ตอนที่ 55 ทักษะดาบสวรรค์
"ลืมมันไปดีกว่า" หลินเฟิง ไม่อยากคิดมากจนเกินไป ดูเหมือนว่าสถานะของเธอสูงส่งกว่าพวก
ทหารมากกว่าที่คิด ตอนนี้พวกเขามีอำนาจเหนือกว่าหลินเฟิง
"ความแข็งแกร่งของข้านั้นยังไม่เพียงพอและข้ายังไม่มีกองกำลังที่สนับสนุนตัวตนของข้า" หลินเฟิง
คิด ขณะมองที่กองกำลังกลุ่มนั้นจากข้างหลัง หลินเฟิงตัดสินใจที่จะทำให้ดีที่สุดเมื่อเขากลับไปที่
นิกายหยุนไห่ และเข้าร่วมเป็นศิษภายใน
หลินเฟิงขี่ม้ามุ่งตรงไปที่ภูเขา ยามสองคนยืนอยู่ที่นั่นศีรษะของพวกเขาก้มลงไปที่พื้นและพวกเขา
ไม่ได้มองเขาขณะที่หลินเฟิงเดินผ่าน ยามทั้งสองคนตั้วแต่พบกับเขาครั้งแรก ตอนนี้พวกเขาได้เรียน
รู้บทเรียนแล้วและเจียมเนื้อเจียมตัว
ก่อนหน้านี้บรรยากาศของนิกายหยุนไห่นั้น เต็มไปด้วยความรู้สึกของพลังที่ยืมมาจากสวรรค์และโลก
เป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ หลินเฟิง เป็นอย่างมากเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ทุกปีมีการสอบเพื่อเป็นศิษย์ภายใน ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดสามารถเข้าร่วมและอาจจะได้เข้าเป็น
กลุ่มศิษย์ภายในซึ่งหมายความว่า พวกเขาอาจจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายหยุนไห่อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าศิษย์ภายในสามารถนั่งสอบได้โดยตรงและถ้าพวกเขาผ่าน พวกเขาสามารถ
เข้าร่วมเป็นศิษย์หลักของนิกายหยุนไห่ ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นรากฐานของอำนาจภายในนิกาย
นิกายหยุนไห่ มีอิทธิพลที่น่ากลัวในประเทศชู่วเย่ แม้ว่าพวกเขาไม่ใช่นิกายที่แข็งแกร่ง แต่จะจัดการพวก
เขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหล่าศิษย์ที่นับถือนั้นถือเป็นความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของนิกาย แม้แต่ในเมือง
ที่อยู่นอกอาณาเขตของพวกเขาศิษหลักของนิกายหยุนไห่ จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและทุกที่
ที่พวกเขาไป พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากนิกายนั้นเอง
นอกจากนี้กรณีภายในตระกูล ตัวอย่างเช่นในตระกูลหลินท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ หรือหลินต้าเถาได้รับ
การพิจารณาให้เป็นศิษหลักของนิกายด้วยความนับถือ ในตระกูลหลินพวกเขาต้องการให้หลินต้าเถา
เป็นหัวหน้าตระกูลเพราะพวกเขาหวังว่า หลินเซียน อาจจะกลายเป็นแกนหลักของนิกายเฮ่าเย่ สิ่งนี้จะทำ
ให้พวกเขาได้รับเกียรติอย่างสูงและเพิ่มพูนสถานะของตนขึ้นภายในแคว้น ถ้า หลินเซียน ก้าวหน้ามากขึ้น
เธออาจจะกลายเป็น ผู้อาวุโสในนิกายเฮ่าเย่ ซึ่งจะทำให้ตระกูลหลินมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
แต่น่าเสียดายที่หลินเฟิงซึ่งทุกคนมั่นใจได้ว่าจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นในอนาคต ไม่ได้เป็นสมาชิกของ
ตระกูลหลินอีกต่อไปและยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อมาถึงนิกายหยุนไห่ หลินเฟิง ได้ตัดสินใจล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเมื่อเดินทางมา สิบ วัน จากนั้น
เขาก็ได้สวมชุดที่สะอาดของนิกายหยุนไห่ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะมุ่งหน้าไปยัง หอดวงดารา
ตอนนี้เขาตัดผ่านชั้นจิตวิญญาณแล้ว เขาต้องการเทคนิคความคล่องตัวที่สูงขึ้นและทักษะการต่อสู้ในระดับ
ที่สูงขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะได้ปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ในการต่อสู้
"ผู้พิทักษ์เป่ย" หลินเฟิง เห็นชายชราคนหนึ่งที่แสดงความเคารพเหมือนตอนที่เขาเคยเจอที่ทางเข้าของ
หอดวงดารา ดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์เป่ยกำลังจ้องมองไปที่ขอบฟ้า
แต่ หลินเฟิง นั้นรู้สึกดีใจที่รู้ว่าชายชราคนนั้นเป็นผู้พิทักษ์ของนิกาย และเมื่อมีเหตุจำเป็นเขาเป็นผู้ที่มี
พลังอำนาจและมีความแข็งแกร่งทีสุด หลินเฟิงรู้ว่าชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าหอดวงดาราอาจดูเกียจค้าน
แต่นั่นเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของบุคลิกของเขา อย่างไรก็ตามถ้าหลินเฟิงไม่ได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง
เขาแทบจะไม่เชื่อว่าชายชรานั้นจะมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ท่าทางของผู้พิทักษ์เป่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าและมองไปที่ หลินเฟิง พร้อมกับตาเป็นประกาย
จากนั้นเขาก็ยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่จะเห็นกันได้ง่ายๆ "โอ้ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว"
"ใช่ขอรับ ข้ามาหาทักษะใหม่ที่มีความคล่องตัวกว่าเดิมเพื่อฝึกฝน "หลินเฟิง กล่าวขณะยิ้มและพยักหน้า
ไปที่ชั้น หนึ่ง ใช้เวลาตามที่เจ้าต้องการ "ผู้พิทักษ์เป่ย ตอบ
"ขอบคุณขอรับ,ผู้พิทักษ์เป่ย, ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านและขอโทษที่ทำให้ท่านรำคาญ"
เป้าหมายของ หลินเฟิง คือการไปที่ชั้นแรกและได้รับทักษะขั้นสูง ตามกฎของ นิกายหยุนไห่ เฉพาะผู้ที่มาถึง
ชั้น จิตวิญญาณ หรือผู้ที่เป็น ศิษย์ภายใน ก็สามารถไปที่ชั้นแรกได้ เหล่าสาวกที่ถึงชั้น จิตวิญญาณ แต่ยัง
ไม่เข้าร่วมเป็นศิษย์ภายใน จะมีเวลาจำกัดในการเลือกทักษะ พวกเขาไม่สามารถใช้เวลาของพวกเขาได้ตาม
ต้องการ และยังไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าชั้นที่สองถ้าไม่ได้เป็นศิษย์ภายใน มีตะเกียงน้ำมันที่จุดสว่างเมื่อเข้ามา
ในห้องและเมื่อตะเกียงน้ำมันดับลงพวกเขาจะต้องจากไป ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาต้องหาทักษะความ
คล่องตัวที่เหมาะสมกับตัวเองและทักษะศิลปะการต่อสู้สำหรับตัวเอง
เวลาที่หลอดตะเกียงน้ำมันเหล่านี้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะหาเทคนิคที่เหมาะสมกับความคล่องตัวและทักษะการ
ต่อสู้ มีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้และความคล่องตัวอยู่มากมายในหอดวงดารา มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาสิ่ง
ที่เหมาะสำหรับตัวเองในเวลาที่จำกัด เนื่องจากมีความกว้างขวางมาก แต่กฎเป็นกฎ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนกฎ
ของนิกาย สาวกนิกายหยุนไห่ ต้องการเป็นศิษย์ภายในเพื่อให้สามารถเข้าถึงทักษะและเทคนิคความคล่องตัว
ได้อย่างเต็มที่ ด้านบนชั้นแรกและชั้นสองของหอดวงดารา ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถปรับเปลี่ยนความ
สามารถและหาเทคนิคที่ดีที่สุดสำหรับรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง
"ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรือขอโทษสำหรับการรบกวน อย่าเพิ่งไปที่ชั้นสอง เจ้าสามารถอยู่ได้นานเท่าที่เจ้า
ต้องการที่ชั้นใต้ดินและชั้นแรก "ชายชราคนนั้นพูดอย่างเฉยเมย
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาสับสนเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็มีรอยยิ้มอันกว้างบนใบหน้า หลินเฟิงแน่
นอนว่าโชคดีมากที่ได้ผู้พิทักษ์คอยสังเกตุการณ์เขา
"ขอบคุณเป็นอย่างสูง ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับท่านผู้พิทักษ์."
หลินเฟิงกลายเป็นคนคุ้นเคยไปเสียแล้ว ในขณะนั้นหลังจากคุยกับชายชรา จากนั้นเขาเดินเข้าไปในหอดวงดารา
และทันทีที่เดินเข้าไปขึ้นบันไดขึ้นสู่ชั้นหนึ่ง
เพื่อนตัวน้อย ข้าเพียงแค่กังวลว่าระดับการบ่มเพาะพลังในปัจจุบันของเจ้าจะไม่ตรงกับทักษะและเทคนิคเหล่านั้นบน
ชั้นถัดไป มิฉะนั้นข้าจะบอกให้เจ้าไปที่ชั้นสาม "ผู้พิทักษ์เป้ย คิดขณะมองไปที่ เงาของหลินเฟิง แล้วส่ายหัวและยิ้ม
จากนั้นเขาก็กระซิบเบาๆว่า "ผาจ้านกู้เอย... กลองทั้งแปดเอย... เจ้าได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่ไปแล้ว
เจ้าจะสามารถเข้าสู่หอดวงดารา ได้ทุกเมื่อตามใจชอบ "
ผู้พิทักษ์เป่ย ให้ความสำคัญกับ หลินเฟิง แต่สาวกคนอื่น ๆ ของนิกายหยุนไห่ ไม่ได้คิดอย่างนั้น เมื่อพวกเขาได้เห็น
หลินเฟิงสวมชุดของเหล่าศิษย์สามัญและทันทีที่ขึ้นไปถึงชั้นแรกของหอดวงดารา หลายคนถึงกับมึนงง
"คนนั้นเป็นใคร? เขาเดินผ่านชั้นล่างของหอดวงดาราได้เยี่ยงไร? "
"ข้าก็ไม่รู้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นศิษย์ธรรมดาคนนึง ... และเขาไม่ใช่หนึ่งในศิษย์ที่ข้ารู้จักที่ตัดผ่านสู่ระดับจิตวิญญาณ"
มีหลายคนอิจฉาและริษยา เทคนิคความคล่องตัวระดับสูงไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บ่มเพาะพลังสามารถเพิ่มความเร็วและการ
บ่มเพาะพลังได้อย่างดี แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ช่วยให้พวกเขาใช้การเคลื่อนไหวที่มีความซับซ้อนใน
ระดับที่สูงกว่า ในการต่อสู้จะทำให้มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในเรื่องความเร็วเหนือคู่แข่ง ใครละจะไม่ต้องการมัน?
ทักษะความว่องไวและทักษะการต่อสู้ทั้งหมด แบ่งออกเป็นระดับต่างๆเช่น ระดับนภา ระดับปฐพี ระดับซุน ระดับสีเหลือง
... ทักษะและเทคนิคความคล่องตัวเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วทั้งสี่ชั้นในหองดวงดารา ที่ชั้นใต้ดินของหอดวงดาราคือทักษะ
ระดับสีเหลืองและเทคนิคความว่องไวอยู่บนชั้นที่หนึ่งเป็นทักษะและความคล่องตัวของเทคนิคระดับซุน และมีพลังทำลาย
ล้างสูงสุด
ชั้นแรกของหอดวงดารา เงียบมาก มีคนน้อยมากที่ชั้นหนึ่ง พวกเขากำลังมองหาทักษะและเทคนิคที่น่าตื่นตาตื่นใจ
สำหรับตัวเองอย่างเงียบ ๆ
ในขณะนั้นหลายคนเห็น หลินเฟิงขึ้นไปชั้นบนและจ้องหลินเฟิงด้วยความรังเกียจ
"มีทักษะการต่อสู้ค่อนข้างน้อยและเทคนิคความคล่องตัวมากกว่าที่ชั้นล่าง" หลินเฟิง คิดขณะกำลังมองหาทักษะทั้ง
หมดที่อยู่บนชั้นแรก ไม่ว่าเล่มไหนทักษะและเทคนิคความว่องไวมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นการยาก
ที่จะหาที่ถูกใจซักเล่ม ดังนั้นจึงมีทักษะการต่อสู้บนชั้นแรกน้อยกว่าชั้นล่าง
"ลองหาเทคนิคความว่องไวก่อนแล้วกัน" หลินเฟิง คิดขณะมองหนังสือทั้งหมดแล้วเริ่มอ่านและวิเคราะห์ทักษะทันที
ทักษะพิศุทธ์ ระดับซุน ดูดซับพลังแห่งสวรรค์และโลกเพื่อทำให้ร่างกายสะอาด ควบคุมการทำงานของร่างกายและ
ควบคุมร่างกายได้ดีขึ้น ฝึกให้จนระดับสูงสุดร่างกายจะเร็วขึ้นแข็งแกร่งและควบคุมได้อย่างง่ายดาย .”
"โปรดทราบว่าทักษะนี้เหมาะสำหรับจิตวิญญาณบางประเภท ไม่สามารถฝึกได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากกล้ามเนื้อและ
หลอดเลือดต้องเริ่มใช้การเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายก่อน การฝึกฝนอย่างรวดเร็วจะมีผลตรงข้ามและร่างกาย
จะไร้กำลังและอาจได้รับความเสียหายได้. "
นั่นคือหนึ่งในเทคนิค มีบันทึกย่อเล็ก ๆ ที่เขียนขึ้นในหนังสือเล่มนี้ทำให้คนรุ่นต่อไปเข้าใจในรายละเอียดมากขึ้น
"ข้าคิดว่าข้าจะเอาอันนี้แหละ ... " หลินเฟิง พูดด้วยเสียงต่ำ ราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นคำเตือนที่เขียนด้วยมือใน
หนังสือ หลินเฟิง ได้เลือกเทคนิคนี้ทันที
หลินเฟิงไม่ได้ดูเทคนิคอื่น ๆ เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับทักษะความว่องไวพิศุทธ์ มันอาจดูไร้ประโยชน์ แต่ หลินเฟิง คิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก
"ลองหาทักษะการต่อสู้บ้างแล้วกันตอนนี้" หลินเฟิง คิดขณะที่เดินไปที่ชั้นวางทักษะ
"ป่าแห่งความตาย"
"คัมภีร์โลกันต์"
"น้ำแข็งมรณะ"
หลินเฟิง กำลังมองทักษะทั้งหมดเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่ถูกใจเขา
"แปดฝ่ามือทลายสวรรค์ ระดับซุน แปดฝ่ามือทะลายสวรรค์มีประสิทธิภาพมากซึ่งครอบคลุมท้องฟ้าและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี
ทักษะนี้ทำให้ หลินเฟิง สนใจ
"ข้าจะเอาเล่มนี้ไปด้วย" หลินเฟิงหยิบหนังสือเล่มนั้น แต่ไม่ได้ออกไป เขาต้องการทักษะการต่อสู้อื่นๆอีก
แล้วมันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ฝึกทักษะใหม่ๆ ดังนั้นเขาต้องการเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิง พบว่ามีทักษะดาบซึ่งมีพลังอำนาจและมีระดับซุน แต่ต้องใช้จิตวิญญาณของ
ดาบเพื่อทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ นอกจากนี้ยังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังอำนาจของดาบด้วย ถ้า
มีคนไม่เข้าใจโลกและพลังอำนาจของธาตุที่อยู่ภายใน ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจทักษะนี้ เรียกว่าดาบแห่ง
แห่งสวรรค์
ศิษย์หลายคนหลีกเลี่ยงทักษะนี้ เงื่อนไขที่จะเรียนรู้มันโหดเกินไป พวกเขาจะไม่เพียงต้องเข้าใจอำนาจ
ของดาบ แต่โลกรอบตัวพวกเขาและพลังอำนาจของธาตุอื่น พวกเขาต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
"โชคดีที่ข้าได้พบอีกเล่ม" หลินเฟิง รู้สึกตื่นเต้น ดูเหมือนดาบสวรรค์ ได้มีไว้เฉพาะเขา ต้องการทำความ
เข้าใจเกี่ยวกับอำนาจของดาบและต้องการความเข้าใจอันสมบูรณ์ของโลกและพลังอำนาจที่มีอยู่ภายใน
เขาทำความเข้าใจได้สมบูรณ์แบบทั้งของโลกและพลังภายในโดยการใช้จิตวิญญาณตัวเอง มันเป็นทักษะ
ที่สมบูรณ์แบบมากสำหรับเขา
ทักษะนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อข้า!!
ความต้องการของการมีวิญญาณแห่งดาบเพื่อที่จะเรียนรู้ทักษะนั้นมันช่างเป็นเรื่องตลก ใครบางคนที่มีจิต
วิญญาณแห่งดาบนั้นอาจจะมีความรู้เกี่ยวกับดาบมากกว่าหลินเฟิงหรือไม่?
*** ค่อนข้างจะงงกับศัพครับ อาจจะทับศัพไปบ้างไม่ว่ากันนะครับ ****
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อ่านจบแล้วรบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังใจให้แอดด้วยนะครับ
ตามนี้ครับ >> http://cpmlink.net/_-IOAA
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
น่าหลานเฟิงหายไปไหน
ตอบลบ