ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 8




ตอนที่ 8 หมาป่าอเวจี





คำพูดของหลินเฟิง ทำให้จิ้ง ยวิ๋น และคนอื่นๆมึนงง พวกเขาเหลือบมองหลินเฟิงด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นพวกเขาเห็นหลินเฟิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

“หลินเฟิง นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาแสดงความสามารถของเจ้า” จิ้ง ยวิ๋นพูดออกมาด้วยความกังวล แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นหลินเฟิงต่อสู้มาก่อน พวกเขารู้ดีว่าหลินเฟิงเป็นแค่เศษขยะ ถึงแม้วันใดวันหนึ่งหลินเฟิงได้ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก จนถึงระดับใกล้เคียงกับพวกเขา แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสู้กับสัตว์อสูรวานรคลั่งระดับ 8 ได้ แล้วตอนนี้เขาจะสู้วานรคลั่งได้อย่างไร?

มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดหลินเเฟิง หลินเฟิงได้พุ่งไปข้างแล้วไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ทัน วานรคลั่งเห็นความบ้าระห่ำของหลินเฟิงที่กล้าพุ่งเข้ามาโจมตีมัน มันทุบพื้นอย่างบ้าคลั่งด้วยกล้ามเนื้อที่ขาของมันทำให้พื้นสั่นสะเทือน ร่างกายอันใหญ่โตของมันพุ่งเข้าไปหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว ด้วยแววตาที่ดุร้าย โหดเหี้ยมของมันทำให้ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อและร่างของมันใหญ่โตราวกับภูเขาที่พุ่งเข้ามาเพื่อโจมตีหลินเฟิง และทำให้พื้นดินสั่นไหวทุกย่างก้าวของมัน

ดูเหมือนว่าหลินเฟิงมันจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันแข็งแกร่งขนาดไหน มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 8 ทำให้หัวใจของจิ้ง ยวิ๋น ตกใจกลัว จิ้ง ยวิ๋น กลัวมากจนแทบจะหยุดหายใจ เมื่อเห็นสัตว์อสูรกำลังพุ่งเข้าหาหลินเฟิง

จิ้ง ยวิ๋น รู้สึกว่าหลินเฟิงจะต้องถูกบดขยี้แน่นอน ด้วยกล้ามเนื้อขาอันแข็งแกร่งของวานรคลั่ง นางกลัวมากจนต้องปิดตา ไม่กล้ามองดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

“ตูม!” เมื่อพวกเขาปะทะกันทำให้เกิดคลื่นกระแทกสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ จิ้ง ยวิ๋นที่ปิดตาอยู่นางรู้สึกว่าพื้นกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงคำรามของวานรคลั่งที่คำรามร้องอย่างเจ็บปวด

เมื่อนางลืมเปิดตา นางเห็นวานรคลั่งถูกซัดปลิวไปข้างหลัง 3 เมตร หลินเฟิงเดินเข้ามาหานางอย่างเงียบๆ โดยที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยมันน่าอัศจรรย์มาก มันเหมือนว่าวานรคลั่งมันไม่ใช่คู่มือของเขา

“มันเป็นไปได้อย่างไร?” จิ้ง ยวิ๋น ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลินเฟิงไม่ได้รับบาดใดๆเลยหลังจากปะทะกับวานรคลั่ง นางมองไปที่ ชิงอี และหาน หมาน ที่กำลังเบิ่งตากว้าง และเต็มไปด้วยความประหลาดใจเหมือนกับนาง พวกเขาได้เห็นด้วยสายตาตัวเองว่าหลินเฟิงเป็นคนหยุดวานรคลั่ง

แต่อย่างไรก็ตาม วานรคลั่งมันเป็นสัตว์อสูรระดับ 8 หากไม่มีพลังอย่างน้อย 8,000 จิน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะวานรคลั่งได้ด้วยตัวคนเดียว

จิ่งเฟิง ที่ยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเมื่อได้ยิน.. เจ้าเศษขยะนี่มันชนะวานรคลั่ง? เป็นไปไม่ได้!

“วานรคลั่งมันเป็นสัตว์อสูรระดับ 8……. ผิวหนัง และเนื้อของมันแข็งแกร่งมาก” จิ่งเฟิง พูดพึมพำกับตัวเอง ในวันนี้เขาได้บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 7 และฝึกฝนจนมีรากฐานที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นเขายังใช้ทักษะ เก้าคลื่นทลายสวรรค์ ทำให้เขาได้ปลดปล่อยพลังออกไป 8,500 จิน

นอกจากนี้ถ้าเข้าใจถึงแก่นแท้ของทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ จะทำให้ระเบิดพลังออกมาได้กว่าคลื่นพลังดั่งเดิมอย่างมาก ฉะนั้นแล้วคลื่นพลังที่ปะทะกับวานรคลั่งเมื่อสักครู่นี้ มันจะต้องระเบิดพลังออกมาเกือบ 9,000 จิน ในขณะนั้นวานรคลั่งกำลังลุกขึ้นยืนและถอยหลังกลับไปเพื่อจะหนี มันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความแค้น

หลินเฟิงพุ่งไปข้างหน้าเพื่อปิดปากเสียงคำรามของวานรคลั่ง เขาเริ่มใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์อีกครั้ง” วานรคลั่งมันมีร่างกายที่ใหญ่โตทำให้มันไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของหลินเฟิงได้ทัน ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลือก มันใช้หัวของมันโจมตีเพื่อลดทอนความเสียหายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“ให้ข้าทดสอบฝีมือของเจ้าหน่อยเถอะ” หลินเฟิงกล่าวขณะกำลังพุ่งเข้าหาวานรคลั่ง ทันใดนั้นกำปั้นซ้ายของเขาก็ปล่อยออกไปข้างหน้า ทำให้เกิดคลื่นพลังอันรุนแรง ที่ปลดปล่อยออกจากกำปั้นของเขา “ตูม!”

“แกร๊ก!”

มีเสียงแตกหักดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับกิ่งไม้แตกหักไปตามๆกัน

จิ้ง ยวิ๋น และคนอื่นๆต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า…วานรคลั่ง? ในขณะนั้นหลินเฟิงดูโหดเหี้ยม มากกว่าสัตว์อสูรอย่างวานรคลั่ง เขาปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่องโดยใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมือ แรงสั่นสะเทือนในอากาศกำลังแผ่กว้างออกไปหลายร้อยลี้ คลื่นพลังที่บ้าคลั่งของหลินเฟิงทำให้ทุกคนเห็นว่าหลินเฟิงมีพลังมากขนาดไหน

“เขาสามารถใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ! เขาใช้มันได้อย่างชำนาญ! ระดับของเขาแตกต่างจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง! เขาสามารถนำทักษะของเขาไปสู่ขั้นที่สมบูรณ์ได้ ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ตลอดชั่วชีวิต” ชิงอี ไม่คิดว่าหลินเฟิงจะถูกเรียกว่าเศษขยะ

“ในอากาศยังคงเต็มไปด้วยพลังของหลินเฟิง คลื่นพลังของเขาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ข้าได้ยินมาว่าการทำความเข้าใจวิธีใช้ และควบคุม ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ ให้อยู่ในระดับสูงเป็นเรื่องที่ยากมาก หลินเฟิงเจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก” จิ้ง ยวิ๋นกล่าวสิ่งที่นางคิด

“ร้ายกาจจริงๆ” หาน หมานกล่าวขณะข่วนหน้าของตัวเอง และดูหดหู่

“เมื่อการสั่นสะเทือนหยุดลง บริเวณนั้นก็สงบลงอีกครั้ง หลินเฟิงหันหลังกลับไปมองทั้ง 3 คน : “พวกเจ้ามาเก็บของที่มีค่ากันเถอะ ข้าเหนื่อยมากแล้ว”

“โอ้” หาน หมาน กล่าว ขณะที่กำลังชำแหละศพวานรคลั่ง ริมฝีปากของเขากำลังสั่นด้วยความตื่นเต้นกับเหล่าวัตถุดิบล้ำค่าที่จะได้จากวานรคลั่ง การนำวัตถุดิบล้ำค่าออกมาจากวานรคลั่งต้องออกแรงค่อนข้างมาก เพราะผิวหนังของวานรคลั่งมันหนามาก แม้ว่ามันจะตายแล้ว แต่การจะผ่าผิวหนังของมันก็ยังคงเป็นเรื่องยาก

“ฮ่าฮ่าๆ, หลินเฟิง เจ้าดูเชี่ยวชาญยิ่งนัก ข้าหวังว่าพวกเราจะไม่พบเจอกับสัตว์อสูรระดับ 9 ถ้าพวกเราพบเจอมันพวกเราไม่สามารถหยุดพวกมันได้” หาน หมาน กล่าวขณะที่กำลังหัวเราะร่าเริง จากนั้นเขาก็ใส่วัตถุดิบลงไปในกระเป๋าของเขา

หลินเฟิงหัวเราะและกล่าว: “พวกเรามุ่งตรงไปข้างหน้ากันเถอะ บางทีอาจจะเจอสัตว์อสูรระดับ 8 สัก 2-3 ตัว”

“เจ้าก็แค่โชคดี ที่สัตว์อสูรมันไม่ตอบโต้” คำพูดเสียดสีดังมาจากข้างหลังของพวกเขา จากนั้นจิ่งเฟิง เดินผ่านพวกเขาไป และเดินนำหน้า

“จิ่งเฟิง, เจ้า…” จิ้ง ยวิ๋น และอีกสองคนมองจิ่งเฟิงอย่างโกรธเคือง เจ้านั้นช่างปากร้ายนัก ที่พูดบิดเบือดเรื่องที่หลินเฟิงทำ

กลุ่มของพวกเขายังคงก้าวเดินต่อไป ขณะที่จิ่งเฟิงกำลังเดินนำหน้า มันหวังว่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายจะปรากฏตัวออกมา และเขาจะได้แสดงความสามารถและทักษะอันยอดเยี่ยมของเขา แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆปรากฏออกมาเลย และพื้นที่รอบๆมันก็ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใดๆเลย ทำให้ จิ่งเฟิงรู้สึกโกรธ

“ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างผิดปกติในที่นี่” จิ่งเฟิง กล่าว เมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของป่า ที่แห่งนี้มันเงียบ และสงบเกินไป

“มีบางอย่างผิดปกติ” จิ้ง ยวิ๋น และสหายอีก 2 คนก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเขากำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นพวกเขาเริ่มค่อยๆลดความเร็วลง และสังเกตุเห็นจิ่งเฟิง ที่เดินนำหน้าพวกเขากำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขา

ทุกๆคนมองไปที่จิ่งเฟิง และทันใดนั้นหมาป่าอเวจีก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา หมาป่าอเวจีมีใบหน้าสยดสยองและบิดเบี้ยว ทำให้มันดูเหมือนปีศาจ

เมื่อเห็นหน้าของหมาป่าอเวจี ทำให้จิ้ง ยวิ๋นกลัวจนตัวสั่น นางปิดปากของนางด้วยมือทั้งสองข้างของนางเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา

“หมาป่าอเวจีเป็นสัตว์อสูรระดับ 9 สัตว์อสูรทั่วๆไป มันเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายที่สุด มันจะค่อยๆกินเนื้อคนอย่างช้าๆ มันจะไม่ฆ่าโดยทันที มันจะค่อยๆทรมานและทำให้คนผู้นั้นต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน ” ชิงอี กล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นกลัว ดูเหมือนว่าพวกเราจะวิ่งไปหาสัตว์อสูรที่เหล่าผู้บ่มเพาะพลังกลัวมากที่สุดในภูเขาวายุทมิฬแห่งนี้: หมาป่าอเวจี มันไม่ใช่หมาป่าอเวจีธรรมดาๆ มันดุร้ายมาก และมีความเร็วที่รวดเร็วมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีมันพ้น

“เจ้าเศษขยะ พวกเราต้องร่วมมือกัน เจ้าใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์เพื่อหลอกล่อมัน แล้วข้าจะหาโอกาสที่จะสังหารมัน” จิ่งเฟิง กล่าวขณะที่เดินไปอยู่ข้างหลังคนอื่นๆ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดกับหลินเฟิง

“เจ้าเศษขยะ? เจ้าต้องการให้ข้าหลอกล่อมัน และเมื่อเจ้าได้โอกาสเจ้าก็จะหลบหนีหางจุกตูดสินะ?” หลินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เจ้าพยายามส่งข้าไปตาย, เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อใจเจ้าหรือ?”

“เจ้าไม่มีทางเลือก มิฉะนั้นทุกๆคนจะต้องตาย” จิ่งเฟิงโกรธเกรี้ยว ขณะที่มันยังเดินถอยร่น “ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เจ้ายังไม่ได้เข้าไปต่อสู้กับมันเลย เจ้าต้องการมีชีวิตอยู่โดยไม่แม้แต่ขยับนิ้วช่วย ข้าไม่เต็มใจที่จะมอบวัตถุดิบเหล่านั้นให้กับเศษขยะอย่างเจ้าฟรีๆหรอกนะ” จิ่งเฟิง กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้าง

ขณะที่มันพูด หลินเฟิงเหลือบมองคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆเขากำลังถอยร่นไปในระยะที่ปลอดภัย

จิ้ง ยวิ๋น และสหายอีก 2 คนถอยหลังกลับออกไปทันที หมาป่าอเวจีที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ มันต้องการที่จะฆ่าพวกเขาถ้าหากพวกเขายังเผชิญหน้ากับมันอยู่ นอกจากนี้พฤติกรรมของจิ่งเฟิง ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก เจ้าเสแสร้งที่จะหนีโดยที่จะไม่ช่วยพวกเราสินะ
“ก็ได้ ก็ได้” จิ่งเฟิง กล่าวขณะที่มองดูพวกเขาที่กำลังโกรธ ทันใดนั้นดาบที่ดมและสว่างไสวของจิ่งเฟิงก็ปรากฏอยู่ข้างกายของมัน

“จิตวิญญาณแห่งดาบ”

หลินเฟิงประหลาดใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงหยิ่งขนาดนี้ ในบรรดาจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ จิตวิญญาณแห่งดาบเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และทรงพลังมาก ผู้ใดที่ครอบครองจิตวิญญาณแห่งดาบสามารถโจมตีโดยใช้ดาบได้อย่างหนักหน่วง และสามารถฆ่าศัตรูได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

เพราะจิตวิญญาณแห่งดาบเป็นจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่ทรงพลัง ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งดาบทำให้การพัฒนาทักษะดาบของพวกเขาต้องฝึกฝนอย่างหนักและยากลำบาก อย่างเช่น ชิงอี ที่เป็นผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งลม จะทำให้เขาคล่องแคล่วว่องไว และกวัดแกว่างดาบได้อย่างรวดเร็ว

ดาบยาวถูกดึงออกมาจากฝักดาบ ทำให้เห็นประกายแวววาวสาดส่องออกมาเกือบจะทำให้ทุกคนตาบอด

เมื่อหมาป่าอเวจีเห็น มันคำราม และพุ่งเข้าใส่ทันที ด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของมัน

ดาบที่ดูคล้ายกับสายรุ้ง มันปะทะกับกรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่าอเวจี ทำให้เกิดเสียงแหลมคมดังสั่น

“กรงเล็บของมันแหลมคมมาก!” จิ่งเฟิงคิดในใจ ตามที่มันคาดคิดว่าหมาป่าอเวจีมันไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดาๆ กรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่าอเวจีได้ปะทะกับดาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมาป่าอเวจีมันมีพลังมากจนทำให้จิ่งเฟิงต้องก้าวถอยหลังไป 10 เมตร หลุดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงที่ที่พวกเขาปะทะกัน การโจมตีของจิ่งเฟิงมันทรงพลังมากอย่างเห็นได้ชัด

ในขณะที่กรงเล็บของหมาป่าอเวจีกำลังจะแตะพื้น มันกระโดดพุ่งเข้าใส่จิ่งเฟิงอีกครั้งโดยไม่ให้จิ่งเฟิงได้มีโอกาสหยุดพัก มันเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
จิ่งเฟิงกวัดแกว่งดาบของเขา แต่การกวัดแกว่งครั้งนี้แม้แต่ลม และฝนก็ไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้มันมีรูปแบบคล้ายกับใยแมงมุม จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลัง และพบว่าหมาป่าอเวจีมันหายไปจากสายตาของเขาแล้ว

ข้างบน!

จิ่งเฟิงตกใจมาก เขาไม่ลังเลที่จะโยนดาบขึ้นไปในอากาศ และหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“ไอสารเลว!” จิ้ง ยวิ๋น สาปแช่ง จิ่งเฟิงไม่สามารถชนะหมาป่าอเวจีได้ ดังนั้นเขาจึงโยนดาบของเขาขึ้นไปในอากาศ และหลบหนีโดยไม่สนในคนอื่น

“ถ้าข้าตาย เจ้าก็ต้องตายด้วย” สีหน้าของจิ่งเฟิงน่ารังเกียจมาก เขาเดินตรงไปหาพวกเขา

“ไสหัวไป!” หลินเฟิงกล่าว และใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ และปล่อยหมัดไปที่จิ่งเฟิง

“เจ้า…” คลื่นพลังของหลินเฟิงนั้นทรงพลังมากจนทำให้จิ่งเฟิงถูกบังคับให้ถอยหลัง หลังจากนั้นจิ่งเฟิงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด กรงเล็บของหมาป่าอเวจีมันได้แทงทะลุเข้ามาด้านหลังของเขา เลือดของมันสาดกระเซ็น จากนั้นมันก็ล้มลงไปกองกับพื้น

“เจ้าอยากจะตายงั้นหรือ?!” หลินเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ถ้าเจ้าทอดทิ้งคนอื่น คนอื่นก็จะทอดทิ้งเจ้าเช่นกัน

“อวู้ววววววววววว!” หมาป่าอเวจีเห่าหอน กรงเล็บของมันยังคงแทงหลังของจิ่งเฟิงอยู่ มันไม่รีบร้อนที่จะฆ่าจิ่้งเฟิง ดวงตาอันเยือกเย็นของหมาป่าอเวจีมองไปที่หลินเฟิงและคนอื่นๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่น

“พวกเราจะทำเช่นไรดี? หมาป่าอเวจีมันทำร้ายจิ่งเฟิง แต่มันยังไม่ฆ่าเขาเพราะมันชอบฆ่าเหยื่ออย่างช้าๆ มันชอบที่จะทรมานเหยื่อ” ชิงอี กล่าวขณะที่กำลังมองจิ่งเฟิงที่นอนกองอยู่บนพื้น มันทำให้ชิงอี รู้สึกหวาดกลัว

“จุดอ่อนของหมาป่าอเวจีคืออะไร?” จู่ๆหลินเฟิงก็ถามออกมา

ชิงอี มองไปที่ หลินเฟิงอย่างประหลาดใจ

“การโจมตีของหมาป่าอเวจีมันแข็งแกร่ง ทรงพลัง และรวดเร็วมาก แต่มันไม่สามารถป้องกันด้วยมันเองได้ดีนัก โดยเฉพาะตรงคอของมันที่เป็นช่องโหว่ แต่มันสามารถใช้กรงเล็บอันแหลมคมเพื่อป้องกันตัวเองได้ เจ้าต้องจัดการกับกรงเล็บของมันก่อน” ชิงอี กล่าวขณะที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ. เก้าคลื่นทลายสวรรค์ของหลินเฟิงสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง และทรงพลังมาก ถึงแม้ว่าเก้าคลื่นทลายสวรรค์มันจะไม่รวดเร็วนัก สำหรับเขาแล้วการที่จะหลีกเลี่ยงกรงเล็บของหมาป่าอเวจี และพุ่งโจมตีไปที่คอของมันดูเหมือนมันจะเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้

พวกเราติดอยู่ในกับดักของมัน ถ้าพวกเราพยายามหนี หมาป่าอเวจีมันสามารถจับพวกเราได้อย่างง่ายดาย พวกเราทำได้เพียงอยู่ที่นี่ และดูพวกเราทีละคนถูกทรมานจนตาย หลินเฟิงทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจขณะที่เขากำลังครุ่นคิด หูของหมาป่าอเวจีตั้งขึ้น มันจ้องเขม็งมาทางกลุ่มของพวกเขา ด้วยกรงเล็บที่ย้อมไปด้วยเลือดของมัน…..





เครดิต : https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/

ความคิดเห็น

Facebook