ตอนที่ 63 จิตวิญญาณขยะ?
งูน้อยกำลังขยับตัวอย่างช้า ๆ เมื่อปากเริ่มเปิดออกหมอกสีดำเริ่มไหลลงไปในปากของงูน้อย
กลืนหมอกสีดำ ...
หลินเฟิง สัมผัสได้อย่างชัดและรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขากำลังเปลี่ยนแปลงและกำลังเปลี่ยนไป
เรื่อยๆ งูน้อยที่เต็มไปด้วยหมอกสีดำ
จิตวิญญาณงูของเขายังคงกลืนกินหมอกสีดำ ยิ่งมีหมอกสีดำมากขึ้นก็ยิ่งโตไวขึ้น มันค่อยๆเติบ
ขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆและตัวใหญ่ขึ้น
หนวดเริ่มขยับไปหางูน้อย แต่มันไม่มีผลต่อจิตวิญญาณงู น่าแปลกใจเจ้างูน้อยก็กำลังกลืนพวก
มันด้วยเช่นกัน หลินเฟิง ประหลาดใจ จิตวิญญาณงูของเขากินได้ทุกๆอย่าง
หลินเฟิง เคยไร้ความสามารถอย่างสิ้นเชิงเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณและคิดว่า
เขากำลังจะตาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจิตวิญญาณเล็กๆ ที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาของเขานี้ เป็นเหตุผลที่
ทำให้เขาได้ชื่อเล่นว่า "ขยะ" นั้นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน
มีบางอย่างแปลกไปที่ดวงตาที่ดุร้ายสีดำเข้มราวกับมีบางอย่างผิดปกติ มีดวงตาเล็กๆได้เริ่มกระ
พริบตา สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล
จากนั้นหนวดสีดำและหมอกสีดำเริ่มเคลื่อนตัวออกไป แต่งูน้อยก็กระโจนตัวเองไปทาง
พวกมัน
“รอววววววววว... .”
เป็น หลินเฟิง ที่สับสนเป็นอย่างมาก จิตวิญญาณงูของเขาดูตื่นเต้น มันเปิดปากอันใหญ่โต
และดุร้าย ด้านในมีหนวดจำนวนมากและหมอกสีดำที่กำลังถูกกลืนกินเข้าไป
มันยังไม่เพียงพอสำหรับจิตวิญญาณงูของเขา งูตัวน้อยก่อนหน้านี้กำลังโตขึ้นและใหญ่ขึ้น จาก
ก่อนหน้านี้โตขึ้นจากหนึ่งเมตรตอนนี้สามเมตร ความยาวของมันก็เพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่ามันเป็นงู
จอมตะกละที่พยายามกลืนกินโลกเลยทีเดียว
หมอกปีศาจคำรามแลมันพยายามต่อสู้กับงู แต่ร่างกายของมันยังคงถูกกลืนกินโดยจิตวิญญาณงู
หมอกปีศาจ ได้ปล่อย หลินเฟิง และหมอกสีดำก็หายตัวไปอย่างช้าๆ
"รอวววว ... .. " งูน้อยทำเสียงเดียวกับหมอกปีศาจ หลังจากที่มันกลืนกินหมอกสีดำจากนั้นมันเลื้อย
กลับไปหา หลินเฟิง
จิตวิญญาณงูกลับมาตัวเล็กอีกครั้ง แต่ก็ยังใหญ่ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็กลิ้งตัวไปรอบๆไหล่ของ หลินเฟิง
และหลับไป
"มันกลืนกินหมอกปีศาจ?"
ตาของ หลินเฟิง เปิดกว้างด้วยความตกใจ หมอกสีดำของปีศาจได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เนี้ยนะ.. นี่เป็น... จิตวิญญาณขยะ ... ?
หลินเฟิง พูดไม่ออก ในขณะนั้นเขามีความรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลกำลังแทรกซึมไปทั่วร่างของเขาและมี
เสียงดังก้องขึ้นในสมองของเขา เขารู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาค่อยๆเบลอและล้มลง เขาหมดสติไปอย่าง
สมบูรณ์
หลินเฟิง ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วเมื่อตื่นขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาก็อยู่ในถ้ำ มันดู
คล้ายกับสัตว์อสูร
“ตู้ม!”
ทันใดนั้นร่างกายของ หลินเฟิง ก็ดูเหมือนจะถูกบดขยี้อย่างน่าหวาดกลัว ความกลัวถูกเติมเต็มไปบนใบ
หน้าของเขาและเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หัวใจของเขาเกิดการบีบตัวอย่างรุนแรง จิตวิญญาณแห่งความมืดของหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับจิต
วิญญาณแห่งสวรรค์และทันใดนั้น จิตใจของเขาเริ่มเป็นกลับมาสงบเป็นปกติ จิตวิญญาณสวรรค์ที่ปลด
ปล่อยออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน จิตวิญญาณงูน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น มีความยาวประมาณหนึ่งเมตร ร่างกายของมัน
กำลังแข็งตัวขึ้น เหมือนก่อนหน้านี้มันตัวเล็กลงดูเหมือนว่ามันกำลังหลับบนไหล่ของ หลินเฟิง ดูเหมือนว่า
มันจะชอบ หลินเฟิง เป็นอย่างมาก จากมุมมองพวกเขาดูเหมือนจะมีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกันอย่างลึกซึ้ง
เขาได้ปลุกจิตวิญญาณงูของเขาให้ตื่น!
มีบางอย่างแปลก ๆเกิดขึ้นทำให้ หลินเฟิง สั่นจากหัวจรดเท้า บนหลังของเขามีใบหน้าปรากฏขึ้น มันมี
ดวงตาสีดำทมิฬที่เย็นชาน้ำ
"หมอกปีศาจ ... "
หลินเฟิง ยังตัวสั่นและพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นไปได้อย่างไร? ในขณะที่เขา
ถูกกลืนหายไปโดยหมอกปีศาจ จิตวิญญาณงูของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
จิตวิญญาณที่สาม!?!
หลายจิตวิญญาณ? ... เขาเป็นอัจฉริยะโดยแท้จริง เขาได้พรสวรรค์อย่างแท้จริงจากเหล่าทวยเทพ...
ในทวีปนี้ แทบจะไม่มีใครเคยมีจิตวิญญาณเช่นนี้ คนนับล้านคนอาจจะมีใครบางคนที่มีเต็มที่ก็สอง
จิตวิญญาณก็ถือว่าน่าอัศจรรย์แล้ว หลินเฟิง มีถึงสามจิตวิญญาณ เขาเป็นตัวตนที่อยู่เหนือ
ธรรมชาติไหมงั้นรึ? หรือว่าเป็นพระเจ้า?
สามจิตวิญญาณ เขาจะสามารถทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้เพียงไหนกัน เขาจะทำให้ศัตรูของเขา
ตกใจจนช๊อคตาย
มีแสงสีขาวนวลที่ไหลเวียนเข้าและออกจากร่างของเขา มันดูเหมือนจะเป็นพลังปราณจากสวรรค์
และโลก มันได้โอบล้อมรอบเขาและไหลเวียนผ่านร่างกาย
"ข้าเพิ่งจะตัดผ่านเข้าไปในจิตวิญญาณขั้นที่สองงั้นรึ?
สมองของ หลินเฟิง สับสนตื่นตระหนกจากเหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาได้ปลดปล่อยจิต
วิญญาณของเขาและเขาก็ยังสงบนิ่งไม่มีผลกระทบ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ตื่นเต้นในสถาน
การณ์เช่นนี้และพลังอันน่าสะพรึงกลัวบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา
หลินเฟิง กำลังใช้ความคิดทั้งหมดของเขาเพื่อพยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
"ดูเหมือนว่าเจ้างูน้อยสามารถกลืนสัตว์อสูรและช่วยให้ข้าสามารถใช้พลังของพวกมันได้ นอกจากนี้
ยังดูเหมือนว่ามันสามารถดูดซับพลังจากสัตว์อสูรตัวและใช้พวกมันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ข้าด้วย "
หลินเฟิง ที่กำลังคาดการณ์สิ่งที่กิดขึ้น แล้วรอยยิ้มก็ได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
จิตวิญญาณขยะรึ?
ผู้คนต่างหัวเราะเยาะ หลินเฟิง เพียงเพราะว่าพวกเขาคิดว่าจิตวิญญาณของ หลินเฟิง นั้นไร้ประโยชน์
แต่มันกลับมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกคนได้หัวเราะและเขารังแกเขาและเรียกเขาว่า ขยะเพราะ
จิตวิญญาณนั้น ถ้ารู้ว่าเขามีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ได้รับจากจิตวิญญาณงูพวกเขาจะมีสีหน้าเช่นไร?
"แย่ละ, ข้าเพียงแต่ต้องปีนขึ้นไปจากหลุมฝังศพของข้าเอง ถ้าข้ารอดมาจากที่นี้ได้และนี่จะเป็นจุดสิ้น
สุดของความยากลำบากทั้งหมดที่ข้าได้แบกรับมาจนถึงตอนนี้ "
หลินเฟิง กำลังเรียกจิตวิญญาณของเขาให้กลับเข้าไปในร่างของเขา เขามองขึ้นไปบนฟ้าและร้องไห้
ข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหนกัน.. ในขณะนั้นเขาทำได้เพียงวิเคราะห์สถานการณ์โดยพิจารณาจากประสบ
การณ์และความรู้ในอดีตของเขาเท่านั้น
"เขี้ยวสวรรค์ เขี้ยวเหล่านี้สามารถกินอะไรได้ นี่เป็นชื่อที่ดีเหมือนกันนะ "หลินเฟิงพูดกับตัวเอง นั่นคือ
ชื่อที่ดีที่สุดของ หลินเฟิง ได้นึกถึงจิตวิญญาณของเขาจากเจ้างูน้อยนั้น เรียกว่าเขี้ยวสวรรค์แล้วกัน
"ม่อเสีย ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าข้าสาบานว่า จะทำให้ชีวิตเจ้าไม่เหลืออะไรเลยไม่งั้นอย่าเรียกข้าว่า หลินเฟิง "
หลินเฟิง ลุกขึ้นยืนและสายตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาที่อยากจะฆ่าถึงที่สุด
หลินเฟิง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และในขณะที่เขาสร้างอากาศในลำคอ ได้รู้สึกถึงบางอย่างที่สกปรก
รสชาติมันเหมือนสัตว์อสูรเลย
หลินเฟิง มองรอบๆตัวอย่างระมัดระวัง ตัวเขาและดูเหมือนว่าจะอยู่ในถ้ำของสัตว์อสูรซึ่งทำให้รู้สึก
อึดอัดและกังวลอย่างมาก
หลินเฟิง รีบเคลื่อนตัวออกนอกถ้ำอย่างรวดเร็ว ด้านนอกเป็นป่าขนาดใหญ่ ต้นไม้เหล่านั้นได้ถูก
บดขยี้เป็นชิ้น ๆ ดูเหมือนต้นไม้ถูกกระแทกด้วยสัตว์อสูรที่เดินผ่านบริเวณนี้ กลิ่นอายของสัตว์อสูร
ยังจะตลบอบอวนไปทั่วพื้นที่ เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพื้นได้สั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้าเขาตลอดเวลา เขา
ได้ยินเสียงคำรามจากระยะใกล้แลพไกล
ดูเหมือนว่าฝูงสัตว์อสูรที่ไหลทะลักลงจากหุบเขานั้นยังไม่หยุด
หลินเฟิง เพิ่งเจอกลุ่มสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ดุร้ายนั้น แต่เขารู้ว่ายังคงมีกลุ่มอื่นที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร
ที่ทรงพลังอย่างมาก หุบเขาวายุทมิฬนั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เขาได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืด ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ ประสาทสัมผัสของการ
ได้ยินและวิสัยทัศน์ของเขาได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก เขาสามารถมองเห็นและรับรู้ถึงทุกสิ่งอย่างใน
สภาพแวดล้อมรอบตัว สมองกำลังประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขา
สามารถทำความเข้าใจและรับรู้บริเวณโดยรวมรอบตัวราวกับกำลังมองลงไปถึงกลยุทธ์ต่างๆ
ในเวลาเดียวกันพลังปราณที่แข็งแกร่ง ของสัตว์อสูรกำลังหมุนวนรอบเท้า หลินเฟิง บนพื้นดิน มัน
เริ่มห่อร่างกาย หลินเฟิง จนปกคลุมเขาอย่างสมบูรณ์ หลินเฟิง อยู่ในสภาพจิตใจที่ดี ภายในนั้น
ตัวของหลินเฟิงเองก็เคลื่อบไปด้วยพลังปราณของเขาทำไม่มีสัตว์อสูรตนใดเห็น
เป็นหมอกปีศาจ ที่ได้ให้พลัง หลินเฟิง หมอกปีศาจนั้นมีพลังมากมายและความประทับใจของเขาก็
เพิ่มขึ้น นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นร่างจริงของเขา มันเป็นเพียงหมอกสีดำขนาดใหญ่
ที่คนอื่นเห็น หลินเฟิง ขอบคุณจิตวิญญาณของเขาที่เได้กลืนกินหมอกปีศาจเข้าไป ตอนนี้เขามี
ความสามารถเช่นกันกับหมอกปีศาจ ทักษะหมอกปีศาจสร้างความประทับให้ หลินเฟิง และ
สามารถใช้งานมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ในหุบเขาวายุทมิฬ มีสัตว์อสูรจำนวนมากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกมันไม่ได้อยู่เพียงที่นี้ที่เดียว
เท่านั้น แต่มีอยู่ทุกหนแห่งในดินแดนนี้ เพราะสัตว์อสูรบางตัวนั้นแข็งแกร่งมาก หลินเฟิง จึงต้อง
ระวังให้มากขึ้น เขาสามารถใช้พลังปราณของเขาเพื่อแสร้งทำเป็นว่าเขาเป็นสัตว์อสูรด้วยความ
สามารถใหม่ของเขา
เหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งในหุบเขาวายุทมิฬแห่งนี้ ขณะที่จำนวนสัตว์อสูรที่เพิ่ม
มากขึ้นอย่างนับไม่ถ้วนพวกมันได้ก็วิ่งไปที่ชานเมืองราวกับพยายามจะพิชิตดินแดนนี้ใหม่
ในขณะนั้นมีพลังปราณโดยรอบของ หลินเฟิง ดูเหมือนจะเป็นสัตว์อสูรจริงๆ หลินเฟิงเริ่มออกเดิน
สัตว์อสูรที่อ่อนแอทั้งน้อยใหญ่ที่ผ่าน หลินเฟิง น่าแปลกใจที่สัตว์อสูรขนาดเล็กเหล่านี้ส่งเสียง
เบาบางอย่างน่ารักไปทาง หลินเฟิง พร้อมเสนอตัวโลกของสัตว์อสูรนั้นงย่ำแย่กว่าโลกของผู้
บ่มเพาะพลัง มันถูกปกครองโดยกฎของป่า : ผู้อ่อนแอจะกลายเป็นอาหารสำหรับผู้ที่แข็งแกร่ง
แม้แต่สัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณก็วิวิ่งหนีไปเมื่อรู้สึกถึงการปรากฏตัวของ หลินเฟิง สัตว์อสูร
ที่โตเต็มไวในระดับจิตวิญญาณอย่างน้อยก็ขั้นที่ห้า ซึ่งค่อนข้างน่ากลัว อย่างไรก็ตามสัตว์อสูร
ธรรมดาทั่วไป ที่อยู่ในระดับจิตวิญญาณไม่สามารถเปรียบเทียบตัวเองกับหมอกปีศาจได้
"ความลึกของหุบเขาวายุทะมิฬนั้นน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง"
หลินเฟิง ตระหนักถึงความมหัศจรรย์ของหุบเขาวายุทมิฬและช่วยไม่ได้ที่เขาจะกลัว ก่อนหน้านี้
เมื่อตอนที่เขายังอยู่ที่ระดับปราณและยังกล้ามาที่นี่โดยไม่เกรงกลัวสิงใด ทำไมเขาไม่รู้ตัว หาก
พวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรที่หิวโหยในระดับจิตวิญญาณพวกเขาอาจจะตายไปแล้ว
แน่นอนในสายตาของสัตว์อสูรที่หิวโหยระดับจิตวิญญาณ ผู้ปลูกของระดับปราณ เปรียบแล้ว
เหมือนมดปลวก บางทีสัตว์อสูรเหล่านี้จะไม่ได้มองพวกเขาเช่นเดียวกับที่ หลินฌฟิง มองไป
ที่สัตว์อสูรระดับต่ำธรรมดา
"นี่เป็นโอกาสที่ดีข้าจะไม่ฆ่าสัตว์อสูรเพื่อรวบรวมสิ่งของมีค่า"
หลินเฟิง เริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายและตื่นเต้นสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณนั้นไม่ได้เหมือนกับ
สัตว์อสูรธรรมดา พวกมันสามารถดูดซับพลังปราณของโลกและสิ่งล้ำค่าที่เขาได้รับจากพวกมัน
นั้นมีค่ามาก ถ้าเขามอบสิ่งของเหล่านี้ให้แก่ผู้อาวุโสภายในนิกายการแลกเปลี่ยนกับพวกเขา
สามารถผลิตยาหรืออาวุธชั้นเลิศระดับจิตวิญญาณ นอกจากนี้บางส่วนของพลังสัตว์อสูรเหล่านี้
ถ้าดูดซับไปยังมีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มพลังการบ่มเพาะพลังของคนคนนั้น
เม็ดยาฟื้นฟูสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้รวมทั้งกระดูที่กหัก ... ยาบางตัวจสามารถชุบชีวิต
คนตายได้
อาวุธที่ดีจะช่วยเพิ่มทักษะการโจมตีและการป้องกันในการสู้รบให้ดียิ่งขึ้น
ทุกอย่างนี้ที่ได้มาสามารถแลกเปลี่ยนกับสิ่งมีค่าที่ได้จากเหล่าสัตว์อสูร นี่คือเหตุผลที่คนจำนวน
มากเสี่ยงชีวิตที่จะเดินทางไปมาที่นี้และฆ่าสัตว์อสูร พวกเขาต้องการของมีค่าเพื่อไปขาย
หลินเฟิง รู้สึกว่าเขาเป็นคนยากจนเสียจริง นอกเหนือจากดาบอ่อนที่ได้จากผู้พิทักษ์เป่ยแล้ว
และเม็ดยาฟื้นฟูที่รักษาได้ทุกโรค จากผู้พิทักษ์คง มอบให้เขาแล้วเขาก็ไม่มีของมีค่าอะไรเลย
เขาไม่เคยนึกถึงอาวุธและของมีค่ามาก่อน
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >> http://cpmlink.net/KuQOAA
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น