ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Translate

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Advice โปรแรงส่งท้ายปี ลดทั้งเว็บสูงสุด 20% 19-25 ธันวา 16

Peerless Martial God ตอนที่ 17



ตอนที่ 17 หน้าผาจ้านกู้





หลินเฟิงและจิ้งยวิ๋นอยู่ในที่พักของหานหมาน พวกเขาจ้องมองไปที่หานหมานและเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของเขา 
” บาดแผลเหล่านี้สาหัสยิ่งนัก ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ตรวจสอบไปที่บาดแผลของหานหมาน แม้ว่าผู้ที่บ่มเพาะพลังจะมีการพื้นฟูที่ดีกว่าคนธรรมดา แต่การบาดเจ็บของหานหมานนั้นเข้าขั้นสาหัสเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าหาน หมานจะกระดูก และร้าวไปทั่วร่างและเริ่มลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นคืนความแข็งแกร่งให้เหมือนเดิมปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก

” ไม่เป็นไร ชีวิตของข้า ข้ายังใช้มาไม่คุ้ม ข้าไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ” หานหมานกล่าวด้วยการมองโลกในแง่ดี
” แล้วการบ่มเพาะของเจ้าล่ะ? ” หลินเฟิงจ้องมองไปที่หานหมาน หานหมานเบนสายตาหนีในทันที เขาไม่กล้าที่จะมองตาของหลินเฟิง ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะไม่ตายแต่การบ่มเพาะของเขาได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากหากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอเขาอาจจะกลายเป็นคนพิการที่อ่อนแอกว่าคนธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
” หลินเฟิง ไปที่หุบเขาวายุทมิฬกันเถอะ พวกเราจะไปสังหารสัตว์อสูรเพื่อเก็บเกี่ยววัตถุดิบบางอย่าง จะได้นำไปแลกเปลี่ยนเม็ดยาฟื้นฟูมาช่วยเหลือหานหมาน ” จิ้งยวิ๋นกล่าว หานหมานเป็นเพียงศิษย์ภายนอกของนิกายมีศิษย์อีกจำนวนมากที่จะเข้ามาแทนที่เขาได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่ศิษย์ภายในของนิกาย นิกายจะสนับสนุนศิษย์ภายนอกเพียงแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ถ้าหากสามารถที่จะสร้างผลงานหรือมีความแข็งแกร่งที่เป็นพิเศษพวกเขาจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมกับศิษย์ภายใน หากผู้ใดที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะก็จะกลายเป็นที่นับถือของเหล่าศิษย์ในนิกาย นิกายจะไม่ช่วยเหลือศิษย์ภายนอกเฉกเช่นหานหมานมากนักเพราะพวกเขากลัวว่าจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
” ไม่ได้ อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป ถึงแม้ว่ายาสามัญจะรักษาเขาได้ แต่ผลข้างเคียงนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ ” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ส่ายหัว

” แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี? ” จิ้งงยวิ๋นถาม
หลินเฟิงลุกขึ้นและหันหลังกลับไปที่ประตู

” ข้าจะไปที่หน้าผานรก รอข้าก่อน ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ” หลินเฟิงกล่าวอย่างสงบ

ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องโดยสมบูรณ์หลังจากที่ฟลินเฟิงออกไป จิ้งยวิ๋นสั่นสะท้านพร้อมกับกำหมัดแน่น

หานหมานยิ้ม แม้ว่าใบหน้าของเขาเหมือนว่ากำลังยิ้มอย่างมีความสุขแต่จริงๆแล้วดวงตาของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

หน้าผานรก…

เฉพาะบุรุษเฉกเช่นหลินเฟิงเท่านั้นที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้….

มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะกล้าไปที่นั่นด้วยการบ่มเพาะเพียงแค่นี้ …
หุบเขานรกเป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของนิกายหยุนไห่ มันเป็นที่กล่าวขานมากกว่าลานประลองแห่งชีวิตเสียอีก

มีคนไม่มากที่เข้าร่วมการต่อสู้ในลานประลองแห่งชีวิตแต่ก็ยังมีให้เห็นบ้าง อย่างไรก็ตามมีน้อยคนมากที่จะไปหน้าผานรก บรรดาผู้หาญกล้าที่เข้าไปที่นั่นก็คือผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้แจ้งหรือความตายที่แท้จริงเท่านั้น ศิษย์มากมายของนิกายหยุนไห่ต่างเคยได้ยินชื่อหน้าผานรก แต่พวกเขาไม่เคยได้ยินหรือรับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน มันอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปข้างในและผู้ที่มีความกล้าจะเข้าไปก็ไม่เคยกลับออกมาอีกเลย

ทุกคนจะรับรู้ถ้ามีผู้ใดผ่านการทดสอบของหน้าผานรก และผู้นั้นจะได้รับการยอมรับจากนิกายและจะได้รับสมบัติอันล้ำค่า แต่ต้องพูดก่อนว่าถ้าหากล้มเหลวผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก

บนยอดเขาหยุนไห่ มีถ้ำลึกลับซึ่งยากที่จะเข้าถึงสำหรับศิษย์ภายนอก ถ้ำแห่งนี้เป็นทางเข้าไปสู่หน้าผานรก

ในตอนนี้เอง หลินเฟิงได้มายืนอยู่หน้าปากถ้ำแล้ว

” ข้า หลินเฟิงจากนิกายหยุนไห่ต้องการที่จะท้าทายหน้าผานรก! ” หลินเฟิงตะโกนไปที่หน้าทางเข้า

เสียงของเขาทะลุเข้าไปในกำแพงถ้ำและเกิดเป็นเสียงสะท้อนราวกับไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมา มันเป็นเสียงที่ออกมาจากในถ้ำ

” เข้ามา “

” ขอรับ ” หลินเฟิงกล่าวตอบในทันทีและเริ่มก้าวเดินเข้าไป

ทางเดินที่มืดและไม่มีแสงไฟให้พบเห็นเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองด้านของผนังถ้ำมีภาพวาดและสัญลักษณ์ถูกวาดไว้ หลินเฟิงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ในที่สุดก็สามารถที่จะเห็นแสงเล็กๆอยู่ที่ปลายทาง เขารีบพุ่งตรงเข้าไปในทันที

ภายในถ้ำมีเตียงที่ทำมาจากหิน มีทั้งโต๊ะและเก้าอี้พร้อมกับเทียนที่อยู่ด้านบน มันเป็นห้องที่เรียบง่าย บนเตียงมีชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่ ดวงตาของเขาถูกปิดและไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่มีแม้สัญญาณการหายใจ หลังจากนั้นชายชราก็กล่าวขึ้น
” เจ้าต้องการที่จะเข้าไปหน้าผานรก? ” ชายชรากล่าวทั้งๆที่ดวงตายังปิดอยู่
” ใช่ ข้าจะเข้าไป ” หลินเฟิงกล่าวตอบ

” เจ้าต้องการจะไปที่นั่นด้วยเหตุผลอันใด ? “

” สหายของข้าได้รับบาดเจ็บ กระดูกของเขาแตกหักและอวัยวะภายในสาหัสเกินไป ข้าต้องการการสนับสนุนจากนิหายเพื่อให้เขาไม่ต้องเป็นคนพิการ ข้าต้องการยาที่จะรักษาเขาได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ” หลินเฟิงกล่าวออกไปอย่างไม่ลังเล

ชายชราในชุดคลุมสีดำเปิดตาขึ้น การแสดงออกที่ลึกซึ้งของเขาราวกับว่าสามารถมองทะลุเข้าไปในวิญญาณของหลินเฟิงได้

” มันไม่ง่ายเช่นนั้น เจ้าอยู่เพียงแค่ขั้นที่ 8 ของขอบเขตพลังปราณ การที่จะผ่านการทดสอบของหน้าผานรกนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ …. ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเจ้าออกมาให้ข้าเห็น ”

หลินเฟิงพยักหน้า มีงูเล็กๆปรากฏออกมา แต่เมื่อจิตวิญญาณแห่งความมืดปรากฏตัวออกมามันซ่อนตัวเองในทันทีและไม่สามารถที่จะมองเห็นได้

” อะไรน่ะ! จริงหรือนี่? ” ชายชรากลายเป็นตกตะลึง แม้ว่าเขาจะมีความรู้มากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นจิตวิญญาณแบบนี้มาก่อน มันเหมือนกับงูที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ มันดูผอมแห้งและอ่อนแอ มันไม่เหมือนกับสัตว์ที่ดุร้าย ราวกับว่ามันอ่อนแอกว่าสัตว์เลี้ยงที่บ้านด้วยซ้ำ

” เจ้าสามารถเข้าไปที่หน้าผานรกได้ด้วยทางนี้ ” ชายชรากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ทางเดิน ในห้องมีทางเดินหลายแห่งที่จะนำไปสู่สถานที่ต่างๆที่จะพบเจอกับการทดสอบที่แตกต่างกัน

” ขอบคุณ ผู้อาวุโส ” หลินเฟิงกล่าว จากนั้นก็เดินเข้าไปโดยปราศจากความลังเล

เมื่อผู้อาวุโสเห็นหลินเฟิงก้าวเข้าไปและส่ายหัว ด้วยขั้นที่ 8 ขอบเขตพลังปราณและจิตวิญญาณที่แสนจะอ่อนแอ มันแทบจะเป็นไปไม่ไปที่จะผ่านการทดสอบของหน้าผานรก ทางเดินที่ชายชราชี้คือทางที่จะนำไปสู่หน้าผาจ้านกู้ และมันคือเส้นทางที่อันตรายที่สุด หลินเฟิงจะสามารถออกมาได้ตลอดเวลา ระดับความยากของมันสูงที่สุดในบรรดาการทดสอบทั้งหมด
(TL: จ้านกู้ 战鼓: Zhangu: กลองสงครามของจีน )

หลินเฟิงมาที่นี่เพื่อสหายของเขา ผู้อาวุโสในเสื้อคลุมดำไม่ต้องการเห็นหลินเฟิงบาดเจ็บมากเกินไป ดังนั้นชายชราจึงเลือกให้หลินเฟิงเข้าไปในสถานที่เดียวที่เขาจะได้รับบทเรียนบางอย่างและกลับออกมาได้เมื่อเขาคิดว่ามันยากเกินไป

ไม่ได้มีเสียงกลองดังออกมานานนับร้อยปีซึ่งหมายความว่าไม่มีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบของเส้นทางนี้มาหนึ่งร้อยปีแล้ว

หลินเฟิงเดินเข้าไปในเส้นทาง มันเต็มไปด้วยความมืดมิด มีบันไดที่แกะสลักมาจากหินนับไม่ถ้วนและมีมากกว่าหนึ่งพันขั้นที่จะไปให้ถึงยอดเขาและสุดท้ายเขาก็เห็นห้องสี่เหลี่ยมที่ดูเรียบง่าย แต่มีขนาดที่ใหญ่โต หลินเฟิงมาถึงห้องและเห็นประตูขนาดใหญ่เพียงบานเดียวที่จะนำเข้าไปสู่ข้างใน ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูก็ได้เปิดออก
” เป็นสถานที่ลึกลับเสียจริง ” หลินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา มันเปิดออกและปล่อยให้เขาเข้าไป

หลินเฟิงสามารถรับรู้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์และสดชื่น ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มีอากาศหนาวเย็นเล็กน้อย เป็นห้องที่ดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

ภายในห้องมีกลองขนาดใหญ่ 8 ใบ กลองเหล่านี้ดูคล้ายกับกลองสงครามจากชีวิตก่อนของเขาที่จะใช้เล่นตอนทหารเริ่มโจมตี พวกมันดูคล้ายกับกลองสงครามจากโลกของเขา

” ตึ้งงง ” ประตูบานใหญ่ที่ทำจากหินด้านหลังของเขาปิดลง หลินเฟิงหันหลังกลับไป และเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ถูกเขียนไว้

” มีเพียงหนึ่งเดียวที่จะทำให้เกิดเสียง มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะประสบความสำเร็จ?” หลินเฟิงเข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังของตัวอักษรซึ่งถูกแกะสลักไว้ที่หลังประตูหิน จากนั้นเขาก็เคลื่อนกายไปยังใจกลางห้องและเริ่มมองไปรอบๆ

เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกลองลึกลับพวกนี้ เขาเพียงแค่ต้องทำให้หนึ่งในนั้นเกิดเสียงดังเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ

” ฮ่า! ” หลินเฟิงพุ่งตรงไปยังกลองขณะที่โคจรพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือและสุ่มต่อยไปที่กลอง

” ตุมมม ” กลองเกิดเสียงเล็กน้อย มีคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกมาจากกลอง ทำให้หลินเฟิงถอยหลังไปด้วยความตกตะลึง
” หืม? ” หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขาควบแน่นพลังปราณด้วยพละกำลัง 5,000 จิน และต่อยไปที่กลองอีกครั้ง

” ตุมมมม ” การสั่นสะเทือนที่รุนแรงกระจายไปทั่ว การสั่นสะเทือนเริ่มกลายเป็นคลื่นพลัง เมื่อคลื่นทั้งหมดรวมตัวเข้าด้วยกัน มันถูกส่งกลับไปที่หลินเฟิง

” ตู้มมมมมมมม ” คลื่นพลังกระแทกใส่หลินเฟิง ทำให้เขาพุ่งปลิวไปในอากาศและส่งตัวเขาบินไปข้างหลัง

” แคร๊ก แคร๊ก ” หลินเฟิงถึงพื้นและกระอักเลือดออกมาสองครั้ง เลือดที่ออกมาจากปากทำให้เขาประหลาดใจ

เก้าคลื่นทลายสวรรค์?

ดวงตาของหลินเฟิงจ้องมองไปที่กลองอย่างจริงจัง เขาเพิ่งถูกโจมตีด้วยทักษะเก้าคลื่นทลายสวรรค์และเป็นเก้าคลื่นทลายสวรรค์ที่รุนแรงยิ่งกว่าของเขา กลองเหล่านั้นสามารถที่จะโจมตีกลับและมันยังเพิ่มความรุนแรงของการโจมตีได้

หลินเฟิงขบคิด พวกมันสามารถสะท้านการโจมตีของข้าได้?

หลินเฟิงนั่งลงและเริ่มคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองเขาทำได้เพียงแค่สร้างเสียดังเล็กน้อย กลองไม่ได้ปล่อยเสียงอะไรที่ใกล้เคียงกับเสียงกลองที่แท้จริงจากการโจมตีของเขา สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือยิ่งเขาโจมตีรุนแรงเท่าไร มันสะท้อนกลับมาหาเขารุนแรงขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องลึกลับที่ไม่สามารถจะทำอะไรกับมันได้

” ข้ากำลังพลาดบางอย่างไป มันเป็นการทดสอบของนิกายที่มีมาแต่โบราณ มันจะต้องมีทางที่จะผ่านการทดสอบอยู่ เพียงแต่ข้ายังไม่อาจจะตระหนักได้ถึงมัน ยิ่งกว่านั้น ผู้อาวุโสเสื้อคลุมดำรู้ดีว่าข้ายังเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตพลังปราณขั้นที่ 8 และมีจิตวิญญาณที่อ่อนแอ เขาจะต้องเลือกการสอบที่ง่ายสำหรับข้า ถ้าข้าไม่สามารถที่จะผ่านการทดสอบที่ง่ายที่สุดแล้วข้าจะได้รับการสนับสนุนจากนิกายเพื่อจะช่วยหานหมานได้อย่างไร? “

หลินเฟิงขบคิดอย่างหนักจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปด้วยเท้าของเขา ในตอนนี้เขาเข้าใจอย่างท่องแท้ถึงสิ่งที่เขาพลาดไปเกี่ยวกับความตั้งใจของผู้อาวุโส นี่ไม่ใช่การทดสอบที่ง่ายที่สุด แต่เป็นเส้นทางการสอบที่ยากที่สุด ชายชราหวังว่าหลินเฟิงจะคลานกลับออกมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ยากเกินจะแก้ นี่เป็นการทดสอบต่อความดื้อรั้นว่าเขาจะก้าวสู้เส้นทางที่จะกลายเป็นอมตะได้อย่างไร
” จิตวิญญาณแห่งความมืด ออกมา! ” หลินเฟิงคิด หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งความมืดออกมา ทันใดนั้นทัศนวิสัยของเขาราวกับว่าสามารถมองเห็นความลับของโลกได้ เมื่อเขาใช้จิตวิญญาณแห่งความมืด ทั้งทักษะ ความสามารถและความเข้าใจของเขาจะถูกยกระดับขึ้นในทันที
ดาบยาวของเขาส่งเสียงออกมา ด้วยทักษะอัสนีคำรามทำให้เกิดเสียงดังสะนั่นพุ่งตรงไปที่กลอง

” กร๊าซซซซซซซซซ “

” ตู้มมมมมมมมมมมมม”

เสียงคำรามราวกับฟ้าผ่าดังไปทั่วทั้งถ้ำ มันก็เหมือนกับก่อนหน้านี้กลองได้สะท้อนการโจมตีกลับมา ดาบส่ายไปมาและต้องการที่จะหยุดการโจมตีที่ถูกสะท้อนกลับมา

เสื้อผ้าของหลินเฟิงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ มีเลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล นี่คือสิ่งที่หลินเฟิงได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว พลังที่ถูกสะท้อนกลับมามีความรุนแรงเป็นสองเท่าของพลังโจมตี แม้ว่าเขาจะพยายามป้องกันตัวเองแต่มันก็ไร้ผล

“ข้าเพียงแค่ต้องพัฒนาทักษะให้ก้าวไปอีกระดับ! ” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ เขาใช้ทักษะอัสนีคำรามอีกครั้ง ครั้งนี้เขาโจมตีไปยังกลองทั้ง 8 ด้วยพลังทั้งหมด




เครดิต : https://www.thai-novel.com/นิยาย/นิยายแปลไทย/peerless-matial-god/



ความคิดเห็น

Facebook