ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 6



ตอนที่ 6 จิตวิญญาณแห่งลูกธนู




นิกายหยุนไห่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาทั้งแปด แต่ละภูเขาจะเชื่อมต่อกันและกัน ทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่สามารถเดินทางไปมาระหว่างภูเขาได้อย่างง่ายสะดวก ภูเขาเหล่านี้ทำให้ทัศนียภาพราวกับสรวงสวรรค์ และภายในภูเขามันเต็มไปด้วยถ้ำที่เหล่าศิษย์สามารถเข้าไปฝึกฝนได้อย่างเงียบสงบ ภูเขาเหล่านี้มันเป็นภูเขาที่สูงมาก และครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง เหล่าศิษย์สามารถหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อฝึกฝนการบ่มเพาะพลังได้อย่างง่ายดาย
หลินเฟิง กำลังเดินอยู่บนหน้าผาที่อันตราย รอบๆตัวเขาล้อมรอบไปด้วยหน้าผามากมาย เมื่อหลินเฟิงมองไปรอบๆเขาเห็นทะเลเมฆกว้างใหญ่ไพศาล ทิวทัศน์ดังกล่าวจะทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย และเบิกบานใจ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลินเฟิงรู้สึกเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่เขาเห็น เขาก็กลับไปฝึกฝนทักษะหนึ่งดาบสังหารซ้ำไปซ้ำอีกครั้ง

“ตูม!” เสียงดังออกมาจากก้อนหิน ภายใต้การฟาดฟันดาบแต่ละครั้งของหลินเฟิง ดาบของหลินเฟิงได้ทิ้งรอยฟันยาวลงไปในหินทุกการฟาดฟันของเขา

หลินเฟิงฝึกฝนเป็นเวลา 7 วันแล้ว เขาฝึกฝนโดยไม่หยุดพักผ่อน และสามาถเห็นร่องรอยการฟาดฟันดาบของเขาได้ในหินแต่ละก้อน

ทักษะหนึ่งดาบสังหาร จำเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะทั้ง 2 ด้าน คือ: ความเร็ว และ พลัง ทั้ง 2 ทักษะนี้เป็นเป้าหมายสูงสุดของทักษนี้ ในขณะที่ชักดาบพลังเป็นสิ่งสำคัญ และต้องตั้งท่าให้ถูกต้องเพื่อชักดาบออกมาจากฝักได้อย่างง่ายดาย โดยจะต้องไม่มีความผิดพลาดใดๆแม้แต่น้อย ทักษะหนึ่งดาบสังหารจะต้องดึงดาบออกมาจากฝักอย่างรวดเร็วและปลิดชีพอีกฝ่ายด้วยดาบเดียว และต้องคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของอีกฝ่ายด้วย ดังนั้นทักษะหนึ่งดาบสังหารจึงไม่ใช่ทักษะทั่วๆไป

หยาดเหงื่อของหลินเฟิงหยดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาฝึกทุกวันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้ายันค่ำ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีเดียวที่จะเพิ่มคความแข็งแกร่งให้เขาได้ ด้วยการฝึกฝนซ้ำไปซ้ำมา นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะเเข็งแกร่งขึ้นบนเส้นทางแห่งบ่มเพาะพลัง หลินเฟิงไม่เคยลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตที่แล้วของเขา เขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด ถ้าอ่อนแอและไม่มีพลัง อาจจะทำให้ถูกฆ่าตายได้ อ่อนแอและไร้พลังเป็นเหมือนกับตอนที่เขาเกือบจะถูกหลินเหิงฆ่า

อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแห่งความมืดของหลินเฟิงก็ดูดพลังของเขาทุกๆนาที ดังนั้นเขาจึงหยุดฝึกทักษะ และเรียกจิตวิญญาณแห่งความมืดกลับเข้าไปในร่างของเขา

จิตวิญญาณ ก็เหมือนกับจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะพลัง ต้องให้ความกับสำคัญกับมันให้มากมันจะอยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต และใช้พลังของเจ้าของเป็นพลังงาน

หลินเฟิงเก็บดาบเข้าไปในฝัก ปลอกดาบทำมาจากผิวหนังของสัตว์ที่ดุร้าย และมีอัญมณีฝังอยู่บนปลอกดาบ จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับฝึกฝนทักษะตัวเบาเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา
หลังจากฝึกฝนเสร็จดวงอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้าก็กำลังตกลงสู่ขอบฟ้า หลินเฟิงกำลังพักผ่อนพร้อมกับมองไปที่ทะเลก้อนเฆมที่กำลังเคลื่อนไหว ทำให้เขายิ้มอย่างผ่อนคลาย

จากนั้นเขาก็ชักดาบออกมา และตั้งท่า จ้องมองแสงอาทิตย์ที่กำลังตกอย่างช้าๆพร้อมกับขยับดาบลงตาม และจิตนาการว่ามันเป็นเลือดที่ไหลออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขารู้สึกราวกับพระเจ้าที่มองมาบนโลก สถานที่แห่งนี้ทำให้เขาได้เห็นทิวทัศย์ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา เมื่อหลินเฟิงเพลิดเพลินกับทัศนียภาพเสร็จเขาก็กล่าว “ถึงเวลาแล้วที่จะหาถ้ำเพื่อฝึกฝน” หลินเฟิงพักผ่อนสักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้น และเดินขึ้นภูเขา

ไม่นานหลังจากนั้นหลินเฟิงก็พบถ้ำ 2-3 แห่งสำหรับบ่มเพาะพลังแต่ที่แห่งนี้มันมีผู้อื่นเป็นเจ้าของแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินไปตามลำธารของภูเขา แต่จู่ๆเขาก็เจอบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเขา ทำให้หลินเฟิงหยุดเดิน

“มันมีแสงส่องสว่างออกมาระหว่างภูเขาทั้ง 2 ลูก!” ด้านหน้าของเขามียอดเขาของภูเขา 2 ลูก ตรงกลางระหว่างยอดเขาทั้งสองลูก มันดูเหมือนจะมีช่องแคบที่แคบมากสามารถเดินเข้าไปพร้อมกันได้เพียง 2 คนเท่านั้น

“ข้าอยากรู้จริงๆว่ามีอะไรอยู่ข้างใน!” หลินเฟิงพูดกับตัวเอง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพราะความอยากรู้ ดูเหมือนลำธารน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา และแสง มันจะมาจากสถานที่เดียวกัน

ณ ที่อันห่างไกล มีศิษย์ 2 คนเห็นหลินเฟิงกำลังเดินตรงไปยังแหล่งที่มาของแสง พวกมันไม่ได้ช่วยหรือหยุดหลินเฟิง แต่กลับหัวเราะเยาะเขาแทน และวิพากษ์วิจารณ์หลินเฟิง: “เจ้าเศษขยะนั้นช่างโชคร้ายยิ่งนัก ดูเหมือนมันจะไม่รู้เลยว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ฝึกฝนของผู้หญิงที่งดงามที่สุดศิษย์ในนิกายศิษย์พี่หลิ่ว เฟย ข้าค่อนข้างแปลกใจที่มันกล้าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น

“ความแข็งแกร่งของหลิ่ว เฟยพวกเราไม่อาจเทียบกับนางได้ นางแข็งแกว่าพวกเรา และแข็งแกร่งศิษย์ในรุ่นเดียวกันอย่างมาก นางเป็นอัจริยะที่แท้จริง”

ขณะที่ศิษย์ทั้งสองกำลังกระซิบนินทากันอยู่ หลินเฟิงได้เดินตรงเข้าไปในพื้นที่มีแสงปรากฏแล้ว และในที่สุดเขาก็มาถึง ก่อนที่หลินเฟิงจะลืมตาขึ้น สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดใจ และมันมีขนาดใหญ่มาก ด้านซ้ายของเขาเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีไอน้ำระเหยขึ้นมา มันเป็นบ่อน้ำพุร้อน

“ช่างเป็นสถานที่ที่ดียิ่งนัก ข้าสามาถอาบน้ำในที่แห่งนี้ได้” เสื้อผ้าของหลินเฟิงแนบชิดกับผิวหนังของเขา เพราะฝึกฝนอย่างหนักทำให้ขับเหงื่อออกมามาก หลินเฟิงถอนเสื้อผ้าออกและกระโดดลงไปในบ่อน้ำพุร้อนทันที

“อ่า ~ ~ สบายจริ๊งจริง!” หลินเฟิงที่กำลังมีความสุข แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังบางอย่างดังมาจากในน้ำ และจู่ก็มีศีรษะของหญิงสาวโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ผมของนางดูอ่อนนุ่มมาก นางน่าจะอายุราวๆ 15-16 ปี นางมีคิ้วที่โค้งสวยงาม และมีใบหน้ารูปไข่ มีผิวพรรณที่ละเอียดอ่อน นางงดงามมาก ในโลกนี้ ผู้หญิงที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก เพราะฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะทำให้ร่างกายบริสุทธิ์ขึ้น นางมีเสน่ห์มากโดยไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า

ดวงตาของสาวน้อยดูไม่ค่อยเป็นมิตร ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธ หลิ่วเฟยกำลังกลั้นลมหายใจ และฝึกซ้อมอยู่ในน้ำ นางรู้สึกตกใจมากที่ได้เห็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่สามารถโผล่ส่วนบนขึ้นเหนือน้ำได้

“ขะ…ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในที่แห่งนี้” หลินเฟิงกล่าวแก้ตัวพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ลุกออกจากน้ำ และได้รู้จักศิษย์ที่งดงามที่สุดในนิกาย

หลิ่วเฟย นางยังคงโกรธ ที่ยังมีคนที่ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ฝึกฝนของนาง? และไม่รู้ว่าภูเขาแห่งนี้เป็นของนาง? เจ้าโรคจิตนั้นมันมันตั้งใจมาที่แห่งนี้ เพื่อล่อลวงข้า

หลินเฟิงไม่รู้จริงๆว่าที่แห่งนี้มีคนอยู่ ในชีวิตที่แล้วของหลินเฟิงคนก่อน หลินเฟิงเป็นคนขี้ขลาด และไม่เคยเดินทางมาถึงบริเวณนี้เพื่อฝึกฝน

แม้ว่าหลิ่วเฟยจะงดงามมาก หลินเฟิงผู้ที่กำลังคิดว่านางนั้นเป็นหญิงสาวที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ โดยไม่ต้องปกปิดความรู้สึกใดๆ จากนั้นเขารีบใส่เสื้อผ้าของเขาด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ และเริ่มที่จะออกไปจากที่แห่งนี้

“เจ้าคิดว่าจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้?”หลิ่วเฟยกล่าว เมื่อหลินเฟิงได้ยินเสียงของหลิ่วเฟย ที่ดังมาจากข้างหลังของเขา ขณะที่เขากำลังออกไปจากที่แห่งนี้ หลิ่วเฟยกล่าวด้วยเสียงที่เย็นหยาวเหน็บ หลินเฟิงหันหลัง และเห็นหลิ่วเฟยกำลังถือธนู และลูกศรในมือของนาง

“เจ้าคิดว่าจะไปไหน?”นางกล่าวอีกครั้ง และหลินเฟิง มองไปที่นางที่กำลังโกรธ หลินเฟิงกล่าว มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด นอกจากนี้ข้าได้ขอโทษเจ้าแล้ว

นางเงียบไม่ตอบกลับ ร่างกายที่เย้ายวนของหลิ่วเฟยตั้งท่าพร้อมที่จะสู้แล้ว นางใส่ลูกศรลงไปในคันธนูและพร้อมที่จะยิง และนางก็ยิงลูกศรออกไปทำให้เกิดเสียงดังในอากาศ ลูกศรสีทองแหวกว่ายผ่านอากาศและพุ่งเข้าหาหลินเฟิง

“แข็งแกร่งยิ่งนัก”

หลินเฟิงจ้องมองลูกศรในขณะที่มันกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขา เขาไม่ลังเลที่จะใช้ทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์ของเขา เสียงระเบิดดังขึ้นมาในขณะที่ลูกศรกำลังพุ่งเข้ามาใกล้เขา

ในขณะที่ลูกศรใกล้จะเข้าถึงตัวเขาแล้วนั้น หลินเฟิงจึงปล่อยหมัดเก้าคลื่นทลายสวรรค์ และมันได้ปะทะกับลูกศร ลูกศรถูกทำลายเมื่อปะทะกับคลื่นพลังของหลินเฟิง และลอยขึ้นไปในอากาศ ในไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ตกลงบนพื้น

“เจ้าต้องการฆ่าข้าหรือ?!” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง ลูกศรนั้นมีพลังถึง 7,000 จิน ถ้าเป็นหลินเฟิงคนก่อน เขาคงจะตายไปแล้ว
“ใช่ แล้วจะทำไม?”หลิ่วเฟยกล่าวขณะกำลังจะยิงลูกศรอีกดอก และทันใดนั้นลูกศรมายาสีทองก็ปรากฏข้างๆกายของนาง

หลินเฟิงตัวสั่นเพราะความกลัว ความหนาวเย็นได้แผ่ไปทั่วร่างกายของเขา เมื่อลูกศรมายาอยู่ตรงหน้าของเขา ลูกศรมายามันสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตได้ ถ้าเป้าหมายยังมีชีวิตอยู่ มันก็จะพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายโดยอัตโนมัติ

ลูกศรสามารถพุ่งเป้าไปยังเป้าหมายที่ยังหายใจได้โดยอัตโนมัติ นี่คือหนึ่งในลักษณะเฉพาะตัวของบรรดาผู้ที่มีจิตวิญญาณแห่งลูฏศร

ลูกศรแหวกว่ายผ่านอากาศและพุ่งเข้ามาใกล้ตัวหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว

“ทักษะตัวเบาเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา” หลินเฟิงกระโดดถอยหลัง 10 เมตร จากนั้นเขาก็ปล่อยคลื่นพลังอีกลูกเพื่อหยุดลูกศรสีทอง ทำให้เกิดเสียงดังเหมือระเบิด แต่เวลาที่คลื่นปะทะกับลูกศรมันทำได้เพียงชะลอความเร็วของลูกศรลง มันไม่สามารถหยุดลูกศรได้ เสียงที่ดังออกมามันน่ากลัวมาก ทำให้หัวใจของหลินเฟิงเต้นระรัว ลูกศรกำลังพุ่งเข้าหาหน้าผากของหลินเฟิง

หลิ่วเฟยเป็นศิษย์ที่โดดเด่นในนิกายหยุนไห่ นางได้บรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 แล้ว และความแข็งแกร่งของนางอาจจะมากกว่า 9,000 จิน เมื่อนางใช้จิตวิญญาณแห่งลูกศร การโจมตีจากเก้าคลื่นทลายสวรรค์ของหลินเฟิงจึงไม่เพียงพอที่จะหยุดลูกศรของนางได้

หลินเฟิงล้มลง เพราะพลังที่ปล่อยออกมาจากการปะทะกันของคลื่น และลูกศร ในขณะที่จิตวิญญาณแห่งลูกศรของหลิ่วเฟย นางสามารถควบคุมลูกศรได้ ซึ่งทำให้ลูกศรราวกับมีชีวิต และนางจึงบังคับลูกศรเพื่อพยายามปลิดชีวิตของหลินเฟิงอีกครั้ง

“ย๊าาาาาาา” หลินเฟิงตะโกน! ทันใดนั้น ลูกศรก็หายไปในแสงสีขาว

“ข้า หลินเฟิง ข้าจะจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไว้”

เสียงดังมาจากที่ห่างไกลทำให้หลิ่วเฟยตกตะลึง นางมองไปรอบๆและเห็นเพียงลูกศรของนางที่ถูกตัดออกเป็นสองส่วน หลินเฟิงไปจากที่แห่งนี้แล้ว เขาออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์

“นี่มัน…..” เมื่อหลิ่วเฟยเห็นนางก็พูดเบาๆ…

เมื่อศิษย์ทั้ง 2 คนเห็นหลินเฟิงที่กำลังหลบหนี พวกมันรู้สึกแปลกใจที่หลิ่วเฟยไม่ได้ฆ่าเจ้าเศษขยะนี่

บางทีหลิ่วเฟยอาจจะไม่อยากสู้กับมัน และฆ่ามัน

พวกมันได้เห็นเสื้อผ้าที่เปียกโชกของหลิ่วเฟยที่แนบชิดติดกับร่างกายของนาง พวกมันกำลังคิดว่าร่างกายของนางจะงดงามขนาดไหน นางเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้พวกมันกลืนน้ำลายด้วยความใคร่ วิธีเดียวที่จะไม่ทำให้พวกมันน้ำลายไหล คือ ปิดปากของตัวเอง สิ่งเดียวที่พวกมันทำได้คือ ถ้ำมอง และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่หาชมได้ยากนี้

ทุกคนรู้ว่าหลิ่วเฟยทรงพลังมาก ภายในนิกายหยุนไห่มีผู้คนมากมายประจบนาง และมีศิษย์บางคนต้องการใกล้ชิดกับนาง ศิษย์ทั้ง 2 ที่เพิ่งถ้ำมอง ถ้าคนอื่นรู้ว่าพวกเขาได้เห็นเรือนร่างอันงดงามของหลิ่วเฟย พวกเขาคงจะถูกฆ่าตายแน่นอน…..



เครดิต :  https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/

ความคิดเห็น

Facebook