ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 54


ตอนที่ 54 กองทหารม้าฉีซูว







ควบคุมได้สมบูรณ์แบบ หลินเฟิงสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทั้งหมด

หลินเฟิงใช้จิตวิญญาณสวรรค์และช่วงเวลานั้นเขาก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัด
เจนราวกับกำลังมองลงไปในโลกที่ถูกแช่แข็งอยู่ตลอดเวลา

ช่วงเวลาที่เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณสวรรค์ สมองของเขาเริ่มสั่งการด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
และสามารถแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขาถูกประมวลผลได้
ทันทีโดยสมองของเขาและไม่มีอะไรที่หลบหนีจากสายตาของเขาได้

ทุกๆทุกคำพูดที่หลินเฟิงเคยกล่าวไว้ยังคงตราตรึงใจเหล่าฝูงชนและดึงดูดความสนใจพวกเขา
น่าหลานเซียง และ หลินต้าเถา ต่างโกรธกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ในขณะที่หลินเฟิงได้ขู่ว่าจะฆ่า
หลินเซียน แต่เขาไม่ได้ฆ่าเธอและจับน่าหลานเฟิงเป็นตัวประกันแทน

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ แม้ว่าสมองของ หลินเฟิง จะทำงานได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่เขายังคงสงบนิ่งและมั่นคง

หลินเฟิง ถอนหายใจ จิตวิญญาณสวรรค์ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์เหมือนกับ
ว่าเขาได้เปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ จิตวิญญาณของเขาเพิ่มพูนทักษะและความสามารถ
ทั้งหมดของเขา นอกจากนี้ยังเป็นเพียงขั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีขั้นที่สอง
ซึ่งสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา จิตวิญญาณคัมภีร์ของเขา

"ปล่อยเธอไปเถอะ" น่าหลานเซียง กล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

"ปล่อยนางไป? จะเป็นอย่างงั้นได้ไง?  "หลินเฟิงยิ้มอย่างชั่วร้ายในใจ เหมือนก่อนหน้านี้ใบหน้า
ของเขาไร้ความรู้สึกซึ่งทำให้เขาดูเป็นคนที่ไร้ความปราณี

"ข้ารับประกันได้ว่าถ้าใครพยายามที่จะเข้ามาใกล้ข้าหรือพยายามจะโจมตี ข้าขอสาบานกับ
พวกเจ้าทุกคนว่า คนแรกที่จะตายจะไม่ใช่ข้า"

หลินเฟิงได้กล่าวด้วยถ้อยคำที่ไร้ความปราณี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ในการแสดง
ออกของเขาแสดงให้เห็นว่าไม่มีความหวาดกลัว คำพูดของเขานั้นเหมือนกับตบหน้า
น่าหลานเซียง อย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

"เดินไป" ดาบอ่อนของ หลินเฟิง เคลื่อนไหวเล็กน้อย ในชั่วพริบตามีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่คอ
ของน่าหลานเฟิง ถึงแม้ดาบอ่อนจะกดลงที่ลำคอเล็กน้อย น่าหลานเฟิงรู้สึกหวาดกลัวเมื่อรู้สึก
ถึงความเจ็บปวดที่มากขึ้น สายตาสีดำของ หลินเฟิง ทำให้เธอตกใจมาก เธอไม่เชื่อว่าหลินเฟิง
จะปล่อยเธอไปได้อย่างง่ายดายเมื่อพวกเขาหนีไปแล้ว ดวงตาของเขาดูไร้ความปราณีและโหดเหี้ยม
ไม่มีสายตาของความมนุษย์ แต่เป็นของปีศาจแทน เธออาจตายจริงๆด้วยน้ำมือของเขา

น่าหลานเฟิง ทำตามที่ หลินเฟิง สั่งและเริ่มเดินไปยังทางออก

"จำคำพูเข้าไว้ให้ดี" หลินเฟิง กล่าวขณะมองไปที่ หลินต้าเถา ที่อยู่ใกล้กับเขามากในขณะนี้ หลินเฟิง
กดดาบของเขาลงไปที่คอของน่าหลานเฟิงอีกครั้งและมีรอยเลือดปรากฏขึ้นอีกจุดหนึ่ง

"ถอยกลับไป" น่าหลานเซียง ตะโกนไปที่ หลินต้าเถา ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เขาเห็นว่า หลินต้าเถา
ยังคงวางแผนที่จะโจมตีหลินเฟิง

เสียงของน่าหลานเซียง ทำให้หลินต้าเถา ตัวสั่น เขาเกลียดชังน่าหลานเซียง เพราะขวางทางแผนการ
ของเขา ไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะล่อลวงและนำน่าหลานเฟิงมาเป็นตัวประกัน ไม่มีใครกล้าที่จะเผชิญหน้า
กับ หลินเฟิง เพราะกลัวว่าจะทำให้น่าหลานเซียง โกรธเพราะมีลูกสาวของเขาเป็นตัวประกันอยู่

"หลินเฟิง ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าจะปล่อยลูกสาวขอข้าไปใช่มั้ย?" น่าหลานเซียงถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

"ท่านต้องการให้ฉันข้านางที่นี่ตอนนี้เลยมั้ยละ?" ดวงตาสีดำของ หลินเฟิง จ้องมองไปที่น่าหลานเซียง เผย
ให้เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ น่าหลานเซียง รู้สึกลำบากใจในการเผชิญหน้ากับ หลินเฟิง เขาไม่กล้าทำอะไร
เลยเพราะในดวงตาของหลินเฟิงนั้นดำมืดทำให้เขาดูเหมือนปีศาจที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง เขากลัวว่าหลินเฟิง
จะโกรธและฆ่าน่าหลานเฟิง

พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันนานนัก หลินเฟิงและน่าหลานเฟิง ค่อยๆหายไปลับสายตา แม้ว่า น่าหลานเซียง ไม่
สามารถทำอะไรได้ แต่เขายังอธิษฐานในใจว่า ขอให้ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับ น่าหลานเฟิง

ในที่สุดฝูงชนก็เห็นเงาของ หลินเฟิงหายลับสายตา ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ที่เห็นเขาออกไป พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นความฝันที่แสนวุ่นวาย ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา หลินเฟิง
ได้ทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ไว้มากมาย ทุกคนมีความตื่นเต้นมากมายยิ่งนักในวันนี้

"หลินเฟิง"

"หลินเฟิง"

"หลินเฟิง"

ทุกมุมในเมืองมีเพียงชื่อๆเดียวที่ได้ยินตอนนี้ ตระกูลนาลาน ตระกูลกู้ ทั้ง ชู่วหยุนห่าว และ ชู่วหลาน ทุกคน
มีเพียงชื่อเดียวอยู่ในใจตอนนี้นั้นคือ : "หลินเฟิง"

สมาชิกตระกูลหลินทุกคนลึกๆแล้วดูเหมือนจะเสียใจ บนใบหน้าของพวกเขานั้น หลินเฟิง เป็นอัจฉริยะที่เคยเป็นสมาชิกตระกูลหลิน แต่เมื่อเขาได้เปิดเผยพลังของตัวเองและกลายเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลิน ความจริงแล้วพวกเขาเป็นศัตรูกันและได้ดูถูกเหยียดหยาม หลินเฟิง อย่างรุนแรง ชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ซึ่งเคยเป็นสมาชิกของตระกูลหลินได้ถูกไล่ออกจากตระกูลด้วยความอ่อนแอ ทำไมพวกเขาช่างโง่เยี่ยงนี้?

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากการต่อสู้ในวันนั้น หลินเฟิง ได้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเมืองหยางโจว

เป็นไปอย่างรวดเร็วคนในเมืองหยางโจวทุกคนได้ยินชื่อหลินเฟิง ขยะของตระกูลหลินได้กลายเป็นอัจฉริยะที่ได้รับพรสวรรค์จากฟ้าดิน แต่ว่า หลินเฟิง กลับถูกทอดทิ้งโดยพวกโง่เขลาจากตระกูลหลิน

เห็นได้ชัดว่า หลินเฟิง ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือออกจากเมืองหยางโจว เขาไม่รู้ว่าจะกลับมาเมืองหยางโจวอีกเมื่อไร เขารู้ดีว่าเมื่อเขากลับไปที่นั่นผู้คนจะเคารพและยอมรับในพลังของ หลินเฟิง ไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่นหรือดูถูกเขาอีกต่อไป เขาคงไม่ต้องพึ่งพาตัวประกันดั่งเช่นในครั้งนี้อีกต่อไป ครั้งหน้าเขาจะมาและไปอย่างอิสระตามแต่เขาจะพอใจ

สิบวันต่อมา หลินเฟิง มาถึงนิกายหยุนไฮ่ ด้วยม้า เขาจ้องไปยังภูเขาที่เป็นที่ตั้งของหน้าผานรก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะนึกถึงความทรงจำดีๆที่เกิดที่นี้

เส้นทางการบ่มเพาะพลังก็เป็นเหมือนดั่งภูเขาที่เราต้องตะเกียดตะกายปีนขึ้นไปแล้ววันหนึ่งเราสามารถมองลงไปยังสิ่งปลูกสร้างได้จากจุดสูงสุดของโลก

ถึงแม้ หลินเฟิง จะแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นในเมืองหยางโจว เขาก็ไม่ได้มีความหยิ่งแม้แต่น้อย เขารู้ตัวเองดีว่าเขาบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่โลกนี้ช่างกว้างใหญ่และเส้นทางนั้นยังอีกยาวไกลนัก

เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทวีปเมฆาอันกว้างใหญ่ทั้งเก้านั้นมีคนที่ทรงพลังมากมายแค่ไหน ไม่มีเหตุผลที่จะหยิ่งแม้แต่น้อยเมื่อเขารู้อย่างแท้จริงว่ามีอัจฉริยะอยู่หลายคนในทวีป เช่นผู้ชายที่มาพร้อมกับหลินเซียน ที่มีจิตวิญญาณแห่งตำนานเขาอายุน้อยและแข็งแกร่งกว่าหลินเฟิง เขามีอำนาจพอที่จะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของนิกายหยุนไฮ่ เขากล้ามาที่นิกายหยุนไห่และต้องการความเคารพนับถือ

"เมื่อข้ากลับไปที่หอดวงดารา อย่างแรกเลยข้าจะเลือกทักษะการบ่มเพาะพลังใหม่ ที่มีความยากมากขึ้นและเข้าร่วมการทดสอบเพื่อเป็นศิษย์ภายใน การเป็นศิษย์ภายในจะช่วยให้ข้าเป็นศิษย์ของหยุนไฮ่อย่างแท้จริง และข้าจะสามารถมีส่วนร่วมในกิจการภายในของนิกายได้ ในตอนนี้ข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลยในฐานะที่เป็นศิษย์สามัญธรรมดา "

หลินเฟิงกำลังคิดถึงสิ่งที่เขากำลังจะทำและมันก็ชัดเจนว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป

ในขณะนั้นเขาได้ยินเสียงดังสนั่นของเกือกม้าดังมาจากระยะไกล พื้นดินสั่นสะเทือน

หลินเฟิง รู้สึกประหลาดใจ เขาหันไปรอบ ๆ และเห็นหมอกลอยขึ้นไปในอากาศ ม้าหุ้มเกราะกำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง

ฉีซูว !! หลินเฟิง มึนงง ม้าหุ้มเกราะเป็นสีเลือด ทุกคนรู้ว่าม้าเหล่านี้เป็นม้าที่มีค่ามาก เร็วกว่า เซียนลี่ซูว ถึงสามเท่าและมีราคาแพงเป็นอย่างมาก

ได้มีการกล่าวกันว่า ฉีซูว ต้องใช้เหรียญทองถึงพันเหรียญ มีรายงานว่ากองกำลังพิเศษบางแห่งที่มีม้า ฉีซูว กองกำลังเหล่านี้น่าจะเป็นทหารที่แข็งแกร่ง

แต่เหล่าทหารเหล่านี้กำลังทำอะไรในดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายหยุนไห่

ม้าหุ้มเกราะอันล้ำค่าใกล้เข้ามาอย่างเต็มกำลัง คนที่ขี่ม้าทุกคนเป็นทหารถูกฝึกมาอย่างดี พวกเขาทุกคนดุร้ายและดูอันตราย

"คนเหล่านี้สามารถไปได้ทุกที่ที่พวกเขาต้องการตามใจตนเอง พวกเขาไม่ได้ทำเหมือนเจ้าเมืองและเหล่าอัจฉริยะของของเมืองหยาวโจว "หลินเฟิง คิดขณะที่ตัวสั่นอยู่เล็กน้อย คนเหล่านี้แข็งแกร่งมากนัก ทหารที่ร้ายกาจ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ในขอบเขตที่คนที่อ่อนแอที่สุดของกลุ่มจะมีอย่างน้อยก็ปราณขั้นที่ 9 แต่ส่วนใหญ่จะตัดผ่านเป็นชั้นจิตวิญญาณนานแล้ว

พวกเขาเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ... กลิ่นเลือดลอยไปในอากาศห่างออกไปหลายลี้

มีประมาณสามสิบคนและเมื่อพวกเขาเข้าใกล้ หลินเฟิง พวกเขาก็ชะลอตัวลง พวกเขาเงยศีรษะขึ้นและมองไปที่ภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ นิกายหยุนไห่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา

หลินเฟิง มีความรู้สึกแปลก ๆ และการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เขาสามารถมองเห็นคนที่ดูคุ้นเคยเมื่อสายตาของเขาเพ่งไปที่กลุ่มคน เขารู้จักคนคนนั้น

"เป็นเธอเองรึ!"

หนึ่งในคนเหล่านี้ที่ขี่ ฉีซูว มีหญิงสาวสวมเกราะสีแดง เธอช่างสง่างามและกล้าหาญ นอกจากนี้เธอยังสวยอีกด้วยหลินเฟิง ไม่มีทางลืมใบหน้านั้นของเธอ

"แย่ละ" หลินเฟิงคิดขณะระมัดระวังตัว เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้พบเธอที่นั่น เห็นได้ชัดว่าเธอกับเหล่านักรบที่ร้ายกาจ สาวงามที่น่าอัศจรรย์นั้นคือศิษย์ที่นับถือและมีชื่อเสียงของนิกายหยุนไห่ : หลิวเฟย

"เป็นเจ้าเองงั้นรึ?" หลิวเฟย พูดอย่างเย็นชา ดูเหมือนเธอกำลังโกรธขณะมองไปที่ หลินเฟิง เขากล้าที่จะดูหมิ่นเธอก่อน เธอยังไม่ได้แก้แค้น แต่ก็ไม่มีวันลืมเรื่องนี้

หลินเฟิง สาบแช่งในใจตนเอง กลุ่มที่อยู่กับเธอพวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่งกว่ากลุ่มที่เขาฆ่าในเมืองหยางโจว พวกเขาดูเหมือนนักสู้เก่งกว่า ถ้าพวกเขาต้องการที่จะจัดการหลินเฟิง แน่นอน หลินเฟิง ไม่สามารถสู้กับพวกเขาได้ กลุ่มนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเขามากมาย เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม ด้วยความรวดเร็วและความแข็งแกร่งนั้นมากกว่า หลินเฟิง แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการจะต่อสู้

เฟยเฟย เจ้ามีปัญหากับผู้ชายคนนั้นงั้นรึ? ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ถัดจาก หลิวเฟย พูดขณะมองไปที่ หลินเฟิง เพราะ หลิวเฟย ดูเหมือนกำลังโกรธเมื่อเริ่มมองผู้ชายคนนั้น

"ไม่มีปัญหา เขาเป็นเพื่อนของข้า หนึ่งในศิษย์ของนิกายหยุนไห่ เรารู้จักกัน "

สิ่งที่ไม่คาดฝัน หลิวเฟยได้ส่ายศีรษะและกล่าวอย่างไม่สนใจ จากนั้นเธอก็ไม่ได้มองเขาอีกต่อไป

"เราจะเข้าไปข้างในได้รึยัง" หลิวเฟยกล่าวทิ้งไว้ขณะเดินมุ่งหน้าไปยังนิกายหยุนไห่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ถัดจาก หลิวเฟยเหลือบมองไปที่ หลินเฟิง โดยมีเจตนาฆ่าเล็กน้อยในดวงตาของเขา

หลินเฟิง ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เท่าที่จำได้ หลิวเฟย อารมณ์ร้อนและโหดร้ายทำไมเธอถึงปล่อยเขาไป?





---------------------------------------------------------------------------------------------------------------          อ่านจบแล้วรบกวนกดโฆษณาเพื่อนเป็นกำลังใจให้แอดด้วยนะครับ
ตามนี้ครับ >> http://cpmlink.net/_-IOAA


Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/

ความคิดเห็น

Facebook