ตอนที่ 46 เริ่มต้นการแข่งขัน
สนามประลองการต่อสู้ขนาดใหญ่ประกอบด้วยเวทีการต่อสู้มากมาย ในแต่ละเวทีกการต่อสู้สามารถ
มองเห็นเงาทั้งแปด ตระกูลน่าหลานจัดตั้งยิ่งใหญ่กว่าตระกูลอื่น ผู้เข้าร่วมงานกำลังยืนอยู่บนเวที
มีเกียร์ติที่สุดเป็นศูนย์กลางของทุกตระกูล พวกเขาดูเหมือนขุนพลที่กำลังมองลงมาด้วยพลังอำนาจ
ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ล้อมรอบพวกเขาในเวทีต่อสู้ของตัวเองดั่งดวงดาวที่ล้อมรอบดวงจันทร์ในท้องฟ้า
ยามราตรี นอกจากนี้ยังมีตระกูลที่สำคัญเช่น ตระกูลกู้, ตระกูลหลิน, ตระกูลเหวิน ซู่วหลานมีบทบาท
สำคัญขอตระกูลขนาดเล็ก ในขณะนั้นพร้อมกับสมาชิกของตระกูลน่าหลานมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่
ติดกับน่าหลานเซียงที่ยืนขึ้น เขาจ้องมองไปที่เวทีการต่อสู้
"วันนี้เป็นการแข่งขันประจำปีของพวกเรา วัตถุประสงค์ของการแข่งขันครั้งนี้คือการทดสอบความ
แข็งแรงของนักเพาะปลูกที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหยางโจว ดังนั้นไม่ควรมีใครแสดงความเมตตา ผู้ที่
แพ้จะได้รับอนุญาตให้ยอมจำนนได้และในกรณีที่มีคนยอมแพ้การต่อสู้จะถูกยกเลิกทันที ถ้าไม่มีใคร
ยอมแพ้การต่อสู้การต่อสู้จะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีใครล้มลงหรือแม้กระทั่งตาย "
เมื่อชายชราพูดจบฝูงชนต่างเอะอะเสียงดังออกมา ... การต่อสู้อาจเกิดขึ้นได้จนกว่าจะมีคนเสียชีวิต
หากไม่มีใครยอมแพ้ ... ช่างโหดร้ายเสียจริง! มีบางคนที่หยิ่งยโสและอวดดี ผู้เพาะปลูกที่ห้ความสำ
คัญการมีหน้ามีตาและศักดิ์ศรีของพวกเขา การแพ้การต่อสู้โดยการยอมแพ้เป็นเรื่องน่าอัปยศมาก
สำหรับพวกเขา ดังนั้นคนน้อยมากจะเต็มใจยอมแพ้ แม้ว่าพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสชนะพวก
เขาก็ยังคงต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของพวกเขา แต่ประโยคนั้นทำให้ฝูงชนคิดอย่าง
รอบคอบ ไม่มีข้อจำกัดและการสู้รบสามารถต่อสู้ถึงตายได้ หากมีข้อจำกัด ผู้แข่งขันทั้งสองฝ่าย
ที่มีพลังเท่าเทียมกันปฏิเสธการยอมแพ้การต่อสู้ ซึ่งสามารถต่อสู้ได้อย่างไม่จำกัดด้วยความเกลียด
ชังคู่ต่อสู้จนกว่าจะจบ
"ลึกซึ้งยิ่งนัก ,น่าเลื่อมใสเสียจริง!" หลายคนกล่าวสนับสนุนคำพูดของชายชรา ชายชราเห็นได้ชัดว่า
นี่เป็นการวางแผนที่จะเพิ่มความเกลียดชังระหว่างตระกูลอื่น โดยการบังคับให้พวกเขามองว่าสมา
ชิกตระกูลที่มีพรสวรรค์ของพวกเขาอาจจะตายมากกว่าการยอมจำนน เขาทำเช่นนี้เพื่อยับยั้ง
ความเกลียดชังระหว่างคนรุ่นใหม่ แต่เพิ่มความเกลียดชังของคนรุ่นก่อน ๆ ด้วยวิธีการนี้ผู้ที่ไม่
เห็นด้วยจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ตระกูลน่าหลาน หลังจากที่ทั้งหมดพวกเขาเป็นตระกูลที่เป็นเจ้า
ภาพการแข่งขันและได้ทำกฎที่สมเหตุสมผลอย่างสมบูรณ์ แต่ก็หมายความว่าสมาชิกของตระกูล
น่าหลาน อาจถูกสังหารภายในบนเวที ฝูงชนรู้ว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นบางคนตายและตระกูล
ต่างๆของเมืองหยางโจวจะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง น่าหลานเซียง อยาก
เห็นคนอื่น ๆ เกลียดกัน แม้ว่าทั้งสามตระกูลคนอื่น ๆ รู้ว่าน่าหลานเซียงคิดอะไรอยู่ในใจ พวก
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วย
เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการเสียหน้าและเมื่อพวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุดใน
เมืองสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือบอกสาวกรุ่นเยาว์ของพวกเขาให้มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะด้วยกำลังทั้งหมด
ของพวกเขา นอกจากนี้ชายชรายังบอกด้วยว่าบรรดาผู้ที่ปรารถนาจะยอมแพ้และการรบจะสิ้นสุด
ลงทันที เพราะฉะนั้นกฎข้อนี้จึงเป็นสองเท่าและไม่อาจแย้งได้เพราะมีทางเลือกให้ยอมแพ้ ... แต่ใครจะ
ยอมรับว่าตระกูลของตัวเองว่าด้อยกว่าตระกูลอื่น?
"ข้าเขียนชื่อของทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เรียบร้อยแล้ว ข้ายังได้ดำเนินการจัดการต่อสู้เรียบ
ร้อยแล้วเช่นกัน ไม่ทราบว่าใครมีข้อโต้แย้งในการทำงานของข้าหรือไม่ "ชายชราคนหนึ่งมองไปที่สมา
ชิกของสามตระกูลที่มีอำนาจและตระกูลอื่น ๆ
ฮ่า ๆ ทุกอย่างได้รับการจัดโดยตระกูลน่าหลาน... ข้าเห็นด้วยแน่นอน" หัวหน้าตระกูลกู้กล่าว แม้ว่า
เขาจะไม่ค่อยสนใจก็ตาม
"การแข่งขันครั้งก่อนจัดโดยตระกูลน่าหลานและได้รับการบริหารจัดการโดยพวกเขา
คราวนี้ก็เป็นไปตามนั้นชัดเจน"
"ฉันไม่ขัดข้องอะไร" หลินต้าเถาผู้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะไม่คัดค้านตระกูลน่าหลาน
"ผมเป็นตัวแทนของตระกูลน่าหลานและผมอยากจะขอบคุณหัวหน้าตระกูลทุกคนที่ให้ความร่วมมือ"
ชายชรากล่าวขณะที่มองไปที่สมาชิกคนอื่นๆ อีกสามคนและประกาศว่า"กฎดังกล่าวเป็นเช่นนั้น
และถูกนำมาใช้ตั้งแต่การต่อสู้แรก : การพ่ายแพ้นำไปสู่การกำจัด, การชนะช่วยให้คุณสามารถ
เข้ารอยต่อไปได้ "
"และตอนนี้ข้าจะประกาศการต่อสู้ที่จะเริ่มขึ้น ทุกคนที่ได้ยินชื่อตระกูลสามารถอยู่บนเวที คนอื่นๆ
ลงมาและรอ บนเวทีตระกูลน่าหลาน น่าหลานเฟิงจะต่อสู้กับเหวินซินจากตระกูลเหวิน; บนเวทีตะวันออก
กู้หยุนจากตระกูลกู้ จะต่อสู้กับ หลินหวู่ จากตระกู,หลิน ; บนเวทีทิศใต้ หลินยูจากตระกูลหลินจะต่อสู้กับ
เหวินเฟิง จากตระกูลเหวิน ; บนเวทีตะวันตก น่าหลานชู จากตระกู,น่าหลาน จะต่อสู้กับ เฟิงเซียน
; บนเวทีทิศเหนือ ตวอหมิง จะสู้กับ กู้ชิงจูเนียร์ จากตระกูลกู้ "
มีการต่อสู้ห้าสนาม ดังนั้นมีเพียงสิบคนที่ต่อสู้ในหนึ่งครั้งจากทั้งหมดสี่สิบคน สี่รอบก็เพียงพอที่จะกำจัด
ครึ่งหนึ่งของพวกเขาและเพื่อให้มีเพียงยี่สิบคนสุดท้าย บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการเรียกชื่อได้ก้าวลงมาจาก
เวทีขณะที่บรรดาผู้ที่ถูกกำลังเข้าสู่สนามตามลำดับ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหวินซินช่างโชคร้ายจริงๆที่ได้เป็นคู่ต่อสู้กับน่าหลานเฟิงในสนามแรก"
แม้ว่าเหวินซินไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะ
"ฉันได้ยินมาว่า หลินหวู่ จากตระกูลหลิน ได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เขาถึงปราณ
ขั้นที่เก้าแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขันเวทีทิศตะวันออก "
"ในเวทีทางทิศใต้เหวินเฟิงควรจะชนะการต่อสู้ ในเวทีทิศเหนือ เฟิงเซียน ควรจะชนะเช่นกัน
เกี่ยวกับสนามสุดท้ายแม้ว่า ตวอหมิง เป็นคนลึกลับและสวมหน้ากาก กู้ชิงจูเนียร์ แทบจะ
ไม่ได้รับความเสียหายดังนั้น ตวอ จึงโชคร้ายที่เจอ "
การต่อสู้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นและทุกคนในกลุ่มกำลังทายผลราวกับว่าพวกเขามั่นใจในผลลัพธ์
หลังจากนั้น ฝูงชนรู้ว่าเกือบทั้งหมดของสาวกสาวเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่มาจากเมืองหยางโจวและ
มีความเข้าใจในจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขา
แต่บนเวทีทิศเหนือ ตวอหมิง ยังดึงดูดความสนใจของผู้ชม เขาสวมหน้ากาก พวกเขาไม่เคยได้ยิน
ชื่อและมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจกลิ่นอายที่ล้อมรอบเขา เขามีความลึกลับ ไม่เลวเท่าที่เขากำลัง
จะต่อสู้กับ กู้ชิงจูเนียร์ เขาถึงอาจถึงตายได้และแพ้อย่างรวดเร็ว อันที่จริง กู้ชิงจูเนียร์ ถึงจุดสูงสุด
ของพลังชั้นปราณแล้ว มีผู้เพาะปลูกไม่มากนักในชั้นปราณที่สามารถต่อสู้กับเขาและชนะได้ ฝ่าย
ตรงข้ามที่แท้จริงเพียงคนเดียวของเขา ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณ กู้ชิงจูเนียร์ ยังเป็นที่รู้จัก
กันดีในแคว้นนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับตวอหมิงที่จะเอาชนะกู้ชิงจูเนียร์
การคาดการณ์ของฝูงชนก็ค่อนข้างถูกต้อง เหวินซิน ไม่ได้ต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง และยอมแพ้ แม้
ว่าหน้าและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่การยอมแพ้เมื่อหันหน้าไปทาง น่าหลานเฟิง ก็ไม่มีอะไร
น่าละอาย การต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง แน่นอนหมายถึงการรนหาที่ตาย
บนเวทีตะวันออกและตะวันตกผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อยๆออกมา และการคาดการณ์ของฝูงชนนั้นถูกต้อง
ทุกครั้ง หลินหวู่, เหวินเฟิง และ เฟิงเซียน กำลังจะเอาชนะคู่แข่งของพวกเขาและเดินหน้าเข้าสู่รอบ
ต่อไปของการแข่งขัน เฉพาะการต่อสู้บนเวทีทิศเหนือเท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไปและทำให้ทุกคน
ในฝูงชนพูดไม่ออก
ในดวงตาของ กู้ชิงจูเนียร์ ตวอหมิงไม่ได้มีอยู่จริงเขาถือว่า ตวอหมิง เป็นมดที่จะขยี้ด้วยเท้าบู๊ตของ
เขา บนเส้นทางสู่การเพาะปลูก กู้ชิงจูเนียร์ ยังคงมองไปที่การต่อสู้ในช่วงอื่น ๆ แทนที่จะเอาชนะฝ่าย
ตรงข้ามของตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการดังนั้นเขาจึง
อยากทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามคนต่อไป
"ฉันจะไม่ต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง ดังนั้นฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้รับการจับคู่กับเธอในการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น
หลินหวู่ และ เหวินเฟิง ง่ายมากที่ชนะ เป็นห่วงการเจอเฟิงเซียนที่ไกลออกไปดูเหมือนว่าความแรงของ
เขาดีขึ้นมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ฉันควรจะสามารถที่จะกำจัดเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ชัยชนะง่ายๆจะ
ฉันจะทำให้เป็นชิ้นเค้กเลยถ้าฉันต้องต่อสู้กับทั้งสามนี้ ... "
กู้ชิงจูเนียร์ คิดอย่างลึกซึ้งและยังคงทำราวกับว่าชายหนุ่มคนนั้นที่สวมหน้ากากสีเงินไม่ได้มีอยู่จริงใน
ขณะที่คิดถึงรอบต่อไป
ในที่สุด เฟิงเซียนได้ใช้มือบีบคอของน่าหลานชู น่าหลานชูไม่ต้องการต่อสู้และยอมจำนนต่อการต่อสู้
ความสนใจของทุกคนอยู่บนเวทีทิศเหนือ
"มันจบแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง! "ฝูงชนกล่าวอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนรอบแรกกำลังจะจบลงแล้วละ
กู้ชิง หยุดเสียเวลาได้แล้ว หัวหน้าตระกูลกู้เปร่งเสียงอย่างไม่แยแส ด้วยความหยิ่งดั่งกู้ชิงที่สามารถจบ
การต่อสู้ได้ทันทีตามที่เขาต้องการ
"รับทราบ" ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านผู้นำตระกูล กู้ชิงจูเนียร์ตอบ แล้วเขาก็มองไปที่หลินเฟิง ผู้ซ่อน
ตัวตนของเขาด้วยหน้ากากสีเงินและพูดอย่างเย็นชา
"ถ้ารักชีวิตตัวเองก็ลงไปซะ เจ้าไม่จำเป็นต้องสู้หรอก" หลินเฟิงแตะหน้ากากสีเงินของเขา มีโอกาส
ครั้งเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาเล็กน้อยบนใบหน้า แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการ
แสดงออกทางสีหน้าของเขา
หลินเฟิงไม่ได้สนใจกู้ชิงจูเนียร์เช่นกัน เขาไม่ได้รีบสู้และได้เฝ้าติดตามการต่อสู้คู่อื่นๆ ตอนนี้เขาไม่
ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว กู้ชิงจูเนียร์เป็นคนที่หยิ่งยะโสและค่อนข้างชอบต่อสู้ได้บอกให้เขาลงจากเวที
หลินเฟิงเคยใช้ทำแบบนี้กับบรรดานักเพาะปลูกที่คิดว่าพวกเขาเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้และ
ไม่ได้ให้ความเคารพต่อผู้อื่น แต่ต้องการความเคารพในสิ่งนั้นแทน โดยการเรียกว่าอัจฉริยะ
"คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดรึ? ฉันบอกให้คุณลงจากที่นี่ไปซะ! ถ้าคุณไม่ฉลาดพอที่จะลงด้วยตัวเอง
ผมจะฆ่าคุณทันที "กู้ชิงจูเนียร์เห็นว่าหลินเฟิงไม่ทำปฏิกิริยาใด ๆเลย แล้วขมวดคิ้ว
บุคคลที่มีพรสวรรค์ในตระกูลที่ทรงพลังเกลียดนักเพาะปลูกที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ได้เป็น
สมาชิกของตระกูลที่มีฐานะเหมือนกลุ่มผู้มีอำนาจ หากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากพวกเขา
พวกเขาจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ ผู้เพาะปลูกจะกลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์
อันยิ่งใหญ่ได้อย่างไรหากเขาไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ทรงพลัง? คนที่ชอบ ตวอหมิง ซึ่งไม่ได้อยู่ใน
ตระกูลที่ทรงพลังจะไม่มีชื่อเสียงและอาจจะจัดการโดยตระกูลของเขาได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้
กู้ชิงจูเนียร์ จึงเกลียดนักเพาะปลูกดังกล่าวและถือว่าพวกเขาอยู่ใต้คำบอกกล่าวของเขา
"ผมยังไม่ได้เปลี่ยนใจ ดังนั้นข้าจะไม่คว้าโอกาสนั้นและยอมแพ้" หลินเฟิงกล่าวด้วยเสียงที่เต็ม
ไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เขาถ่มน้ำลายถ้อยคำเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังมันทำให้ทุก
คนประหลาดใจใ หลังจากนั้นบางคนก็ยิ้มกว้างมันอาจเป็นไปได้ว่าคนที่แต่งตัวประหลาดนั้นบ้า?
ชู่วหลานไม่แม้แต่จะหัวเราะ เธอคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนลึกลับและน่าสงสัย เขาดูแข็งแกร่งมากเมื่อ
เทียบกับคนอื่น ๆ ภายในการแข่งกัน เธอได้เห็นว่าหลินเฟิงได้ทำให้ หวู่เซียวล้มเพียงโจมตีครั้งเดียว
กู้ชิงจูเนียร์ ฉันหวังว่าคุณพร้อมที่จะตาย" หลินเฟิงตะโกนที่เขากำลังตั้งเป้าไปทางทิศเหนือ เขาได้
เข้าใจว่าพฤติกรรมของ กู้ชิงจูเนียร์ จะนำไปสู่ความตายของเขาเอง หลังจากได้รับบทเรียนจาก
หลินเฟิงเขาได้เติบโตเต็มที่และได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง ความเคารพนับถือที่เขาไม่
มีให้กับหลินเฟิง เขาจะแสดงความเมตตานิดหน่อย
ใบหน้าของ กู้ชิงจูเนียร์ ในขณะนั้นเปลี่ยนไปและเขาก็ไม่ได้มองอย่างสบายใจ เขาไม่อาจเชื่อได้ว่า
หลินเฟิงเพิ่งพูดกับเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ทรงพลังเช่น
ตัวเขาเองกล้าที่จะคุยกับเขาอย่างนั้น เขาเป็นสาวกลำดับที่สองของตระกูลกู้ ในหมู่สาวกของชั้น
ปราณทั้งหมด เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์มากโดยสมาชิกทุกคนใน
ตระกูลกู
" เสร็จข้าละ" กู้ชิงจูเนียร์กล่าวด้วยเสียงดังและสงบซึ่งทำให้ทุกคนตัวสั่น หลินเฟิงจะต้องแพ้แน่นอน
แต่กู้ชิงจูเนียร์ เขาต้องการที่จะฆ่าหลินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เอาละ กู้ชิงจูเนียร์ผู้ซึ่งสังเกตเห็นว่าบิดาของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลรู้สึกโกรธมาก เขาเริ่มเคลื่อนที่
ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ เขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับหลินเฟิง
"ฝ่ามืออสรพิษ!! " กู้ชิงจูเนียร์ตะโกน
ฝ่ามือของเขากำลังปล่อยออกมาเสียงดังฟึบ!!ขณะที่มันเริ่มทะลุทะลวงผ่านอากาศได้เหมือนกับว่า
เขากำลังทำให้บรรยากาศแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่หลินเฟิงยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งภูเภา ในขณะที่ฝ่ามืออสรพิษกำลังจะมาถึงเขา แสงไฟสว่างกร
ะพริบอยู่ข้างหน้าร่างของเขา ดาบนั้นรวดเร็วเกินไปสำหรับการมองเห็นของทุกคนที่จะเห็นสิ่งที่
เกิดขึ้น
ราวกับว่าเวลานั้นหยุดลงแล้วและทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง ไม่มีใครในฝูงชนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือ
ทำไมกู้ชิงจูเนียร์ หยุดเคลื่อนไหว ทันใดนั้นร่างกายของ กู้ชิงจูเนียร์ ล้มลงอย่างแรงบนพื้นขณะ
ที่ศีรษะของเขาเริ่มหลุดออกจากร่างของเขา ฝูงชนจ้องมองด้วยความเงียบสงัด.
มองเห็นเงาทั้งแปด ตระกูลน่าหลานจัดตั้งยิ่งใหญ่กว่าตระกูลอื่น ผู้เข้าร่วมงานกำลังยืนอยู่บนเวที
มีเกียร์ติที่สุดเป็นศูนย์กลางของทุกตระกูล พวกเขาดูเหมือนขุนพลที่กำลังมองลงมาด้วยพลังอำนาจ
ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ล้อมรอบพวกเขาในเวทีต่อสู้ของตัวเองดั่งดวงดาวที่ล้อมรอบดวงจันทร์ในท้องฟ้า
ยามราตรี นอกจากนี้ยังมีตระกูลที่สำคัญเช่น ตระกูลกู้, ตระกูลหลิน, ตระกูลเหวิน ซู่วหลานมีบทบาท
สำคัญขอตระกูลขนาดเล็ก ในขณะนั้นพร้อมกับสมาชิกของตระกูลน่าหลานมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่
ติดกับน่าหลานเซียงที่ยืนขึ้น เขาจ้องมองไปที่เวทีการต่อสู้
"วันนี้เป็นการแข่งขันประจำปีของพวกเรา วัตถุประสงค์ของการแข่งขันครั้งนี้คือการทดสอบความ
แข็งแรงของนักเพาะปลูกที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหยางโจว ดังนั้นไม่ควรมีใครแสดงความเมตตา ผู้ที่
แพ้จะได้รับอนุญาตให้ยอมจำนนได้และในกรณีที่มีคนยอมแพ้การต่อสู้จะถูกยกเลิกทันที ถ้าไม่มีใคร
ยอมแพ้การต่อสู้การต่อสู้จะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีใครล้มลงหรือแม้กระทั่งตาย "
เมื่อชายชราพูดจบฝูงชนต่างเอะอะเสียงดังออกมา ... การต่อสู้อาจเกิดขึ้นได้จนกว่าจะมีคนเสียชีวิต
หากไม่มีใครยอมแพ้ ... ช่างโหดร้ายเสียจริง! มีบางคนที่หยิ่งยโสและอวดดี ผู้เพาะปลูกที่ห้ความสำ
คัญการมีหน้ามีตาและศักดิ์ศรีของพวกเขา การแพ้การต่อสู้โดยการยอมแพ้เป็นเรื่องน่าอัปยศมาก
สำหรับพวกเขา ดังนั้นคนน้อยมากจะเต็มใจยอมแพ้ แม้ว่าพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสชนะพวก
เขาก็ยังคงต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของพวกเขา แต่ประโยคนั้นทำให้ฝูงชนคิดอย่าง
รอบคอบ ไม่มีข้อจำกัดและการสู้รบสามารถต่อสู้ถึงตายได้ หากมีข้อจำกัด ผู้แข่งขันทั้งสองฝ่าย
ที่มีพลังเท่าเทียมกันปฏิเสธการยอมแพ้การต่อสู้ ซึ่งสามารถต่อสู้ได้อย่างไม่จำกัดด้วยความเกลียด
ชังคู่ต่อสู้จนกว่าจะจบ
"ลึกซึ้งยิ่งนัก ,น่าเลื่อมใสเสียจริง!" หลายคนกล่าวสนับสนุนคำพูดของชายชรา ชายชราเห็นได้ชัดว่า
นี่เป็นการวางแผนที่จะเพิ่มความเกลียดชังระหว่างตระกูลอื่น โดยการบังคับให้พวกเขามองว่าสมา
ชิกตระกูลที่มีพรสวรรค์ของพวกเขาอาจจะตายมากกว่าการยอมจำนน เขาทำเช่นนี้เพื่อยับยั้ง
ความเกลียดชังระหว่างคนรุ่นใหม่ แต่เพิ่มความเกลียดชังของคนรุ่นก่อน ๆ ด้วยวิธีการนี้ผู้ที่ไม่
เห็นด้วยจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ตระกูลน่าหลาน หลังจากที่ทั้งหมดพวกเขาเป็นตระกูลที่เป็นเจ้า
ภาพการแข่งขันและได้ทำกฎที่สมเหตุสมผลอย่างสมบูรณ์ แต่ก็หมายความว่าสมาชิกของตระกูล
น่าหลาน อาจถูกสังหารภายในบนเวที ฝูงชนรู้ว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นบางคนตายและตระกูล
ต่างๆของเมืองหยางโจวจะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง น่าหลานเซียง อยาก
เห็นคนอื่น ๆ เกลียดกัน แม้ว่าทั้งสามตระกูลคนอื่น ๆ รู้ว่าน่าหลานเซียงคิดอะไรอยู่ในใจ พวก
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วย
เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการเสียหน้าและเมื่อพวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุดใน
เมืองสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือบอกสาวกรุ่นเยาว์ของพวกเขาให้มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะด้วยกำลังทั้งหมด
ของพวกเขา นอกจากนี้ชายชรายังบอกด้วยว่าบรรดาผู้ที่ปรารถนาจะยอมแพ้และการรบจะสิ้นสุด
ลงทันที เพราะฉะนั้นกฎข้อนี้จึงเป็นสองเท่าและไม่อาจแย้งได้เพราะมีทางเลือกให้ยอมแพ้ ... แต่ใครจะ
ยอมรับว่าตระกูลของตัวเองว่าด้อยกว่าตระกูลอื่น?
"ข้าเขียนชื่อของทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้เรียบร้อยแล้ว ข้ายังได้ดำเนินการจัดการต่อสู้เรียบ
ร้อยแล้วเช่นกัน ไม่ทราบว่าใครมีข้อโต้แย้งในการทำงานของข้าหรือไม่ "ชายชราคนหนึ่งมองไปที่สมา
ชิกของสามตระกูลที่มีอำนาจและตระกูลอื่น ๆ
ฮ่า ๆ ทุกอย่างได้รับการจัดโดยตระกูลน่าหลาน... ข้าเห็นด้วยแน่นอน" หัวหน้าตระกูลกู้กล่าว แม้ว่า
เขาจะไม่ค่อยสนใจก็ตาม
"การแข่งขันครั้งก่อนจัดโดยตระกูลน่าหลานและได้รับการบริหารจัดการโดยพวกเขา
คราวนี้ก็เป็นไปตามนั้นชัดเจน"
"ฉันไม่ขัดข้องอะไร" หลินต้าเถาผู้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะไม่คัดค้านตระกูลน่าหลาน
"ผมเป็นตัวแทนของตระกูลน่าหลานและผมอยากจะขอบคุณหัวหน้าตระกูลทุกคนที่ให้ความร่วมมือ"
ชายชรากล่าวขณะที่มองไปที่สมาชิกคนอื่นๆ อีกสามคนและประกาศว่า"กฎดังกล่าวเป็นเช่นนั้น
และถูกนำมาใช้ตั้งแต่การต่อสู้แรก : การพ่ายแพ้นำไปสู่การกำจัด, การชนะช่วยให้คุณสามารถ
เข้ารอยต่อไปได้ "
"และตอนนี้ข้าจะประกาศการต่อสู้ที่จะเริ่มขึ้น ทุกคนที่ได้ยินชื่อตระกูลสามารถอยู่บนเวที คนอื่นๆ
ลงมาและรอ บนเวทีตระกูลน่าหลาน น่าหลานเฟิงจะต่อสู้กับเหวินซินจากตระกูลเหวิน; บนเวทีตะวันออก
กู้หยุนจากตระกูลกู้ จะต่อสู้กับ หลินหวู่ จากตระกู,หลิน ; บนเวทีทิศใต้ หลินยูจากตระกูลหลินจะต่อสู้กับ
เหวินเฟิง จากตระกูลเหวิน ; บนเวทีตะวันตก น่าหลานชู จากตระกู,น่าหลาน จะต่อสู้กับ เฟิงเซียน
; บนเวทีทิศเหนือ ตวอหมิง จะสู้กับ กู้ชิงจูเนียร์ จากตระกูลกู้ "
มีการต่อสู้ห้าสนาม ดังนั้นมีเพียงสิบคนที่ต่อสู้ในหนึ่งครั้งจากทั้งหมดสี่สิบคน สี่รอบก็เพียงพอที่จะกำจัด
ครึ่งหนึ่งของพวกเขาและเพื่อให้มีเพียงยี่สิบคนสุดท้าย บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการเรียกชื่อได้ก้าวลงมาจาก
เวทีขณะที่บรรดาผู้ที่ถูกกำลังเข้าสู่สนามตามลำดับ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหวินซินช่างโชคร้ายจริงๆที่ได้เป็นคู่ต่อสู้กับน่าหลานเฟิงในสนามแรก"
แม้ว่าเหวินซินไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะ
"ฉันได้ยินมาว่า หลินหวู่ จากตระกูลหลิน ได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เขาถึงปราณ
ขั้นที่เก้าแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขันเวทีทิศตะวันออก "
"ในเวทีทางทิศใต้เหวินเฟิงควรจะชนะการต่อสู้ ในเวทีทิศเหนือ เฟิงเซียน ควรจะชนะเช่นกัน
เกี่ยวกับสนามสุดท้ายแม้ว่า ตวอหมิง เป็นคนลึกลับและสวมหน้ากาก กู้ชิงจูเนียร์ แทบจะ
ไม่ได้รับความเสียหายดังนั้น ตวอ จึงโชคร้ายที่เจอ "
การต่อสู้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นและทุกคนในกลุ่มกำลังทายผลราวกับว่าพวกเขามั่นใจในผลลัพธ์
หลังจากนั้น ฝูงชนรู้ว่าเกือบทั้งหมดของสาวกสาวเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่มาจากเมืองหยางโจวและ
มีความเข้าใจในจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกเขา
แต่บนเวทีทิศเหนือ ตวอหมิง ยังดึงดูดความสนใจของผู้ชม เขาสวมหน้ากาก พวกเขาไม่เคยได้ยิน
ชื่อและมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจกลิ่นอายที่ล้อมรอบเขา เขามีความลึกลับ ไม่เลวเท่าที่เขากำลัง
จะต่อสู้กับ กู้ชิงจูเนียร์ เขาถึงอาจถึงตายได้และแพ้อย่างรวดเร็ว อันที่จริง กู้ชิงจูเนียร์ ถึงจุดสูงสุด
ของพลังชั้นปราณแล้ว มีผู้เพาะปลูกไม่มากนักในชั้นปราณที่สามารถต่อสู้กับเขาและชนะได้ ฝ่าย
ตรงข้ามที่แท้จริงเพียงคนเดียวของเขา ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณ กู้ชิงจูเนียร์ ยังเป็นที่รู้จัก
กันดีในแคว้นนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับตวอหมิงที่จะเอาชนะกู้ชิงจูเนียร์
การคาดการณ์ของฝูงชนก็ค่อนข้างถูกต้อง เหวินซิน ไม่ได้ต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง และยอมแพ้ แม้
ว่าหน้าและศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่การยอมแพ้เมื่อหันหน้าไปทาง น่าหลานเฟิง ก็ไม่มีอะไร
น่าละอาย การต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง แน่นอนหมายถึงการรนหาที่ตาย
บนเวทีตะวันออกและตะวันตกผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อยๆออกมา และการคาดการณ์ของฝูงชนนั้นถูกต้อง
ทุกครั้ง หลินหวู่, เหวินเฟิง และ เฟิงเซียน กำลังจะเอาชนะคู่แข่งของพวกเขาและเดินหน้าเข้าสู่รอบ
ต่อไปของการแข่งขัน เฉพาะการต่อสู้บนเวทีทิศเหนือเท่านั้นที่ยังคงดำเนินต่อไปและทำให้ทุกคน
ในฝูงชนพูดไม่ออก
ในดวงตาของ กู้ชิงจูเนียร์ ตวอหมิงไม่ได้มีอยู่จริงเขาถือว่า ตวอหมิง เป็นมดที่จะขยี้ด้วยเท้าบู๊ตของ
เขา บนเส้นทางสู่การเพาะปลูก กู้ชิงจูเนียร์ ยังคงมองไปที่การต่อสู้ในช่วงอื่น ๆ แทนที่จะเอาชนะฝ่าย
ตรงข้ามของตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการดังนั้นเขาจึง
อยากทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามคนต่อไป
"ฉันจะไม่ต่อสู้กับ น่าหลานเฟิง ดังนั้นฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้รับการจับคู่กับเธอในการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น
หลินหวู่ และ เหวินเฟิง ง่ายมากที่ชนะ เป็นห่วงการเจอเฟิงเซียนที่ไกลออกไปดูเหมือนว่าความแรงของ
เขาดีขึ้นมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ฉันควรจะสามารถที่จะกำจัดเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ชัยชนะง่ายๆจะ
ฉันจะทำให้เป็นชิ้นเค้กเลยถ้าฉันต้องต่อสู้กับทั้งสามนี้ ... "
กู้ชิงจูเนียร์ คิดอย่างลึกซึ้งและยังคงทำราวกับว่าชายหนุ่มคนนั้นที่สวมหน้ากากสีเงินไม่ได้มีอยู่จริงใน
ขณะที่คิดถึงรอบต่อไป
ในที่สุด เฟิงเซียนได้ใช้มือบีบคอของน่าหลานชู น่าหลานชูไม่ต้องการต่อสู้และยอมจำนนต่อการต่อสู้
ความสนใจของทุกคนอยู่บนเวทีทิศเหนือ
"มันจบแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง! "ฝูงชนกล่าวอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนรอบแรกกำลังจะจบลงแล้วละ
กู้ชิง หยุดเสียเวลาได้แล้ว หัวหน้าตระกูลกู้เปร่งเสียงอย่างไม่แยแส ด้วยความหยิ่งดั่งกู้ชิงที่สามารถจบ
การต่อสู้ได้ทันทีตามที่เขาต้องการ
"รับทราบ" ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านผู้นำตระกูล กู้ชิงจูเนียร์ตอบ แล้วเขาก็มองไปที่หลินเฟิง ผู้ซ่อน
ตัวตนของเขาด้วยหน้ากากสีเงินและพูดอย่างเย็นชา
"ถ้ารักชีวิตตัวเองก็ลงไปซะ เจ้าไม่จำเป็นต้องสู้หรอก" หลินเฟิงแตะหน้ากากสีเงินของเขา มีโอกาส
ครั้งเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นดวงตาของเขาเล็กน้อยบนใบหน้า แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการ
แสดงออกทางสีหน้าของเขา
หลินเฟิงไม่ได้สนใจกู้ชิงจูเนียร์เช่นกัน เขาไม่ได้รีบสู้และได้เฝ้าติดตามการต่อสู้คู่อื่นๆ ตอนนี้เขาไม่
ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว กู้ชิงจูเนียร์เป็นคนที่หยิ่งยะโสและค่อนข้างชอบต่อสู้ได้บอกให้เขาลงจากเวที
หลินเฟิงเคยใช้ทำแบบนี้กับบรรดานักเพาะปลูกที่คิดว่าพวกเขาเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้และ
ไม่ได้ให้ความเคารพต่อผู้อื่น แต่ต้องการความเคารพในสิ่งนั้นแทน โดยการเรียกว่าอัจฉริยะ
"คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดรึ? ฉันบอกให้คุณลงจากที่นี่ไปซะ! ถ้าคุณไม่ฉลาดพอที่จะลงด้วยตัวเอง
ผมจะฆ่าคุณทันที "กู้ชิงจูเนียร์เห็นว่าหลินเฟิงไม่ทำปฏิกิริยาใด ๆเลย แล้วขมวดคิ้ว
บุคคลที่มีพรสวรรค์ในตระกูลที่ทรงพลังเกลียดนักเพาะปลูกที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ได้เป็น
สมาชิกของตระกูลที่มีฐานะเหมือนกลุ่มผู้มีอำนาจ หากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากพวกเขา
พวกเขาจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ ผู้เพาะปลูกจะกลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์
อันยิ่งใหญ่ได้อย่างไรหากเขาไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ทรงพลัง? คนที่ชอบ ตวอหมิง ซึ่งไม่ได้อยู่ใน
ตระกูลที่ทรงพลังจะไม่มีชื่อเสียงและอาจจะจัดการโดยตระกูลของเขาได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้
กู้ชิงจูเนียร์ จึงเกลียดนักเพาะปลูกดังกล่าวและถือว่าพวกเขาอยู่ใต้คำบอกกล่าวของเขา
"ผมยังไม่ได้เปลี่ยนใจ ดังนั้นข้าจะไม่คว้าโอกาสนั้นและยอมแพ้" หลินเฟิงกล่าวด้วยเสียงที่เต็ม
ไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เขาถ่มน้ำลายถ้อยคำเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังมันทำให้ทุก
คนประหลาดใจใ หลังจากนั้นบางคนก็ยิ้มกว้างมันอาจเป็นไปได้ว่าคนที่แต่งตัวประหลาดนั้นบ้า?
ชู่วหลานไม่แม้แต่จะหัวเราะ เธอคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนลึกลับและน่าสงสัย เขาดูแข็งแกร่งมากเมื่อ
เทียบกับคนอื่น ๆ ภายในการแข่งกัน เธอได้เห็นว่าหลินเฟิงได้ทำให้ หวู่เซียวล้มเพียงโจมตีครั้งเดียว
กู้ชิงจูเนียร์ ฉันหวังว่าคุณพร้อมที่จะตาย" หลินเฟิงตะโกนที่เขากำลังตั้งเป้าไปทางทิศเหนือ เขาได้
เข้าใจว่าพฤติกรรมของ กู้ชิงจูเนียร์ จะนำไปสู่ความตายของเขาเอง หลังจากได้รับบทเรียนจาก
หลินเฟิงเขาได้เติบโตเต็มที่และได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง ความเคารพนับถือที่เขาไม่
มีให้กับหลินเฟิง เขาจะแสดงความเมตตานิดหน่อย
ใบหน้าของ กู้ชิงจูเนียร์ ในขณะนั้นเปลี่ยนไปและเขาก็ไม่ได้มองอย่างสบายใจ เขาไม่อาจเชื่อได้ว่า
หลินเฟิงเพิ่งพูดกับเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ทรงพลังเช่น
ตัวเขาเองกล้าที่จะคุยกับเขาอย่างนั้น เขาเป็นสาวกลำดับที่สองของตระกูลกู้ ในหมู่สาวกของชั้น
ปราณทั้งหมด เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์มากโดยสมาชิกทุกคนใน
ตระกูลกู
" เสร็จข้าละ" กู้ชิงจูเนียร์กล่าวด้วยเสียงดังและสงบซึ่งทำให้ทุกคนตัวสั่น หลินเฟิงจะต้องแพ้แน่นอน
แต่กู้ชิงจูเนียร์ เขาต้องการที่จะฆ่าหลินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เอาละ กู้ชิงจูเนียร์ผู้ซึ่งสังเกตเห็นว่าบิดาของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลรู้สึกโกรธมาก เขาเริ่มเคลื่อนที่
ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ เขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับหลินเฟิง
"ฝ่ามืออสรพิษ!! " กู้ชิงจูเนียร์ตะโกน
ฝ่ามือของเขากำลังปล่อยออกมาเสียงดังฟึบ!!ขณะที่มันเริ่มทะลุทะลวงผ่านอากาศได้เหมือนกับว่า
เขากำลังทำให้บรรยากาศแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่หลินเฟิงยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งภูเภา ในขณะที่ฝ่ามืออสรพิษกำลังจะมาถึงเขา แสงไฟสว่างกร
ะพริบอยู่ข้างหน้าร่างของเขา ดาบนั้นรวดเร็วเกินไปสำหรับการมองเห็นของทุกคนที่จะเห็นสิ่งที่
เกิดขึ้น
ราวกับว่าเวลานั้นหยุดลงแล้วและทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง ไม่มีใครในฝูงชนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือ
ทำไมกู้ชิงจูเนียร์ หยุดเคลื่อนไหว ทันใดนั้นร่างกายของ กู้ชิงจูเนียร์ ล้มลงอย่างแรงบนพื้นขณะ
ที่ศีรษะของเขาเริ่มหลุดออกจากร่างของเขา ฝูงชนจ้องมองด้วยความเงียบสงัด.
** หลินเฟิงได้ปลอมตัวเป็น ตวอหมิง ซึ่งผู้ชมและผู้แข่งขันส่วนใหญ่ไม่ทราบ อย่า งงกันนะจ๊ะ **
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับอ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น