ตอนที่ 26 เจ้าอีกแล้ว
หลินเฟิงยังอยู่แค่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 แต่ ลวี่ เหลียงยังรู้สึกได้ว่าหลินเฟิงเป็นภัยคุกคาม หลินเฟิงมั่นใจอย่างมากว่าถ้าเขาบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 ได้การต่อสู้ครั้งนี้มันจะเป็นการต่อสู้ที่สูสี
“เก้าคลื่นทลายสวรรค์” หลินใช้ทักษะทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน และคลื่นพลังที่หลั่งไหลออกมาจากกำปั้นของหลินเฟิง พุ่งตรงเข้าไปที่ลวี่ เหลียง
“กงเล็บอินทรี!” ลวี่ เหลียง ยกมือขึ้น กรงเล็บของเขาแหลมคมมากราวกับใบมีดโกน ทันใดนั้นพลังปราณอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากร่างของเขา และปกคลุมไปทั่วภูเขา ทำให้คลื่นที่ทรงพลังของซวนหยวนอันตรธานหายไปราวกับหมอกควัน
“อัสนีคำราม!” หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบไปที่ ลวี่เหลียง ทุกๆการเคลื่อนของหลินเฟิงทำให้บรรยากาศต้องสั่นสะเทือน แม้ดาบยาวของหลินเฟิงจะถูกหยุดโดยกรงเล็บของลวี่เหลียง แต่กรงเล็บของมันก็ยังต้องสั่นสะเทือน หลินเฟิงเริ่มที่จะเป็นตัวปัญหาสำหรับ ลวี่เหลียง มากขึ้นเรื่อยๆ ลวี่เหลียง รู้สึกได้ว่ามือของเขาชา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยดาบของหลินเฟิง
แต่เมื่อ ลวี่ เหลียง ปล่อยดาบของหลินเฟิง เขารีบทะลวงกรงเล็บตรงเข้าไปที่หลินเฟิงทันที หลินเฟิงสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่เปลี่ยนแปลงไป และรู้สึกถึงคลื่นกระแทกคลื่นแรกที่ทำให้เขาต้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่เขาถูกซัดปลิวไปข้างหลังจากการโจมตีของลวี่เหลียง
ลวี่ เหลียง มีจิตวิญญาณอินทรี ทำให้มีการโจมตีที่แม่นยำ และแหลมคม นี่คือจุดแข็งของความแข็งแกร่งของเขา แม้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาจะเป็นรองการพลังโจมตี แต่การโจมตีของเขาสามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งได้มากกว่า 10,000 จิน ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพเหนือมนุษย์
หลินเฟิงเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจของเขา เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้หรือไม่ ความแตกต่างระหว่างขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 และขอบเขตจิตวิญญาณมันแตกต่างกันเกินไป การที่ต้องต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณมันมีช่องว่างของพลังที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ด้วยเพียงตัวคนเดียว หลินเฟิงต้องการที่จะล้มลวี่เหลียงให้ได้ แต่นั้นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“อัสนีคำราม” หลินเฟิงกวัดแกว่างดาบเพื่อโจมตีอีก
หลินเฟิงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงอัสนีคำรามดังสนั่นไปทั่ว ภายในถ้ำเต็มไปด้วยเสียงของอัสนีคำรามราวกับเทพเจ้าสายฟ้ากำลังอาละวาดอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลินเฟิงได้โจมตีไปหลายครั้ง จากนั้นร่างกายของหลินเฟิงร่ายล้อมไปด้วยออร่าพลังปราณจากดาบของเขา ราวกับฟองสบู่ที่ห่อหุ้มด้วยเขา
“ป้องกัน? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถป้องกันได้รึ? ข้าจะใช้โอกาสนี้แสดงให้เจ้าเห็นว่าการป้องกันของเจ้ามันกระจอกแค่ไหน ด้วยการโจมตีจากข้าผู้อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณ” ลวี่ เหลียง กล่าวพร้อมกับหัวเราะ ปีกของจิตวิญญาณอินทรีขยับ และพุ่งตัวเข้าโจมตีหลินเฟิง การโจมตีอันทรงพลังของ ลวี่ เหลียงปะทะกับปราณที่ห่อหุ้มตัวหลินเฟิง
“ตู้มมมม!”
การโจมตีของลวี่เหลียง โจมตีจากทุกทิศทุกทางทำให้พลังปราณที่ห่อหุ้มตัวหลินเฟิงไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายจากการโจมตีที่ทะลุผ่านพลังปราณที่ห่อหุ้ม แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่ง
“อินทรีทะยาน”
ลวี่ เหลียง เห็นว่ากงเล็บของเขาแทบจะไม่มีผลต่อหลินเฟิง ลวี่ เหลียงทะยายขึ้นไปบนอากาศ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมือทั้งสองข้างด้วยพลังปราณเป็นปีกของอินทรี และบินขึ้นไปบนอากาศ และพุ่งดิ่งโจมตีใส่หลินเฟิง
“ตู้มมมมมมม”
คลื่นกระแทกจากการโจมตีครั้งนี้ทำให้พลังปราณที่ห่อหุ้มหลินเฟิงสั่นอย่างรุนแรง ร่างกายของหลินเฟิงสั่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรักษาสภาพให้คงที่ พลังปราณที่ห่อหุ้มกลับมาเสถียรอีกครั้ง และหลินเฟิงกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง
เมื่อลวี่ เหลียงเห็นว่าการโจมตีของเขาไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้กับผู้บ่มเพาะพลังที่ยังไม่บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ ทำให้เขาบ้าคลั่งด้วยความโกรธ ร่างของเขากลายเป็นนกอินทรีและพุ่งโจมตีไปในทิศทางของหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง
หลินเฟิงยังคงมั่นคงจากการโจมตีที่รุนแรง พลังของลวี่ เหลียงรุนแรงมากขึ้นเพราะความโกรธของเขา ทั่วทั้งถ้ำเต็มไปด้วยเสียงอัสนีคำรามดังสนั่นที่ร่ายล้อมหลินเฟิง หินเริ่มที่จะตกจากเพดานถ้ำ และระเบิดจากแรงกดดัน ทำให้รู้ว่าถ้ำพร้อมที่จะถล่มลงได้ทุกเวลา
หลินเฟิงมีเลือดไหลออกจากปาก พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากลวี่หลียงไม่น้อยกว่า 12,000 จิน การโจมตีอันบ้าคลั่งของลวี่นั้นยากที่จะหลบเลี่ยงได้ ทำให้ร่างกายหลินเฟิงได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขายังคงทนรับการโจมตีของลวี่เหลียงที่ยังไม่หยุดมือ
“ข้าควรจะจบเรื่องนี้เสียซะตอนนี้”
สายตาของหลินเฟิงเยือกเย็น เขาค่อยๆขยับดาบยาวของเขาผ่านอากาศอย่างช้าๆ และปลดปล่อยแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมา เสียงอัสนีครามอันทรงพลังถูกปลดปล่อยอย่างช้าๆ และเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อย
พลังของดาบ พลังธรรมชาติของดาบล้อมรอบตัวเขา นี่คือพลังที่แท้จริงของอัสนีคำรามที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมัน
พลังทำลายล้างที่แท้จริงถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบของหลินเฟิง ลวี่ เหลียง รู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลกำลังเข้ามาใกล้ตัวเขา จิตวิญญาณอินทรีของเขาสั่นกลัว และเริ่มถอยร่น พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบของหลินเฟิมมันรุนแรงมากจนทำให้จิตวิญญาณนกอินทรีถึงกับถอยร่น
หลินเฟิงยังคงไม่หยุดยั้งดาบที่กำลังรวบรวมพลังปราณ เขาเริ่มใช้ทักษะเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทราเพื่อปิดทางหนีของลวี่ เหลียง เสียงอันน่าหวาดกลัวของอัสนีคำรามจากดาบของหลินเฟิง โจมตีไปที่ลวี่เหลียง
“อินทรีทะยาน” ลวี่ เหลียงตะโกนขณะปลดปล่อยพลังปราณจากมือทั้งสองข้าง และกลายเป็นปีกของนกอินทรี แล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ เขารวบรวมพลังปราณไปที่กรงเล็บอีกครั้งทำให้มันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ตู้มมมมมมมมมม!” แรงระเบิดอันรุนแรงปกคลุมไปทั่วถ้ำ ทำให้ถ้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ทักษะเคลื่อนที่ดั่งเงาจันทรา!”
ร่างกายของหลินเฟิงกลายเป็นแสงเงาจันทราสว่างสไวไปทั้งถ้ำ ดาบของเขาส่องแสงจากการโจมตี ขณะที่พุ่งออกไปจากถ้ำ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังไปทั่ว
“ไอสารเลว!” ลวี่ เหลียง ตะโกนอย่างเคียดแค้น แขนของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของหลินเฟิง ถ้าหลินเฟิงย้อนกลับมาโจมตีอีกครั้ง ชีวิตของเขาอาจจะต้องจบสิ้น
ลวี่ เหลียง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเจ้าเด็กนี่ที่อยู่ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 จะสู้เขาได้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ และฆ่าน้องชายของเขาต่อหน้าเขา
ลวี่ เหลียง กอดร่างของน้องชายของเขา การแสดงออกของเขาโหดเหี้ยม แต่ใบหน้าของเขากลับบิดเบี้ยว และเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และความโกรธ ในขณะนั้นเขาดูราวกับปีศาจ มีเลือดไหลออกมาจากลำคอของลวี่เฟยเยอะมาก
หลินเฟิงพยายามที่จะสบั้นคอของลวี่เฟย ขณะที่เขาพยายามหนีออกจากถ้ำ นี่เป็นการแก้เเค้นของหลินเฟิง
“ไม่นานหลังจากนั้น, ข้า ลวี่เหลียง ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะไม่มีวันอยู่อย่างสงบ” เสียงของลวี่ เหลียงดังก้องอยู่ในถ้ำ และน้ำเสียงราวกับเป็นปีศาจที่ถูกขังอยู่ในนรก เสวี่ย ฮวนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นางพิงกำแพงถ้ำเพราะนางไม่อาจยืนหยัดได้ นางไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะมีพลังมากมายเช่นนี้ แม้แต่ลวี่เหลียง ยังตกอยู่ในสภาพเวทนาเช่นนี้
ถ้าหลินเฟิงได้ยินเสียงตะโกนของลวี่ เหลียง เขาคงจะยิ้มเยาะเย้ยกับสิ่งที่เขาได้ทำ ลวี่ เหลียงจะไล่ล่าหลินเฟิงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และหลินเฟิงจะไม่มีวันใช้ชีวิตได้อย่างสงบ ทำไมลวี่ เหลียงถึงพูดอะไรไร้สาระเช่นนี้ ถ้าลวี่ เหลียงต้องการไล่ล่าหลินเฟิงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เขาก็จะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับน้องชายของมัน
หลินเฟิงไม่ได้ใจกว้างพอที่จะปล่อยให้คนอื่นรอดกลับไปครั้งที่สอง นี่คือข้อตกลงที่เขาได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ที่ลวี่ เฟยกลับมาเพื่อแก้แค้น เขาเคยปล่อยลวี่ เฟยปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่ง
หลินเฟิงไม่ใช่คนที่ชั่วร้าย เขาไม่เคยคิดที่จะไปยั่วยุคนอื่นๆก่อน เขาไม่ต้องการฆ่าคนอื่นหากไม่จำเป็น แต่ถ้าคนอื่นต้องการที่จะยั่วยุเขา และพยายามที่จะฆ่าเขา แน่นอนว่าเขาจะต้องป้องกันตัว และต่อต้าน
หลินเฟิงวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง และค่อยลดความเร็วลง เขากระอักเลือดออกมาตั้งแต่ได้รับจากการต่อสู้ หลินเฟิงได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ และเขาเสียเปรียบอย่างมาก ถ้าเขาฝืนต่อสู้ต่อไปเขาจะต้องตายแน่นอน นี่คือเหตุผลที่เขาโจมตีลวี่ เฟย ก่อนออกจากถ้ำ พลังของเขา และลวี่เฟย มันแตกต่างกันมากเกินไป เขาเพียงอยู่ในขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 แต่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณ…..การต่อสู้ครั้งนี้….มันทำให้หลินเฟิงรู้สึกภูมิใจตัวเอง
จากนั้นหลินเฟิงหยิบขวดยาที่เต็มไปด้วยเม็ดยาฟื้นฟูออกมา และหยิบเม็ดยาฟื้นฟูเข้าปาก และกลืนมันทันที ความรู้สึกสดชื่นและความรู้สึกสบาย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ความรู้สึกนึกคิดของเขาเริ่มช้าลง แต่ทันใดนั้นก็ชัดเจน และรวดเร็วขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกสดชื่นมาก และทันใดนั้นบาดแผลของเขาก็หายขาด
“ช่างเป็นเม็ดยาที่มีประสิทธิภาพอะไรเช่นนี้!.”
สายตาของหลินเฟิงเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจของเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้พิทักษ์คงถึงกล่าวว่า เพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอที่จะรักษาหานหมานได้ หลินเฟิงสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้รับขวดยาที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย เขาได้มอบเม็ดยาให้หานหมาน 3 เม็ด และจิ้ง ยวิ๋นอีก 3 เม็ดหากอาการของหานหมานไม่ดีขึ้น
ไม่เพียงแค่อาการบาดเจ็บของหลินเฟิงจะหายดีแล้ว แต่เขายังรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้น
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้บ่มเพาะพลังจำนวนมากถึงต้องการใช้เม็ดยา มันมีประสิทธิภาพมาก แม้แต่เม็ดยาฟื้นฟูก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้บ่มเพาะพลัง”
ในทวีปเก้าเมฆา ผู้บ่มเพาะพลังจำนวนมากคิดสูตรปรุงยา และสร้างอาวุธต่างๆมากมาย คนที่สามารถปรุงยาได้ และสามารถสร้างอาวุธได้ จะได้รับความเคารพนับถืออย่างมากเนื่องจากเป็นบุคคลที่สำคัญ พวกเขามีสถานะที่สูงมากในสังคม เพราะการจะหาคนที่มีพรสววรค์ในสาขาเหล่านี้ยากมาก ภายในนิกายหยุนไห่มีคนที่สามารถปรุงยาได้เช่นกัน แต่เนื่องจากหลินเฟิงเป็นเพียงศิษย์ธรรมดา เขาจึงไม่มีโอกาสพบปะพวกเขา
การต่อสู้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เส้นทางของการบ่มเพาะพลังดีขึ้น เพราะไม่ได้เกิดขึ้นจากพลังภายนอก เม็ดยาพวกนี้เป็นเพียงความช่วยเหลือที่ต้องใช้ควบคู่ไปกับการต่อสู้ หลินเฟิงได้เห็นความยากลำบากมากมายในเส้นทางบ่มเพาะพลัง ตอนนี้เขาได้พบสถานที่ที่ดีอีกแห่งเพื่อฝึกฝน นี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะบุกทะลวงขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 หลังจากบรรลุขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 9 เขาจะได้กลับไปที่เมืองหยางโจว และเข้าร่วมการประชุมประจำปีกับลูกพี่ลูกน้องของเขาได้
หลินเฟิงมองไปรอบๆ และมองไปที่ทิวทัศย์ มันดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ
“ข้าเคยมาที่แห่งนี้” หลินเฟิงคิดด้วยสายตาที่เปล่งประกาย เขาจ้องมองไปออกไปไกล และยิ้ม
เขามองเห็นภูเขา 2 ลูกจากระยะไกล ภูเขาทั้งสองลูกมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องของภูเขา และส่องแสงไปยังสถานที่ที่มีหญิงสาวไร้ความปราณีอยู่
“ข้าพบถ้ำที่ดีสำหรับการฝึกฝนแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะมีสถานที่ที่ดีเช่นนี้อยู่ ข้าจะต้องทำให้มันเป็นของข้าให้ได้” หลินเฟิงไม่มีทางลืมหญิงสาวที่พยายามฆ่าเขาถึง 2 ครั้ง ครั้งนี้เขาต้องการเห็นการโจมตีของนางว่าสามารถเข้าถึงเส้นผมของเขาได้หรือไม่
หลินเฟิงรีบเดินไปที่ถ้ำบนภูเขา เมื่อหลินเฟิงมาถึงที่ เขาเดินเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล
เมื่อหลินเฟิงเดินเข้ามาในถ้ำที่มีแสงแดดส่องผ่าน มีผู้คนเห็นเขา แต่ไม่ได้ตักเตือนแต่อย่างใด พวกเขารอดูอยู่ข้างนอก เพื่อดูหลินเฟิงถูกขับไล่ออกมาจากถ้ำ เจ้าศิษย์คนนั้นกล้าที่จะบุกรุกพื้นที่ของหลิ่ว เฟยโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาช่างบุ่มบามจริงๆ ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำเรื่องโง่เขลาเมื่ออยู่ข้างใน มิฉะนั้นเขาจะต้องถูกขับไล่ออกมา และถูกทำร้าย
หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงเข้าไปในพื้นที่โล่งภายในภูเขาอีกครั้ง เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าบ่อน้ำพุร้อน ยังคงมีถ้ำจำนวนมากอยู่ในที่แห่งนี้ ถ้าไม่มีใครรบกวนถ้ำพวกนี้เหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังจริงๆ
ในขณะนั้น เช่นเดียวกับครั้งแรกที่หลินเฟิงพบเจอหลิ่วเฟย หลิ่วเฟยอยู่ใต้น้ำของบ่อน้ำพุร้อนนางกำลังบ่มเพาะพลัง ศีรษะของนางอยู่ใต้น้ำจะเห็นได้เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเท่านั้น การฝึกฝนเช่นนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับฝึกฝนการหายใจ โดยการปรับปรุงการหายใจของนาง หลิ่วเฟยสามารถยิงลูกศรได้หลายดอกด้วยลมหายใจเดียว พลังของลูกศรของนางจะแข็งแกร่ง และทรงพลังมากขึ้นด้วย
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ได้บุ่มบาม เขารอให้นางขึ้นสู่ผิวน้ำ
เมื่อใบหน้าอันแสนงดงามของนางโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ หลิ่ว เฟยเห็นหลินเฟิงยืนอยู่ทำให้นางตกใจ นางมองคอดไปที่หลินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “เจ้าอีกแล้ว”
“ใช่ ข้าเอง” หลินเฟิงกล่าวมีน้ำเสียงที่เย็นชาซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา หลังจากที่ได้ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณ ทำให้หลินเฟิงรู้สึกว่าเขามีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับหลิ่วเฟยได้ แม้ว่าหลิ่วเฟยจะเป็นหนึ่งในศิษย์ทั่วไปที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หลินเฟิงก็รู้สึกมั่นใจ แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่แข็งแกร่งเท่าจิ่งห้าว แต่เขาก็สามารถเอาชนะจิ่งห้าวได้ อย่างไรก็ตามรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันมาก ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น
เครดิต : https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น