ตอนที่ 43 จิตวิญญาณที่ตื่นขึ้น
หลินเฟิงกำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน ในความฝันนี้จิตใจของเขาล่องลอยออกจากร่างกาย วิญญาณ
ของเขาลอยผ่านความมืดไม่มีที่สิ้นสุดมันดูเหมือนโลกที่สร้างจากความมืดเท่านั้น
ในโลกแห่งความมืดนี้ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต หลินเฟิงไม่รู้ว่าวิญญาณของเขาถูกกักขังอยู่ในความ
มืดนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว มีเพียงแสงเดียวที่ส่องสว่างในความมืด มันเป็นแสงเล็กๆที่เปร่งประกายมัน
ทำให้เขาหลงไหล
สุดยอดไปเลย!! นี่มันแสงอะไรกัน? ยิ่งหลินเฟิงเข้าไปใกล้แสงนั้นเท่าไหร่มันยิ่งเปร่งประกายงดงามมาก
ขึ้นเท่านั้น เขาค้นพบว่าแสงที่ส่องสว่างผ่านความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าถึงมัน
แสงได้ขดกลายเป็นเกลียวเหนือหัวของเขาและกลายเป็นรูปร่างที่คุณเคยขึ้นมามันมีรูปร่างเหมือนดั่ง
คัมภีร์มันดูเหมือน ปราณของจักรวาลทั้งหมดอยู่ในหนังสือเล่มนี้ และได้มันอยู่ที่นั้นตั้งแต่การสร้างของ
จักรวาล คัมภีร์เล่มนี้ดูเหมือนจะมีข้อมูลทั้งหมดของทุกจักรวาลตั้งแต่เริ่มต้นของเวลาเอง หลินเฟิง
จ้องมองคัมภีร์เล่มนี้ราวกับว่ามันเป็นของขวัญล้ำค่าที่จักรวาลมอบให้เขาดวงตาของเขากำลังแผ่แสง
ที่น่าสนใจ เมื่อหลินเฟิงเปิดคัมภีร์และมองเข้าไปด้านในเขาพบอักษรที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งไหลผ่านหน้า
คัมภีร์ ตัวอักษรเริ่มไหลเวียนออกจากหน้าคัมภีร์และเข้าสู่ร่างกายหลินเฟิง ดูเหมือนว่าข้อมูลทั้งหมด
ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เล่มนี้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายหลินเฟิง
ตู้มมม !!
เกิดเสียงดังขึ้นบนท้องฟ้ามันฟังดูคล้ายกับร่างกายของหลินเฟิงได้ระเบิดขึ้นจากปริมาณข้อมูลที่ถูก
ดูดซึมผ่านผิวหนังของเขา หลินเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เขานั่งลงบนพื้นอย่างไร้กำลัง เขากลับ
จากโลกแห่งความมืดและนั่งลงบนพื้น ยามค่ำคืนยังคงมืดมิดและฝนที่ตกลงมาจากฟ้าเหมือนกับเวลา
ได้หยุดเดินขณะที่เขาอยู่ในความมืดนั้น เขาค้นพบคัมภีร์อันสูงส่งที่มีข้อมูลดังกล่าวได้เยี่ยงไรกัน?
เขาจะกลับไปยังแสงสว่างอันงดงามและศักดิ์สิทธิ์ภายในความมืดได้อย่างไร?
"เสียงหายใจ" หลินเฟิงกำลังหายใจอย่างลำบาก ร่างกายของเขากำลังสั่นไหวจากความเจ็บปวดของ
ร่างกายของเขาเป็นเวลานานเกินขีดจำกัด สำหรับความเจ็บปวดที่เขาสามารถทนได้ อย่างไรก็ตาม
เขายังมีชีวิตอยู่และด้วยความเจ็บปวดนั้นเขาได้เห็นโลกแห่งความมืดซึ่งดูเหมือนจะมีความลับของ
จักรวาลซ่อนอยู่
เมื่อไหร่ที่หลินเฟิงได้รับความเจ็บปวดจากการทรมานช่วงเวลาก่อนเขาตาย เขาคิดจริงๆว่าเขากำลัง
จะตายจากความเจ็บปวดของวิญญาณเขา ความเจ็บปวดนั้นมากเกินกว่าที่เขาเคยเจอมาในโลกนี้
มนุษย์จะสามารถทนความเจ็บปวดนี้ได้เยี่ยงไรกัน?ความเจ็บปวดรุนแรงจนเขาล้มลงจนเกือบจะตาย
"คนอื่น ๆ ต้องผ่านความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานนี้เมื่อพวกเขาพยายามที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณ
ของพวกเขาหรือไม่?" หลินเฟิงกำลังมองอย่างลึกซึ้งเข้าที่ความมืดมิดของค่ำคืน เขาไม่เข้าใจว่าหลาย
คนปลุกจิตวิญญาณของพวกเขาด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหนกัน เขาเชื่อจริงๆว่าเขากำลังจะตาย
แม้ว่าหลินเฟิงไม่คิดว่าเขามีความสามารถหรือมีพรสวรรค์ แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของ
ตัวเอง ช่วยไม่ได้ที่เขาคิดว่าคนที่มีพลังน้อยกว่าตัวเองจะทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดเพียงครึ่งนึง
ที่กระทบร่างกายของเขาได้หรือไม่ เมื่อจิตวิญญาณของเขากำลังตื่นขึ้นมาเขาก็เต็มไปด้วยสามขั้นตอน
ของความเจ็บปวดอันไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งบุกเข้าไปในร่างกายของเขาและทำให้วิญญาณของเขาทะยานขึ้น
ทุกครั้งที่เขาติดอยู่กับความเจ็บปวดมันรุนแรงมากขึ้นและน่ากลัวกว่าเก่า ในช่วงสุดท้ายของความเจ็บ
ปวดที่น่ากลัวจนร่างของเขาล้มลงไป ในขณะที่จิตใจของเขาก็อดทนร่างกายของเขาทรุดลงด้วยความ
เจ็บปวด ขอบคุณความมุ่งมั่นและจิตใจที่มั่นคงไร้ขีดจำกัดของเขาเอง เขาสามารถรับมือกับอาการปวด
ได้นานกว่าที่ร่างกายของเขาทนได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้ล้มลงทันทีและแทนเขาได้เริ่มมีเลือดไหล
ออกจากหูตาจมูกและปากของเขา
บางทีช่วงเวลาที่จิตวิญญาณตื่นขึ้นมาเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันสำหรับทุกคน บางทีเรื่องแบบนี้
อาจเป็นแค่จิตวิญญาณของข้าเพียงคนเดียว "ในขณะที่กำลังพูดใช้ความคิดออกมา หัวใจของหลินเฟิง
ก็เริ่มบีบอัดและปล่อยจิตวิญญาณของเขา หลินเฟิงก็มีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ สภาพแวดล้อม
ของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ หลินเฟิงไม่ได้อยู่ในสถานที่นั้นอีกต่อไปแทนที่จด้วยการกลับ
มาสู่โลกแห่งความมืด คราวนี้เขารู้สึกถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวและรู้เรื่องทุกอย่างรอบตัวมากขึ้น เขารู้
สึกอ่อนเพลียแต่เพื่อให้เขาได้มองเห็นและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวแม้ว่าจะอยู่ในความมืด เขา
สามารถรู้สึกถึงทุ่งหญ้าขณะที่มันพริ้วไหวไปมาจากลมที่พัด เขารู้สึกได้ทุกหยาดฝนขณะที่มันร่วงลงสู่
พื้น เขาเริ่มสงบและเริ่มรู้สึกถึงทุกอย่างรอบตัว เขายังคงเดินหน้าและรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เขาไม่รู้ว่า
เขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหนหรือความรู้สึกของเขามีความรู้สึกอย่างไรเมื่อถึงจุดนี้ แต่ดูเหมือนว่าในขณะนี้
เขาได้กลายเป็นคนที่รู้แจ้งในทุกสรรพสิ่ง เขาสามารถสัมผัสถึงทุกสิ่งทุกอย่างในโลกรอบๆตัวเขาได้
ทุกส่วนของเขา
อะไรที่ทำให้ตกใจได้มากยิ่งขึ้นกับหลินเฟิงนั่นก็คือ เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ดวงตาที่
เขาใช้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนดวงตาของตัวเอง ดวงตาของเขาช่างน่ากลัวไม่ใช่สายตาของมนุษย์ ช่วย
ไม่ได้ที่เขาจะตัวสั่น เมื่อมองเข้าไปในตาสิ่งที่รู้สึกถึงความน่ากลัวเหล่านั้นจาก "จิตวิญญาณความมืด..
" หลินเฟิงตระหนักว่าสมองของเขาเร็วกว่าก่อนหน้านี้และเขาสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆได้ชัดเจนกว่าเดิม
พลังของจิตวิญญาณของเขาเกือบจทำให้เขากลัว ดูเหมือนว่าพลังของเขาไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนความมืด
ที่อยู่รอบตัวเขา หัวใจของเขาเริ่มบีบตัวอีกครั้ง เงามหึมาออกมาจากด้านหลังของเขา เงาตัวเองมีรูปร่าง
เป็นเกลียว ที่ด้านบนสุดของเงามีคัมภีย์อันงดงามและศักดิ์สิทธิ์ หนังสือเริ่มเปิดขึ้น
"นี่เป็นจิตวิญญาณหรือไม่?" หลินเฟิงมีรูปแบบคำถามในสายตาของเขา ดูเหมือนเงานั้นสามารถที่จะมี
อิทธิพลต่อจิตวิญญาณของหลินเฟิงที่เขาปล่อยลงไปในความมืด ทุกอย่างดูเหมือนจะชัดเจนมาก ฉาก
ดูคล้ายกับในความฝันของเขา: ความมืดไม่มีที่สิ้นสุดและภายในความมืดนั้นเป็นแสงสว่าง คัมภีร์เล่มนี้
ได้ปรากฏตัวและลอยตัวอย่างเงียบ ๆ เหนือหัวของเขา ในความทรงจำของหลินเฟิงจิตวิญญาณที่จะได้
รับการปลดปล่อยสองครั้งนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น ราวกับว่าวิญญาณนั้นมีสองขั้นที่สามารถปลดปล่อยได้
ชั้นแรกเป็นเงาที่ผสานเข้ากับโลกและสร้างโลกแห่งความมืด ชั้นที่สองเป็นคัมภีร์เกี่ยวกับสวรรค์
หลินเฟิงคิดว่าจิตวิญญาณของเขาเริ่มตื่นขึ้นมาไม่ได้ล้มเหลวในการตื่นขึ้น แต่มันเกินกว่าความรู้ทั่วไป
คัมภีร์สวรรค์ จิตวิญญาณของคัมภีร์... หลินเฟิงไม่ทราบว่าจิตวิญญาณแบบไหนที่เขามีในขณะนั้น
ในทวีปเก้าเมฆามีจำนวนทักษะและจิตวิญญาณที่ไม่มีขีดจำกัด การตื่นขึ้นของจิตวิญญาณก็เป็นการ
เปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มีคนไม่มากที่สามารถเข้าใจความลึกลับของจิตวิญญาณได้ พวกเขารู้ว่ามี
จิตวิญญาณที่แตกต่างกันซึ่งทั้งหมดจะแตกต่างกันเมื่อตื่นขึ้นมา ขึ้นอยู่กับคนที่ปลุกจิตสำนึกให้ตื่นขึ้น
จิตวิญญาณของคัมภีร์เล่มนี้เป็นปริศนาลึกลับและน่าสงสัยอย่างหนึ่ง ทำให้หลินเฟิงไหวาดกลัว อำนาจ
ของมันไม่ได้อาศัยอยู่ในการปลดปล่อยการโจมตีหรือปกป้องเขาในระหว่างการต่อสู้ มันไม่ได้มีประสิทธิ
ภาพทั้งในการโจมตีและการป้องกัน แต่ผู้ที่มีจิตวิญญาณหนังสือสามารถเขียนสิ่งที่ผิดปกติภายในหนังสือ
สิ่งแปลกประหลาดและพิเศษเหล่านี้อาจส่งผลต่อความเร็วการเพาะปลูกของผู้ที่มีจิตวิญญาณเช่นนี้ได้
"โอ้พระเจ้า" หลินเฟิงถอนหายใจ ทันใดนั้นภายในม่านตาสีดำทั้งสองส่องแสงสีเงินสดใส มันดูเหมือนกับ
ดวงอาทิตย์กำลังส่องประกายอยู่ในดวงตาที่มืดมนเหล่านี้ มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วไฟสีเงินก็
หายไป หลินเฟิงกำลังคิดลึกลงไป ไฟขนาดเล็กเหล่านี้หมายความว่าหน้าแรกของคัมภีร์นั้นเปิดขึ้น
ดูเหมือนว่าเขาได้รับอำนาจวิเศษจากจักรวาล
"ผมจะเรียกคุณว่าดวงวิญญาณสวรรค์ของข้า" หลินเฟิงกระซิบ จิตวิญญาณของเขาค่อยๆจางหายไป
และสายตาของหลินเฟิงกลายเป็นปกติอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับสู่สภาพปกติและความมืดที่น่ากลัว
ได้หายไป เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและเป็นปกติ เขามีความรู้สึกแปลก ๆ ที่เหลืออยู่บนหลัง เขา
หันหัวของเขาปราณสีขาวยังคงไหลจากร่างกายของเขาไม่รู้จบ หลินเฟิงสามารถใช้ปราณสวรรค์และ
ปราณของโลกได้ตามที่เขาต้องการเขาสามารถสร้างพลังที่น่าตกใจกับปราณเหล่านี้ได้ หลินเฟิง
ทะลายไปในระดับชั้นจิตวิญญาณ หลังจากการปลุกจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขาซึ่งเป็นชั้นแรก
ที่เขาสามารถปลดปล่อย ขั้นสวรรค์เป็นขั้นที่สองของจิตวิญญาณสวรรค์ แม้ว่าจิตวิญญาณงูตัวเล็กๆ
ของเขาไม่สามารถตื่นขึ้นได้ แต่หลินเฟิงก็ยังคงพอใจเป็นอย่างมาก
การปลดปล่อยชั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์ของเขาจะเพียงพอที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา
ชั้นที่สองจิตวิญญาณคัมภีร์ของเขาจะสนับสนุนเขาซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเขาในเส้นทางการเพาะปลูก
ของเขาและไม่จำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยออกมาเพื่อให้เขาได้รับผลประโยชน์
ชั้นจิตวิญญาณ ... นับจากนี้ไปข้าจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้" หลินเฟิงมั่นใจอในขณะยิ้ม เขารู้สึกได้
ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในจิตวิญญาณความมืดของเขา ชั้นแรกของจิตวิญญาณสวรรค์
ของเขาคือจิตวิญญาณแห่งความมืด แต่พลังของมันน่ากลัว จากช่วงเวลานั้นถ้าหลินเฟิงได้พบกับ
หลินเซียน เขาก็ไม่มีปัญหาในการเอาชนะเธอ แม้ว่าหลินเซียนจะหยิ่ง แต่เธอก็ยังคงมีจิตวิญญาณ
น้ำแข็งและจิตวิญญาณสามัญ แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบกับจิตวิญญาณความมืดของเขา ฝนยังคงตก แต่
ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้า แสงแดดบางส่วนเริ่มผ่านชั้นบรรยากาศ หลินเฟิงยืนขึ้นและมองไปที่
เสื้อผ้าที่เปียกจากฝน เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ นั่งข้างนอกทุกคืนเป็นประสบการณ์ที่บ้ามาก หลินเฟิง
เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปไกลและเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนเมื่อเขาฆ่าคนไป
หลายสิบคนที่เป็นผู้เพาะปลูกของในเมือง ถ้าเขาอ่อนลงเล็กน้อยเขาจะตายด้วยความตายที่อนาถใจ
ตระกูลน่าหลานของเมืองหยางโจว น่าหลานเฟิง เราจะได้เจอกันเร็วๆนี้หลังจากนี้เจ้าจะเสียใจจากการ
กระทำเมื่อคืน หลินเฟิงยืนขึ้นแล้วเริ่มออกเดิน
Cr.tuiimyk แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น