ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 41


ตอนที่ 41 มือสังหาร









ในห้องพักหลินเฟิงนั่งอยู่บนเตียงในขณะที่นั่งสมาธิอย่างสงบ หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่ง
ความมืดและมุ่งเน้นไปที่การดูดซับพลังปราณที่อยู่โดยรอบตัวของเขา ปราสาทสัมผัสในการได้ยิน
ของเขาในขณะนี้เหนือกว่าผู้เพาะปลูกทั่วไปนัก ถ้าเขาต้องการได้ยินเขาก็สามารถได้ยินเสียงดัง
กล่าวจากภัตตราคาร นี่เป็นเพราะสมาธิและจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขาซึ่งขยายประสาท
สัมผัสทั้งหมดของเขา ปราณของสวรรค์และโลกแทรกซึมเข้าไปในร่างของหลินเฟิง อย่างไม่หยุด
หย่อน แสงสีขาวที่สังเกตเห็นได้ชัดปรากฏตัวขึ้น พลังปราณที่พายุที่รุนแรงซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นไต้ฝุ่น
ได้ทุกเมื่อ มันเป็นพลังปราณของเขาที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดของปราณขั้นที่เก้า

เขากำลังรอที่จะพิชิตพลังที่ค้างอยู่ซึ่งใกล้จะบรรลุระดับต่อไปและมีการหลั่งไหลของพลังอำนาจขึ้นอีก
ครั้งหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาและแล้วหลินเฟิงสามารถทะลายผ่านชั้นปราณขั้นที่เก้าไปได้ เขาสามารถฆ่า
คนที่ต่อต้านเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนหน้านี้ด้วยทักษะและเทคนิคเขายังสามารถฆ่าศิษย์ปราณชั้นที่หก
ได้โดยที่พวกเขาไม่สังเกตเห็น ในขณะนั้นมีเงาภายนอกอยู่ใกล้โรงแรมเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมุ่ง
หน้าตรงไปที่โรงเตี๊ยม มีกลุ่มที่เข้ามาในโรงเตี๊ยวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นโดยใช้เทคนิคความ
การเคลือนไหวที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งทำให้พวกเขามีลักษณะเหมือนผีเดินผ่านฝูงชน พวกเขาทั้งหมดถือ
ธนูที่ทำจากเขาของวัว คันธนูนี้แข็งแรงเป็นพิเศษ ผู้เพาะปลูกสามารถบรรจุพลังปราณได้จำนวนมาก
ในการใช้ธนูเขาวัว

เขาอยู่ในห้องที่สอง มันเป็นเรื่องดีที่สุดที่จะไม่รบกวนเขานั้นจะลำบากเกินไป ลองจัดการเรื่องนี้ให้
เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ "วหนึ่งในเงามืดที่ยืนอยู่ข้างนอกของกลุ่มกล่าว เงามืดนั้นกำลังจับพัดในมือ
 พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องที่สองอย่างรวดเร็วไม่มีใครในโรงแรมได้สังเกตเห็นการปรากฏตัว
ของพวกเขา

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างเงาทั้งสิบได้ปรากฏขึ้น ณ หน้าประตูห้องที่สอง พวกเขาคล่องแคล่วและสง่า
งามแทบไม่มีเสียงใดที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของพวกเขา เกือบจะไม่มีใครได้ยินพวกเขา เพียงคนเดียว
เท่านั้นที่ตระหนักถึงพวกเขาคือหลินเฟิงที่ได้สังเกตเห็นพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะมาถึงโรงเตี๊ยม
ความแกร่งของร่างเงาแตกต่างกันไปในแต่ละคนและป็นไปไม่ได้ที่จะบอกจุดพลังของพวกเขาได้
โดยการมองผ่านๆ

"ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง" เงาที่คว้าคันธนูออกจากหลังของพวกเขาด้วยเสียงที่เงียบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้ว
ง้างลูกธนูด้วยสายธนู

"ยิง !!"

"พิ้ว พิ้ว พิว!! " เสียงลูกธนูอันแหลมคมแหวกอากาศทะลุผ่านไม้เข้าไปภายในโรงเตี๊ยม ทำให้หลาย
คนสังเกตุที่มาของเสียง ลูกธนูเหล่านี้มีพลังมากจนทำให้ประตูไม้เปิดออกอย่างสมบูรณ์และภายใน
ห้องมีเสียงกระแทกดังขึ้นตามด้วยเสียงกลิ้ง

"บุกเข้าไป" หนึ่งในพวกนั้นตะโกนนำทางเข้าไปในห้องและตรวจสอบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้อง อย่างไรก็ตาม ไม่มีมีใครอยู่ในนั้น เตียงไม้ที่มีคุณภาพสูงได้รับความเสีย
หายจากลูกธนู บนเตียงมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ซึ่งทำมาจากวัสดุต่างๆ แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ร่างเงาสอง
คนได้เริ่มเดินเข้าไปในห้องในขณะที่ยังมีคนเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นจะได้ยินเสียงกระหึ่มของ
ดาบที่ตัดผ่านอากาศตามด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามที่น่าสยดสยอง สิ่งที่มองเห็นได้ภายในความมืดคือ
ชุดของดวงตาที่โหดเหี้ยมและกระหายเลือดกระโจนเข้าหาเงา แสงสีเงินอ่อนกระพริบผ่านอากาศมัน
คือดาบ เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในอากาศ ทั้งสองได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัวจากภายในห้อง
ทั้งสองเงาที่เดินเข้าไปในห้องลึกเข้าไปในห้องได้อยู่จุดที่มองไม่เห็น คราวนี้พวกเขากลายเป็นซาก
ศพที่กลิ้งไปตามพื้นดินกลับตรงไปทางกลุ่ม

ในขณะที่คนเหล่านี้เข้ามาในโรงเตี๊ยมหลินเฟิงรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ เขาให้ความสนใจกับพวก
นั้นไม่น้อยและไม่สามารถบ่มเพาะพลังต่อได้ เขาอยู่ในภาวะมึนงงเหมือนใจกลางที่ฝึกฝน เมื่อเขา
ได้ยินว่าพวกเขามาถึงห้องของเขา จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจสถานการณ์
ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังจะฆ่าเขา หลินเฟิงซ่อนตัวอยู่ภายในห้องห่างจากประตูเพื่อไม่ให้โดนลูกศร
 เขาพิงกำแพง เขาเลือกกำแพงซึ่งเป็นมุมอับสายตาดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะใช้ธนูในการโจมตีที่นั่น
นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่น ๆ จะเห็นเขาจากภายนอก นั่นเป็นวิธีที่สะดวกมากเพราะเขา
สามารถซุ่มโจมตีศัตรูจากภายในความมืดได้ เมื่อหลินเฟิงได้เห็นพลังและความแรงของลูกศรที่ทะลุ
เข้าไปในห้องเฟิงได้คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้สังเกตเห็นพวกเขาตั้งแต่แรก ถ้าหลินเฟิงไม่ได้ซ่อน
ตัวอยู่ในมุมอับสายตาเขาจะถูกฆ่าตายจากลูกธนูทันที

แต่ในขณะที่คำนึงถึงความโชคดีของเขาหัวใจของหลินเฟิงก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการฆ่า ร่างกาย
ของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายการฆ่าฟันซึ่งทำให้เขาดูเหมือนเป็นสัตว์เดรัจฉานในตำนานโบราณ
 นั่นเป็นเหตุผลที่เขาฆ่าคนมาได้สองคน เขาไม่สามารถระงับความจตนาที่จะฆ่าได้ ราวกับว่ามีผีสิง
อยู่ในเงามืด

เข้ามาเลย ดาบของข้ายังไม่ได้ลิ้มรสเลือดเพียงพอ !! เสียงกระสิบจากภายในความมืด

หลินเฟิงจับดับของเขาอีกครั้งและร่ายกายของเขาได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ได้ยินเสียงกรีดร้องสอง
เสียงจากข้างห้อง หลินเฟิงได้ใช้เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทร์เพื่อเคลื่อนที่ไปฆ่ามือสังหารทั้งสองที่คิดว่า
ปลอดภัย ขณะที่มือสังหารคนอื่นๆนอกห้องมองไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับแสดงอาการหวาดกลัวออก
มา หลินเฟิงใช้โอกาสนี้โดดออกไปนอกหน้าต่าง

"ตามมันไป!! " หนึ่งในมือสังหารตระโกนออกไปด้วยความโกรธอย่างมากในสถานการณ์นี้

เหมือนสัตว์ป่าพวกเขากระโดดออกจากหน้าต่างแต่ละคนมีลักษณะกระหายเลือดบนใบหน้าของ
พวกเขา มันเป็นคืนที่ฝนตกและมันก็มืดอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเมฆปิดกั้นแม้แต่แสงจันทร์ หาก
ผู้เพาะปลูกไม่ได้เห็นภาพที่น่าอัศจรรย์เช่นนั้นพวกเขาแทบจะไม่สามารถมองเห็นถนนโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีอิทธิพลต่อหลินเฟิงเลย ขอบคุณจิต-
วิญญาณแห่งมืดของเขา เขามีความรู้สึกอัศจรรย์ซึ่งเหนือกว่าคนอื่น ๆ ในระดับของเขา ประสาท
สัมผัสทั้งห้าของเขาเชียบคมและการรับรู้มากขึ้น เขาสามารถมองเห็นถนนได้อย่างชัดเจนใน
ตลอดเวลา คนที่ตามเขากำลังใกล้ชิดและเใกล้เข้ามาแต่ละวินาที เสียงฝีเท้าของพวกเขาประทับ
บนพื้นเปียกได้เต็มไปหมด กลุ่มนี้มีขนาดใหญ่มากสำหรับตามคนเพียงคนเดียว

วูซ !!

ลูกศรบินผ่านหลินเฟิงพร้อมเสียงหึ่งๆ ไม่ไกลจากนั้นหูของเขาถูกฉีกขาดออกจากกันโดยแรงที่
สร้างขึ้นจากลูกศร "คนที่เพิ่งยิงลูกศรนั้นปราณชั้นที่เก้า พลังของเขาเทียบได้กับของหลิวเฟย พวก
เขาทั้งหมดห่างเไกลจากความอ่อนแอ "หลินเฟิงคิดขณะที่ตัวสั่นลงกระดูกสันหลังของเขา หลิวเฟย
 อยู่ปราณระดับที่เก้าและเธอก็แข็งแรงมาก นอกจากนี้เธอยังมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ถ้ากล่าว
ถึงลูกธนูของเธอที่มีกำลังมากก็ไม่มีจุดเด่นที่แน่ชัดแก่ทุกคนที่ได้รับประสบการณ์จากเธอ ด้านบน
นั้นผู้ที่ติดตามหลินเฟิง มีอำนาจเทียบเท่ากับหลิวเฟย พวกเขามีพลังและได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี

หลินเฟิงไม่เคยคิดเลยว่ามีคนบางคนมาฆ่าเขาตอนกลางดึกเหตุใดพวกเขาจึงอยากฆ่าเขา?

"วูซ วูซ"

อีกสองลูกศรบินผ่านหัวของเขา เขามั่นใจน้อยลงและน้อยว่าเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงลูกธนูได้
หากยังถูกยิงต่อเนื่อง คนเหล่านี้ไม่เพียงแข็งแรงมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาได้รับการฝึกยิง
ธนูมาอย่างดี ความแม่นยำในกายิงออกมาของพวกเขาสูงมาก ถ้ามีข้อบกพร่องในการเคลื่อน
ตัวเขา หากเขาให้โอกาสลูกธนูซักลูก หนึ่งดอกนั้นอาจฆ่าหลินเฟิงได้

ไม่ชินเอาซะเลยกับการทำแบบนี้ ถ้าข้ายังคงทำแบบนี้ต่อไปตัวเราจะหมดแรงโดยที่ไม่มีความพลัง
เหลือและพวกเขาจะสามารถฆ่าข้าอย่างง่ายดาย "หลินเฟิง กล่าวขณะที่หลีกเลี่ยงลูกศร เขารู้สึก
สิ้นหวัง จริงๆแล้วคนเหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่ที่ปราณระดับที่เก้า นอกจากนี้พวกเขาสามารถใช้คันธนู
ของพวกเขาไปยังจุดสำคัญและพวกเขากำลังทำงานร่วมกันสามัคคีอย่างสมดุลกัน ดูเหมือนว่าพวก
เขากำลังเคลื่อนขบวนไป แม้ว่าหลินเฟิงจะใช้เทคนิคความคล่องตัวที่ดีกว่าพวกเขาดูเหมือนจะเป็น
ไปไม่ได้ที่เขาจะหลบหนีออกจากกลุ่มมือสังหารเหล่านั้น เท้าของหลินเฟิง กระเซ็นอยู่ในโคลนเปียก
และเสื้อคลุมของเขาก็ปกคลุมไปด้วยโคลน ยังคงมีฝนตกอย่างหนัก เสื้อคลุมหลินเฟิงเปียกหมดแล้ว
หลินเฟิงหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงลูกศรอีก จากนั้นเขาก็หยุดและหันไปรอบๆ ในพริบตา เขา
เปิดเผยรูปลักษณ์ที่ยุ่งเหยิงของเขา

"เคลื่อนที่ดั่งเงาจันทร์ "

"ตายซะ" ในทันทีไม่เพียงแต่หลินเฟิงหยุดวิ่งหนี แต่เขาก็ใช้เทคนิคความว่องไวของเขาเพื่อย้อนกลับ
ไปตามทิศทางของผู้ไล่ล่า หลินเฟิงใช้มือจับดาบของเขาที่ส่งแสงอยู่ในความมืดเสียงคำรามฟ้าร้อง
อาจสั่นสะเทือนผ่านบรรยากาศและผสานกับฝนตกหนักอย่างลงตัวด้วยความสมดุล สายเลือดเริ่ม
ไหลลงสู่พื้นดินน้ำฝนบนพื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดงดั่งเลือด เงาที่วิ่งตรงไปยังหลินเฟิงถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ
 โดยไม่มีความลังเล มือสังหารทั้งห้าถูกตัดหัวโดยหลินเฟิงด้วยการโจมตีอย่างราบรื่น มือสังหารที่
เหลือลุกขึ้นหนีอย่างรวดเร็วหนีไปได้ 10 เมตร สายตาที่ระมัดระวังของพวกเขาจ้องไปที่หลินเฟิง
 พวกเขายังคงระมัดระวังมาก พวกเขายังเด็กอยู่และตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการสู้ หลินเฟิงได้ฆ่าพวก
เขาไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

หลินเฟิงยังคงดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือสังหารผ่านสายฝนที่โปรยปรายลงมา หนึ่งในคนเหล่านั้น
สวมหมวกกันฝนสีดำและถือพัดอยู่ในมือ "น่าหลานไฮ่" หลินเฟิงมองไปที่พวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา
การหุบพัดนั้น เขาจำพัดนั้นได้ พัดของน่าหลานไฮ่

เขามองไปที่พวกนั้นทั้งหมด ด้วยการยิ้มเยาะและพูดว่า: "ผู้ฝนที่โดดเด่นจำนวนมากมีเพียงสองสาม
คนที่ในเมืองหยางโจว แต่พิจารณาว่าหลายคนมาหาฉันแล้วมีใครที่โดดเด่นในตระกูลพวกนั้นจริงรึ?

น่าหลานไฮ่กำลังยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคำรามอย่างโมโห:

"พวกเขาทั้งหมดบอกว่าลูกชายหลินไฮ่ของตระกูลหลินเป็นชิ้นส่วนของขยะ หลินเฟิงที่ฉันรู้ ไม่ได้
เป็นชิ้นส่วนของขยะเขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงสามารถปรับให้เข้ากับทุกสถานะการณ์เขานั้นฉลาด
มากและรอบคอบ แต่แย่มาก... "

แย่ตรงไหน ? หลินเฟิงกล่าว

"แย่มากที่คุณเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง แต่ไม่มีใครจะรู้ได้" น่าหลานไฮ่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย:
"แม้ว่าคุณจะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อคุณตายแล้ว ด้วยความตายของคุณ
มลทินชื่อเสียงของน่าหลานเฟิงจะได้หายไปไง "

น่าหลานเฟิงถึงเกลียดข้าเพราะเหตุการณ์เล็กน้อยเช่นนั้น เพราะข้าชี้ให้เห็นความผิดพลาด
ของเธอ? เธอจึงได้ส่งกองกำลังอันยิ่งใหญ่ของเมืองหยางโจวเพื่อตามล่าและฆ่าข้าอย่างลับๆ?
"โทนเสียงของหลินเฟิงกำลังเยาะเย้ยอย่างชัดเจน คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
พวกเขาไม่ใช่ผู้เพาะปลูกธรรมดา เมื่อหลินเฟิงมองพวกเขาอย่างระมัดระวังอีกครั้งเขาเข้าใจ
อย่างชัดเจนว่าเป็นกองกำลังของเมืองหยางโจว

มีสิ่งหนึ่งที่หลินเฟิงไม่เข้าใจว่า น่าหลานเฟิงเป็นคนแรกที่เขาดูถูกและไม่สนใจหลินเฟิง นั่นคือเหตุผล
ที่ทำให้เธอเสียหน้า อย่างไรก็ตามการดูถูกที่เธอระดมกำลังทหารของเมืองเพื่อฆ่าข้า? ดูเหมือนว่า
หลินเฟิงไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าน่าหลานเฟิงจะใช้สถานะและอำนาจของเธอตามใจชอบอย่างลับๆ

เจ้ารู้ไหมว่าเกียร์ติและความน่านับถือของธิดาน่าหลานนั้นระดับไหน? เธอมีสถานะที่สูงมาก เจ้า
คิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะทำให้เธอเสียเกียร์ติงั้นรึ?แม้ว่าเจ้าจะตายมันก็ไม่มากพอที่จะลงโทษสำหรับการ
ดูหมิ่น ธิดาน่าหลาน. น่าหลานไฮ่กล่าวด้วยเสียงดังและไม่แยแส ราวกับว่าทุกอย่างที่เธอพูดเป็น
เหตุผลที่ดี

ธิดาน่าหลาน? เกียร์ติและความน่านับถือ? หลินเฟิงยิ้ม แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองหยางโจว
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอมีสิทธิ์ที่จะหยิ่งและอวดดี หลินเฟิงไม่คิดว่าน่าหลานเฟิงจะยอมลดตัวในการใช้
อำนาจของพ่อของเธอในการระงับความเสียใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอเห็นหลินเฟิงไม่ต่างอะไรนอกจากมด
 ท่าทางของเธอนั้นช่างเน่าเฟ๊ะเหมือน หลินเซียน

"เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า? มาเริ่มกันเลย... "จิตวิญญาณแห่งความมืดของหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้นข้าง
หลังเขา ในช่วงกลางของจิตวิญญาณนั้นวิญญาณไม่มีปราณและไร้เสียง หลายคนไม่ได้สังเกตแม้
 ว่าเขาได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืดของเขา หลินเฟิงได้ให้ความสนใจกับการโจมตีแต่
ละครั้งและทุกๆการโจมตีของเขา ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้เขาเสียชีวิต จิตวิญญาณแห่ง
ความมืดของหลินเฟิงดูเหมือนจะมองไปรอบ ๆ ราวกับว่ามันมีสายตาของตัวเอง หลินเฟิงรู้สึกได้ถึง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขารวมทั้งพื้นดินใต้เท้า ไม่มีอะไรที่สามารถหลบหนีจากความรู้สึกของ
หลินเฟิงได้ ในขณะนั้นเขาสามารถรู้สึกได้แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวน้อยที่สุดในอากาศ

วูซ !!

ลูกธนูบินผ่านหูของหลินเฟิง เขาปิดมันเกือบจะโดนหู หลินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรและหลบเลี่ยงได้
อย่างง่ายดายซึ่งทำให้คนที่ยิงลูกธนูดูตกใจเล็กน้อย ในความมืดสนิทยามค่ำคืน ดวงตาเขาสงบนิ่ง
และเลือดเย็น เขาดูเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังจ้องมองเหยื่อของมัน






Cr.tuiimyk  แปลเล่นๆครับ ไม่อยากรอนานๆ ถ้าตกหล่นแปลผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ มือใหม่ครับ
อ่าน Eng ได้ที่ http://totallyinsanetranlation.com/peerless-martial-god-index/

ความคิดเห็น

Facebook