู้และชนะหรือคัดออกไป

ศิษย์สามัญที่นั่งสอบอาจต้องต่อสู้กับเหล่าศิษย์ภายในรุ่นก่อน การต่อสู้ถูกจัดตั้งขึ้นแบบสุ่ม ถ้าศิษย์
สามัญชนะเขาอาจจะได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ภายใน ถ้าศิษย์ภายในแพ้ เขาจะเสียหน้าและชื่อเสียง

บนพื้นฐานเดียวกันถ้าศิษย์ภายในต้องการที่จะเป็นศิษย์หลัก เขาจะต้องต่อสู้กับศิษย์หลักและต้องชนะ
ถ้าศิษย์ภายในสามารถเอาชนะศิษย์หลักได้แล้วเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในศิษย์หลักและแน่นอนว่าจะได้
รับเกียรติและการยอมรับจากสมาชิกชั้นสูงของนิกายหยุนไห่

กฎนั้นง่ายมาก คุณจะต้องต่อสู้ซ้ำ ๆ ต่อสู้กับศิษย์ภายในจะช่วยให้ศิษย์สามัญมีโอกาสได้แสดงฝีมือ ผู้
ที่ทดสอบเป็นศิษย์ภายในมีรอยยิ้มที่หยิ่งยโสบนใบหน้าของพวกเขาจากการชนะและมีคนอื่น ๆ ที่มอง
ด้วยสายตาที่หดหู่ขณะที่พวกเขาถูกคัดออก

ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เหล่าศิษย์สามัญ ศิษย์ภายในและศิษย์หลักมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวกันทั้งหมด

เป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่ศิษย์สามัญ ศิษย์ภายใน และศิษย์งจะได้รับการจัดอันดับ

ไม่ว่าจะเป็นยังไงถ้า ศิษย์สามัญ ศิษย์ภายใน หรือศิษย์หลักจะมีอันดับสิบอันดับแรก เขาก็จะได้รับ
เกียรติยศและชื่อเสียงมากมายภายในนิกาย

นอกจากนี้ศิษย์ที่แสดงศักยภาพได้มากที่สุดและอยู่อันดับหนึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมเช่น
อัญมณี อาวุธ ยาเสริมกำลัง หรือแม้แต่หนังสือทักษะที่มีประสิทธิภาพระดับสูง

เห็นได้ชัดว่าเหล่าศิษย์ภายในและศิษหลัก ใครที่ถูกจัดการหรือไม่ได้อยู่ในอันดับที่ดีนั่นจะเป็นความ
อัปยศ หากศิษย์ที่โชคร้ายเจอกับฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งมากนั่นความอัปยศจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้
เพราะเหตุนี้เหล่าศิษย์ทุกคนจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของตนหากต้องการบรรลุเป้าหมายให้ได้ผลดี
ที่สุด ความพ่ายแพ้เนื่องจากการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปอาจจะทำได้รับความอับอายและความอัปยศ

หลินเฟิง และกลุ่มของเขาได้มาถึงที่ลานประลองแห่งชีวิต เมื่อพวกเขามาถึงแล้วการทดสอบศิษย์
ภายในได้เริ่มต้นขึ้น ช่างบังเอิญเหล่าศิษสามัญกำลังท้าทายเหล่าศิษย์ภายใน

ในขณะนั้นคนสองคนกำลังต่อสู้อยู่บนเวทีหินของ ลานประลองแห่งชีวิต การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมากและ
ฝูงชนยังคงพูดถึงการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

"มันเป็น หลิวเฟย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเธอได้ทะลายกำแพงเข้าไประดับจิตวิญญาณแล้ว ... เห็นได้ชัด
ว่ามันเป็นความจริง นางทั้งสง่างามและความแข็งแกร่งของนางนั้นมีระดับสูงอย่างเหลือเชื่อ ข้าหวังว่า
นางจะเป็นภรรยาของข้าในอนาคต ... "

หานหมาน กำลังมองไปที่การต่อสู้ของ หลิวเฟยแล้วหัวเราะ หลิวเฟย เป็นความใฝ่ฝันสำหรับศิษย์รุนเยาว์
หลายคน พวกเขาทั้งหมดต้องการให้เธอกลายเป็นคนรักของพวกเขา หลิวเฟย มีชื่อเสียงเรื่องลือในเรื่อง
ของความสวยงามในนิกายหยุนไห่ ศิษย์รุ่นเยาว์หลายคนจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตภายในนิกายและอยากได้
หลินเฟย มาเป็นภรรยา นี่คือเหตุผลที่ผู้ชายหลายคนกำลังติดพันเธอรวมทั้งอัจฉริยะบางคนและแม้แต่
ศิษย์หลักเช่นกัน ...

 ข่าวลือดังกล่าวบอกว่า หลิวเฟย สวยและเป็นอัจฉริยะโดยแท้จริง ... พูดง่ายๆก็คือเธอสุดยอดไปเลย!!

"ฮ่า ๆ เดินไปข้างหน้าและขอให้เธอเป็นภรรยาของเจ้าสิหานหมาน!" หลินเฟิง กล่าวขณะที่หัวเราะ
หานหมาน คนโง่ที่กล้าคิดเช่นนั้นกับ หลิวเฟย ทำตัวเหมือนทอมมากเกินไปสำหรับเขา เธอเป็นคนที่
ชอบใช้ความรุนแรงและดื้อรั้น

"ฮ่า ฮ่า ข้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งอยู่หรอกนะ แต่ข้าไม่คิดว่าจะจัดการกับเธอได้" หานหมาน กล่าวขณะ
หัวเราะและเกาหัว จากนั้นเขาก็เดินต่อไปและมองไปที่ หลินเฟิง และกล่าวว่า "หลินเฟิง ที่ผ่านมา ข้า
ได้ยินมาว่าเจ้ารู้สึกดีกับ หลิวเฟย เธอสวยดุจนางฟ้าและเจ้าเองก็หล่อเหลาเอาการ เจ้าเป็นอัจฉริยะ
ทั้งสองคน แน่นอนจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบสุดๆ "

 "ข้ารึ?" หลินเฟิง ถามด้วยเสียงที่สั่นไปถึงกระดูกสันหลังของเขา เขายักไหล่ขึ้นด้วยอาการสั่นเทา
แค่คิดเขาก็กลัวมากจน อาจจะมีปัญหาในการนอนหลับในคืนนี้เสียแล้ว

 หลินเฟิง เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้คนรอบ ๆ เขามีความสนใจเฉพาะบางคน

"ม่อเสีย ในระหว่างการสอบศิษย์ภายในนี้ข้าจะดูแลคุเจ้าเอง" หลินเฟิง ยิ้มอย่างเย็นชา เขารีบวิ่งไป
สอบเพราะ ม่อเสีย

ดูเหมือนว่า ม่อเสีย ได้มีความรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่มืดมนและรู้สึกเหมือนว่าความมืดกำลังจ้องมองเขา
เขาหยุดมองไปที่ลานประลองและสังเกตฝูงชนเขาจ้องมองไปที่ทุกคนพยายามหาแหล่งที่มาของ
รางสังหรณ์ของเขา

ในขณะนั้น หลิวเฟย ได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเธอและชนะการต่อสู้ได้อย่างสบายๆ ธนูและลูกธนู
ของเธอแผ่กระจายออกมาขณะที่เธอก้าวออกมาจากเวที หลินเฟิง มองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างไป

สำหรับ หลิวเฟย การเข้าร่วมเป็นศิษย์ภายในไม่ได้เป็นอะไรที่จะทำให้เธอภูมิใจนัก เธอมองไปรอบ ๆ
และถอนหายใจ เธอตัดผ่านไประดับจิตวิญญาณและจิตวิญญาณของเธอก็ได้ตื่นขึ้นมา เธอมีจิต
วิญญาณเช่นเดียวกับพ่อของเธอในอดีต ... แต่เธอยังไม่สามารถเอาชนะคนที่อยู่ในใจเธอได้ ...

น่าเสียดายจริงๆที่ หลินเฟิง ได้ไปรวบรวมของมีค่าบางอย่างและถูกสังหารโดย ม่อเสีย

"ถ้าเขายังคงอยู่ที่นี่ ข้าก็จะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเขาและแน่นอนว่าข้าจะสามารถพัฒนาพลัง
ของตนเองได้มากกว่านี้"

 เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่จู่ๆ หลิวเฟย  ก็คิดถึง หลินเฟิง : ที่ทำตัวไม่เหมือนใครเป็นอัจฉริยะใช้ทักษะ
แปลกแหวกแนว แต่เขาก็มีบางมุมที่น่ารังเกียจ(แอบเห็นนางเกือบโป๊)

ถ้าเธอมีทางเลือก หลิวเฟย ต้องการต่อสู้กับ หลินเฟิง และชนะกับเขาในการเข้าร่วมการทดสอบ
เป็นศิษย์ภายใน และกลายเป็นศิษย์ภายใน

ในเวลาเดียวกันนั้น กลับไปที่หอดวงดารา ผู้พิทักษ์เป่ย ที่จ้องมองที่ขอบฟ้าขณะเฝ้าดู หลิวเฟย
ที่เพิ่งได้รับชัยชนะในการต่อสู้เธอ

"ไม่เลว หลิวเฟย ... อัจฉริยะโดยแท้จริง แต่เจ้ายังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากก่อนที่จะถึงระดับพ่อของ
เจ้า มันยากที่จะบรรลุพลังนั่นในขณะที่ยังไม่มากพอที่จะพัฒนาสำหรับไปเมืองจักรพรรดิ "

 ความคิดของ ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังหลั่งไหลอย่างรวดเร็ว เมืองจักรพรรดิ ... ทั้งสองคำทำให้เขาสั่น
อย่างเห็นได้ชัด มันเป็นสถานที่มีผู้คนแออัดจำนวนมาก มีกลยุทธ์ทางการเมืองมากมายที่เกี่ยว
ข้องกับชีวิตประจำวันของเมือง นี่เป็นสถานที่ชุมนุมของผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งหลายคน
ชางหลาน อยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเธอ แต่ถ้าเขาไม่อยู่ หลิวเฟย อาจจพบเจอกับปัญหาได้

 "ข้าต้องการให้ หลินเฟิง เข้าเมืองจักรพรรดิ เขาไม่เพียงแต่จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
เท่านั้นโดยต้องการให้เขาก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้น แต่ก็จะทำให้เขาสามารถต่อสู้กับผู้
บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งได้ ในเวลาเดียวกันเขาอาจช่วย ชางหลาน ได้ ... และบางทีเขาอาจจะ
ได้พบกับโชคชะตาของเขาที่นั่น ...... "

 ขณะที่ ผู้พิทักษ์เป่ย กำลังคิดถึงสิ่งเหล่านี้เขาเริ่มโมโหและอยากจะฆ่า ม่อเสีย อีกครั้ง เพราะ
ม่อเสีย ที่ฆ่า หลินเฟิง ผู้พิทักษ์เป่ย จึงค่อยๆตระหนักว่าความฝันของเขานั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว...
และความคิดที่เจ็บปวดเหล่านี้พรั่งพรูดังกระแสเลือดใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

 หลินเฟิง ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากที่คิดถึงเขา ในขณะนั้นเขาสังเกตเห็นคนอื่น

"หลิงเฟิง เจ้ามาที่นี่ด้วยรึ! เป็นเรื่องบังเอิญ"จิ้งหยุน(จากจิ้งยวิ๋นขอเปลี่ยนเป็นชื่อนี้นะครับอ่านง่ายดี)
กำลังเดินตรงไปที่ หลินเฟิง สีหน้าของเธอดูสดและบริสุทธิ์เหมือนฤดูใบไม้ผลิ

 "เป็นเรื่องบังเอิญมากเสียจริง" หลินเฟิง กล่าวขณะที่มองไปที่ จิ้งหยุน และยิ้ม หานหมาน, จิ้งหยุน
 และ หลินเฟิง ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากช่วงเวลาที่ยาวนาน

"ไม่ใช่เรื่องบังเอิญมันเรียกว่าโชคชะตา" หานหมาน กล่าว "จิ้งหยุน ข้าเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มเจ้ามา
ดูแต่ หลินเฟิง แหละทำไมไม่ดูข้าบ้างละ?"

 "อ่า ... " หลินเฟิง จ้องมองไปที่ หานหมาน มันไม่จริงงงงง

 "ใครจะรู้ว่ามีคนเช่นเจ้าอยู่ละ?" จิ้งหยุน กล่าวขณะทำหน้ามุ่ย

"เอาล่ะถ้า เจ้าไม่รู้จักข้า ข้าไปก็ได้ ข้าเริ่มจำได้แต่ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งที่รอคอย หลินเฟิง ทุกวัน
สงสัยว่าเมื่อไหร่เธอจะได้พบเขาอีกครั้ง "หานหมาน กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ล้อเลียน หลินเฟิง พูด
ไม่ออก มีหญิงสาวที่อยู่ที่นี้ชอบเขา?

 "ข้าจะไม่รู้จักได้ไงเล่า?" จิ้งหยุน ตอบขณะที่แก้มเริ่มแดงขึ้น เธอดูอ่อนช้อยและมีเสน่ห์มากช่างน่า
สัมผัสผิวกายอันขาวผ่อง ช่วยไม่ได้ที่หานหมานจะหัวเราะออกมา

ปู้จุน ผู้ยืนอยู่ข้างๆพวกเขามอง หลินเฟิง ด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา เขาได้เข้าร่วม
กับคนร้ายกาจเสียแล้วและหัวเราะกับหลินเฟิง

"พวกเจ้าหุบปากสกปรกๆได้หรือไม่?"

 ในเวลานั้นมีเสียงที่เย็นชาตะโกนใส่พวกเขาซึ่งได้ทำลายอารมณ์ที่ดีของพวกเขาไปสิ้น

พวกเขาทั้งหมดมองไปที่คนที่พูด เป็นศิษย์ภายในที่แบกดาบไว้ที่หลังของเขาและมองดู
พวกเขาอย่างดูถูกดูแคลน

"นี่ดูเหมือนว่าเราคุยกับเจ้าอยู่รึ?" หานหมาน พูดอย่างคึกคะนอง ชายคนนั้นช่างไร้มารยาท
จริงๆเชื่อเขาเลย ดังนั้นหานหมานจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้

 "เจ้ากำลังรนหาที่ตายซะแล้ว." ศิษย์คนนั้นที่แบกดาบอยู่ข้างหลังกล่าว า ปราณที่แข็งแกร่ง
ก็โผล่ออกมาจากร่างของเขา

"นี่เจ้า." หลินเฟิง กล่าว มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมาก หลินเฟิง จำศิษย์ผู้นี้ได้ มันเป็นศิษย์ภายใน
ที่ช่วย หลิวเฟย ในระหว่างการต่อสู้ของพวกเขาในหุบเขาแห่งความป่าเถื่อน นี่คืออวี๋ห้าว ซึ่ง
เป็นคนที่บอกว่าเขาจะฆ่า หลินเฟิง ถ้า หลิวเฟย บอกให้ทำ เขาเกือบจะฆ่า หลินเฟิง สองครั้ง
ด้วยดาบบนหลังของเขา เขาแข็งแกร่งอย่างมาก

อวี๋ห้าว ตกใจเมื่อได้ยิน หลินเฟิง เขามองไปที่ หลินเฟิง และจดจำเขาไว้ จากนั้นเขาก็ยิ้มและ
พูดว่า : "ครั้งสุดท้ายเจ้าโชคดีที่ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า เจ้ารีบร้อนอยากจะตายตอนนี้งั้นรึ? "

 หลินเฟิง ยิ้มอย่างเย็นชา เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตัดผ่านชั้นจิตวิญญาณ ในการประชุมครั้งล่าสุด
มิฉะนั้นเขาก็จะได้เอาดาบของเขาและตัดหัว หยุนห้าว ไปแล้ว....






Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >>  http://cpmlink.net/KuQOAA

ความคิดเห็น

Facebook