ตอนที่ 57 หลิวชางหลาน
อันที่จริงแล้ว เฉินเฉิน ไม่ได้ออกจากหอดวงดารา เขาไม่ได้รีบร้อนออกไป แต่กำลังรออยู่ที่ประตู
ทางออก
"เจ้าใช้เวลาเกินกำหนดไปหน่อยนะ ครั้งต่อไปใส่ใจกับมันด้วย "ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวขณะมองไปที่
เฉินเฉินและส่ายหน้า
"ข้าเกินเวลาที่กำหนดไปเพียงเล็กน้อย แต่มีผู้ชายอีกคนที่อยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว เกินเวลาที่
กำหนดมากกว่าข้าอีก ข้าอยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา "เฉินเฉิน คิดระหว่างรอหลินเฟิง
ลงมา
หลินเฟิง ไม่ได้ทำให้ เฉินเฉิน รอนานนัก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลงมาดูค่อนข้างผ่อนคลายราว
กับว่าไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
"ผู้พิทักษ์เป่ย นี่เป็นทักษะและเทคนิคความคล่องตัวที่ข้าเลือก" หลินเฟิง กล่าวในขณะที่มองไปยัง
เฉินเฉิน หลินเฟิง ได้มอบตำราทักษะและความคล่องตัวให้กับ ผู้พิทักษ์เป่ย ขณะยิ้มอย่างเป็นกันเอง
"ทักษะพิศุทธ์ ... จะช่วยให้เจ้ารวบรวมพื้นฐานความว่องคล่องตัวของเจ้าได้ แน่นอนว่าคุ้มค่ากับการ
เรียนรู้นั้นเอง "ผู้พิทักษ์เป่ย กล่าวขณะกำลังดูเทคนิคและทักษะที่หลินเฟิงได้เลือกไว้ เขาพยักหน้า
เห็นด้วยกับตำราที่เลือก จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า "แปดกระบี่เดียวดายนั้นอยู่ระดับล่างของทักษะ
ระดับซุน แต่เป็นทักษะที่มีประสิทธิภาพมาก เป็นการยากที่จะเรียนรู้และฝึกฝน แต่พิจารณาจากความ
สามารถของเจ้าแล้วไม่น่าเป็นปัญหา สำหรับทักษะดาบสวรรค์ ซึ่งเป็นการโจมตีแบบสามครั้งทุกคน
สามารถเรียนรู้มันได้ แต่มีเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถควบคุมทักษะนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คนที่สำเร็จทักษะนี้ได้อย่างสมบูรณ์นั้นหายากยิ่ง เจ้าต้องพยายามอย่างมากเพื่อฝึกทักษะนี้ให้บรรลุ
จึ่งจะสามารถใช้ได้อย่างชำนาญ
ผู้พิทักษ์เป่ย ยังคงดูเทคนิคและทักษะที่ หลินเฟิง เลือกไว้และยังคงให้ความเห็นต่อไปว่า "ถ้าสักวันหนึ่ง
ถ้ามีโอกาส เจ้าต้องควบคุมการใช้การโจมตีทั้งสาม เจ้าจะสามารถใช้ทักษะดาบสวรรค์ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพสูงสุด แล้วอย่าเรียนรู้ทักษะอื่นที่อยู่ด้านล่างของระดับซุน หรือแม้แต่ที่อยู่ในระดับซุนก็ตาม...
ก้าวไปข้างหน้าและเรียนรู้ทักษะที่สูงกว่าระดับซุน อย่างไรก็ตามหากเจ้าสามารถใช้การทักษะนี้ได้
ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดถ้าเจ้าเผชิญหน้ากับระดับซุนขั้นสูง
หลินเฟิงยิ้ม เมื่อได้ยินที่ชายชราบอกกับเขา ช่องว่างระหว่างความแต่งต่างของระดับซุนนั้นค่อนข้างมาก
แต่ถ้า หลินเฟิง สามารถควบคุมทักษะนี้ได้ เขายังสามารถโจมตีได้รุนแรงอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งอาจพอๆ
กับทักษะของระดับซุนขั้นสูง
ที่ด้านข้างของหอดวงดารา ผู้พิทักษ์เป่ย และ หลินเฟิง กำลังพูดและหัวเราะอย่างสนุกสนาน ยิ่งพวกเขา
คุยกันมากขึ้นเท่าไหร่ ความอัปลักษณ์และความโกรธบนหน้า เฉินเฉิน มากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่า
หลินเฟิง และ ผู้พิทักษ์เป่ย จะเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ หลินเฟิง ทำตัวสบายๆ
"เขาอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เป็นเวลานานมากกว่าเวลาของน้ำมันในตะเกียง" เฉินเฉินกล่าวขัดขวางพวกเขาใน
ระหว่างการสนทนา ซึ่งทำให้ ผู้พิทักษ์เป่ย ยิ้ม จากนั้นเขาก็หันหน้าไปและมองไปที่ เฉินเฉิน
"ข้ารู้อยู่แล้ว " ผู้พิทักษ์เป่ย สงบและไม่กังวลอะไร
"ตั้งแต่ที่ท่านรู้ว่าเขาฝ่าฝืนกฎของนิกายเขาไม่ควรถูกลงโทษอย่างรุนแรงงั้นรึ?" เฉินเฉิน ไม่ได้คาดคิดว่า
ผู้พิทักษ์เป่ย จะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาอย่างสบายใจ เขารู้สึกโกรธมากขึ้น
ผู้พิทักษ์เป่ย มองเฉินเฉินอย่างจริงจัง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า: "ข้ามาที่นี่เป็นเวลาหลายปี ไม่ว่าใครหน้าไหนเป็นศิษย์ภายในหรือแม้แต่ศิษย์หลักของนิกาย จะต้องผ่านข้าก่อนเข้าไปเมื่อพวกเขาต้องการเข้าหอดวงดาราเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? เจ้าหมายความว่าเจ้ากำลังพยายามที่จะสอนข้าด้วยประสบการณ์หลายปีของข้าว่าข้าควรทำงานแบบไหนเยี่ยงนั้นรึ? "
ผู้พิทักษ์เป่ย เป็นบุคคลพิเศษ ปรมาจารย์ของนิกายหยุนไห่,หนานกงหลิง ให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมากเมื่อเห็นผู้พิทักษ์เป่ย ในสายตาของเขาศิษสามัญก็แค่ตัวตนอันเล็กจ้อยไม่มีพลังอะไรเลย ถึงแม้จะเป็นศิษย์สามัญอันดับหนึ่งก็ตาม แต่ก็ตัวตนอันเล็กจ้อยไม่มีอำนาจมากพอ ไม่มีใครที่ไม่รู้คุณค่าของเวลาที่เสียไป แม้กระทั่งการต่อสู้เพื่อให้เป็นศิษย์ภายในจะได้รับการคัดเลือกเข้าเพียงเล็กน้อย พลังกระจ้อยร่อยนั้นไม่สำคัญเลยต่อหน้าผู้พิทักษย์คนนี้
หลินเฟิง เป็นข้อยกเว้น ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหลินเฟิงเขามีความประทับใจอย่างมาก ทันทีที่เขารู้สึกประทับใจหลินเฟิงนั้นสุภาพและชาญฉลาดปีถัดมา หลังจากนั้นเขาก็ได้พบว่าหลินเฟิงมีพรสวรรค์อย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ตีกลองทั้งแปดที่ผาจ้านกู้ ดังนั้นเขาจึงถือว่า หลินเฟิง นั้นน่าเคารพนับถืออย่างสูง
เจ้าคิดว่าไง เฉินเฉิน ? เขาจะให้คำตอบตัวเองกับชายชราอย่างไรดี? ผู้พิทักษ์เป่ย ให้ความนับถือเขา?
เมื่อเฉินเฉิน ได้ยินคำพูดของ ผู้พิทักษ์เป่ย ใบหน้าของเขาเริ่มดูเหมือนปีศาจ จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา : "งานของท่านคือปกป้องหอดวงดาราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ท่านไม่ควรใช้กฎของนิกายตามใจชอบนั่นเป็นความผิดร้ายแรงต่อนิกาย ท่านกล้าทำได้เยี่ยงไร "
"อ่า ... " หลินเฟิง เงียบด้วยถ้อยคำของ เฉินเฉินและรู้สึกตกใจ... ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็แค่คนโง่เขลา การบ่มเพาะพลังและพึ่งพาจิตวิญญาณของต้นเพื่อให้ได้ผลเล็กน้อย คนที่ไม่มีความรู้สักนิด ผู้ชายคนนั้นคิดว่าเขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรที่ไปข่มขู่ ผู้พิทักษ์เป่ย และกล่าวหาว่าเขาทำผิดร้ายแรง? ศิษย์สามัญอันดับหนึ่ง...คนนั้นกำลังเพ้อฝันอยู่รึไง เขาคิดว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์และมีชื่อเสียงเขาลืมตัวว่าเขามาจากไหน
ผู้พิทักษ์เป่ย มองเฉินเฉิน ด้วยท่าทางที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความไร้สาระที่ เฉินเฉิน คิด ชายชราเคยทำงานที่นั่นมาหลายปีแล้วและไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อน เขายังไม่เคยโกรธ ... แล้วในขณะนั้นศิษย์สามัญคนหนึ่งได้กล้ามาหาเขาและบอกว่าเขาทำผิดร้ายแรง
ผู้พิทักษ์เป่ย ส่ายหัว เขาเริ่มเปิดปาก แต่ดูราวกับว่าเขายังคงคิดถึงสิ่งที่จะพูด เมื่อการแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันและจากนั้นตะโกนว่า "ไปให้พ้น!"
หลังจากคำพูดนั้น พลังที่รุนแรงพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งและชนเข้ากับร่างกายของเฉินเฉิน ในขณะนั้นดวงตาของผู้พิทักษ์เป่ย เต็มไปด้วยประกายแสงแห่งเจตนาที่จะฆ่าอย่างรุนแรง ร่างกายของเขากำลังปลดปล่อยปราณที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เฉินเฉินเพิ่งรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากต่อร่างกายของเขาและได้ลงเอยด้วยการคุกเข่าลงบนพื้นดินด้วยอาการสั่นจากหัวจรดเท้า
เฉินเฉินไม่ได้เป็นคนเดียวที่สั่นไหวจากหัวจรดปลายเท้า ผู้คนในหอดวงดารา ตกใจด้วยเสียงตะโกนเสียงดัง บางคนก็มาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและเห็นร่างของผู้พิทักษ์ล้อมรอบด้วยปราณที่แข็งแกร่งและทรงพลัง พวกเขาทั้งหมดเงียบด้วยความหวาดกลัว เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นคือชายชราคนหนึ่งที่ดูเกียจคล้านกลับแข็งแรงกว่าหรือแข็งแกร่งกว่าพวกผู้อาวุโสในนิกายและดูคล้ายกับพลังอำนาจของพระเจ้าต่อหน้าบรรดาศิษย์ทั้งหลาย
ความแข็งแกร่งของชายชรานั้นเป็นพลังอำนาจที่รุนแรงที่สุดอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องถาม
เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณจากชั้นปราณ ผู้บ่มเพาะพลังได้รับความลึกลับและความลึกซึ้งของพลังอำนาจ เมื่อทำทลายผ่านชั้นซุน จากชั้นจิตวิญญาณ ได้มีการกล่าวกันว่าสามพลังของการบ่มเพาะพลังคือ ปราณ, จิตวิญญาณ และ ร่างกาย ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันซึ่งทำให้การบ่มเพาะพลัง สามารถสร้างพลังที่แท้จริงและบริสุทธิ์ได้
พลังปราณภายในร่างกายเป็นปราณที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงเปรียบดังสวรรค์และโลก เศษเสี้ยวของพลังที่บริสุทธิ์ของพลังปราณที่โคจรภายในร่างกาย เมื่อมันถูกใช้ในการโจมตีก็อาจทำลายภูเขาได้ทั้งลูก
ผู้พิทักษ์เป่ย ตะโกนอย่างจริงจังปลดปล่อยตัวพลังปราณอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง พลังที่ปะทะเข้ากับร่างของเฉินเฉิน นั้นไม่ได้รุนแรงมากเท่าไหร่นักเพราะว่า ผู้พิทักษ์เป่ย ได้ควบคุมพลังของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็เผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็นผู้เพาะปลูกที่แข็งแกร่งอย่างมากที่ได้ผ่านไปสู่ชั้นซุน
พลังปราณระดับซุนนั้น ; ซึ่งเป็นระดับการบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาสามารถกลายเป็นผู้อาวุโสในนิกายหยุนไห่ได้ง่ายๆ
"ข้าจะออกไปปล่อยข้าไป" เฉินเฉิน กล่าวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว แต่ก็ยังมอง หลินเฟิง ด้วยท่าทางชั่วร้ายและพูดเสริมว่า "เจ้าขยะ ... ดีแต่อาศัยพลังของคนอื่น ... ถ้าเจ้าเข้าร่วมการทดสอบศิษย์ภายใน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี"
เมื่อพูดถ้อยคำเหล่านั้นแล้ว เฉินเฉิน หันไปทางซ้ายและเงยหน้าขึ้น
หลินเฟิง ส่ายหัวระหว่างมอง เฉินเฉิน แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด แต่เขาก็หยิ่งเกินไปและคิดว่าเขาดีกว่าคนอื่น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย นอกจากที่เล็กจ้อยที่เขาอาศัยอยู่และคิดว่าเขาได้เห็นและรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เขาไม่เข้าใจว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ขนาดไหนและไม่รู้ว่ามีมังกรหลบซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ความแข็งแกร่งของ ผู้พิทักษย์เป่ย นั้นช่างมากมายมหาศาลยิ่งนักเขาจะไม่มองข้ามแม้แต่ผู้บ่มเพาะพลัง อย่างเฉินเฉิน ที่ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับหนึ่งของศิษย์สามัญ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นเพราะโปรดปราณหลินเฟิง?ถ้า เฉินเฉิน ฉลาดพออย่างน้อยที่สุดเขาก็จะสรุปได้ว่าเขาได้พบกับใครบางคนที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ เฉินเฉิน ที่พยายามแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นของตัวเองที่เหนือกว่าหลินเฟิง ด้วยสิ่งที่แขงแสดงออกมานั้นได้ทำให้ตัวเองขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
"มันก็เป็นเวลานานมาแล้วที่ข้าได้ทำแบบนี้ ข้านั้นคงแก่เกินไปสำหรับเรื่องเช่นนี้ "ผู้พิทักษ์เป่ย คิด จากนั้นเขาก็กล่าวว่า : "ซุ่วเย่ เมื่อข้าออกจากที่นี่เจ้าต้องรับหน้าที่ดูแลหอดวงดารา"
หลังจากพูดจบร่างของเขาเริ่มสั่นไหวและปีกนกได้ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาบินสูงขึ้นไปในอากาศและหายตัวไป
ผู้คนต่างตกใจ พวกเขาได้เห็นผู้พิทักษ์เป่ย จู่ๆก็หายตัวไปบนท้องฟ้า เป็นอะไรที่น่าหวาดกลัว เขาสามารถบินได้ ชราผู้นี้ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมา?
ชายชราคนนั้นสามารถเดินทางได้มากกว่ายี่สิบลี้ชั่วพริบตา จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ฝูงชนมี
ความรู้สึกว่าพวกเขากำลังอยู่ในความฝัน ชายชราที่ดูเกียจคร้านที่เฝ้าหอดวงดาราได้แสดงพลังที่แท้จริง
ของเขา ในขณะนั้นผู้คนต่างเกลียดตัวเองที่ไม่ได้สังเกตเห็นและไม่เคยขอคำชี้แนะจากชายชราผู้นั้น พวกเขาได้ละเลยชายชราแก่ๆพวกเขามีตาแต่หามีแววไม่
หลินเฟิง ก็มึนงงเช่นกัน หัวใจของเขาสั่นไหวด้วยความประหลาดใจ ผู้พิทักษ์เป่ย แข็งแกร่งกว่าเขานับ
ล้านเท่า คิดว่าผู้พิทักษ์เป่ยแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ที่พบกันเสียอีก
ชายวัยกลางคนเข้าสู่หอดวงดารา นั่นคือคนหนึ่งที่ ผู้พิทักษ์เป่ยได้เรียกก่อนออกเดินทาง : ซุ่วเย่
ในขณะนั้นบนภูเขาที่สูงที่สุดของนิกายหยุนไห่ ในห้องของวิหารขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพลังปราณอยู่หนาแน่น
หลายคนได้รวมตัวกันในห้องนั้นและดูเหมือนว่ามีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับบางสิ่ง
เฟ่ยเฟ่ย ข้าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน เจ้าควรเลิกกังวลได้แล้ว "ประมุขของนิกายหยุนไห่ กงหลิง กล่าวขณะที่ยิ้ม เขากำลังพูดกับหลิวเฟย ที่กำลังนั่งอยู่ถัดจากเขา
ด้านหลังของ หลิวเฟย เป็นกลุ่มคนสวมชุดแบบเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดสวมเกราะขุนนางสีแดง พวกนั้นเป็นคนที่ หลินเฟิง ได้เห็นที่เชิงเขา พวกนั้นเป็นทหารที่ขี่ม้าฉีชู่วหุ้มเกราะ
เมื่อเธอได้ยินคำตอบของ หนานกงหลิง คิ้วที่สวยงามของ หลิวเฟย ก็ขมวดเล็กน้อย หนานกงหลิง ไม่ได้ตอบอย่างสบายใจนัก ความเป็นจริงมันอาจจะเห็นได้ว่าเขาไม่พอใจเล็กน้อย แต่หลิวเฟยสามารถเข้าใจเขาได้ การปล่อยให้ศิษย์จำนวนหนึ่งที่ดีที่สุดในนิกาย หยุนไห่ ออกไปกับเธอคือการตัดสินใจที่ยากลำบาก
ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ แต่ละคนจะมีลูกที่เป็นตัวแทนของอนาคตอันยิ่งใหญ่ของนิกายนี้ หนานกงหลิง จะละเลยพวกเขาง่ายๆได้เยี่ยงไร
"ท่านลุงหนานกงหลิง ท่านรู้ว่าท่านพ่อของข้าไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นโชคชะตาและเป็นประโยชน์สำหรับประเทศซุ่วเย่ แน่นอนเขาจะปล่อยให้พวกนั้นกลับมายังนิกายหยุนไห่ เขาจะปฏิบัติต่อศิษย์เหล่านั้นอย่างดี
เมื่อตอนนั้น พวกเขาจะได้รับสถานะชั้นสูงและจะกลายเป็นเสาหลักของนิกาย "
หลิวเฟย ยังอธิบายให้ฟังต่อ
พ่อของเจ้ากับข้าฝึกฝนการบ่มเพาะพลังด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน... เรารักกันดั่งพี่น้อง ถ้าเขาอยู่นิกายหยุนไห่เขาอาจกลายเป็นประมุขของนิกาย ข้าจะทำอย่างไรได้ หนานกงหลิน ไม่ทราบว่าเขาเป็นตนแบบไหน? สิ่งที่เป็น
อยู่ตอนนี้ ผู้นำนิกายหยุนไห่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำ ข้าจำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรดีและไม่ดีสำหรับนิกายมาก่อนเป็นอันดับแรก ข้าไม่สามารถเห็นแก่ตัวแล้วทำอะไรตามใจชอบได้ "
หนานกงหลิง ไม่ได้ทำสิ่งที่ซับซ้อน ในตอนนี้เขาจำได้ทุกสิ่งที่เขาและ หลิวชางหลาน เคยทำด้วยกันโดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกเขา พวกเขานั้นเป็นสองอัจฉริยะแห่งนิกายหยุนไห่ แต่วันนี้เป็นประมุขนิกายเขาไม่สามารถทำหน้าที่โดยขาดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >> http://cpmlink.net/KuQOAA
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังให้แก่ผู้แปลด้วยนะครับ
คลิก >> http://cpmlink.net/KuQOAA
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น